พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 16

ตอนที่ 16

บทที่2ตอนที่7

ไม่กี่วันหลังจากคืนดีกับมาร์คาบเรียนปฏิบัติของโนโซมุก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

มาร์ที่เกลียดโนโซมุมากขนาดนั้นกลับพูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตร

โดยปกติแล้วพวกห้อง 10 จะเป็นพวกดรอปมาไม่ก็คะแนนตกต่ำจนมาอยู่ห้องนี้ซึ่งเป็นผลกระทบอันร้ายแรงต่อสถาบันโซลมินาติที่ใช้ระบบคุณธรรม

ส่วนตัวโนโซมุเองนั้นที่เคยดรอปไปครั้งหนึ่งก็เป็นพวกที่ต่ำสุดในชั้นเรียน

อย่างไรก็ตามถึงงั้นมาร์ที่อยู่ห้อง 10 ก็เป็นตัวตนสูงส่งกว่าโนโซมุเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามาร์จะสนิทสนมกับโนโซมุเป็นพิเศษ

นอกจากนี้คาบเรียนปฏิบัติพวกเขาก็ร่วมมือกันในการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ

โนโซมุที่ดูท่าท่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใช้เวลาด้วยกันกับมาร์บ่อยขึ้น…………。

◇◆◇

「มีความสุขจังเลยน้าาาาา~~! โนโซมุคุงกับมาร์คุงสนิทกันแล้วล่ะ~~~~!!」

ตอนกลางวันก็เหมือนเช่นเคยถูกอาจารย์อันริพาตัวมาที่ห้องพยาบาลเพื่อทานอาหารกลางวันด้วยกัน อย่างไรก็ตามมาร์ที่เป็นเพื่อนของโนโซมุเองก็ถูกลากมาด้วยเหมือนกัน

อาจารย์อันริดูดีใจป็นพิเศษบรรยากาศนั่นแพร่ออกมาให้เห็นได้ชัดเลยล่ะ

「ฮ่ะฮะขอบคุณ…………」

โนโซมุรู้สึกถึงกดดันจากเธอเล็กน้อย แต่ดูท่าทางเธอก็พอใจดีดังนั้นจึงขอบคุณเธอ

「…………อืม」

มาร์เองที่กำลังทานอาหารกลางวันด้วยท่าทางขี้เกียจ

「อืม อันริเองก็มีความสุข ส่วนโนโซมุกับมาร์ก็ได้กลายเป็นเพื่อนกัน อันริน่ะไม่ได้กังวลเกี่ยวกับโนโซมุคนเดียวแต่รวมเธอด้วยนะมาร์」

「นั่นหมายความว่ายังไงกัน?」

「อันริอธิบายไว้ว่ามาร์น่ะแม้จะเป็นคนงี่เง่าแต่จริงๆแล้วอ่อนโยนมาก」

「ก็แบบนั้นล่ะน้า~~~。มาร์เองที่ได้กลับไปทบทวนตัวเองหลังจากผ่านปี 2 มาแล้วถึงมาสนิทกับโนโซมุไม่ใช่เหรอ~~~?」

「………………」

「เพราะฉะนั้นคนแบบนั้นน่ะไม่มีทางเป็นคนไม่ดีหรอกน้า~~。」

อาจารย์อันริพูดเช่นนั้นพร้อมกับคิดว่ามาร์เป็นคนใจดี เขาเองก็ตกใจเช่นกัน

บรรยากาศที่ดูผ่อนคลายเข้าปกคลุมรอบๆ อันริที่ดูท่าทางสบายๆอยู่เสมอไม่คิดเลยว่าจะมองคนเก่งขนาดนี้

ก่อนหน้านี้เธอเองก็สังเกตเห็นถึงการต่อสู้ระหว่างข้ากับชิโนะตอนปี 2 และการเปลี่ยนแปลงต่างๆของข้า

นั่นคือเหตุผลสำหรับอาจารย์นอร์นที่ไม่แปลกใจในการเปลี่ยนแปลงของมาร์

「………………」

มาร์เมินหน้าหนี แต่หน้าของเขาดูแดงๆและกำลังเขินอยู่

「ฟุฟุฟุ。……ยังไงซะตอนนี้โนโซมุ เธอกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ?」

นอร์นที่กินข้าวเสร็จก่อนเวลาก็หันมานั่งคุยกับโนโซมุที่กำลังทำบางอย่าง

โนโซมุที่หยิบเครื่องมือประดิษฐ์บนโต๊ะทำงานของห้องพยาบาลและทำอะไรบางอย่าง

「นี่คือ? เป็นของขวัญวันเกิดให้เพื่อนครับ」

「เหะ! อย่างงั้นเหรอ?แล้วให้ใครล่ะ?」

นอนร์นแปลกใจเล็กน้อยเพราะคิดว่ามาร์เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของโนโซมุและเธอเองก็สนใจที่โนโซมุทำอยู่

「เอ่อวันว่ากะจะเอาไปให้เด็กนักเรียนของสถาบันอีคอร์สครับ ช่วงนี้ข้าพบกับเธอบ่อยๆและสนิทกันมากขึ้น ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะให้อะไรเธอ แต่ว่าสิ่งนี้ต้องถูกใจเด็กคนนั้นแน่ๆครับ」

โนโซมุไม่คิดจะซ่อนของขวัญที่จะให้โซเมียจัง อันริและนอร์นที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจอย่างมาก

「เอะ!!!! โนโซมุไปสนิทกับจนได้รับการยอมรับจากลูกสาวของตระกูลฟรานซิสเลยงั้นเหรอเนี่ย」

「ตกใจอะไรกันเหรอครับ?」

มาร์เองก็ดูท่าจะไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ว่าตระกูลฟรานซิสนั้นเป็นตระกูลนักธุรกิจมือฉมัง ซึ่งมีอำนาจมากภายในอาณาจักรฟอร์ซิน่าที่อยู่ทางตะวันตก

นอกจากนี้ อาณาจักรฟอร์ซิน่าได้ส่งกองทัพไปจัดการกับสัตว์อสูรอย่างรวดเร็วในการรุกรานครั้งใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อนและกองทัพนั่นก็ได้กลายเป็นแกนกลางของกองทัพพันธมิตรที่ก่อตั้งขึ้นในเวลาต่อมาและคอยป้องกันการรุกรานครั้งใหญ่ถือได้ว่าเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มาก

นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่เสนอให้จัดตั้งสถาบันโซลมินาติ ซึ่งมันมีอำนาจมากในทวีปแห่งนี้

เป็นเรื่องแปลกมากๆที่มนุษย์เดินดินธรรมดาเฉกเช่นโนโซมุสามารถไปสนิทกับลูกสาวของตระกูลฟรานซิสได้

「แม้ว่าข้าจะรู้จักเธอ แต่ข้าก็รู้แค่ว่าเธอเป็นคนของตระกูลฟรานซิส เมื่อวันก่อนตอนที่ข้าไปพบกับเธอ ข้าไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนั้น แต่ว่าข้าไม่สนใจหรอก แต่ดูเหมือนว่าเธอพยายามจะซ่อนอะไรบางอย่างไว้อยู่เท่านั้นเอง」

โนโซมุยังคงทำอะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่พูดก็ขยับมือไปด้วย

「เอ่อการที่เข้าไปสนิทเธอมันไม่ดีอย่างงั้นเหรอครับ?」

ตระกูลที่มีชื่อเสียงก็มักจะมีความกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์

เมื่อมองไปที่ใบหน้าของโนโซมุที่ดูไร้เดียงสา นอร์นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

(อืมมม ถ้าเป็นเขาคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?)

บางทีอาจจะเป็นเพราะเจอเรื่องสนุกเข้าแล้วและดูเหมือนว่าจะเลี่ยงไม่ได้ลองมาคิดดูแล้วการให้ของขวัญกับอีกฝ่ายเนี่ย เมื่อฉันจ้องมองไปยังโนโซมุก็ดูราวกับสนุกอยู่ นอร์นที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา

◇◆◇

หลังเลิกเรียนโนโซมุและมาร์มุ่งหน้าไปยังชานเมือง หลังจากที่ทั้งสองคืนดีกันก็มักนัดกันไปที่นั่นบ่อยๆ

「ท้ายที่สุดแล้ว ข้าก็ยังเอาชนะมาร์ไม่ได้อยู่ดีแหละน้า…และดูเหมือนว่าข้าเองก็คงไม่แกร่งพอที่จะต่อกรกับนายด้วย……」

「……………………」

ผลลัพธ์จากการดวลกัน อัตราการชนะของมาร์นั้นมากกว่าโนโซมุเยอะนัก โนโซมุจัดการสัตว์อสูรเยอะกว่ามาร์ไม่กี่ครั้ง และเขาเองก็ไม่ได้ใช้เทคนิค “แฟนท่อม(คมดาบลวงตา)” กับเขา

แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีด้วยคิของโนโซมุเองก็มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง

พยายามลดหลั่นพลังให้ใช้น้อยลงและได้ประสิทธิภาพสูงสุดในขณะเดียวกันก็ตัดสินใจว่าสามารถฆ่าศัตรูได้อย่างแน่นอน ก็ไล่จัดการสัตว์อสูรภายในป่าแถวชานเมือง(ว่ากันว่าโดนชิโนะสั่งเสียให้ทำอยู่ตลอด)เพื่อจำเป็นต่อการเอาชีวิตรอดละนะ

อย่างไรก็ตามหากพูดถึงการต่อสู้จำลองในโรงเรียนแล้วมันต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งสองต้องปรับเปลี่ยนเทคนิคต่างๆมากมาย

อย่างไรก็ตามโนโซมุที่มีพลังไม่เยอะจึงลดพลังที่ใช้ลงในการใช้วิชาต่างๆและปรับให้เข้ากับการต่อสู้จำลอง(ประเด็นคือใช้ตอนเท่ากับล่าสัตว์อสูร=เดี้ยงหมดแน่)

ถ้าหากลดความหนาแน่นลงก็ไม่สามารถฆ่าใครได้แล้วล่ะ

นอกจากนี้แม้ว่าตอนนี้ตัวโนโซมุจะดีขึ้นมามากในการเติบโต แต่ผลของ “พันธนาการ”ก็ยังคงแสดงพลังออกมาอย่างดี เทคนิคในการใช้คิเช่นเสริมพลังกายและการใช้”ก้าวพริบตา”มันยังไม่แกร่งพอที่จะล้มคนอย่างมาร์ได้ ก็เลยลงอีหรอบนี้นั่นเอง

「…………แค่นั้นก็แปลกแล้ว แกเอาชนะข้าได้ถึงสองสามครั้งเลยน่า…………」

「จริงอะ?」

มาร์พูดเช่นนั้น แต่โนโซมุที่ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าซีด

ถ้าคิดดูแล้วการเอาชนะกับมาร์ได้เนี่ยมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้

ความแตกต่างระหว่างพลังงานและพละกำลังของโนโซมุกับมาร์นี่มัดชัดเจนแทบโนโซมุที่ใช้เวทย์ไม่ได้อีกต่างหาก

ถึงกระนั้นเขาที่เอาชนะมาร์ที่อยู่ในระดับสูงได้ก็แสดงให้เห็นว่าสถาบันนี้มันมีคนมากความสามารถ

ยังไงก็ตามโนโซมุไม่ทันระวัง

เพระามาตราฐานของเขาคือชิโนะ เพราะว่าส่วนมากเขาใช้เวลาอยู่กับชิโนะบ่อยๆ

นี่เป็นเพราะมิตรภาพอันน้อยนิดที่เขามีในโรงเรียนทำให้เขาไม่รู้ถึงความแตกต่างเลยแม้แต่น้อย

การที่มีคนมีความสามารถระดับสัตว์ประหลาดอย่างอาจารย์ชิโนะเป็นตัวมาตราฐานในการวัดความแข็งแกร่ง มันเลยทำให้โนโซมุเลยคิดว่าคนเก่งๆมันจะต้องประมาณชิโนะ

นอกจากนี้โนโซมุค่อนข้างประเมินตัวเองต่ำ

เนื่องจากผลของ “พันธนาการ”และการต่อสู้จำลองจนถึงตอนนี้และเนื่องจากผลของ “พันธนาการ”ด้วยแล้วความสามารถเขาต่ำกว่าคนทั่วไปทำให้ไม่ค่อยชนะการประลองสักเท่าไร

ด้วยเหตุนี้โนโซมุจึงกลายเป็นคนที่ด้านชาด้านความรู้สึก “เพราะตัวเองคุ้นชินกับสิ่งที่เสียไป”ซะแล้ว

(พูดอะไรของแกกันวะโนโซมุ แกโดนปิดผนึกพลังอยู่ไม่ใช่หรือไงวะ เอาชนะข้าทั้งๆยังงั้นนี่ก็เกินไปละ!!!)

เพื่อบอกความจริงนั่น มาร์เองก็เห็นโนโซมุใช้ “แฟนท่อม(คมดาบลวงตา)”เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แค่เขาเห็นมันก็สั่นกลัวแล้ววิชดาบนั่นน่ะ

การปลดปล่อยคมดาบไว้ในอากาศต่อหน้ามาร์ชั่วพริบตาและตัดผ่านเป้าหมายได้อย่างไม่ยากเย็นนั่น

ใบมีดที่ถูกบีบอัดพลังไว้จนเหลือเชื่อนั่น ความเร็วในการฟันก็สูงมากและมาร์เองก็ไม่สามารถมองเห็นได้เลยด้วยซ้ำว่ามีคมมีดผ่านหน้าไปแล้ว และพลังที่ควบคุมได้เพียงเสี้ยววินั่นในการสร้างคมดาบอากาศ

หากโดนดาบนั่นฟันออกมาเป็นคลื่นตัวขาดแหงๆถ้าไม่ป้องกันดีๆ

(เฮะ~~。หลังจากเหตุการณ์นั้นข้าก็แพ้เอ็งโดยสมบูรณ์แล้วเฟ้ย เทียบไม่ติด)

มาร์นึกถึงวันวานที่เขาถูกชายตรงหน้าต้อนจนมุมก่อนการสอบปลายภาคของปี 2 ถ้าเป็นตัวเขาในตอนนี้ใช้มันอีกครั้งละก็เขาคงได้ลาโลกแล้วล่ะ

◇◆◇

(เอ่อ ข้าเองก็ไม่คิดว่ามันจะใช้ในคาบเรียนได้หรอกนะ)

สามสาวที่เดินผ่านหน้าโนโซมุนั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโนโซมุใช้วิชาดาบนั่นได้ เมื่อคนๆหนึ่งเห็นเขาก็โบกมือให้โนโซมุ

โนโซมุเองก็โบกมือให้ทั้งสามที่กำลังมาที่นี่

「สวัสดีคะ!คุณโนโซมุ」

「สวัสดีน้าโซเมียจัง วันนี้ก็อยู่กับพี่สาวงั้นเหรอเนี่ย」

「สวัสดีจ้ะโนโซมุไม่ได้เจอกันนานเลยนะ……หรือไม่ใช่แบบนั้นกันนะ?」

「สะสวัสดีค่ะ…………」

เป็นไอริส โซเมีย และทิม่าเองที่มาหา

บางทีเพราะทิม่าไม่ใช่คนชอบพูดเท่าไร เธอเลยทำท่าทางกลัวอยู่หน่อยๆ

「ดูสิ ทิม่า ดูเหมือนว่าเธอมีอะไรบางอย่างอยากจะพูดกับนายนะ?」

「อะ อืม」

「???」

ทิม่ามายืนต่อหน้าโนโซมุ และเธอก็พูดกับเขา

「อะ อืม! ขอโทษด้วยนะคะเรื่องตอนห้องพยาบาล!」

「…………เอะ? หมายความว่าไงเหรอครับ?」

「ก็ตอนนั้น ฉันทำตัวหยาบคายใส่โนโซมุคุง เพราะว่าได้ยินข่าวลือพวกนั้นก็เลย……」

เธอพูดเช่นนั้นพร้อมกับไหล่ตก จากท่าทางแล้วเธอก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร บางทีเธอคงกังวลมาตลอดเลยสินะ

「ขอโทษด้วยนะโนโซมุคุง ทิม่าน่ะไม่ค่อยถูกกับผู้ชายเท่าไร เธอรู้กลัวนายเพราะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนายด้านที่ไม่ดีน่ะ」

「……งั้นเหรอครับ! ตอนนั้นเองสินะครับ? อย่าใส่ใจเลยครับ ยังไงข้าก็ได้รับคำขอโทษแล้ว ถ้าหากฟังจากข่าวลือแล้วมันก็พอมีมูลอยู่บ้างใช่ไหมละครับ……」

แน่นอนหากได้ยินข่าวลือของโนโซมุก็ไม่น่าจะแปลกใจเท่าไร ในตอนนั้นที่เขาคบกับลิซ่าที่เป็นนักเรียนที่โด่งดังในโรงเรียนและโดนบอกเลิก แต่ไม่มีใครที่เข้าข้างโนโซมุและคิดว่าโนโซมุเป็นคนหักอกเธอแถมยังชู้สาว

ข้าเองที่ได้ยินเช่นนั้นจากทิม่าก็รู้สึกเจ็บปวด

(…………อย่างที่คิด……แย่มากเลย…………)

ตอนนี้เองข้าก็มีเพื่อนแล้วและรู้สึกดีกว่าเมื่อก่อน แต่ถึงยังงั้นเองก็มีบางช่วงที่รู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้อยู่

(………ท้ายที่สุดแล้วยังไงข้าก็หนีความจริง….ทุกครั้งที่นึกถึงลิซ่าแผลเก่าก็จะถูกเปิดออก…………)

โนโซมุยังไม่สามารถมูฟออนกับลิซ่าได้และโดนเธอเกลียดขี้หน้าอยู่ ตอนที่ได้พบกับโซเมียและไอริส รวมทั้งได้สนิทกับมาร์และสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆนี่คือเรื่องที่ควรจะจดจำในตอนนี้

「เอ่อ คุณโนโซมุแล้วเขาคนนั้นเป็นใครเหรอคะ?」

โนโซมุเงียบไป แต่โซเมียที่สังเกตเห็นก็ถามโนโซมุ

「อ่าาานั่นสินะ หมอนี่ชื่อมาร์ เป็นเพื่อนร่วมชั้นของข้าเองล่ะ」

โนโซมุแนะนำมาร์ให้กับทั้งสามคน ทั้งสามต่างจ้องมาที่มาร์ราวกับสำรวจอะไรบางอย่าง

「…………อะไรกันเล่า」

「อาา」

ทิม่ากรีดร้องกับท่าทางที่ดูข่มขู่ของมาร์ เพราะมาร์เองคงไม่ชอบให้จ้องแบบนั้นเลยทำหน้าบึ้งเลย

ทิม่าตัวแข็งไปกับท่าทีของมาร์แต่มาร์เองก็ยังคงทำตัวแข็งกร้าวราวกับสนุกที่เห็นท่าทางของทิม่ากลายเป็นลูปนั่นไป

「มาร์ใจเย็น เกิดไรขึ้น」

「…………เปล่านี่……」

มาร์ตอบคำถามของโนโซมุ ไม่ใช่อะไรอื่นแต่มาร์ไม่ค่อยชอบท่าทีขี้กลัวของทิม่าเท่านั้นเอง

เธอเป็นนักเรียนแรงค์ A แต่มาร์เป็นแรงค์ B เธอเป็นคนที่หาตัวจับได้ยาก แต่ว่ากลับโดนมาร์กดดันซะงั้น

เธอกลัวตัวตนที่ต่ำกว่าตัวเอง ซึ่งมาร์ยอมรับไม่ได้เลยสักนิด

ยังไงก็ตามทิม่าไม่รู้ว่ามาร์คิดอะไรอยู่ เธอที่มีพละกำลังน้อยพอเจอเข้ากับมาร์ที่ร่างใหญ่ก็กลัวเป็นธรรมดา

「เอ่อ นั่นสินะใกล้งานเลี้ยงวันเกิดโซเมียจังแต่ว่าถ้าโนโซมุมาได้ก็อยากให้มานะ…………」

ไอริสเปลี่ยนหัวข้อเพื่อทำลายบรรยากาศตรงหน้า

「อืมนั่นสินะครับ เอาแบบนั้นก็ได้ แต่ว่าการให้ข้าไปด้วยเช่นนี้จะดีเหรอครับ?」

ฟรานซิสได้ชื่อว่าเป็นตระกูลอันโด่งดังในทวีปอาร์คมีล การไปงานเลี้ยงวันเกิดของลูกสาวตระกูลนี้น่าจะมีแต่คนดังๆที่ได้รับเชิญ

โนโซมุคิดว่าถ้าเขาไปก็คงจะเป็นที่ขายขี้หน้าของตระกูลฟรานซิสเป็นแน่ แถมยังข่าวลือของเขาอีก

แต่ว่าไอริสหาได้แค่ไม่

「ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนแรกก็หวังว่าจะจัดงานกันแบบเงียบๆ โนโซมุคุงเองก็เป็นเพื่อนกับโซเมียใช่ไหมล่ะ? ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก」

ไอริสหัวเราะพร้อมกับจ้องมองโนโซมุที่ดูกังวล

โนโซมุตัดสินใจได้ก็ยิ้มตอบ

「……เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นขอรบกวนด้วย」

「จริงเหรอคะ! ถ้างั้นฉันจะคอยตั้งตารอดูโซเมียให้ดีเลยล่ะค่ะ」

「อืม!คุณโนโซมุเองก็บอกว่าจะมีของขวัญให้หนูด้วย!」

เธออ้าแขนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าจนเครื่องประดับแขนส่งเสียงดังกริ๊ง

ทั้งไอริสและโซเมียต่างยิ้มด้วยความพอใจจึงยืนยันวันที่และสถานที่จัดงานและบอกลากัน

◇◆◇

ระหว่างทางกลับข้ากับมาร์ก็จ้องหน้ากัน

「แล้วมาร์ล่ะจะเอายังไง? จะไปด้วยไหม?」

「……ข้าเองก็โดนเชิญไปด้วย ยังไก็ต้องไปละนะ」

มาร์เองก็โดนชวนจากไอริสเพราะว่าเป็นเพื่อนข้า

「แต่ถึงยังงั้นก็ต้องใช้เวลากับทิม่าอีกนานเลยนะ」

สำหรับมาร์แล้วทิม่านั้นดูแปลก มาร์ที่ท่าทางจะอารมณ์ดีกลับโดนทิม่าทำท่าทางที่ข้าเคยโดนก่อนหน้านี้

「…………เธอคนนั้นน่าหงุดหงิดมากเลย แม้ว่าข้าเองจะเก่งก็เถอะนะ…………」

「……เอ่อ มาร์นี่นายไม่รู้งั้นเหรอว่าเจ้าตัวเป็นโรคกลัวผู้ชายอะ……」

「…………」

คนที่รู้ดีที่สุดก็คือตัวเธอเอง จนสุดท้ายพวกเราก็มาถึง “เรือนร่างของโค”

◇◆◇

「……ทิม่า สบายดีไหม?」

「…………อื้อ……」

ฉันพยายามปลอบเธอ แต่สีหน้าเธอดูไม่สู้ดีนัก

ทิม่าเกิดมาพร้อมกับพลังเวทย์มากมาย จึงถูกคนรอบข้างรังเกียจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอโดนผู้ชายวัยเดียวกันทำตัวเลวๆใส่

นอกจากนี้รูปร่างของเธอก็โตไปตามไว ดังนั้นเธอจึงเป็นที่จับจ้องของผู้คนมากมาย

ความอิจฉา ความกลัว ความเกลียดชัง

สำหรับเธอที่ไม่สามารถใช้พลังเวทย์ได้อย่างใจนึกมันสร้างภาระทางใจให้เธอย่างมาก คนรอบข้างก็ต่างมองเธอในทางที่ไม่ดีเพราะมีพลังเยอะแต่กลับใช้ไม่เป็นบ้าง

「ดูเหมือนว่าโนโซมุจะไม่ใช่สินะ เป็นเพราะมาร์งั้นเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้นปล่อยให้ฉันจัดการเองนะ」

「อืม! แต่ว่านั่นคือเพื่อนของโนโซมุซังฉันคิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก!」

「……อืม…ขอโทษนะโซเมียจัง ไอริส……」

「ทิม่า ฉันจะดีใจมากเลยนะถ้าเธอพูดว่าขอบคุณ。」

「นั่นสินะคะ!ในกรณีนี้ต้องพูดว่า”ขอบคุณคะ”นะคะ!」

ฉันที่แสดงท่าทีขี้เล่นและโซเมียเองก็พูดด้วยรอยยิ้ม

「……อ่านั่นสินะ ขอบคุณนะ ทั้งสองคน」

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทิม่า ในท้ายที่สุดแล้วตัวเธอที่ยังอารมณ์แปรปรวนก็กลับบ้านทั้งๆยังงั้น

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท