ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 26 ถูกหยอกเย้าจนใจเต้นแรง (รีไรท์)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 26 ถูกหยอกเย้าจนใจเต้นแรง (รีไรท์)

ตอนที่ 26 ถูกหยอกเย้าจนใจเต้นแรง (รีไรท์)

มู่ฉินเจินถือได้ว่าเป็นข้อยกเว้นของราชวงศ์ เขาไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางนรกเหมือนอย่างท่านอ๋องในนิยายสมัยปัจจุบันเหล่านั้น แต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างผาสุก บิดามารดาทั้งรักและทะนุถนอม ได้รับความรักที่โอรสองค์อื่น ๆ มิอาจได้รับ

เขาไม่ขาดแคลนความรัก แต่กลับปรารถนาที่จะได้ใกล้ชิดกับเฉียวเยี่ยน ซึมซับความอบอุ่นเรียบง่ายที่นางมอบให้เขา

ตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนคู่สามีภรรยาสูงวัยที่ใช้ชีวิตมาครึ่งชีวิต ไม่มีความหลงใหลรุนแรง แต่กลับเคารพซึ่งกันและกันราวกับต้อนรับแขก และอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์

เขาเดินเข้าไปในลานบ้านเหมือนอย่างเคย กลิ่นหอมของอาหารรวมถึงเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของพวกเด็ก ๆ ลอยออกมาจากในครัวน้อยเป็นระลอก ทำให้มุมปากเขายกขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เขาเดินเข้าไปในห้องครัวเล็ก พวกเด็ก ๆ นั่งเล่นกับเจ้าหมาน้อยอยู่บนพื้น ครั้นเห็นเขา พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที

เขาก้มตัวอุ้มเด็กทั้งสองขึ้นมา เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาทันที รู้สึกถึงไรหนวดอันสากคาย และยิ้มตาหยีอย่างมีความสุข

ปลาอ้วนตัวน้อยทำท่าเหมือนลูกแมวตัวหนึ่ง ชอบถูไถไรหนวดของมู่ฉินเจินเป็นพิเศษ ความรู้สึกสากจนจั๊กจี้บนใบหน้าทำให้นางหลงใหล จนต้องเอาใบหน้าอ้วน ๆ ของนางถูไถไรหนวดของพ่อตัวเองทุกวัน

“ท่านพ่อ ท่านคิดถึงลูกหรือเปล่าเจ้าคะ? ลูกคิดถึงท่านจังเลย”

มู่ฉินเจินกำลังจะหัวหมุนเพราะถูกกระสุนเคลือบน้ำตาลของลูกสาวโจมตีเข้าเสียแล้ว เขาหอมแก้มป่องยุ้ยของเด็กน้อย และเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คิดถึงสิ”

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เงียบขรึมมาก ไม่ยอมแสดงท่าทางออดอ้อนเหมือนน้องสาวตน และแอบอยู่ในอ้อมแขนมู่ฉินเจินอย่างเชื่อฟัง

มู่ฉินเจินพอจะคาดเดานิสัยลูกชายได้นานแล้ว จึงหอมแก้มเขาไปฟอดหนึ่ง “คิดถึงฉวนเอ๋อร์ด้วยเช่นกัน”

แน่นอนว่าเจ้าตัวเล็กที่ตีหน้าขรึมนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ซบหน้าลงกับอกชายหนุ่ม และยกมุมปากขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในทางที่ไม่มีคนเห็น

หลังจากใช้เวลาที่หาได้ยากกับเด็ก ๆ แล้ว มู่ฉินเจินก็เดินไปหาเฉียวเยี่ยนข้างเตา แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ทำอะไรอร่อย ๆ กินหรือ?”

แต่สิ่งที่รออยู่หาใช่เฉียวเยี่ยนที่แนะนำอาหารให้เขาอย่างมีความสุขเหมือนเคย แต่เป็นการกลอกตาใส่

มู่ฉินเจินไม่เข้าใจ หวนนึกถึงวันนี้ว่าทำอะไรให้นางขุ่นเคืองหรือไม่ ทว่าสุดท้ายก็ยังไม่รู้อยู่ดี

เขาเคลื่อนสายตาไปมองลูกทั้งสอง เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์รีบเอียงศีรษะเข้าไปใกล้หูคนเป็นพ่อทันที และกระซิบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้

หลังจากฟังจบ สีหน้ามู่ฉินเจินพลันขรึมลง ก่อนจะเอ่ยกับเฉียวเยี่ยนเสียงเบาว่า “แล้วข้าจะให้คำอธิบายแก่เจ้า”

สิ้นเสียงนั้น เขาก็ย่างสามขุมออกจากครัวไป

เฉียวเยี่ยนหันกลับมามองตามแผ่นหลังที่จากไป ความจริงนางก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ถึงได้เป็นคนไร้เหตุผลขึ้นมา วินาทีที่เขากลับมา ภาพใบหน้าของอวิ๋นเซียงในวันนี้ก็ผุดเข้ามาในหัว และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองใจเล็กน้อย

เป็นความผิดของผู้ชายคนนี้คนเดียวที่ล่อผึ้งเรียกผีเสื้อ![1]

……

กว่ามู่ฉินเจินจะกลับมาอีกครั้งท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว เฉียวเยี่ยนอาบน้ำให้เด็กทั้งสองเสร็จก็พาพวกเขาเข้านอน และเล่านิทานให้พวกเขาฟัง

ครั้นได้ยินความเคลื่อนไหวในลานบ้าน นางจึงลุกขึ้นออกไปดู ก่อนจะเห็นมู่ฉินเจินที่กำลังจะเปิดประตูเข้ามาในห้อง

นางที่ยังไม่ได้สติกลับมาก็ตะโกนออกไปแล้ว “เฮ้!…”

มู่ฉินเจินหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมองนาง

เฉียวเยี่ยนรู้สึกหงุดหงิด ไม่รู้ว่าเหตุใดตนจึงเรียกเขา นางจึงเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ทะ…ท่านกินข้าวแล้วหรือยัง?”

ครั้นคำพูดออกจากปาก นางก็ยิ่งหงุดหงิด เวลานี้ถามคนอื่นว่ากินข้าวหรือยัง? สมองนางคงกลับด้านไปแล้วสินะ!

แต่ใครเล่าจะรู้ว่ามู่ฉินเจินจะส่ายหน้า “ยังเลย”

เฉียวเยี่ยนนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ไม่ถามอะไรให้มากความก็หมุนตัวกลับเข้าห้องเพื่อสวมเสื้อ “ท่านรอประเดี๋ยว ข้าจะทำบะหมี่ให้”

มู่ฉินเจินยิ้มอ่อน ทว่าน่าเสียดายที่แสงไฟสลัวเกินไปจนเฉียวเยี่ยนมิอาจเห็นสีหน้าท่าทางของเขาได้อย่างชัดเจน เขารีบเอ่ยอย่างรวดเร็วว่า “เช่นนั้นก็ขอรบกวนแล้ว”

แสงเทียนสลัวสว่างขึ้นในห้องครัว เฉียวเยี่ยนสวมเพียงเสื้อถักคลุมทับเสื้อด้านในและผูกอย่างเรียบง่ายด้วยสายรัด เรือนผมสีดำที่เพิ่งสระใหม่ ๆ ส่งกลิ่นหอมสดชื่น นางใช้ปิ่นปักผมไม้กลัดเป็นมวยผมขึ้นมา เมื่อล้างมือสะอาดแล้วก็ไปเตรียมทำอาหาร

มู่ฉินเจินนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ มองนางรวบผมขึ้น ส่วนเว้าโค้งปรากฏต่อสายตาภายใต้เสื้อผ้าอันเบาบางจนอดรู้สึกร้อนที่ปลายหูไม่ได้

ไยจึงรู้สึกว่านางดู…อวบอิ่มกว่าเดิม?

หญิงสาวในเมืองหลวงต่างไล่ตามความผอม แต่ละคนตัวบางดุจแผ่นกระดาษ ลมพัดมาหน่อยก็ปลิวได้ตลอด และเฉียวเยี่ยนร่างเดิมก็เป็นเช่นนั้น

ทว่าเฉียวเยี่ยนหลังจากข้ามมิติมาในตอนนี้ก็มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น บำรุงรักษาตัวเป็นอย่างดี หลังจากคลอดลูกก็ยิ่งมีรูปร่างที่หญิงสาวคนอื่นไม่มี ร่างกายมีส่วนโค้งเว้าอันมีเสน่ห์และงดงามอ่อนช้อย

เฉียวเยี่ยนไม่เห็นท่าทางของชายผู้นี้ นางหยิบเนื้อแดงชิ้นหนึ่งออกมาล้างให้สะอาด และสับเนื้อจนละเอียดอย่างคล่องแคล่ว หลังจากเตรียมเนื้อเสร็จก็ล้างผักกาดขาวเล็กน้อย

มู่ฉินเจินมองร่างที่กำลังสาละวนทำอาหารให้เขาแล้วก็รู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมา

เขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “เรื่องในวันนี้ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก”

เฉียวเยี่ยนหยุดล้างผัก หันกลับไปแสดงท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย “เหตุที่เย็นนี้ท่านไม่ได้กินข้าวก็เพราะไปจัดการเรื่องนี้หรือ?”

มู่ฉินเจินพยักหน้าเล็กน้อย

ความรู้สึกแปลก ๆ อวลซ่านขึ้นมาในใจของเฉียวเยี่ยน ซึ่งบอกไม่ถูกว่ามันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ “ความจริงแล้วนางก็ไม่ได้ทำอะไรข้าเลย ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้…”

ไม่จำเป็นต้องจัดการจนตัวเองไม่ได้กินข้าวเช่นนี้

แต่ก่อนที่นางจะพูดออกไปก็ถูกมู่ฉินเจินขัดขึ้นเสียก่อน

น้ำเสียงของเขาจริงจังขึ้นมา “จำเป็นสิ เจ้าถูกรังแกอยู่ในตำหนัก มันก็เป็นความรับผิดชอบของข้า”

น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาทั้งหนักแน่นทั้งแน่วแน่ แต่เมื่อเข้าหูเฉียวเยี่ยนกลับรู้สึกอบอุ่น และไม่นาน หูของนางก็ถูกย้อมเป็นสีแดง

นางหันหลังกลับ ใช้การล้างผักช่วยกลบเกลื่อนท่าทางลนลาน ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็เอ่ยขึ้น “เอ่อ…ขอบคุณนะ”

“มู่ฉินเจิน”

เฉียวเยี่ยนหันไปมองเขา สีหน้าเผยความสงสัยออกมา คำพูดที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุนี้หมายความว่าอย่างไร?

แววตามู่ฉินเจินแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหานาง

“ข้าไม่ได้ชื่อว่าเฮ้ และเอ่อ… เจ้าเรียกชื่อข้าได้”

“หรือไม่ก็…”

เขาเดินไปถึงด้านข้างเฉียวเยี่ยน ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองไม่ถึงสามสิบกงเฟิน[2] ทว่าเขาก็ยังเข้าใกล้นาง ครั้นร่างของทั้งสองกำลังจะสัมผัสกัน เขาก็หยุดนิ่ง โน้มตัวเข้าไปใกล้หูนาง พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา ลมหายใจรินรดต้นคอของเฉียวเยี่ยน

“เรียกข้าเหมือนที่เรียกบนถนนวันนั้น…”

“สามี”

คำว่า ‘สามี’ ราวกับเสียงอสนีบาตที่ผ่ากลางหัวใจของเฉียวเยี่ยน ทำให้ร่างกายสั่นกระตุกด้วยความประหลาดใจ

หัวใจนางเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ใบหูทั้งสองร้อนจนแทบมีควันออกมา

ระบบตัวน้อยหยิบหูฟังแพทย์มาสวมใส่ที่หูเพื่อตั้งใจฟัง ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความตกใจ

[อ้า! ท่านโฮสต์ หัวใจท่านเต้นแรงจนใกล้จะหลุดออกมาแล้ว!]

คำพูดของระบบตัวน้อยทำให้เฉียวเยี่ยนยิ่งรู้สึกอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี นางผลักมู่ฉินเจินออกแล้วชี้ไปที่เตา “จุดไฟเป็นหรือไม่? หากไม่มีอะไรทำก็ช่วยข้าจุดไฟ”

นางพูดจบก็ไม่สนใจมู่ฉินเจินอีก และเตรียมทำอาหารต่อ

ทว่าหัวใจนางกลับมิอาจสงบลงได้ เมื่อคิดอย่างละเอียดก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

นางเป็นสตรีผู้สง่างามในศตวรรษที่ 21 จะถูกคนโบราณหยอกจนรู้สึกปั่นป่วนได้อย่างไร?

ช่างน่าอายเสียจริง!

ไม่ได้การแล้ว! นางต้องหยอกคืนให้ได้!

ระบบตัวน้อยรู้ความคิดของโฮสต์ตัวเองได้อย่างชัดเจน จึงเข้าไปค้นหาของในโกดังเล็ก ๆ ของนาง และในที่สุดก็หาตำราลับจนเจอ

[ท่านโฮสต์ จากความคิดเมื่อครู่ของท่าน ระบบจึงขอมอบตำราจีบหนุ่มให้ท่าน เอาไปเลย ไม่ต้องขอบคุณ!]

เฉียวเยี่ยนตกใจกับคำพูดของระบบตัวน้อยจนเกือบจะทำมีดบาดมือตัวเอง นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ผู้เยาว์แอบฟังเรื่องของผู้ใหญ่ ระวังจะไม่ได้โตดี!”

ระบบตัวน้อยที่โดนดุก็มุ่ยปากอย่างน้อยใจ พลางหันหลังกลับ ขดตัวอยู่ตรงมุมห้องแล้ววาดวงกลมบนพื้น

[ฮึ! ระบบจะเลิกคบกับโฮสต์หนึ่งนาที!]

[1] ล่อผึ้งเรียกผีเสื้อ 招蜂引蝶 หมายถึง เป็นที่ดึงดูดผู้คนให้สนใจ

[2] กงเฟิน 公分 คือ หน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1 กงเฟิน เท่ากับ 1 เซนติเมตร

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อย่าเพิ่งหวั่นไหวสิเฉียวเยี่ยน ต้องทำให้ท่านอ๋องเป็นหมาโบ้ก่อนแล้วค่อยให้เป็นหมาป่าสิ ดูจากการกระทำแต่ก่อนนี่แทบไม่อยากมอบตำแหน่งพระเอกให้เลย

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท