พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 15

ตอนที่ 15

บทที่2 ตอนที่6

อิน่านำทางเราไปยังมุมหนึ่งของย่านการค้า เนื่องจากมีพ่อค้าแม่ค้ามากมายจากหลายประเทศทำให้มีโรงแรมขนาดเล็กจำนวนมากที่นี่ไว้ให้สำหรับพักผ่อนมีตั้งแต่โรงแรมราคาถูกไปยันหรูหราเลยทีเดียว

โรงแรมที่โนโซมุเข้าไปเป็นโรงแรมที่มีชื่อว่า “เรือนร่างของโค”เห็นได้ชัดว่าชั้นหนึ่งของโรงแรมเป็นบาร์และดูเหมือนว่าชั้นสองจะเป็นส่วนของห้องพัก

「ที่นี่คือโรงแรมขนาดเล็ก “เรือนร่างของโค”ที่พวกเรากำลังบริหารอยู่」

อิน่าชี้ไปทางเข้าร้าน โนโซมุเดินตามเข้าไปเจอกับคุณป้าท่าทางใจดีกำลังต้อนรับพวกเราอยู่

「อุมุ กลับมาแล้วงั้นเหรอจ้ะอิน่า เจอมาร์ไหมจ้ะ?」

「กลับมาแล้วค่า ฮันนะ ก็จัดไปชุดใหญ่เลยล่ะคะ ก็ชอบทำตัวน่ารำคาญแบบนี้ แถมยังสร้างปัญหาด้วย และนั่นก็คือคนที่พี่เขาไปรบกวนไว้ค่ะ」

「อ่าา นั่นสินะจ้ะ ต้องขอโทษแทนลูกชายที่แสนงี่เง่านี่ด้วยนะที่ไปรบกวนเธอเข้า ดังนั้นรอนี่สักแป๊ปหนึ่งน้า」

「ไม่ล่ะครับ อย่าใส่ใจไปเลย ไม่ต้องสนใจข้าขนาดนั้นก็ได้ครับ」

「เป็นเด็กดีอะไรขนาดนี้กันนะ รอสักเดี๋ยวเถอะนะจ้ะ นี่! นี่แกไปรวกวนคนอื่นมาีกแล้วสินะ!! ไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอีกแล้ว!! มานี่เลยเจ้าตัวดี!!」

「จะจะจะจะจะจะเจ็บ!! ปล่อยนะยัยแม่บ้านี่!! บ้าเอ้ย!!」

จากนั้นคุณฮันนะดึงหูและลากหาไปในครัวและหลังจากนั้นเองก็ได้ยินเสียง “ตุบ” “โบ๊ะ”ก้องไปทั่วทั้งโรงแรม

◇◆◇

หลังจากนั้นไม่นานฮันนะก็กลับมาพร้อมถาดขนมปังและเนื้อสีน้ำตาลชุ่มช่ำ เสิร์ฟพร้อมสลัด

「นี่น่ะน้าาา เป็นอาหารที่ทาง “เรือนร่างของโค”ภูมิใจนำเสนอเลยนะจ้ะ สเต็กกระต่ายบ้านพร้อมสลัดผัก ถือซะว่าแทนคำขอโทษที่ลูกชายเจ้าปัญหาของฉันไปสร้างปัญหาให้เธอด้วยนะจ้ะ」

เธอพูดเช่นนั้นพร้อมกับเอาอาหารมาวางไว้ตรงหน้าข้า กลิ่นหอมๆของเนื้อกระต่ายและน้ำเกรวี่ไหลเยิ้มออกมากระตุ้นความอยากอาหารให้กับโนโซมุเป็นอย่างมาก ตอนนี้ก็ถึงเวลามื้อกลางวันพอดี โนโซมุเองก็หิวเช่นกัน

ฮันนะบอกกับโนโซมุว่า「ทานได้เลยไม่ต้องคิดมาก。」ดังนั้นเขาเลยหยิบจานที่เตรียมไว้ให้ทันที

กระต่ายบ้าน(アナウサギ)เป็นกระต่ายป่าที่อาศัยอยู่แถวๆนี้และตามชื่อของมันๆเป็นกระต่ายที่ชอบขุดหลุมและอาศัยอยู่ในนั้นราวกับบ้านของมันและถูกล่าอยู่บ่อยๆ

สเต็กกระต่ายบ้านนี่มีความนุ่มมากผ่านการอบมาอย่างดีและมีกลิ่นหอมของสาเกที่ใช้อบด้วย น้ำเกรวี่ที่ใช้ราดเองก็ให้รสชาติเข้มข้นจนเรียกได้ว่าจานนี้เพอร์เฟคสุดๆ

สลัดและขนมังที่ติดมาด้วยกันนั้นก็เข้ากันได้ดีมากกับเนื้อกระต่ายและดูเหมือนว่ายิ่งกินก็ยิ่งอยากอาหารมากขึ้นไปอีก

「ขอบคุณมากครับสำหรับอาหารมื้อนี้ อร่อยมากๆเลยล่ะครับ!」

เมื่อโนโซมุทานอาหารเสร็จในพริบตานั้น ฮันนะที่จ้องมองก็หัวเราะออกมาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข

「น่า น่า ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ! ไม่ต้องกังวลไป เพราะลูกบ้านั่นทำให้เธอเดือดร้อน อร่อยใช่ไหมล่ะ」

「ใช่แล้วล่ะ แต่เดิมพี่ชายก็ชอบสร้างปัญหาตลอดเวลา คุณโนโซมุไม่ต้องกังวลนะคะ แล้วทำไมจู่ๆเขาถึงเรียกคุณไปและจะฆ่าแกงแบบนั้นละคะ………………」

「เพราะลูกงี่เง่านั่นทำให้สามีฉันต้องลำบากไปด้วย ช่วยยกโทษด้วยจะได้ไหมจ้ะ?」

「อ่าาา ครับตอนแรกข้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเขาอยู่แล้วด้วย…………」

ก็จริงที่ข้าอาจจะโกรธไปบ้างเพราะเขาเข้ามาโจมตีแบบกระทันหันแต่หลังจากเห็นอิน่าดุพี่ชายของเธอแล้วแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ

「นั่นสินะ……ขอบคุณจริงๆ…………อิน่าจัง้ตองขอโทษด้วยนะจ้ะ แต่ว่าสามีฉันต้องเตรียมงานตอนกลางดึก ดังนั้นมาช่วยกันหน่อยได้ไหมจ้ะ」

「เอะ……อะ ค่ะ เข้าใจแล้ว」

อิน่าเข้าใจราวกับว่าฮันนะพยายามจะสื่ออะไรบางอย่างและหายเข้าไปในครัวพร้อมกับจานเปล่านั่น

「……โนโซมุคุงสินะจ้ะ? มีอะไรอยากจะคุยด้วยน่ะ…………ถ้าไม่รังเกียจขอเวลาสักครู่จะได้ไหม?」

「อยากจะคุยเรื่องอะไรเหรอครับ?」

「ก็เด็กสองคนนั้นไง มาร์กับอิน่าจัง เธอคิดยังไงกับสองคนนั้นเหรอ?」

「เอะ?」

โนโซมุรู้สึกปวดหัวทันทีเพราะอยู่ๆก็ไม่เข้าใจกับคำถามตรงหน้านั่น ยังไงก็ตามข้าก็พูดไปตามตรง เพราะจากสายตาของฮันนะดูแล้วจริงจังมาก

「……เอ่อ………ข้าเองก็คงพูดอะไรไม่ได้มากหรอกครับเพราะเพิ่งได้เจอกับอิน่าได้ไม่นาน แต่ข้าคิดว่าเธอเป็นคนที่เข้มแข็งเป็นอย่างมาก บางทีส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมาร์ด้วยครับ」

อิน่าสำหรับโนโซมุยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่าเธอเป็นคนที่เข้มแข็งและคอยไปไล่จับผิดพี่ชายของเธออยู่เสมอ

「เกี่ยวกับตัวมาร์……ข้าไม่รู้หรอกว่าเขาคิดยังไงกับข้ากันแน่ แต่ก่อนเขาไม่ค่อยสนใจข้าเลยแม้แต่น้อย…แต่ว่าตั้งแต่ขึ้นปี 3 ก็เริ่มทำตัวแปลกๆครับ」

มาร์ที่แพ้โนโซมุก่อนจะจบการสอบปลายภาคปี 2

ตั้งแต่นั้นมามาร์ก็ไม่เคยดูถูกโนโซมุอีกเลย

โนโซมุเองก็คิดว่าตัวมาร์เองก็เปลี่ยนไปอย่างมากเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด

อย่างไรก็ตามตอนที่ฮันนะได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้เธอก็หัวเราะออกมาราวกับเชื่ออะไรบางอย่าง

「นั่นไง……อย่างที่คิด」

「แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงครับ?」

「ฉันรู้ว่าสำหรับตัวเธอแล้วอาจจะสับสน แต่ฉันที่ได้ฟังเรื่องราวจากโนโซมุคุงแล้ว ก็เข้าใจเหตุผลทั้งหมดแล้วล่ะ」

「เหตุผลงั้นเหรอครับ…………………?」

「ใช่แล้วล่ะ………ตอนนี้เองเริ่มหายห่วงหมอนั่นละ อย่างน้อยเขาก็ยังมีคนที่สามารถเป็นเพื่อนได้อยู่นี่น่ะ」

「……เอะ หมายความว่ายังไงครับ?」

ฮันนะพูดออกมาอย่างมีความสุขแต่โนโซมุยังคงสับสนกับคำพูดของเธอ เธอดูร่าเริงขึ้นเล็กน้อย มาร์ที่แสดงท่าทางกับโนโซมุที่เปลี่ยนไปทำให้เธอคิดว่าเป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ

「น่าาา เอาจริงๆแล้วหมอนั่นไม่ได้เกลียดการที่เธอมาที่นี่หรอกนะ แต่ว่าบางทีเพราะหมอนั่นคงจะรู้สึกผิดในแบบของตัวเองนั่นละนะ?」

โดยปกติแล้วมาร์ไม่เคยพาใครมาที่โรงแรมที่เป็นบ้านของเขาเลย เพื่อนที่เขารู้ว่าไม่ดีจริงเขาก็จะไม่พามา แต่ว่าฟังจากเรื่องราวของเธอแล้วดูเหมือนว่าเขาจะยอมรับโนโซมุเป็นเพื่อน โนโซมุเองก็ตกใจเหมือนกัน

(อย่างน้อยเขาก็สำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองเคยทำกับข้าเอาไว้ ดูเหมือนว่าเขาไม่ใช่คนที่แย่ตามที่คิดไว้นะ…………)

อย่างน้อยสำหรับมาร์และโนโซมุในตอนนี้บรรยากาศยังคงคลุมเครือแต่ว่าจากการกระทำของมาร์แล้ว เขาพยายามปกป้องครอบครัวของตัวเองในแบบของเขาอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้โนโซมุรู้จักอีกด้านหนึ่งของตัวมาร์

◇◆◇

ย้อนเวลากลับไปตอนที่โนโซมุกำลังทานอาหารของฮันนะ มาร์อยู่กับพ่อที่ทำหน้าตาบึ้งตึงในห้องครัว

ชื่อของชายร่างยักษ์คนนั้นคือเดล สามีของฮันนะและเป็นเจ้าของร้านแห่งนีั

มาร์ที่เพิ่งโดนฮันนะเทศนาและในที่สุดก็หลุดพ้นสักทีเมื่อเดลทำอาหารเสร็จก็ส่งให้ฮันนะเอาไปให้โนโซมุ

อย่างไรก็ตามมาร์ที่นั่งหัวโนอยู่เพราะถูกฮันนะทุบด้วยกระทะเหล็ก จนน้ำตาไหล

「เฮ้อ แกคิดว่า…ตัวเองจะทำตัวแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหรกัน?」

「………………」

ตัวเดลเองประหลาดใจอย่างมากกับสิ่งที่มาร์ทำต่อโนโซมุ มาร์ที่ทำเกินเลยไปเองก็ได้แต่ทำแต่เงียบอยู่อย่างนั้น

「เป็นเพราะว่าเขางั้นเหรอช่วงนี้แกเลยทำตัวบ้าๆแบบนี้?」

「……………………」

「จากมุมมองของแกแล้ว บางทีแกคงจะ…………เด็กที่ชื่อโนโซมุคุงสินะ? เขาเอาชนะแกได้ใช่ไหมล่ะ?」

「อ่าาา!!」

มาร์ตกใจที่พ่อของเขารู้ความจริง ทั้งๆที่เขาไม่เคยบอกใครเลยแท้ๆ

「แกจะทำตัวแบบนั้นไปอีกสักกี่ปีกัน เมื่อไรจะมาช่วยงานที่บ้าน? แกรู้ไหมว่าข้าเนี่ยเหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็นเลี้ยงดูแกมาแต่แกทำแบบนี้เนี่ยนะ「ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยน่า!」?」

「……ข้าก็แค่อยากจะรู้ว่าหมอนั่นมันทำยังไงถึงได้แข็งแกร่งขึ้นขนาดนั้น……」

มาร์หันหน้าไปหาพ่อเขาและบ่นเช่นนั้น เดลที่ได้ยินเช่นนั้นก็「งั้นรึ……」

มาร์เองก็มักจะมีปัญหากับฮันนะและอิน่าบ่อยๆ ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงยึดมั่นในเกียรติไม่ยอมบอกพวกเธอ พยายามปกป้องพวกเธอเหล่านั้นอยู่ในเงามืดเสมอ

อย่างไรก็ตามเดลเองก็มีเรื่องหลายครั้งที่ต้องคุยกับเขาตรงๆ สำหรับมาร์ เดลเป็นพ่อที่ไม่มีใครมาแทนได้ในครอบครัวของเขาเรียกได้ว่าเป็น “พ่อที่มีความน่าเชื่อถือ”เป็นอย่างมาก เขานับถือพ่อคนนี้จริงๆ แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดก็ตาม……。

「แล้วทำไมแกถึงได้ไปทำตัวแบบนั้นกันล่ะ แค่ถามเขาตรงๆก็น่าจะพอแล้วนี่」

「………………ตอนนั้นพ่อเองก็เคยได้ยินนี่? ใครๆก็ต่างบอกว่าข้าเป็นคนแย่ๆไม่มีด้านดีๆสักอย่างเลย……」

เห็นได้ชัดมาร์ยังไม่อยากพูดอย่างตรงไปตรงมากับคนอื่น ถึงยังงั้นเขาก็ยังคงเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป นั่นละท่าทางตามปกติของเขา

「แกเองก็รู้ตัวนี่ว่าตัวเองแย่」

「นี่คิดว่าข้าโง่หรือไงกัน!」

「ไม่หรอก ข้าเองก็จับตาเฝ้าดูเจ้ามาตลอด แค่คิดว่าตัวเจ้ามีแมงกระพรุนไฟฟ้าฝังอยู่ในหัวปะเนี่ย…………」

「ไม่รู้วุ้ย!!」

มาร์หันหน้าแดงๆหนีออกไป แต่ว่ามาร์ที่เห็นเช่นนั้นก็โล่งอก

มาร์นั่นมักจะคบเพื่อนแย่ๆเสมอและก็ไม่เคยคิดว่าพวกนั้นเป็นพวกที่ไว้ใจได้เลยและพยายามกีดกันพวกนั้นออกจากที่แห่งนี้

บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ากังวลกับตัวเอง ถึงแม้ว่ามาร์จะเป็นคนน่ารำคาญ แต่เมื่อเขาเห็นอิน่า เขาก็ไม่เถียง และยอมให้พาโนโซมุมาด้วย แสดงว่ามาร์เองก็ยอมรับในตัวโนโซมุ

ยังไงก็ตามแมงกระพรุนไฟฟ้าเป็นสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในทะเล ขณะที่ตัวมันลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรมันจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกไปด้วยหนวดยาวๆของมันจนเหยื่อสลบไป

แม้ว่าตัวโตเต็มวัยของมันจะมีขนาดใหญ่พอๆกับผู้ใหญ่ แต่ว่ามันทำได้เพียงแค่ลอยไปตามทะเลดังนั้นจึงเป็นอันตรายน้อย

เดลรู้สึกดีใจที่มาร์หาเพื่อนได้ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นสิ่งที่เขาควรจะทำ

「…………อย่างน้อยแกก็ควรไปขอโทษในสิ่งที่แกเคยทำกับเขาเอาไว้นะ」

「เออ รู้แล้วละน่า…………」

เดลแสดงท่าทีผ่อนคลาย มาร์ที่ฟังเช่นนั้นก็พยักหน้ารับอย่างช้าๆ

◇◆◇

โนโซมุได้รับการปฏิบัติอย่างดี ดังนั้นเขาคิดว่าตัวเองมารบกวนมากเกินไปเขาเลยจะขอตัวกลับ

「รบกวนไว้เยอะเลยนะครับ แต่ว่าอาหารอร่อยจริงๆนะครับ」

「ไมเ่ป็นไรหรอก ไว้มาใหม่นะ อาหารมีให้ทานเยอะแยะเลยล่ะ อย่างอันนี้เองก็ด้วยนะ」

「คุณโนโซมุบางทีอาจจะต้องรบกวนอีกค่ะ ดังนั้นขอบคุณนะคะ」

เดลตอบกลับเช่นนั้นพร้อมกับยิ้ม อิน่าเองก็โค้งคำนับให้ข้า

「เออ ถ้างั้นมาร์แกเองก็สร้างปัญหาให้โนโซมุไว้มาก ดังนั้นก็ไปส่งเขาหน่อยสิ」

「เข้าใจแล้ว…………」

มาร์ตอบสนองต่อท่าทีของฮันนะ ที่กำลังทำท่าทางโกรธ เขาทำท่าทางขี้เกียจเล็กน้อย ข้าเองก็ขอบคุณและกลับหอพักพร้อมกับมาร์

ระหว่างทางทั้งสองยังคงเงียบ จนถึงตอนนี้ มาร์สร้างปัญหาให้โนโซมุไว้มากมาย แต่ว่าโนโซมุเองก็ไม่เคยบ่นอะไรเขา มาร์คิดว่ามันดูไร้เหตุผลจริงๆเลย

มาร์เองเป็นคนที่ทำลายความเงียบนี่ออกไป

「อ่าาา…ตลอดมาข้าทำไม่ดีกับแกมาโดยตลอด………」

มาร์เริ่มพูดขอโทษโนโซมุด้วยท่าทางเกร็งๆ

「เอ่อ อย่าใส่ใจไปเลยข้าเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักหรอก(อย่างที่คิดเขาเองก็เป็นคนดีใช่ว่าจะทำร้ายคนอื่นโดยไร้เหตุผล)」

โนโซมุเองจำได้ว่าอิน่าที่ทำร้ายจิตใจพี่ชายของเธอ มาร์ตอนนั้นเองน่าจะหนักเลยล่ะ

โนโซมุไม่สามารถคิดอะไรต่อไปจึงพูดต่อ

「…………ตอนนี้ คิดอะไรแปลกๆอยู่รึเปล่าเนี่ย?」

มาร์ถามโนโซมุที่กำลังทำท่าทีสับสนกับตัวเอง

「เปล่า สำหรับข้าแล้วน่ะนะ การโดนน้องสาวพูดทำลายจิตใจซะขนาดนั้นเป็นข้าเองก็คงทนไม่ไหวจนเศร้าเหมือนกัน ว่าแต่ทำไมถึงต้องทำให้น้องสาวผิดหวังขนาดนั้นละ?…………。」

「แกก! แกคิดแบบนั้นเองสินะ!! แกจำเรื่องพวกนั้นได้สนิทเลยสินะ?!!」

「เอ่อ เรื่องแบบนั้นเห็นต่อหน้ามันดูทำร้ายจิตใจอย่างหนักมันก็เลยจำได้แม่น…………」

「ลืมไปซะ! ลืมไปซะให้หมดเลย!! รีบๆลืมมันไปเดี๋ยวนี้เลย!!!」

「ฮะเฮ้ย!คิดจะทำยังไง!!!」

มาร์พุ่งเข้าหาโนโซมุโนโซมุก็พุ่งเข้าหามาร์ แต่ว่ารู้สึกว่าระยะห่างระหว่างสองคนนั้นสั้นลงแล้ว

(น่าคิดถึงจริงๆ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถพูดได้อย่างสบายใจเช่นนี้เหมือนอาจารย์)

สองคนนั้นเอะอะโวยวายอยู่หน้าประตู จากมุมมองแล้วไม่ว่ายังไงเพื่อนที่ดูเป็นคนเลวคนนี้ก็กลับมาสนิทกับข้าเสียแล้วซะนี่

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท