ตอนที่ 389 รักษาหน้าตาหน่อยได้หรือไม่
ดวงตาดำขลิบของไป๋หลี่เหอเจ๋อจ้องมองใบหน้านิ่งเฉยของเฟิงอู๋โยวพลางเอ่ยเสียงขรึม “สิ่งที่จวินมั่วหรันให้เจ้าได้ ข้าก็สามารถให้ได้เช่นกัน”
เฟิงอู๋โยวหันหน้าหนี น้ำเสียงเย็นเฉียบดุจหิมะ “ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง”
“หันกลับ?”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อแสยะยิ้ม เขายกมือและตบลงบนแก้มเฟิงอู๋โยวเบาๆ “ข้าตัวคนเดียวมาตลอด ไม่มีอะไรทั้งนั้น หันกลับหรือไม่หันกลับมีอะไรต่างกัน”
“เจ้าเป็นถึงราชครูแห่งแคว้นตงหลิน ได้รับความเสื่อมใสศรัทธาจากประชาชน ไร้กังวลอาหารอาภรณ์ ฐานะสำคัญสูงส่ง ยังจะกล้าบอกว่าตัวเองไม่มีอะไรอีกหรือ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อทำเหมือนไม่ได้ยิน เอ่ยถามนางอย่างดื้อรั้น “ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าสามารถลืมเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา สลัดทิ้งทุกข์โศกและยอมเป็นของข้าทั้งหัวใจได้หรือไม่”
“ไป๋หลี่เหอเจ๋อ รักษาหน้าตาหน่อยได้หรือไม่ เจ้าทำเรื่องเลวทรามมากมาย ไม่รู้อยู่แก่ใจกระนั้นหรือ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของไป๋หลี่เหอเจ๋อก็อึมครึมลงฉับพลัน
เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือทั้งสองข้างจับไหล่ทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยวแน่นและกดนางลงบนโต๊ะอาหาร ก่อนเอ่ยเสียงเหี้ยม “หากไม่ให้โอกาสข้าสักครั้ง ข้าจะบีบเจ้าให้ตายคามือ”
“หากข้าตายขึ้นมาจริงๆ มันจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้า”
เฟิงอู๋โยวถูกเขาบีบจนหน้าแดงก่ำ มือเท้าพยายามขัดขืนสุดแรง
แต่ทว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋หลี่เหอเจ๋อแม้แต่น้อย
ถึงแม้นางจะได้เปรียบในการต่อสู้ระยะประชิด
แต่พลังภายในอันหนาแน่นที่โคจรอยู่ในร่างกายเขาราวกับตาข่ายไร้รูปทรง มันตรึงนางอยู่กับที่จนไม่สามารถขยับได้และทำให้ตอบโต้กลับไม่ได้แม้แต่น้อย
ฉู่สือซื่อสะกดความกลัวภายในใจลง วิ่งก้าวสั้นๆ มาด้านหน้าและกอดขาทั้งสองข้างของไป๋หลี่เหอเจ๋อเอาไว้แน่น พร้อมกับพูดขึ้นอย่างหวาดกลัว “นายท่าน ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ปล่อยมือ!”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อหลุบมองฉู่สือซื่อที่สูงไม่ถึงครึ่งตัวของเขาด้วยเสียงเย็นชา น้ำเสียงเจือความรำคาญอย่างชัดเจน
“นายท่าน บนสวรรค์มีคุณธรรมที่เมตตาต่อสรรพชีวิตอยู่ เฟิงอู๋โยวไม่มีผลต่อกิจแก้แค้นของท่าน ไฉนถึงไม่ปล่อยเขาไปเจ้าคะ”
ฉู่สือซื่อจำเจตนาดีอันบริสุทธิ์ของเฟิงอู๋โยวได้ดี ดังนั้นนางจึงไม่สามารถทนเห็นเฟิงอู๋โยวจบชีวิตไปต่อหน้าต่อตาได้
ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋หลี่เหอเจ๋อแดงก่ำ เขายังปรักใจเชื่อว่าเฟิงอู๋โยวทรยศเขา ดังนั้นจึงไม่มีทางเกลี่ยกล่อมเขาได้
เฟิงอู๋โยวสังเกตเห็นแววหงุดหงิดในดวงตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จึงรีบพูดขึ้น “นางยังเด็ก ไฉนต้องทำร้ายผู้บริสุทธิ์”
“ในใจของเจ้า ฉู่สือซื่อสำคัญกว่าข้าใช่หรือไม่” ไป๋หลี่เหอเจ๋อโกรธจัดจนขำแบบประชดออกมา มือของเขาเลื่อนไปจับที่บริเวณหัวใจนาง
ในเสี้ยวพริบตานั้นเขาแทบอยากจะควักหัวใจของเฟิงอู๋โยวออกมาครอบครองเป็นของตัวเอง
เฟิงอู๋โยวขมวดคิ้วแน่น หลุบตามองไปที่มือของเขา อยู่ๆ ก็รู้สึกขยะแขยงเกินทน
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเหลือบเห็นความรังเกียจที่ฉายแววขึ้นในดวงตานาง ภายในใจพลันเจ็บปวดขึ้นรำไร เขาเข้าใจผิดคิดว่าสายตาดูถูกเหยียดหยามของเฟิงอู๋โยวมาจากความรังเกียจในร่างกายที่สกปรกของเขา
ตอนนี้เขาเป็นเหมือนราชสีห์ตัวผู้ที่คลุ้มคลั่ง สูญเสียสติสัมปชัญญะไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อฉู่สือซื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบปล่อยมือออกและก้าวถอยหลังไป “นายท่าน…”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเหลือบมองฉู่สือซื่อที่ป้ำๆ เป๋อๆ อย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ฟาดนางจนสลบลงไปบนพื้น
ขณะที่เขากำลังจะลงมือกับเฟิงอู๋โยว ก็เห็นนางกุมหน้าท้องอย่างทุกข์ทรมานจนหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นอะไร”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อผ่อนเสียงถาม ภายในใจเกิดความลังเล
ใจหนึ่งเขาแทบอยากฝนขัดฝนคมเล็บของเฟิงอู๋โยวให้สิ้นซาก ทำให้นางกลายเป็นของเล่นที่อบอุ่นและเชื่อฟัง
ส่วนอีกใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากเห็นสภาพนางเจ็บป่วย
เฟิงอู๋โยวไม่สนใจเขา
ในสายตานาง ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็เป็นแค่คนบ้าอย่างสมบูรณ์แบบ
เขาดื้อรั้น ชั่วร้าย อยู่แต่ในโลกของตัวเองตลอดไป
“เจ็บตรงนี้?”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ฝ่ามืออันได้รูปกดหน้าท้องนางอย่างเบามือ
เมื่อตระหนักได้ว่านางเจ็บปวดจนหายใจไม่ทัน สุดท้ายจึงปล่อยมือออก
แต่เขาไม่คิดจะปล่อยนางไปทั้งแบบนี้
หลังจากเงียบขรึมลงไปพักหนึ่ง ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “หากเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าอย่างเชื่อฟัง ข้าจะรักใคร่เอ็นดูเจ้าอย่างสุดหัวใจ แต่ถ้าเจ้ามีเจตนาจะต่อต้านข้า ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายใจดำ ถึงตอนนั้นข้าสามารถจับเจ้าถลกหนังได้อย่างไร้ความปราณี ใช้ผิวหนังขาวนวลดุจหิมะทั้งร่างกายของเจ้าขึงเป็นโคมไฟหนังมนุษย์ แขวนไว้ที่หน้าเตียง เคียงข้างข้าทุกวันทุกคืน”
น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่สีหน้ากลับเหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ
คำพูดเหล่านี้ ไม่ใช่แค่พูดเพื่อขู่ขวัญเฟิงอู๋โยว แต่มันยังเป็นคำพูดที่ออกมาจากจิตใจของเขาจริงๆ
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเห็นสภาพเฟิงอู๋โยวที่ยังคงไม่สนใจเขาอยู่เหมือนเดิมก็โมโหอัดอั้นจนยากจะระบาย
เขาโน้มตัวไปด้านหน้าและกัดเข้าไปที่ไหล่ของนางหนึ่งครั้ง “ประจำเดือนยังไม่มา ไฉนถึงปวดท้องเกินทนไหวแบบนี้ เฟิงอู๋โยว อย่าคิดเล่นลูกไม้ต่อหน้าข้าผู้นี้”
เฟิงอู๋โยวคิดในใจว่า นางใช้กลยุทธ์เจ็บป่วยทางกายได้แค่กับจวินมั่วหรันเท่านั้น แต่ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่มีค่าพอที่จะให้นางทุ่มเทแรงกายแรงใจแม้แต่น้อย
การที่ปวดหน้าท้องขนาดนี้ น่าจะเป็นเพราะพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายถูกกำจัด ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันในช่วงเวลาสั้นๆ
แต่หลังจากค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเบาๆ ทันใดนั้น ความเจ็บปวดที่หน้าท้องก็ทุเลาลงอย่างมาก
ในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกร้อนระอุก็แผ่ซ่านมาที่จุดตันเถียรอย่างรุนแรง คล้ายมีมวลพลังอันแข็งแกร่งคลุ้มคลั่ง กำลังทลายพันธนาการตามเส้นเลือดเส้นลมปราณ
ไป๋หลี่เหอเจ๋อสัมผัสได้ว่าร่างกายของเฟิงอู๋โยวร้อนขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าจึงผุดแววดีใจขึ้นมา “อู๋โยว เจ้าก็มีความรู้สึกกับข้าใช่หรือไม่”