ตอนที่ 404 สตรีที่จิตใจชั่วร้ายที่สุด
เมื่อเฟิงอู๋โยวพูดเช่นนี้ออกไป เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทั่วสารทิศ
ทุกคนพากันมองไปยังพระพักตร์ที่ซีดเซียวของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน แววเย้ยหยันปรากฏขึ้นเห็นบนใบหน้า
จงเซิ้งขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเล็กบางสอดแทรกแววหงุดหงิดอย่างเข็มข้น “บังอาจ! พระพันปีหลวงมีพระฐานะสูงศักดิ์ ทรงเป็นเยี่ยงอย่างอันดี เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมความดี น่าเคารพศรัทธา หาใช่บุคคลที่เจ้าจะดูหมิ่นตามอำเภอใจไม่”
เฟิงอู๋โยวคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคารพ “ข้าน้อยผู้ต้อยต่ำหาได้มีเจตนาร้ายไม่ เพียงกังวลต่อพระวรกายของพระพันปีเท่านั้นพะย่ะค่ะ”
“อาจเป็นเพราะหลังเที่ยงวันนี้โลภกินขนมอบมากไป ลมในกระเพาะเยอะไป ขอทุกคนอย่ากังวล” พระพันปีหลวงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ทว่าใบหน้ายังคงซีดเซียว
“พระพันปี ไม่เช่นนั้นให้แพทย์หลวงซูจับชีพจรให้ดีหรือไม่พะย่ะค่ะ หากพระพันปีไม่ชอบให้บุรุษเข้าใกล้ ข้าน้อยผู้ต้อยต่ำสามารถทำแทนได้ ทุกคนล้วนรู้ดีว่าทักษะทางการแพทย์ของกระหม่อมไร้เทียมทาน เป็นแพทย์วิเศษผู้เลื่องชื่อเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบกับกูหนานเฟิงได้”
“ไม่จำเป็น ข้าขอรับไว้เพียงเจตนาอันดีของเจ้า เจ้ารีบกลับเรือนเถิด เปลี่ยนชุดที่เปียกปอนนั่นเสีย ระวังเป็นหวัด”
“ร่างกายของกระหม่อมแข็งแรงยิ่งนัก ไม่เป็นอะไรหรอกพะย่ะค่ะ ว่าแต่พระพันปีเถิด อย่าฝืนพระวรกายมากไป กระหม่อมเห็นแล้วเป็นกังวลพะย่ะค่ะ”
ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันเรียวเฉี่ยวของเฟิงอู๋โยวซ่อนแววสนุก แค่เห็นปฏิกิริยาของพระพันปีหลวงก็รู้ว่าจะต้องมีลับลมคมในเป็นแน่
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนกระวนกระวาย จึงตรัสขึ้นเสียงดุดัน “ธุระกงการของเจ้าที่ต้องมาใส่ใจ?”
“พระพันปีหลวงจำต้องดุดันเช่นนี้หรือ ข้าน้อยผู้ต้อยต่ำแค่กังวลพระวรกายของท่านเพียบงเท่านั้น” ดวงตาของเฟิงอู๋โยวฉายแววยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย ตอนนี้กำลังมองพินิจไปที่อาภรณ์ปิดหน้าท้องที่ถูกปรับแก้ให้หลวม ด้วยสายตาไร้แววเกรงกลัว
พระพันปีหลวงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เหลือกตามองเฟิงอู๋โยวอย่างอำมหิต จากนั้นก็นั่งลงบนราชรถอีกครั้ง “กลับวัง”
“พะย่ะค่ะ”
จงเซิ้งขานรับเสียงบางแผ่ว ดวงตาอันเฉียบคมดุจเหยี่ยวเหลือบมองดวงตาแววตาคมประกายของเฟิงอู๋โยวอย่างเงียบๆ จิตสังหารพลันผุดขึ้นมาอย่างเงียบงัน
คิ้วงามของเฟิงอู๋โยวเลิกขึ้นเล็กน้อย สายตาสบรับกับจงเซิ้งอย่างท้าทาย “ท่านผู้ดูแลจง จำเป็นต้องดูแลพระพันปีหลวงดีๆ นะขอรับ”
หลังจากปะทะกันหลายครั้ง จงเซิ้งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด
เฟิงอู๋โยวไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แต่จงเซิ้งต่างออกไป
สถานะของเขาไม่ควรถูกตรวจสอบ ดังนั้นจึงไม่กล้าทำตัวเหิมเกริมเกินไป
หลังจากนิ่งเงียบลงไปสักพัก จงเซิ้งได้แต่กัดฟันกรอดก่อนตอบกลับ “ขอแม่ทัพเฟิงโปรดวางใจ”
พูดจบ เขาก็รีบหันกลับไปและจากไปพร้อมราชรถของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน
เฟิงอู๋โยวส่ายหน้าเอ่ยเสียงต่ำ “เวรกรรมที่ตนก่อย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง”
ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดพระพันปีหลวงเห่อเหลียนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองมาหลายปีถึงยื่นมือเข้ามาแทรกอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังจัดแจงส่งนางกำนัลมาร่วมห้องบรรทมให้กับจี้มั่วอิ้นเหรินอีก
คิดไปคิดมา ก่อนหน้าที่นางจะจัดหานางสนมร่วมห้องบรรทมให้กับจี้มั่วอิ้นเหริน พระพันปีหลวงเห่อเหลียนได้ตั้งครรภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การที่นางทำเช่นนี้น่าจะมีความคิดเรื่อง ‘แมวดาวสับเปลี่ยนรัชทายาท’ ซ่อนอยู่
ทันทีที่นางคลอดบุตรในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับนางสนมเอกของจี้มั่วอิ้นหรินหรือนางกำนัลร่วมห้องบรรทมให้กำเนิดทายาทมังกร นางจะมีเวลาเพียงพอที่จะจัดฉากทายาทชั่วในครรภ์สิบเดือนของตัวเองก็อย่างประจวบเหมาะ
นอกเหนือจากนี้ เมื่ออายุของจี้มั่วอิ้นเหรินมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งหลุดจากการควบคุมของพระพันปีหลวงเห่อเหลียน
มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าพระพันปีหลวงเห่อเหลียนกำลังเล็งหาโอกาสกำจัดจี้มั่วอิ้นเหรินและผลักดันทายาทชั่วที่ตัวเองกับจงเซิ้งให้กำเนิดขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน
แต่ว่าเงื่อนไขเบื้องต้นที่สำคัญที่สุดก็คือ พระพันปีหลวงเห่อเหลียนจำเป็นต้องให้กำเนิดบุตรชาย
หากเป็นบุตรี เกรงว่านางคงไม่มีทางแตะต้องจี้มั่วอิ้นเหรินได้
“ช่างเป็นสตรีที่จิตใจชั่วร้ายที่สุด”
เฟิงอู๋โยวอุทายขึ้นอย่างใจหาย
จวินมั่วหรันกลับพูดขึ้น “ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม ไม่ต้องคิดมาก”
เฟิงอู๋โยวได้ยินเช่นนั้นก็แปลกใจเป็นพิเศษ “ไฉนเจ้าถึงสามารถจัดการทุกอย่างได้ครอบคลุมราวกับไม่มีเรื่องที่เจ้ามองไม่ออก”
“เจ้าจงจำเอาไว้ ผู้ชายของเจ้าคือการมีอยู่ที่พิเศษที่สุดในใต้หล้านี้”
“…”
เฟิงอู๋โยวเพิ่งจะรู้ว่าจวินมั่วหรันก็มั่นใจในตัวเองเหมือนกับนางเช่นกัน
แต่เขามีสิทธิ์ที่จะมั่นใจในตัวเองจริงๆ
“ฮัดชิ้ว…”
สายลมเย็นพัดผ่าน เฟิงอู๋โยวจามติดต่อกันหลายครั้ง
เป่ยถางหลงถิงเห็นเช่นนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบปลดเสื้อคลุมบนตัวแล้วคลุมให้เฟิงอู๋โยวทันที
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรักอันอ่อนโยน “นิวนิว อย่าปล่อยให้ร่างกายเย็น ข้าจะส่งเจ้ากลับไปพักผ่อนเอง”
“ไม่จำเป็น”
น้ำเสียงของเฟิงอู๋โยวสอดแทรกความเหินห่าง
ไม่ว่าจะเป็นชาติภพที่แล้วหรือชาติภพนี้ นางไม่เคยสัมผัสถึงความเป็นห่วงของคนในครอบครัว
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับความอบอุ่นเกินไปของเป่ยถางหลงถิง นางจึงไม่รู้ว่าจะรับมือเยี่ยงไร
“นิวนิว ให้ข้าไปส่งเจ้าเถิด เจ้ากับเจ้าหนูเหม็นขี้หน้าอย่างจวินมั่วหรันยังไม่ได้อภิเษกสมรส ยังไม่ได้สู่ขอ จำเป็นต้องสงวนตัว” เป่ยถางหลงถิงพูดขึ้นอย่างจริงจัง
ต่อให้พิธีอภิเษกสมรสของเฟิงอู๋โยวกับจวินมั่วหรันจะถูกกำหนดไว้แล้ว
แต่เป่ยถางหลงถิงยังคงกลัวว่าเฟิงอู๋โยวจะถูกทำร้ายเป็นยิ่งนัก เขากังวลว่าจวินมั่วหรันจะเปลี่ยนไปฉับพลัน กังวลจวินมั่วหรันจะเปลี่ยนใจและทอดทิ้งนาง
จวินมั่วหรันมองเป่ยถางหลงถิงอย่างเย็นชาพลางเอ่ยเสียงขรึม “ถอยไป”
ไฟโทสะของเป่ยถางหลงถิงปะทุขึ้น ยื่นมือออกไปผลักจวินมั่วหรัน “เจ้าเด็กกะโปโล! เมื่อครู่ตอนอยู่บนกำแพงเมือง ไฉนต้องกอดนิวนิวของข้าด้วย นิวนิวบริสุทธิ์ดุจหยกพิสุทธิ์น้ำแข็งใส ไฉนเจ้าถึงหยามหมิ่นต่อหน้าสาธารณชน! นางยังเด็กขนาดนี้ เจ้ายังลงมือได้ลงคออีกหรือ”
เมื่อต้องเผชิญกับเป่ยถางหลงถิงที่ยิงคำถามรัวๆ จวินมั่วหรันก็ปวดหัวขึ้นมาไม่หยุด
ตอนแรก การมีคนที่รักเฟิงอู๋โยวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนย่อมเป็นเรื่องดี
ใครจะคาดคิดว่าเป่ยถางหลงถิงจะกลายเป็นอุปสรรคก้อนใหญ่ระหว่างเขากับเฟิงอู๋โยว!