ตอนที่ 413 ขาหมูน้ำแดง
อู๋ฉิงมองเป่ยถางหลีอินที่ใบหน้าเปื้อนเลือดอยู่ด้านหน้าฉากบังตา ความรังเกียจพลันผุดขึ้นในใจ
เป่ยถางหลีอินน่ากลัวอย่างแท้จริง แม้กระทั่งเรื่องอกุศลเช่นทำร้ายแม่ของตัวเองก็ทำได้ลงคอ!
ด้านหน้าฉากบังตา ดวงตาของเป่ยถางหลีอินเป็นประกาย ร่างกายของนางสั่นอย่างรุนแรงเพราะตื่นเต้นมากเกินไป
เมื่อเห็นว่าอู๋ฉิงไม่ตอบกลับเป็นเวลานาน นางจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ เป็นเพราะกะระยะได้ไม่ดี ทำให้จมูกเปื้อนเลือดของนางสัมผัสกับฉากบังตา “ท่านเจ้าสำนัก ดูสิ! ข้าตัดแขนของชิวหรูสุ่ยแล้ว เมื่อไหร่ท่านจะทำตามสัญญา”
“ในวันอภิเษกสมรสครั้งใหญ่ของเฟิงอู๋โยว ข้าผู้นี้จะมอบ ‘ของขวัญ’ ให้นางอย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“เป็นอันตกลง! เป็นความคิดที่ดี! ในวันอภิเษกสมรส ทางที่ดีที่สุดคือปล่อยให้คนที่หลงใหลนางจนหัวปักหัวปำ เซ่อเจิ้งหวางกับท่านราชครูได้เห็นว่านางตกลงมาจากเมฆบนฟ้าและกลายเป็นของเล่นสกปรกชั้นต่ำ!”
เป่ยถางหลีอินพึมพำ แต่อยู่ๆ ก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ จึงกดเสียงต่ำเอ่ยขึ้น “สำนักหนึ่งอนันต์คงไม่เปิดเผยสถานะของผู้ว่าจ้างมือสังหารใช่หรือไม่”
“ไม่”
อู๋ฉิงตอบกลับเสียงเย็น ใบหน้าผุดแววเยาะเย้ย
จริงๆ สำนักหนึ่งอนันต์ไม่มีทางเปิดเผยสถานะของผู้ว่าจ้างมือสังหาร แต่ถึงอย่างนั้น เป่ยถางหลีอินกลับกล้ากระตุกหางเสือ และเอาแต่จ้องหาเรื่องเฟิงอู๋โยว
ก็รู้อยู่ว่าเฟิงอู๋โยวคือทั้งชีวิตของจวินมั่วหรัน
“แบบนี้ก็ดี”
เป่ยถางหลีอินถอนหายใจเฮือกยาว เมื่อนึกถึงภาพที่เฟิงอู๋โยวกลายเป็นของเล่นอันสกปรกที่ผู้คนรังเกียจ นางก็ไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างหนักภายในใจลงได้ จึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
จวินมั่วหรันนั่งอย่างขี้เกียจบนที่นั่งหลัก มือที่เห็นข้อต่อกระดูกชัดเจนของเขา กระชับเสื้อคลุมสีเข้มที่สวมใส่ไว้อย่างหลวมๆ บนร่างกาย ริมฝีปากบางเอ่ย น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความชั่วร้าย กลบเสน่ห์เย้ายวนโดยธรรมชาติของเขาลงจนหมดสิ้น
“ได้ยินมาว่าเป่ยถางหลีอินชื่นชมไป๋หลี่เหอเจ๋อมาเป็นเวลานาน ไม่เช่นนั้น ในวันอภิเษกสมรสของนางกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ ข้าควรส่งของกำนัลชิ้นใหญ่กลับให้นาง”
“เจ้าค่ะ”
อู๋ฉิงเข้าใจทันที เมื่อเขาคิดว่าเป่ยถางหลีอินผู้ใจดำอำมหิตกำลังจะได้รับผลที่ตามมา นางก็รู้สึกมีความสุขมาก
อันที่จริง เมื่อเทียบกับการฆ่าเป่ยถางหลีอินเพียงดาบเดียว การไว้ชีวิตสั้นๆ ของนางและปล่อยให้นางได้ลิ้มลองความทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดทั้งหมดนั้น น่าพึงพอใจมากกว่า
เป่ยถางหลีอินได้ยินเสียงพูดซุบซิบจากด้านหลังฉากบังตาแต่ไม่กล้าอ้อมไปดู
ครั้นนางก้าวข้ามร่างของชิวหรูสุ่ยและเดินทางกลับมาถึงเรือนพำนัก ฟ้าก็มืดมากแล้ว
ตอนนี้ เซ่อเยว่ยิ้มแย้มและยกจานเนื้อราดน้ำแดงเข้ามาในห้องนอนของเป่ยถางหลีอิน “องค์หญิงเจ้าคะ เมื่อหนึ่งเค่อที่แล้ว ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลีได้รับสั่งให้ข้าน้อยนำขาหมูแก้วราดน้ำแดงอันชุ่มฉ่ำมาให้องค์หญิงชิมเจ้าค่ะ เห็นบอกว่าขาหมูแก้วราดน้ำแดงจานนี้คืออาหารจานพิเศษแห่งแคว้นตงหลิน ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลียังรักองค์หญิงจริงๆ ด้วย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็นึกถึงองค์หญิงเสมอ”
“จริงหรือ”
เพราะเป่ยถางหลีอินวิ่งพล่านอยู่ข้างนอกทั้งวัน นางจึงค่อนข้างหิวจริงๆ
แต่เมื่อได้ยินว่าเป่ยถางหลงถิงส่งอาหารรสเลิศมาให้ เป่ยถางหลีอินก็รู้สึกดีใจขึ้นทันที เดินมานั่งลงที่โต๊ะอาหารและกินขาหมูราดน้ำแดงอย่างมีความสุข
“รสชาติไม่เลว หนังด้านนอกกรอบ เนื้อด้านในชุ่มฉ่ำ กลิ่นหอมติดปาก”
แต่ทันทีที่น้ำเสียงของนางสิ้นสุดลง ก็ดึงนิ้วมือสตรีออกมาจากจานอาหาร!
เมื่อเห็นเช่นนั้นเป่ยถางหลีอินก็ขมวดคิ้ว ดวงตาชั่วร้ายหันไปมองเซ่อเยว่ที่สีหน้าดูปกติ “เสด็จพ่อสั่งขาหมูราดน้ำแดงจานนี้ด้วยตัวเองจริงๆ หรือ”
เซ่อเยว่พยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดอย่างมั่นใจ “ฮ่องเต้เป็นผู้มอบให้เองกับมือเจ้าค่ะ และกำชับว่าขาหมูจานนี้เหมือนแขนของสตรี เหมาะสมกับท่านที่สุด”
“โอ้กอ้าก…”
ได้ยินเช่นนั้น ตะเกียบหยกในมือของเป่ยถางหลีอินก็ร่วงลงพื้น มือทั้งสองข้างของนางกุมหน้าอกและอาเจียนออกมาไม่หยุด
นางไม่คิดไม่ฝันว่าเป่งถางหลงถิงจะลงมือได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้ ถึงขั้นใช้แขนที่ขาดของชิวหรูสุ่ยมาปรุงด้วยกรรมวิธีเดียวกับการทำขาหมูราดน้ำแดง!
ด้านนอกห้อง เป่ยถางหลงถิงมองใบหน้าซีดเผือดของเป่ยถางหลีอิน จากนั้นก็ก้าวเข้ามาในห้อง
เขาผายมือทั้งสองข้างออกไปด้านข้าง ร่างอันสง่างามยืนอยู่ด้านหน้าเป่ยถางหลีอิน ถามขึ้นเสียงเรียบ “ชุดตัวใหม่ของข้าเป็นเยี่ยงไร”
เป่ยถางหลีอินมองเขาอย่างไม่เข้าใจ พลางตอบเสียงต่ำ “ดูดีมากเจ้าค่ะ”
“ไม่รู้ว่าร่างอันเหมือนหลังเสือ เอวหมี[1]ของข้าจะเหมาะสมกับรูปโฉมอันงดงามของนิวนิวหรือไม่”
ได้ยินเป่ยถางหลงถิงพูดขึ้นเช่นนี้ เป่ยถางหลีอินก็มั่นใจว่าเขาจงใจมาเพื่อเยาะเย้ยนาง!
ดวงตาของนางมีน้ำตาคลอ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจเป็นที่สุด “เสด็จพ่อ อินเอ๋อร์ทำอะไรผิดไปหรือไม่ ไฉนถึงทำกับอินเอ๋อร์ถึงขนาดนี้”
“ข้าคิดว่าข้าปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี ในเมื่อเจ้าลงมือตัดขาหมูด้วยมือตัวเอง ข้าก็แค่นำมาปรุงเป็นอาหารชั้นเลิศให้เจ้า มีอะไรไม่เหมาะสมกระนั้นหรือ”
หากอู๋ฉิงไม่ลากชิวหรูสุ่ยในสภาพร่อแร่ไปหาเป่ยถางหลงถิง เขาก็ไม่มีทางรับรู้ว่าเป่ยถางหลีอินจะคลุ้มคลั่งจนถึงขั้นนี้!
“เสด็จพ่อฟังอินเอ๋อร์อธิบายก่อน อินเอ๋อก็มีความทุกข์ของตัวเอง!”
“อินเอ๋อร์ ความทุกข์ของเจ้าไม่ควรจะถึงขั้นแลกกับการกระทำที่ฝืนกฎสวรรค์ อุตส่าห์ได้เกิดเป็นมนุษย์ ควรพึงกระทำความดี”
ทันทีที่เป่ยถางหลงถิงพูดจบ เขาก็เดินฮัมเพลงที่ได้เรียนรู้จากเฟิงอู๋โยวจากไป
เป่ยถางหลีอินมองแผ่นหลังของเป่ยถางหลงถิงอย่างหวาดกลัว นางกลัวว่าเขาจะรู้เกี่ยวกับข้อตกลงของนางกับสำนักหนึ่งอนันต์ ในใจไม่เป็นสุขยิ่งนัก
เวลาประมาณหนึ่งถ้วยชา ขณะที่เป่ยถางหลีอินยังคงกระวนกระวายใจอยู่ ฉู่ชีก็นำข้อเสนอของไป๋หลี่เหอเจ๋อมาหานางถึงหน้าประตู
“ท่านฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่มารบกวนยามวิกาล” ฉู่ชีกล่าวขอโทษอย่างสุภาพ
“มีเรื่องอะไรขึ้น”
เป่ยถางหลงถิงกำลังนั่งอยู่ในลานเรือนพำนัก เขากำลังเล่นหมากรุกกับอ๋าวเช่ออยู่
เขาขี้เกียจเกินกว่าจะลืมตาขึ้น เพียงเหลือบมองฉู่ชีในชุดสีขาวงามสง่าดั่งเซียน
“ฉู่ชีได้รับคำสั่งจากท่านราชครูให้มาที่นี่เพื่อสู่ขอองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยหลีเจ้าค่ะ”
“ไป๋หลี่เหอเจ๋อต้องการจะอภิเษกสมรสกับอินเอ๋อร์?”
สีหน้าเป่ยถางหลงถิงตกใจเป็นที่สุด หางเสียงสูงขั้น
ในตอนเย็น ตอนที่อู๋ฉิงมาหาเขา ได้บอกให้เขาต้องยอมรับคำขอของไป๋หลี่เหอเจ๋อ
ในเวลานั้นเขาสงสัยว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อต้องการทำอะไร
ไม่คิดเลยว่าสายตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อจะแย่มากจนถึงขั้นตกหลุมรักเป่ยถางหลีอินผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมได้!
ฉู่ชีตอบด้วยความเคารพ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
“ขอข้าถามความเห็นของอินเอ๋อร์ก่อน”
แม้ว่าเป่ยถางหลงถิงจะเกลียดเป่ยถางหลีอิน แต่ต่อหน้าคนนอก เขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่
เขาไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกคิดว่าเขาปฏิบัติต่อเป่ยถางหลีอินอย่างรุนแรง
เห็นๆ อยู่ว่าเป่ยถางหลีอินทำตัวเป็นสัตว์ประหลาดและกำลังทำลายตัวเอง ดังนั้นเขาจะไม่ทำชื่อเสียงตัวเองเสื่อมเสียเหมือนพวกใจจิตใจโฉดชั่วเสมือนหมาป่า
เป่ยถางหลีอินที่แอบฟังอยู่ในห้องรีบออกมาพูดขึ้นทันที “อินเอ๋อร์เต็มใจ”
ฉู่ชีได้ยินคำพูดนั้นจึงพูดขึ้น “เท่านี้ ทุกคนก็มีความสุข ท่านราชครูบอกว่ารับเป็นแค่นางบำเรอ ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเรียบง่าย แล้วตอนเช้าของวันถัดไป ข้าน้อยจะทำตามสัญญามาสู่ขอถึงหน้าประตู”
เป่ยถางหลีอินได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อไปทันที
แม้ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อจะมีภารกิจสั่งให้นางแต่งเข้าตำหนักเซ่อเจิ้งหวางแทนที่เฟิงอู๋โยว
แต่เมื่อได้ยินใจความดูถูกในคำพูดของฉู่ชี ภายในใจของเป่ยถางหลีอินก็หงุดหงิดเป็นที่สุด
แต่ว่าต่อให้นางจะหงุดหงิดแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์
เพราะไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ใช่คนที่นางสามารถมีเรื่องด้วยได้
[1]เหมือนหลังเสือเอวหมี หมายถึงร่างกายอันสูงใหญ่กำยำ