ตอนที่ 5 พบกันอีกครั้ง เปลี่ยนไปอย่างมาก (รีไรท์)
ตอนที่ 5 พบกันอีกครั้ง เปลี่ยนไปอย่างมาก (รีไรท์)
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ไม่อยากเรียนหนังสือถือโอกาสในตอนที่แม่กับพี่ชายไม่สนใจ อุ้มสุนัขดำตัวน้อยสหายใหม่ของนางแอบออกจากหลุมลับไปเล่นข้างนอก แต่ยังไม่ทันได้ออกจากหลุมลับก็ได้ยินเสียงคนอยู่ด้านนอกหลายคน ทำให้นางตกใจจนไม่กล้าขยับเขยื้อน
เด็กน้อยตัวขาวอวบในชุดกระโปรงสีชมพูกำลังอุ้มสุนัขตัวน้อยที่จ้ำม่ำพอ ๆ กันไว้ในอ้อมแขน ทั้งสองนั่งอยู่ในกองใบสน พลางจ้องมองไปยังกลุ่มคนแปลกหน้าที่ดูดุร้ายข้างนอกนั่นด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
เกาจัวหยวนใจอ่อนยวบให้กับเด็กน้อยน่ารักว่าง่ายตรงหน้านี้ จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “เด็กน้อย เจ้าไม่ต้องกลัว พวกลุงไม่ใช่คนไม่ดีหรอก”
เขายื่นมือออกไปหวังจะอุ้มเด็กน้อยออกมา แต่ไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยจะจ้องมองเขาด้วยสายตาระแวดระวัง แถมยังห่อตัวให้เล็กลงพร้อมกับสะอึกออกมาด้วยความหวาดกลัว
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จ้องมองท่านลุงแปลกหน้าที่ยิ้มแปลก ๆ ตรงหน้า และนึกถึงเรื่องพ่อค้ามนุษย์ที่ท่านแม่เคยเล่าให้พวกเขาฟัง
พ่อค้ามนุษย์มักชอบพูดกับพวกเด็ก ๆ ว่าพวกเขาไม่ใช่คนไม่ดี!
มู่ฉินเจินเห็นเจ้าก้อนแป้งน่ารักนั้นก็ใจอ่อนยวบโดยไม่ทราบสาเหตุ ความรู้สึกสนิทสนมแปลกประหลาดพรั่งพรูขึ้นมาในใจ ประหนึ่งว่าเด็กคนนี้เชื่อมโยงกับเขาก็ไม่ปาน
เขาก้าวไปข้างหน้า ดึงเกาจัวหยวนออกมา และยืนเอามือไพล่หลังพลางมองเจ้าก้อนแป้งที่ขดตัวอยู่
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เงยหน้าสบสายตาท่านลุงร่างสูงใหญ่ พลันเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ไฉนท่านลุงคนนี้ถึงได้หน้าตาเหมือนพี่ชายขนาดนี้ล่ะ? หรือว่านี่ก็เป็นพี่ชายใหญ่ของนางอีกคน?
มู่ฉินเจินสังเกตเห็นความประหลาดใจในแววตาของเด็กน้อย ก็พลันเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ นางประหลาดใจอะไร?
หลังจากเผชิญหน้ากันครู่หนึ่ง มู่ฉินเจินก็กระแอมออกมาเบา ๆ และเอ่ยอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ “ข้าขออุ้มเจ้าออกมาได้หรือไม่?”
ดวงตากลมโตของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ล่อกแล่กไปมา สมองน้อย ๆ กำลังครุ่นคิด
ท่านแม่เคยบอกว่าห้ามให้คนแปลกหน้าอุ้ม แต่นางรู้สึกว่าท่านลุงที่หน้าตาเหมือนพี่ชายไม่ใช่คนไม่ดี และอยากเข้าใกล้เขามาก ๆ
ดังนั้น เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จึงกระชับร่างสุนัขดำตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน พร้อมพยักหน้าอย่างหนักแน่น
มู่ฉินเจินมีสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย แววตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ แข็งกระด้าง แต่กลับไม่สิ้นความอ่อนโยน เขาอุ้มเจ้าก้อนแป้งจ้ำม่ำขึ้นมา
ครั้งแรกที่สัมผัสเจ้าก้อนนุ่มนิ่ม มู่ฉินเจินก็มีท่าทางเก้กัง มือหนึ่งช้อนก้นเด็กน้อย ส่วนอีกมือพยุงหลังนางไม่ขยับไปไหน
กลิ่นหอมของเด็กอ่อนโชยเข้ามาแตะจมูก ส่งผลให้มู่ฉินเจินมึนเมาอยู่ครู่หนึ่ง ช่างนุ่มนิ่มและหอมมากจริง ๆ!
ศีรษะเล็ก ๆ ของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ซบลงบนแผ่นอกท่านลุงแปลกหน้า พลางทำจมูกฟุดฟิดเหมือนอย่างสุนัขตัวน้อย
หอมจังเลย นอกจากท่านแม่กับพี่ชายแล้ว คนผู้นี้ก็ตัวหอมที่สุดที่นางเคยดมมา!
มู่ฉินเจินกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเห็นเด็กน้อยทำจมูกฟุดฟิดใส่ตน พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสนิทสนม “เด็กน้อย เจ้าชื่ออะไรรึ?”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยืดอกเล็ก ๆ ตั้งตรง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่ารัก “ข้าชื่อจืออวี๋ มีชื่อเล่นว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!”
เด็กน้อยชอบชื่อของตัวเองมาก มันฟังดูดีกว่าชื่อจาวตี้ เสี่ยวฮวา เอ้อร์ยาตั้งไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นทุกครั้งที่มีคนถามชื่อนาง นางจะรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก
มู่ฉินเจินขบขันกับท่าทางของเด็กน้อย หยิบใบสนบนจุกผมเล็ก ๆ ของนางออก เห็นความภูมิใจในท่าทางของนางดังนั้นก็เอ่ยชมขึ้นว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ไพเราะจริง ๆ ”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ถูกชมหัวเราะคิกคักออกมา หัวเราะจนเผยให้เห็นฟันน้ำนม
ผู้ติดตามสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ เห็นนายตัวเองอุ้มเด็กก็ตกใจอ้าปากตาค้าง แต่กระนั้นก็รู้สึกว่าเด็กน้อยคนนี้ฉลาดน่ารักอย่างยิ่ง
แต่เกาจัวหยวนแอบรู้สึกเจ็บปวด เหตุใดเด็กน้อยถึงไม่ให้เขาอุ้ม เขารู้สึกว่าตัวเองดูน่าสนิทสนมกว่าท่านอ๋องที่มีสีหน้าเย็นชาเสียอีก!
ภายในบ้านไร่
หลังจากเฉียวเยี่ยนมอบหมายให้เด็กทั้งสองเรียนหนังสือเสร็จ นางก็แบกจอบไปขุดมันเทศ มันเทศเหล่านี้โตเต็มที่แล้ว นางต้องรีบขุดมันออกมา แล้วแปรรูปเป็นมันแผ่นทอดกรอบ
ตั้งแต่ได้ต้นมันเทศมาจากระบบ นางก็บ่มเพาะมาเป็นอย่างดี สามปีมานี้ มันเทศต้นหนึ่งในตอนนั้นก็ได้ออกต้นกล้ามามากมายนับไม่ถ้วน
นอกจากนี้ นางยังทำแป้งมันเทศจากมันเทศที่เก็บเกี่ยวได้แล้วขายให้กับภัตตาคาร และได้ลงนามค้าขายระยะยาวไว้ด้วย
และเพราะต้องเลี้ยงดูเด็ก ๆ นางจำต้องทำภารกิจหาเงินสองร้อยตำลึงทุกเดือนที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จ นางไม่ได้รายงานเรื่องมันเทศแก่ราชสำนัก รอให้ฐานะทางบ้านนางดีขึ้นเสียก่อนค่อยไปรายงานก็ยังไม่สาย
เฉียวเยี่ยนกวัดแกว่งจอบเก็บเกี่ยวผลผลิตอันอู้ฟู่ รู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก มีลูก มีเงิน มีงาน มีความหวัง ช่างเป็นชีวิตที่วิเศษจริง ๆ!
ส่วนระบบปลาเค็มที่เอนตัวอยู่บนเก้าอี้ก็ดื่มโคล่า ดูวิดีโอสั้น และเอ่ยด้วยเสียงเด็กเล็ก [ใช่แล้ว ช่างวิเศษจริง ๆ!]
ตอนนั้นนางเลือกโฮสต์ได้ไม่ผิดจริง ๆ อีกฝ่ายทั้งหาแต้มคะแนนมาให้นาง ซื้อขนมและเสื้อผ้าให้ ทำให้นางเข้าใกล้ความเป็นปลาเค็มตัวน้อยไปอีกขั้นหนึ่ง
ขณะที่เฉียวเยี่ยนกำลังขุดมันเทศอย่างขะมักเขม้น พลันในหัวมีเสียงตกใจของระบบตัวน้อยดังขึ้นมา
[แย่แล้วท่านโฮสต์! มีคนอยู่นอกรั้วกำแพง เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถูกจับไปแล้ว!]
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉียวเยี่ยนก็หยุดขุดมันเทศทันที คมจอบผ่ามันเทศออกเป็นสองส่วน นางขมวดคิ้วทันใด และซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อีกฝ่ายมีกี่คน?”
[แปดคน]
หลังถามเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็แบกจอบ มุ่งหน้าไปทางลานบ้านอย่างโกรธเกรี้ยว
เมื่อมาถึงประตูลานบ้าน นางยังไม่ทันได้เปิดประตูก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาก่อน
นางจับจอบไว้แน่นด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งเปิดประตู คิดวางแผนอยู่ในใจครู่หนึ่งว่าจะใช้จอบสับคนอย่างไรดี
แกร็ก
ประตูเปิดออก เฉียวเยี่ยนจึงได้เห็นบุรุษหล่อเหลาในชุดผ้าแพรสีดำ บนแขนเสื้อประดับลายเมฆาม้วนเป็นทิวแถว ผูกหยกขาวไว้ข้างเอวยืนอยู่หน้าประตู
ครั้นระบบเห็นโฉมหน้าชายผู้นั้นก็สะดุ้งตกใจสุดขีด กระซิบกระซาบอยู่ข้างหูเฉียวเยี่ยน
[แม่เจ้า ๆ โฮสต์ คนผู้นี้มีหน้าตาเหมือนเสี่ยวฉวนเอ๋อร์เลย เขาคงไม่ใช่พ่อของเด็กทั้งสองกระมัง!]
เฉียวเยี่ยนกำลังเวียนหัวเพราะเสียงดัง จึงเอ่ยสั่งทันที “เจ้าระบบตัวน้อย หุบปากซะ!”
เขาเป็นพ่อของเด็กทั้งสองจริง ๆ น่ะสิ!
ผมดำขลับของเขาถูกเกล้าสูงกลัดด้วยกวานทอง ดูพิถีพิถัน บุคลิกน่าเกรงขาม หน้าตาดูสูงส่ง นัยน์ตาดำขลับดุจหยกดำเป็นประกายดุจดารา
ส่วนลูกสาวของนางอยู่ในอ้อมแขนของคนผู้นี้ ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นยิ้มให้นางอย่างเอาอกเอาใจ
มู่ฉินเจินสำรวจสตรีที่อยู่ตรงหน้า ไอเยือกเย็นพลันแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย
ใบหน้านี้ เขาไม่มีวันลืม!
ทว่าไม่เจอกันสี่ปี ดูเหมือนนางจะเปลี่ยนไปอย่างมาก!
นางแต่งกายด้วยผ้าเนื้อหยาบสีม่วงอมฟ้า เรือนผมสีดำถูกปิ่นไม้มุ่นไว้ลวก ๆ ผิวพรรณงามดั่งหยก ดวงตากลมโตเข้ารูปดูสดใสมีชีวิตชีวา คิ้วงามงอนขมวดเล็กน้อย แม้จะมิได้ประทินโฉม ทว่านางกลับยังคงความอ่อนเยาว์
เฉียวเยี่ยนไม่เข้าใจว่าชายสารเลวคนนี้มาปรากฏตัวที่นี่ทำไมหลังจากเนรเทศนางออกมาถึงสี่ปี นางปรับอารมณ์ตัวเองก่อนดึงสีหน้า และอุ้มเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ออกมาจากอ้อมแขนของเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า พลางถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
ไม่ว่าเขาจะมาทำอะไร เรื่องของเด็กทั้งสองคนนี้คงปิดบังเขาไว้ไม่ได้แล้ว เพราะลูกชายของนางมีหน้าตาถอดแบบมาจากเขาทุกประการ
ครั้นนึกมาถึงตรงนี้ เฉียวเยี่ยนก็รู้สึกร้อนรน หากเขามาเพื่อแย่งพวกเด็ก ๆ กับนาง เช่นนั้นนางจะพาพวกเด็ก ๆ หนีไปให้ไกล!
มู่ฉินเจินได้ยินน้ำเสียงราบเรียบของนางเช่นนี้ ไอเยือกเย็นในแววตาก็ยิ่งทวีความรุนแรง
สตรีผู้นี้! ช่างกล้าเสียจริง!
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างท่านแม่กับท่านลุงคนนั้นดูน่ากลัวเล็กน้อย จึงอดกังวลก้นน้อย ๆ ของตัวเองไม่ได้
ท่านแม่โมโหเช่นนี้ กลับไปคงไม่ถูกตีก้นหรอกใช่ไหม?
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เด็กน้อยก็ค่อย ๆ ขยับไปหามารดาตนอย่างเชื่อฟัง และโยนความผิดให้คนอื่น “ท่านแม่ ลูกไม่ได้ตั้งใจออกไปข้างนอก แต่เป็นเพราะเจ้าหมาน้อยมันอยากออกไปเล่น ลูกกังวลว่ามันจะหายไปถึงได้ตามออกไป”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มาลุ้นกันต่อนะคะว่าอาเยี่ยนจะสับหัวท่านอ๋องแบะหรือไม่ แค่มาเจอหน้าในรอบสี่ปีก็กลายเป็นคู่กรณีแล้ว
ไหหม่า(海馬)