ตอนที่ 20 เจ้าโคลนตัวน้อยสองตัวขุดดิน (รีไรท์)
ตอนที่ 20 เจ้าโคลนตัวน้อยสองตัวขุดดิน (รีไรท์)
หลังจากเสี่ยวฉวนเอ๋อร์และเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ตื่นขึ้นมาจากการนอนกลางวันแล้วก็ถูกลุงฉูพาไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ในตำหนัก เด็ก ๆ ทั้งสองต่างถือจอบเล็ก ๆ ไว้ในมือช่วยขุดดินในสวนดอกไม้เพื่อช่วยผู้เป็นแม่เปิดพื้นที่รกร้างในการทำสวน
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์สวมชุดกระโปรงสีชมพูที่มีชายกระโปรงยาว เมื่อใส่ครั้งแรกก็ดูเหมือนนางฟ้าตัวน้อยกระพือปีกออกมา
ทว่านางฟ้าตัวน้อยในตอนนี้รู้สึกว่ากระโปรงเกะกะ จึงยกชายกระโปรงขึ้นมาผูกไว้รอบเอวอย่างมั่นใจ เผยกางเกงด้านในของนางออกมา
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เกิดมาพร้อมกับพลังเหนือธรรมชาติ นางกวัดแกว่งจอบเล็กอย่างเต็มที่ ไถดอกโบตั๋นพุ่มหนึ่งล้มแยกออกมา บนผมบนหน้าเต็มไปด้วยฝุ่น
คนตัวเล็กหันกลับมามองพี่ชายที่ไถดินออกมาได้นิดเดียวก็ตบหน้าอกเล็ก ๆ ของตัวเองพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่ารัก “ท่านพี่ รอข้าไปก่อนนะ ข้าขุดดินนี่เสร็จเมื่อไหร่จะกลับไปช่วยท่านขุด!”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่ตีหน้าขรึมพยักหน้า จากนั้นก็ก้มตัวลงอีกครั้ง กระดกก้นน้อย ๆ ขึ้นและทำงานอย่างขยันขันแข็ง
ลุงฉูเฝ้าดูเจ้านายน้อยขุดดินอยู่ข้าง ๆ อย่างยิ้มไม่หุบ และไม่ได้สนใจดอกโบตั๋นอันล้ำค่าที่ล้มอยู่บนพื้นเลยแม้แต่น้อย
เจ้านายน้อยของเขาเก่งจริง ๆ อายุยังน้อยก็สามารถขุดดินได้แล้ว!
…..
ในตอนที่มู่ฉินเจินเดินผ่านสวนดอกไม้หลังจากกลับมาจากค่ายทหาร สิ่งที่เขาเห็นคือดอกโบตั๋นที่กระจัดกระจายไปทั่ว และลูก ๆ ทั้งสองของเขากำลังขุดดินจนทั่วตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยดิน
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขากระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าไปจูงมือลิงโคลนตัวน้อยทั้งสองตัวอย่างจำนน
ลูกทั้งสองที่กำลังขุดดินอย่างขยันขันแข็งถูกจูงมืออย่างกะหันทันก็มีสีหน้ามึนงง ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นท่านพ่อของพวกเขานั่นเอง
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แกว่งมือน้อยไปมาสองครั้ง ราวกับปลาอ้วนที่ถูกพันธนาการ “ท่านพ่อ ท่านปล่อยลูกสิ ลูกจะไปช่วยท่านแม่ขุดดิน!”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ตีหน้าขรึม และกอดจอบน้อยของเขาไว้แน่น
แม้จะถูกจูงมือจนน่าอายเล็กน้อย แต่รสชาติของการแกว่งมือไปมาก็ไม่เลวเลย
มู่ฉินเจินยกเด็กน้อยทั้งสองขึ้น และอุ้มพวกเขาไว้ในอ้อมแขนคนละข้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มจนใจ “กลับไปอาบน้ำก่อน ดูสิ พวกเจ้าสกปรกเหมือนลิงโคลนแล้ว”
เด็กน้อยทั้งสองกอดคอพ่อของพวกเขาอย่างแนบชิด ชิดจนดินโคลนเปื้อนบนตัวมู่ฉินเจิน ชายหนุ่มรูปงามอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นภาพนี้แล้วก็ตกใจจนพูดไม่ออก
ไม่คาดคิดเลยว่าพี่สี่ของเขาก็มีตอนที่อ่อนโยนเช่นนี้ด้วย?
มู่เวินเหยียนเพ่งมองเด็กทั้งสอง มองจนรู้สึกประหลาดใจ พี่สี่ของเขาไม่เพียงแต่มีความรู้เท่านั้น ศิลปะการต่อสู้ก็ไม่มีใครเทียบได้ แม้แต่ความสามารถในการให้กำเนิดลูก คนธรรมดาทั่วไปก็เทียบไม่ได้
เขาก้มหน้าจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติแล้ว เขาก็เดินเข้าไปใกล้ และยิ้มให้กับเด็กทั้งสองอย่างเป็นมิตร “เด็ก ๆ ให้อาหกกอดพวกเจ้าหน่อยได้หรือไม่?”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่ตีหน้าขรึมมองเขาอย่างจริงจัง ในขณะที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เอียงศีรษะคิดว่าจะให้พี่ชายหล่อเหลาคนนี้อุ้มดีหรือไม่
ทว่าก่อนที่เด็กทั้งสองจะตอบออกมา มู่ฉินเจินก็ขมวดคิ้ว และอุ้มเด็กทั้งสองไปที่เรือนจิ่งเสวียน ทิ้งให้มู่เวินเหยียนยืนอยู่ที่เดิม
มู่เหวินหยียนยิ้มค้าง เริ่มหวาดระแวงโลกใบนี้เล็กน้อย ไยเมื่อก่อนไม่เคยเห็นพี่สี่ขี้เหนียวขนาดนี้เลย!
……
ในเรือนจิ่งเสวียน มู่ฉินเจินเพิ่งอุ้มเด็กทั้งสองเข้ามาในเรือนก็ได้กลิ่นหอมของอาหารโชยออกมาจากห้องครัว ข้ารับใช้ในจวนแต่ละคนพากันยื่นหน้ามองไปทางห้องครัว
แค่เห็นสถานการณ์นี้ มู่ฉินเจินก็รู้แล้วว่าเฉียวเยี่ยนกำลังทำอาหารอยู่เป็นแน่
ลูกทั้งสองลงจากอ้อมแขนผู้เป็นพ่อ ก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปในห้องครัวพร้อมตะโกนเรียกท่านแม่
“ท่านแม่ ทำอาหารอร่อยอะไรให้พวกลูกกินหรือเจ้าคะ?”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พุ่งเข้ามากอดขาแม่ของนางอยู่ในห้องครัว และออดอ้อนด้วยเสียงน่ารัก
เฉียวเยี่ยนกำลังก้มตัวตรวจไส้ซาลาเปาในหม้อนึ่งที่ตั้งอยู่บนเตาว่าสุกหรือไม่ เมื่อได้ยินเสียงอ่อนหวานของลูกก็หันไปยิ้มให้ “แม่กำลังนึ่งซาลาเปาให้พวกเจ้าน่ะสิ”
แต่ครั้นเห็นลูกทั้งสองเหมือนลิงโคลน รอยยิ้มบนใบหน้านางก็แข็งค้าง
นี่ลิงโคลนของบ้านไหนรึ? ลูกที่ตัวหอมฉุยของนางอยู่ที่ไหนกัน?
ระบบตัวน้อยในทะเลจิตสำนึกนั่งเคี้ยวซาลาเปาอยู่หน้าโต๊ะ เห็นมุมปากโฮสต์ตัวเองกระตุกก็หัวเราะกลิ้งไปกลิ้งมา
[ท่านโฮสต์ นั่นลูกของตัวเอง จะอย่างไรก็ต้องเลี้ยงต่อไป!]
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์รู้ว่าร่างกายตัวเองสกปรกจึงไม่ได้เข้าใกล้แม่ตัวเอง และตอนนี้เขาก็กำลังยืนอยู่ข้างประตูและปัดโคลนออกจากมือน้อย
เฉียวเยี่ยนเรียบเรียงคำพูดของตัวเองเป็นเวลานาน แต่ความจริงแล้วนางคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับเด็กน้อยทั้งสองดี ประจวบเหมาะกับมู่ฉินเจินเข้ามาในห้องครัวพอดี นางจึงโยนความไม่พอใจใส่เขาทันที
“ดูลูกทั้งสองของท่านสิ พาไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด ถ้าไม่สะอาดห้ามกินข้าว!”
มู่ฉินเจิน “…”
นี่นับว่าเป็นช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ[1] หรือเปล่า?
แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกภูมิใจเล็กน้อยล่ะ?
นับตั้งแต่เฉียวเยี่ยนกลับมาเมืองหลวง ถ้าไม่เย็นชากับเขา ก็ไม่เกรงใจเขา ราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้าที่รู้จักกันเพียงวันสองวันเท่านั้น
ไม่มีบ่นฉุนเฉียวเหมือนอย่างตอนนี้มาก่อนเลย
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยเสียงเบาออกมาด้วยรอยยิ้ม “ย่อมได้ ฮูหยิน”
สิ้นเสียงนั้น เขาก็อุ้มลูกทั้งสองไปอาบน้ำอย่างเชื่อฟัง
ใบหน้าเฉียวเยี่ยนเต็มไปด้วยความระอา พลางบ่นพึมพำว่า “ใครเป็นฮูหยินเจ้ากัน เป็นฮูหยินกับผีน่ะสิ!”
“ถูกด่าแล้วยังหัวเราะเหมือนคนโง่อยู่อีก! ใช่ไหม ฮุ่ยเซียง?”
ฮุ่ยเซียงที่ถูกเอ่ยถึงกะทันหันพยักหน้าโดยไม่คิดอะไร ปากนางถูกอัดแน่น มิอาจเอ่ยคำใดออกมาได้
ซาลาเปาที่หวางเฟยทำอร่อยเกินไปแล้ว!
แป้งนุ่มเด้งออกหวานนิด ๆ ส่วนไส้ข้างในก็เข้มข้นชุ่มฉ่ำ พอกัดลงไปแล้วน้ำก็กระจายเต็มปาก อร่อยจนนางแทบอยากกินอีกหลายสิบชิ้น
มู่เวินเหยียนที่ไล่ตามหลังมาเห็นพี่สี่ของตัวเองถูกดุแต่ก็หัวเราะพร้อมอุ้มเด็กทั้งสองออกมาอย่างไม่เข้าใจ
พี่สะใภ้สี่ผู้นี้บังอาจเกินไปหน่อยแล้ว!
ประเด็นสำคัญคือพี่สี่ของเขาไม่โกรธ แต่กลับยิ้มอย่างมีความสุข นี่คือความสุขของชายที่แต่งงานแล้วหรือ?
มู่เวินเหยียนสูดกลิ่นหอมในอากาศ และก้าวเข้าไปในครัวอย่างทนไม่ไหว พลางคำนับเฉียวเยี่ยน “สวัสดี พี่สะใภ้สี่”
เฉียวเยี่ยนกวาดตามองชายหนุ่มที่เดินเข้ามา สมองหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ค้นหาความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม หลังจากนั้นไม่นานก็นึกได้ว่านี่คือมู่เหวินหยียน องค์ชายหกองค์ปัจจุบัน
ปีนี้มู่เวินเหยียนเพิ่งมีอายุเพียงสิบแปดปี ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋อง เขาจึงอาศัยอยู่ในวังเช่นเดียวกับเหล่าองค์ชายและองค์หญิงคนอื่น ๆ
เขาชอบเกาะติดมู่ฉินเจินตั้งแต่ยังเด็ก และวันนี้มู่ฉินเจินเพิ่งกลับมาจากค่ายทหาร เขาก็วิ่งมารออยู่หน้าประตูตำหนักอ๋องซู่แล้ว
เฉียวเยี่ยนยิ้มอย่างเป็นมิตร และส่งซาลาเปาให้เขา “น้องหก มาชิมซาลาเปาที่ข้าทำสิ”
มู่เวินเหยียนไม่ชอบกินซาลาเปา แต่เห็นซาลาเปาลูกเล็กดูน่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ หลังจากคิดทบทวนแล้วจึงรับมันมา
เขาแบ่งครึ่งซาลาเปา แล้วก็พบว่ามันคือไส้ผักดองเนื้อหมู น้ำซุปสีเหลืองทองนั้นดูน่าดึงดูดเป็นพิเศษ
เขายัดซาลาเปาเข้าปากครึ่งหนึ่ง พลันรูม่านตาเบิกกว้าง และเคี้ยวอย่างสุดชีวิตแม้ว่ามันจะร้อนเพียงใดก็ตาม
อร่อยเหลือเกิน!
ไม่มีรสเปรี้ยวฝาดในภาพจำ ไส้หมูผักดองเปรี้ยวอร่อยน่ารับประทาน ในเนื้อแป้งชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ ทั้งหอมทั้งนุ่ม
ซาลาเปาลูกเล็กก้อนหนึ่งถูกเขากินหมดภายในสองคำ หลังจากกินหมดก็มองเฉียวเยี่ยนตาปริบ ๆ
เฉียวเยี่ยนและฮุ่ยเซียงต่างอยากรู้ท่าทางขององค์ชายผู้นี้เมื่อกินซาลาเปา จึงจ้องมองด้วยรอยยิ้มประหนึ่งดูการแสดง
มู่เวินเหยียนถูกมองจนใบหน้าแดงเรื่อ แต่ซาลาเปานี้อร่อยมากจริง ๆ เขาขอหน้าด้านเพิ่มอีกหนึ่งลูกก็แล้วกัน
เมื่อมู่ฉินเจินอาบน้ำให้เด็กทั้งสองเสร็จสิ้น เฉียวเยี่ยนก็ทำอาหารเสร็จพอดี นางสั่งเหล่าข้ารับใช้ยกอาหารไปยังห้องโถงด้านหน้า จากนั้นทั้งครอบครัวก็นั่งกินข้าวด้วยกัน
[1] ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ หมายถึง ผู้มีอำนาจทะเลาะวิวาทกัน ผู้น้อยก็พลอยได้รับอันตรายหรือเดือดร้อนไปด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนหวางเฟยตกด้วยของกินอร่อยกันทั่วหน้า
ทำไมเหมือนนับวันจะเห็นหางกับหูงอกจากตัวท่านอ๋องเลยล่ะ
ไหหม่า(海馬)