พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 11

ตอนที่ 11

บทที่2ตอนที่2

「ขออนุญาติค่ะ มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บ ช่วยรักษาให้หน่อยได้ไหมคะ?」

ไอริสดิน่า・ ฟรานซิสเธอโอบไหล่นักเรียนที่น่าจะบาดเจ็บมา

เมื่อมองไปทางด้านหลังก็พบกับทิม่า ・ไลม์ เพื่อนสนิทของไอริสดูเหมือนเธอจะหิวกระเป๋าของไอริสมาด้วย

「เข้าใจแล้ว ก่อนอื่นก็ให้นักเรียนนั่นนั่งเก้าอี้ก่อน」

นอร์นวิ่งเข้าไปหานักเรียนคนนั้นทันทีและโนโซมุเองก็ช่วยหยิบอุปกรณ์การแพทย์ให้

「เกิดอะไรขึ้นเหรอ~~~~」

อันริกำลังนั่งฟังคนอื่นๆและมองสถานการณ์รอบตัวด้วยความงงงวย

เห็นได้ชัดว่าแผลนั่นเกิดจากสงครามแย่งชิงอาหารสุดฮ็อต

「อืม ขาเคล็ดน่ะ แต่กระดูกยังดูปกติดีกล้ามเนื้อก็โอเครพักผ่อนสักสองสามวันก็น่าจะหาย ถ้างั้นมาทาครีมก่อนนะ」

หลังจากเช็คอาการเสร็จแล้วอาจารย์นอร์นก็หยิบอุปกรณ์จากมือของโนโซมุไป เป็นตอนนั้นเองที่โนโซมุไปสบตากับทิม่า ไลม์เข้า

「!!」

ทันทีที่เธอสบตากับโนโซมุเธอรีบเอาตัวไปอยู่ด้านหลังไอริสดิน่าทันที

(…………เอะ นี่ข้าทำอะไรลงไป?)

โนโซมุตกใจเล็กน้อย กับท่าทางของทิม่า ไลม์ที่จู่ๆก็หลบหน้าเขา แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจและคอยช่วยอาจารย์นอร์นอยู่

「แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว ที่เหลือก็พักผ่อนให้เยอะๆ」

「「ขอบคุณมากๆค่ะ」」

นักเรียนคนนั้นกับไอริสดิน่าก้มหัวขอบคุณ นอร์นที่รักษาแผลให้จนเสร็จ ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ต้องช่วยอะไรมาก เธอคนนั้นพาคนเจ็บมาที่ห้องนี้ สมแล้วเธอเป็นคนใจกว้างน่าดู

ไอริสดิน่า เป็นลูกสาวของตระกูล ฟรานซิส ซึ่งเป็นตระกูลนักธุรกิจรุ่นเก๋าในอาณาจักรฟอร์ซิน่า ที่มีอำนาจมากทางตะวันตกของทวีป เธอเป็นคนขยันขันแข็งแม้แต่อาจารย์ก็ยังชื่นชม

「อืม ก็อย่างที่อาจารย์บอกค่ะ ช่วยนอนพักสักพักเถอะนะคะ」

「คะ ค่ะ!! ขอบคุณมากนะคะ!!」

นักเรียนคนนั้นตอบกลับไอริสดิน่าด้วยใบหน้าแดงแจ๋

รูปลักษณ์และความสามารถอันโดดเด่น เธอมีบุคลิกที่ดูเป็นผู้ดีจนถูกเรียกว่า “เจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬ” เธอโดนนักเรียนหลายคนเข้าไปสารภาพรักแต่เธอก็บอกปัด

ยังไงก็ตามลิซ่า เฮาวน์ เพื่อนสมัยเด็กของผมก็ต่อสูกับเธอได้อย่างสูสี เธอคนนั้นก็ถูกเรียกว่า “เจ้าหญิงสีชาด” เป็นดั่งคู่ปรับกันเลยล่ะ

「ต้องขอบคุณด้วยนะคะที่คอยช่วยด้วยน่ะ」

ไอริสขอบคุณโนโซมุ

「เอะ เอ่อ ข้าแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ」

การตอบสนองของโนโซมุที่ทำท่าทางแปลกๆ ทำให้เธอจ้องมองมาที่เขา

「อ่า ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วละ…………」

ทันใดนั้นเองทิมาซึ่งอยู่ด้านหลังก็พูดขึ้นมา แน่นอนว่าใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนคาบบ่าย

「อะ อืม ถ้างั้นไปกันเถอะ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ」

「เข้าใจแล้ว โนโซมุ เธอเองก็รีบกลับไปที่ชั้นเรียนเถอะนะ」

ดูเหมือนจะไม่มีเวลาเหลือให้ทานอาหารกลางวันต่อแล้ว

「เอาล่ะกลับห้องเรียนกันเถอะครับ」

โนโซมุพูดเช่นนั้นพร้อมกับกับห้องไป

◇◆◇

ที่โถงทางเดินระหว่างกลับห้องเรียน ฉัน ไอริสดิน่า ถามเพื่อนสนิทเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเขา

「ทิม่าก็รู้อยู่หรอกนะว่าไม่ค่อยชอบผู้ชาย แต่ฉันว่าเธอดูอคติกับเขาเกินไปหน่อยไหม」

สิ่งที่ฉันพูดคือท่าทางของทิม่าที่แสดงท่าทีต่อโนโซมุในห้องพยาบาล ทิม่าไม่ค่อยถูกกับเด็กผู้ชาย

แต่ว่าเธอดูอคติกับเขาเป็นพิเศษ

「ขะ -ขอโทษด้วยนะ แต่ว่าหมอนั่นน่ะ เห็นลิซ่าเป็นของเล่นไม่ใช่เหรอ…………」

ลิซ่าเป็นนักเรียนที่อยู่ห้องเดียวกันกับฉัน เป็นนักเรียนแรงค์ A เช่นเดียวกับฉันและเป็นอีกหนึ่งในไม่กี่คนที่สู้กับฉันได้อย่างสูสี

ยังไงก็ตามตอนที่ฉันอยู่ ปี 1 ก็ได้ยินข่าวลือแบบนี้มาเหมือนกัน เธอที่คบกับเพื่อนสมัยเด็กและได้ยินว่าเธอโดนเขานอกใจ เป็นเขาคนนั้นจริงๆนะเหรอ?

「แต่ว่าเท่าที่ได้ยินมาเหมือนว่าข่าวลือนั่นไม่เหมือนกับตัวเขาเลยนะ」

เขาไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น เขาที่เป็นทั้งคนเตรียมยาและช่วยเหลือคนเจ็บเช่นนั้นอะนะ

「ก็ใช่ แต่ว่าฉันกลัวนี่หน่า……」

ทิม่าหมดแรงจนเข่าอ่อน เธอเองก็เป็นคนที่มีจิตใจดี แต่ขี้อายไปหน่อย ฉันเลยต้องคอยดูแลอยู่เรื่อย

เธอที่ได้ยินข่าวลือเช่นนั้นก็ตอบสนองกับเขาซะเวอร์วัง

「อืม ถ้าเจอกันคราวหน้า แค่ขอโทษเขาอย่างจริงใจก็จบแล้วละนะ เพราะงั้นอย่ากังวลมากนักเลย」

「…………อืม」

คาบเรียนกำลังจะเริ่ม พวกเราจึงรีบไปที่ห้องเรียน

◇◆◇

「ฮะ~~ฮ้าววววววววว。มาเริ่มคาบเรียนตอนบ่ายกันเถอะน้าาาา~~」

อันริส่งเสียงเหนื่อยหน่ายทั่วสนามฝึก

คาบเรียนตอนบ่ายของห้อง 10 ก็คือการฝึกภาคสนาม

ไม่ใช่การต่อสู้ตัวต่อตัวอีกต่อไปคาบนี้ให้เน้นไปที่การตั้งปาร์ตี้ในการต่อสู้ เพื่อเช็คการทำงานเป็นทีมและการประสานงานกัน

ในตอนแรกการต่อสู้กับสัตว์อสูรตามลำพังมันก็เสี่ยงพอแล้ว สำหรับพวกมีประสบการณ์ก็คงจะสบายหน่อยแถมได้รางวัลโดยไม่ต้องแบ่งใคร แต่สำหรับผู้อ่อนแอก็จะต้องช่วยกันกำจัดศัตรูและหารค่าตอบแทน บางครั้งก็ต้องช่วยกันประสานงานจัดการสัตว์อสูรเก่งๆด้วยเช่นกัน

ดังนั้นเพื่อพัฒนาความสามารถในการตัดสินใจและการตอบสนองแต่ละบทบาทบทเรียนการต่อสู้ของปีที่ 3 คือการต่อสู้แบบกลุ่มนั่นเอง

อย่างไรก็ตามเพื่อนร่วมชั้นต่างเริ่มจับปาร์ตี้กันแล้วแต่มีเพียงโนโซมุที่ยังคงโดดเดี่ยว

(เฮ้อก็รู้อยู่หรอกว่า ตัวข้ามันไม่ดี)

ชั้นเรียนนี้สำหรับข้าแล้วมันไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะยังไงข้าที่ไร้ซึ่งสหายก็ไม่สามารถจับกลุ่มกับใครได้

(ไม่เหมือนกับคลาสก่อนๆเลยแหะ)

เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับโนโซมุที่ไม่สามารถหาปาร์ตี้ได้ก็ไม่มีอะไรทำ

ยังไงเสียก็ดีเพื่อนร่วมชั้นก็คงไม่มีใครอยากให้โนโซมุเข้าร่วมอยู่แล้ว

「นะนี่ ถ้ายังไม่มีปาร์ตี้ละก็มากับพวกเราไหมละ?」

ในตอนนั้นก็มีคนๆหนึ่งเรียกโนโซมุ

เป็นมาร์นั่นเองที่เรียกข้า ทุกคนต่างตกใจ

「ฮะ เฮ้ย มาร์เอาจริงดิ」「ทำไมต้องไปชวนมันด้วยฟะ ไร้ประโยชน์จะตายชัก」

เป็นท่าทางตอบสนองตามปกติ แต่มาร์เป็นคนเดียวที่ยังคงมองมาที่โนโซมุ

เขาเป็นคนแรกที่คัดค้านการมีตัวตนอยู่ของโนโซมุ แต่ตอนนี้เขากลับมาขอให้โนโซมุเข้าร่วมด้วย

คนติดตามของมาร์ก็เอาแต่บ่น แต่มาร์ไม่ได้สนใจ

โนโซมุจ้องมาร์กลับ โนโซมุไม่รู้หรอกว่ามาร์คิดอะไรอยู่ แต่เขาไม่มีทางเลือก

「…………เข้าใจแล้ว จะร่วมด้วยก็ได้」

「……เออต้องแบบนี้ดิ」

ด้วยเหตุนั้นเองปาร์ตี้ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ปาร์ตี้ก๊วนฮาแตกระหว่างโนโซมุกับมาร์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

◇◆◇

คลาสเรียนยังคงเป็นการต่อสู้จำลองอยู่ ในปาร์ตี้ของมาร์กับโนโซมุ และอีกสี่คนในปาร์ตี้ตรงข้าม ปาร์ตี้ที่มีผู้ชายใช้ดาบสองคน ชายคนหนึ่งที่ใช้หอก และผู้หญิงที่ใช้มีดสั้นสองมือ

คนติดตามของมาร์ใช้ธนูและเวทย์

พร้อมกับสัญญาณการต่อสู้นักดาบฝ่ายตรงข้ามกับผู้ใช้หอกร่ายเวทย์เสริมพลังให้แก่ตนเองและเริ่มเผชิญหน้ากับมาร์

「ย๊ากกกก!」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาและโจมตีทั้งสอง เสียงโลหะกระทบกันเกิดเสียงแหลมสูง การโจมตีของฝั่งโน้นรุนแรงเพราะเสริมพลังด้วยเวทย์ แต่มาร์ก็ไม่หวั่นเพราะทางนี้ก็เสริมพลังด้วยคิเช่นกัน

โนโซมุพยายามโจมตีทั้งสองคนเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว แต่ทันใดนั้นดาบแห่งวายุก็ตัดผ่านหน้าเขาและการโจมตีก็ถูกขัด เมื่อมองไปทางคมดาบวายุก็เจอคนถือมีดสั้นกำลังร่ายเวทย์

คมดาบวายุเข้ามาโจมตีอีกครั้งและมันแยกข้าออกจากมาร์ หลังจากโดนแยกได้สำเร็จ มาร์กับโนโซมุก็เข้าไปประกบอีกฝ่ายเป็นการดวล 1 ต่อ 1 แต่ว่าการที่ทำแบบนั้นมันเข้าทางมาร์มากกว่าเพราะมาร์เป็นผู้ใช้ดาบใหญ่ สามารถอาละวาดได้ตามใจชอบแล้ว

นักดาบของอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาโนโซมุ

「เสร็จฉันล่ะ!!」

โนโซมุชักดาบออกมาทันทีและปัดดาบของคู่ต่อสู้ออกไปแรงผลักนั่นรุนแรงมากเพราะการเสริมพลังนั่น แต่การตั้งท่าของหมอนั่นก็แหลกสลายไปเพราะการโจมตีของโนโซมุ

โนโซมุพยายามไล่ต้อนไปทันที แต่ทันใดนั้นก็มีบอลเพลิงพุ่งเข้ามาจากด้านหลังและมันก็ระเบิดออก

「อั่ก!」

「เฮ้ย ไม่เป็นไรใช่ไหม ไหวรึเปล่า」

「ช่างมันเหอะน่า หมอนั่นมันใช้การไม่ได้ปล่อยเป็นตัวล่อไปนั่นละ。」

เป็นผู้ติดตามของมาร์เองที่ยิงบอลเพลิงเข้าใส่โนโซมุ โนโซมุเป็นตัวล่อจริงๆแต่ว่ามันก็ดันพลาดเป้าไปโดนโนโซมุจนได้

「อึก!」

โนโซมุลุกขึ้นและตั้งท่า แต่ในไม่ช้านักดาบฝ่ายตรงข้ามก็พุ่งเข้ามา พร้อมกับผู้ใช้มีดสั้นอีกคนโนโซมุทำได้แค่ตั้งรับ ในขณะที่ปัดป้องการโจมตีทั้งสาม สองคนนั้นโจมตีซ้ำมาเรื่อยๆ และโจมตีไม่พร้อมกันเลย……

「นี่แหนะ!」

「ฮะฮะฮะ! เป็นเหยื่อชั้นดีเลยนี่หว่า!」

ทั้งสองที่ล้อมรอบโนโซมุยังคงโจมตีด้วยเวทย์และธนู เฮ้อช่วยไม่ได้ การโจมตีพวกนั้นถูกปัดออกไปด้วยเวทย์ของชายคนนั้นและอีกคนก็ยิงธนูอย่างแม่นยำ

การโจมตีของผู้ติดตามทั้งสองคนนั้นเข้ากันได้ดีอย่างมากแต่ว่ามันยังมีช่องว่างระหว่างที่กำลังหยิบลูกธนูนั่นเอง

ในสถานการณ์ 1 ต่อ 4 โนโซมุไม่มีทางรับมือได้ แต่ถ้าเขาพยายามจัดการผู้ติดตามของมาร์ที่ต้องการจะโจมตีข้าไปพร้อมกันด้วย ดังนั้นข้าเลยอยู่ในสถานการณ์แบบโดนฝ่ายตัวเองหักหลังด้วยนั่นเอง

อย่างไรก็ตามสถานการณ์เริ่มแย่ลง โนโซมุที่รู้สึกได้ถึงอันตรายก็กระโดดถอยหลัง

มาร์แกว่งดาบใหญ่เข้ามาให้โนโซมุเห็น มาร์จัดการกับศัตรูโดยพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม โนโซมุที่ยังคงสับสนก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว

มาร์ที่ติดตั้งคมดาบวายุฟันมาด้วยพลังทั้งหมดที่มี ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริเวณรอบๆถูกกวาดออกไป อีกสองคนที่เหลือก็โดนการโจมตีนั่นพัดไปจนการต่อสู้จบลง

◇◆◇

โนโซมุและมาร์จ้องหน้ากันอย่างเงียบๆ โนโซมุโกรธมาร์มากเพราะพยายามโจมตีไม่สนพวกตัวเองเลยแม้แต่น้อย

จนถึงตอนนี้โนโซมุนั้นละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างจากสถาบันแห่งนี้ เขาที่กลับมายอมรับตัวเองได้แล้ว

โนโซมุที่ไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย ทุกๆอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป

โนโซมุโกรธมากแต่ก็มีคำถามว่าทำไมมาร์ถึงทำเช่นนั้น

มาร์โจมตีทั้งข้าและพรรคพวกของตัวเอง แต่ว่าจากที่ดูแล้วเขาไม่ได้ดูตั้งใจจะทำร้ายข้าเลยแม้แต่น้อย ข้าเลยไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเขาไม่ลังเลที่จะโจมตี

เมื่อคิดแบบนั้น บรรยากาศกับมาร์และโนโซมุก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ขึ้นปี 3

ข้าไม่โดนเขากรนด่าและไม่ได้กดดันข้าตอนที่เข้าชั้นเรียน

(เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?)

โนโซมุที่มีความโกรธอยู่ในใจ แต่ยิ่งไปกว่านั้นเขากังวลกับการเปลี่ยนแปลงของมาร์ ยังไงก็ตามพวกเขายังคงนิ่งเงียบ ผู้ติดตามของมาร์ก็เริ่มไปคุยกับมาร์ มาร์เพียงแค่มองมาทางนี้อย่างเงียบๆ

ในที่สุดระฆังเลิกเรียนก็ดังขึ้น โนโซมุไม่พบคำตอบกับคำถามที่ผุดขึ้นมา

◇◆◇

หลังเลิกเรียนมาร์กำลังคิดถึงการต่อสู้จำลอง

「หมอนั่น……มันแปลกๆ」

ข้าจำได้ว่าหมอนั่นมักจะเป็นคนไม่โกรธง่าย และไม่ถูกยั่วยุง่ายๆ แต่ตอนนั้นหมอนั่นจ้องราวกับโกรธข้า มันดูไม่เหมือนเขาคนก่อน

มาร์เองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมอนั่น แต่ว่าความคิดของหมอนั่นต้องเปลี่ยนไปแน่ๆ

「…………ว่าแต่หมอนั่นมันฝึกแบบไหนมากันแน่?」

มาร์นึกถึงการต่อสู้ 4 ต่อ 1 ในการต่อสู้จำลอง เนื่องจากข้าพยายามจัดการอีกสองคนอยู่ ดังนั้นข้าก็เลยทำได้แค่มอง แต่ว่าหมอนั่นดันจัดการการโจมตีทั้ง 4 ได้โดยไม่บาดเจ็บเลย

หากเป็นข้าๆทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกการโดนรุมถึง 4 คน การเคลื่อนไหวของหมอนั่นมันตรงจังหวะเสียจนน่ากลัว

หมอนั่นเล็งไปที่จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา และหมอนั่นถนัดการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งมากๆ แต่ว่าการต่อสู้แบบกลุ่มเองเขาก็ไม่ได้ด้อยเลย

「หมอนั่นมันคุ้นชินกับการต่อสู้อย่างมาก ไปได้ประสบการณ์แบบนั้นมาจากไหน?」

สถานที่เดียวที่จะพบเจอแบบนั้นได้ก็คงไปรับคำขอของกิลด์และไปสู้กับสัตว์อสูร

แต่ว่าการจะรับคำขอของกิลด์จะต้องมีแรงค์ที่แน่นอนและจัดปาร์ตี้กับหลายๆคนมิฉะนั้นจะรับคำร้องจิปาถะได้เพียงอย่างเดียว นักเรียนที่ไม่เคยสู้จริงมาก่อนต้องรวมกลุ่มกัน ดังนั้นไม่น่าจะรับคำขอด้วยตัวคนเดียวได้

「…………โนโซมุ นี่แกฝึกในป่าด้วยตัวคนเดียวงั้นเหรอ?」

สถานที่เดียวที่จะได้รับประสบการณ์จริงก็คือการฝึกภายในป่า แต่ป่านั่นก็อันตรายสำหรับนักเรียนไม่มีใครกล้าเข้าไป เพราะสัตว์อสูรที่มีอยู่มากมาย

แต่ว่าไม่ว่าอย่างไงก็ไม่มีวิธีอื่นที่จะอธิบายถึงการต่อสู้ของเขาได้อีกแล้ว

「…………ต้องไปตรวจสอบหน่อยละ」

มาร์ตัดสินใจแล้วรีบเดินไปตามทาง

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท