ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 61 สู้ไม่ได้ก็เข้าร่วม

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 61 สู้ไม่ได้ก็เข้าร่วม

ตอนที่ 61 สู้ไม่ได้ก็เข้าร่วม

เฉียวเยี่ยนเติมน้ำอุ่นลงในถ้วยยีสต์เล็กน้อยเพื่อละลายยีสต์ ขั้นตอนต่อไปก็คือการนวดแป้ง เทน้ำผสมยีสต์ลงในอ่างแป้ง และเติมน้ำเข้าไปอีกเล็กน้อย คนแป้งให้จับเป็นก้อน แล้วใช้มือนวดจนเป็นก้อนกลมมันวาว จากนั้นก็คลุมไว้เพื่อพักแป้ง

นวดแป้งเสร็จแล้วก็เริ่มเตรียมไส้ ซึ่งนางตั้งใจจะห่อสามไส้ คือไส้เต้าหู้เผ็ด ไส้หมูผัดผักกาดหน่อไม้ และไส้หมูผัดผักดอง

หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ลวกในน้ำเดือดเพื่อขจัดกลิ่นคาว หลังจากตักออกแล้วก็ใส่กระเทียมสับ ต้นหอม และพริกป่น จากนั้นตักน้ำมันร้อนราดลงไปหนึ่งช้อน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วกับเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ทั้งหอมทั้งทำง่าย

ตอนนี้มาถึงฤดูกาลของหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิแล้ว หน่อไม้ในห้องเครื่องหลวงทั้งกรอบทั้งอวบ เฉียวเยี่ยนจึงหั่นบาง ๆ แล้วใส่ในไส้หมูผัดผักกาด เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ

ส่วนไส้หมูผัดผักดองต้องเอาผักดองไปผัดในหม้อก่อน แล้วคลุกกับหมูที่บดละเอียดแล้ว ผักดองที่เหล่าพ่อครัวในวังหมักมีรสชาติไม่เลวเลย เปรี้ยวกำลังดี และกรอบใช้ได้

เมื่อแป้งขึ้นฟูแล้วก็เริ่มห่อซาลาเปาได้ ซึ่งเรื่องห่อซาลาเปาไม่ต้องถึงมือนาง พ่อครัวสองสามคนล้วนมีความชำนาญ ทั้งห่อได้เร็วและห่อได้สวย ขาวเรียบเนียนกลมใหญ่ทุกลูก

ในระหว่างที่เหล่าแม่ครัวกำลังห่อซาลาเปา เฉียวเยี่ยนก็ไปนำผักบางส่วนมาทำน้ำจิ้มกับข้าว

หลายเดือนมานี้ผักที่เสวยในพระราชวังนั้นล้วนมีนางเป็นผู้จัดเตรียม ในห้องเครื่องหลวงมีพริกจำนวนมาก นางจึงเอามาสับละเอียด ใส่น้ำมันลงในหม้อกับกระเทียมสับเข้าไปผัดด้วยกัน ทำเป็นน้ำพริกกระเทียมสับ

ซาลาเปาถูกนึ่งไปทีละเข่งเป็นจำนวนหลายเข่ง มีซาลาเปาราว ๆ สามหรือสี่ร้อยลูกกับหมั่นโถวร้อยกว่าลูก ไม่ใช่แค่เพียงขันทีกับนางข้าหลวงที่ทำงานเท่านั้นที่ได้กิน แม้แต่เหล่าพ่อครัวแม่ครัวในห้องเครื่องหลวงก็ได้กินไปหลายลูก

ซาลาเปาเข่งใหญ่หลายเข่งถูกยกออกไปที่อุทยานอวี้ฮวา เหล่าขันทีกับนางข้าหลวงเอาแต่จ้องมอง เหตุใดถึงเป็นซาลาเปาเหมือนกันล่ะ เจ้านี่หอมเพียงนี้เชียวรึ?

พวกเขาเข้าแถวผลัดกันมาหยิบซาลาเปา และนำซาลาเปายัดเข้าปากกินอย่างหิวโหยโดยไม่สนภาพลักษณ์อะไรอีก

ช่วยไม่ได้ หลังจากทำงานมาทั้งวันก็หิวแล้ว!

อีกอย่างซาลาเปาหอมขนาดนี้ ไม่กินก็โง่แล้ว!

ไส้เต้าหู้เผ็ดแม้จะไม่มีเนื้อสัตว์ ทว่ามีรสชาติไม่น้อยหน้าไส้เนื้อแน่นอน เต้าหู้อ่อนนุ่ม นำมาปรุงรส สาดน้ำมันร้อนลงไป แล้วนำไปนึ่งในหม้อ รสชาติซึมซับเข้าไปถึงแกนเต้าหู้ด้านใน น้ำปรุงรสย้อมซาลาเปาจนเป็นสีแดง พอกัดลงไปก็มีน้ำมันไหลออกมา

เหล่าเหนียงเหนียงที่ถอนหญ้ามาทั้งวันถูกยัดซาลาเปาสองลูกไว้ในมืออย่างงุนงง ตอนแรกยังสำรวมไม่ยอมทาน ครั้นเห็นฝ่าบาทหยิบซาลาเปาสองลูกมานั่งเสวยโดยไม่สนภาพลักษณ์ พวกนางจะสนสิ่งใดอีก ก็กินไปสิ!

……

พระราชวังนั้นใหญ่โตมาก ขุดไถวันเดียวคงทำไม่เสร็จ จนทีมขุดพระราชวังมากมายต้องต่อสู้มาหลายวัน ครั้นเหล่าขุนนางกลุ่มหนึ่งได้ยินเข้าก็นั่งไม่ติด

ซู่หวางเฟยไถที่ปลูกผักในตำหนักอ่องซู่ไปแล้วไม่ว่า ตอนนี้แม้แต่ในพระราชวังนางก็ยังไถที่ปลูกผัก นี่มันไม่วุ่นวายไปทั่วแล้วรึ!

รากฐานของบรรพบุรุษ บอกจะขุดก็ขุดได้หรือ? นังหญิงสุรุ่ยสุร่าย!

ชายชรากลุ่มหนึ่งเข้าวังมาด้วยความโกรธ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรต้องร้องเรียนเฉียวเยี่ยนต่อฝ่าบาทให้ได้!

แต่เมื่อพวกเขาพุ่งเข้าไปในห้องทรงอักษรและถามว่าฝ่าบาทอยู่ที่ใด ขันทีน้อยก็ชี้ไปทางอุทยานอวี้ฮวา ซึ่งฝ่าบาททรงกำลังขุดดินอยู่!

เหล่าขุนนางต่างเป่าเคราถลึงตาจ้องไปทางอุทยานอวี้ฮวาจนแถบถลน เห็นฝ่าบาทแบกจอบขุดดินอย่างขยันขันแข็งอยู่ไกล ๆ ยังไม่ทันได้เปิดปากเอ่ย ก็ถูกยัดจอบใส่มือ

ฮ่องเต้พิงจอบแย้มสรวลอย่างมีความสุข “เหล่าอ้ายชิงมาได้จังหวะพอดี มาสนุกกับการปลูกผักในฤดูวสันต์กับเราสิ”

ไม่กี่วันมานี้เขาค้นพบประโยชน์ของการทำไร่ทำสวนอย่างแท้จริงแล้ว เขาก้มหน้าอ่านสาส์นตอบสาส์นมาหลายปีจนปวดตามหัวไหล่ แต่พอได้ขุดดินสองวัน ได้ขยับร่างกายทุกส่วน รู้สึกแค่ว่าทั่วร่างผ่อนคลาย ไหล่ไม่ปวดแล้ว เอวก็ไม่ปวดแล้วเช่นกัน ตอนค่ำนอนหลับก็หลับสนิทมาก

เหล่าขุนนางถือจอบมองตาปริบ ๆ ไม่ใช่สิ พวกเขามาคุยเรื่องสำคัญ พระองค์ยื่นจอบมาให้พวกเขานี่มันหมายความว่าอย่างไร!

ทว่าฮ่องเต้เฒ่าเริ่มทำงานแล้ว และถลึงพระเนตรจ้องมองพวกเขาอย่างดูแคลน

ท่านอัครเสนาบดีเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่น คำนับฮ่องเต้อย่างลึกซึ้งและกล่าวอย่างจริงใจ “ฝ่าบาท พระราชวังเป็นมรดกตกทอดจากฮ่องเต้องค์ก่อน ๆ สืบต่อกันมา เป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของประเทศ มิควรไถดินเลยพะย่ะคะ! ”

“ซู่หวางเฟยไถที่ในตำหนักอ๋องซู่ปลูกผักก็นอกลู่นอกทางไปมากแล้ว และจะปล่อยให้นางไถที่ในพระราชวังอีกได้อย่างไรพะย่ะคะ!”

……

ผู้เฒ่ากลุ่มหนึ่งพูดออกมาประโยคแล้วประโยคเล่า พูดอย่างจริงจัง น้ำมูกน้ำตาไหลเป็นทาง กล่าวให้ร้ายเฉียวเยี่ยนว่าเป็นปีศาจที่ทำร้ายประเทศและประชาชน และแทบอยากจะกำจัดออกไปในทันที

ฮ่องเต้กำลังขุดดินอย่างสนอกสนใจถูกรบกวนจนทนไม่ไหวก็ชะงักจอบ และถลึงพระเนตรเบิกโต “เราเป็นฮ่องเต้หรือว่าท่านเป็นฮ่องเต้กันแน่ ไม่มีเรื่องอันใดจะทำก็มาขุดดิน ไม่เห็นหรือว่าเรากำลังยุ่ง?”

เหล่าขุนนางต่างตกใจกับพระราชดำรัสของฝ่าบาทจนไม่กล้าพูดอะไรอีก แม้จะโกรธจนเป็นอึ่งอ่างพองลม ก็ทำได้เพียงถือจอบขุดดินอย่างสะเปะสะปะ

ฮ่องเต้มองทุกคนขุดดินแบบนั้นก็ไม่พอพระทัยอย่างยิ่งยวด แม้แต่หลานทั้งสองของเขาก็ยังเทียบไม่ติด!

เหล่าขุนนางที่ยื่นฟ้องไม่ได้แถมยังถูกสั่งให้ขุดดินทั้งวันก็หมดแรงเหมือนสุนัขหอบแดด พวกเขาเข้ามาในวังอย่างกระฉับกระเฉง ทว่าตอนออกจากวังกลับมีท่าทางกระเซอะกระเซิง

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้ว ทิศทางของเมืองหลวงได้เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนจนนอกลู่นอกทาง และแปลกประหลาด

ฝ่าบาทตกหลุมรักการทำสวน พวกเขาจะทำกระไรได้? หากไม่กลับบ้านไปไถที่ในจวน เพื่อเพิ่มความเกษมสำราญให้ฝ่าบาท

ขุนนางบางคนที่ดูตามทิศทางแนวโน้มยึดหลักสู้ไม่ได้ก็เข้าร่วม และได้วางแผนไถที่ในจวนเพื่อปลูกผักหรืออะไรสักอย่าง

ส่วนอันซีโหวฮูหยินที่เป็นแฟนตัวยงของเฉียวเยี่ยนได้เริ่มดำเนินการเรียบร้อยแล้ว นางพาทั้งครอบครัวไปขุดดินถางหญ้าตามวิธีที่เฉียวเยี่ยนสอนอย่างเข้มงวด และเข้าไปในหมู่บ้านลากปุ๋ยคอกมาสองคันรถ นำไปผสมในแปลงผักที่ขุดไว้

นางปลูกต้นพริกสองสามต้นที่เฉียวเยี่ยนมอบให้ไว้ในกระถางดินเผาสวยงาม และดูแลพวกมันเหมือนบรรพบุรุษทุกวัน กระทั่งเวลาเล่นกับหลานก็มีน้อยลง

แน่นอนว่าเมื่อมีกลุ่มคนเข้าร่วมการปลูกผัก ก็ย่อมมีผู้ที่ต่อต้านหัวชนฝา ชายชราหัวรั้นอวดรู้อย่างท่านอัครเสนาบดีกับองค์ชายองค์โตก็อยู่ในหมู่นั้น ไม่ช้าก็เร็วต้องทักทายเฉียวเยี่ยนด้วยคำสาปแช่ง แล้วคร่ำครวญว่าโลกกำลังวุ่นวาย

องค์ชายองค์โตไม่ชอบมู่ฉินเจินที่ปลูกผักตามเฉียวเยี่ยนอย่างยิ่ง เป็นไปตามคาด ยังไม่ทันได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็ถูกหญิงคนหนึ่งจูงจมูก และปล่อยให้นางคลุกคลีกับพวกขาเปื้อนโคลนทั้งวัน ไม่เพียงแต่ทำให้ราชวงศ์ขายหน้า แต่ยังเป็นที่ขายหน้าของเหล่าบุรุษด้วย!

ไม่ว่าเมืองหลวงจะมีขึ้นมีลงมากเพียงใด เฉียวเยี่ยนก็จดจ่อแค่การเป็นชาวนาตัวน้อยที่มีความสุขของนางเท่านั้น บางครั้งก็ไปตรวจดูที่ภัตตาคารเป็นครั้งคราว เพลิดเพลินไปกับความสุขจากการหาเงิน

พระราชวังส่วนหนึ่งถูกไถดินบุกเบิกพื้นที่ไปแล้ว และนางก็ทำตามแผนผังสวนที่วาดไว้ก่อนหน้านี้ แบ่งแปลงผักเป็นแปลงขนาดต่าง ๆ รอบนอกล้อมด้วยรั้วไม้ไผ่ ทางเล็ก ๆ รอบแปลงผักปูด้วยหิน จะได้ป้องกันไม่ให้รองเท้าเปื้อนขณะเหล่าผู้สูงส่งมาเที่ยวชม

คนบางส่วนยังคงไถดินอยู่แนวหน้า เฉียวเยี่ยนจึงพาคนที่เหลือไปหว่านเมล็ด ในช่วงวสันตฤดูมีผักมากมายให้ปลูกได้จริง ๆ แต่เมื่อพิจารณาถึงสวนผักในพระราชวังที่ยังต้องมีทิวทัศน์ให้ได้ชื่นชม ดังนั้นนางจึงพยายามอย่างมากในการปลูกผัก

แปลงผักต่างกันปลูกผักที่ไม่เหมือนกัน และต้องจัดผักสีต่าง ๆ ให้เหมาะสม การไล่ระดับสูงต่ำต้องพอดี เมื่อผักเจริญเติบโตขึ้นมา จะปรากฏสีสันหลากหลายดั่งภาพวาด

นอกจากปลูกผักแล้ว นางยังจัดสรรที่ดินจำนวนมากเพื่อปลูกมันเทศด้วย ฮ่องเต้เฒ่าตรัสว่าถึงเวลาส่งเสริมการปลูกมันเทศแล้ว ในเมื่อต้องแนะนำส่งเสริม ก็ต้องเริ่มจากในพระราชวังก่อนเพื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นทำตาม

เฉียวเยี่ยนจึงสั่งให้คนดึงเถามันเทศจำนวนมากจากเรือนกระจกในหมู่บ้านลวู่หลัวมา ตัดเถาให้สั้น และปักกิ่งลงบนแปลงเพื่อทำเป็นกล้าพันธุ์​

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ฝ่าบาทรัชกาลนี้คงมีพระชนมายุยืนยาวแน่ๆ​ เลยค่ะ​ ได้ออกกำลังกายทำสวนแทนที่จะนั่งๆ​ นอนๆ​ ตอบสาส์น​ เหล่าขุนนางเฒ่าดูเป็นตัวอย่างนะคะ​ เผื่อพวกท่านอยากจะแข็งแรงไม่อ้วนฉุลงพุงบ้าง

ไหหม่า​(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท