พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 12

ตอนที่ 12

บทที่2ตอนที่3

หลังเลิกเรียนโนโซมุก็มุ่งหน้ามายังสวนสาธารณะในเมืองอาร์คาซัม

สวนสาธารณะถูกสร้างขึ้นรอบๆสถาบันเพื่อจะให้นักเรียนได้ผ่อนคลายในวันธรรมดาๆและมีแผงขายของต่างๆมากมายในวันหยุดเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับเหล่าประชาชนในเมือง

เหตุผลที่โนโซมุมาที่สวนแห่งนี้ก็เพื่อคิดเรื่องต่างๆที่ผ่านมา

ขณะที่นอนอยู่บนม้านั่งในสวนนั้น ข้าก็คิดทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างอยู่หลายครั้ง

ตัวตนในอดีตของข้าและเส้นทางในอนาคต คำพูดสั่งเสียของอาจารย์และพลังของดราก้อนสเลเยอร์ในตัวเขา ความสัมพันธ์กับลิซ่า

แต่ไม่ว่าจะคิดมากแค่ไหนโนโซมุก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป แน่นอนสำหรับเขาใน “ตอนนี้”

เมื่อมองย้อนกลับไปการที่ข้าหนีมันมาตลอดแบบนี้ ต่อให้หนีต่อไปก็ไม่มีประโยชน์…………

โนโซมุย้อนนึกถึงเทียแมทที่สถิตอยู่ในร่าง ตัวตนที่สามารถกลืนกินและทำลายตัวตนของเขาได้ แม้หลังจากการต่อสู้กับชิโนะ มันก็ยังแสดงพละกำลังอันมหาศาลอยู่ภายในตัวเขา

ใบหน้าของโนโซมุนั้นบิดเบี้ยว สีหน้าที่ดูเจ็บปวดนั่น มองจากภายนอกก็รู้ได้

ตัวตนที่สถิตย์อยู่ในร่างของข้ามันมีพลังอันแข็งแกร่งเกินไป จนไม่รู้ว่าข้าควรจะทำยังไงต่อไป ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวข้าในอนาคต

สถานบันโซมินาติเองก็เป็นสถานบันที่ได้รับสนุนจากทุกประเทศเพื่อสรรหาทรัพยากรบุคคลที่กล้าแกร่ง หากตัวตนที่มีพลังอันท้วมท้นอย่างข้าเผลอหลุดปล่อยพลังสู่สาธารณชนอย่างที่อาจารย์บอกมันจะกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ จะต้องเกิดการห่ำหั่นเพื่อแย่งชิงตัวกันเป็นแน่

ตัวตนของดราก้อนสเลเยอร์ที่หายไปหลายร้อยปีกลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งละก็………。

สำหรับโนโซมุแล้ว เทียแมทนั้นเป็นปัญหาอันยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ปัญหาเพียงแค่ด้านพลังกายของเขา แต่รวมไปถึงตัวจิตใจของเขาด้วยเช่นกัน

◇◆◇

「คุณโนโซมุทำอะไรอยู่เหรอคะ?」

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเรียกโนโซมุที่กำลังคิดไม่ตก

ด้านข้างเขาคือเด็กผู้หญิงอายุ 10 ขวบ กำลังโอบกอดแมวดำที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ

「ดูเหมือนว่าเธอน่ะ จะมีเรื่องทุกข์ใจมากเลยนะคะ」

สาวน้อยคนนั้นดูท่าทางกังวลเป็นอย่างมาก โนโซมุรีบเปลี่ยนสีหน้าทันทีพร้อมกับยิ้มให้เธอ

「ฮะฮะฮะฮะ ไม่เป็นอะไรหรอกครับ โซเมียจัง」(TN:เป็นชื่อย่อของน้อนโลลินะ)

เธอมีชื่อว่าโซลมิเลียน่า

การพบกันครั้งแรกของโนโซมุก็คือตอนที่โนโซมุสอบขึ้นชั้นปี 3 ได้นั่นเอง

โนโซมุที่ออกไปเดินเล่นภายในเมืองช่วงวันหยุดเนื่องหลังจากการสอบย่อยถึงสามครั้ง สถานการณ์ในตอนนั้นเรียกได้ว่าลำบากแทบแย่กว่าจะผ่านมาได้

เขาที่แวะพักซื้อของแผงลอยในสวนสาธารณะ ก็ซื้อขนมปังยัดไส้ผักกับเนื้อ

ขณะที่กำลังเดินอยู่นั่นเองก็พบก็เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังมองไปบนต้นไม้สวนสาธารณะ

ไม่มีใครอยู่รอบตัวเธอคนนั้นเลยแม้แต่น้อย และดูท่าเด็กคนนั้นจะมีท่าทางกังวลเป็นอย่างมาก

ไม่มีทางเลือกอื่นโนโซมุเลยเดินเข้าไปหาเธอ พร้อมกับตะโกนเรียก

「เป็นอะไรไปงั้นเหรอครับ?」

「เอ่อ คือว่า」

เด็กสาวคนนั้นสังเกตเห็นโนโซมุก็จ้องมาทางเขา เธอดูท่าทางอายุราว 10 ขวบและมีผมสีดำขลับตัดสั้น ดวงตาสีดำที่ชวนน่าหลงใหล

อย่างไรก็ตามเธอเป็นคนที่ดูน่ารักสมวัยดีนั่นละ

「คือว่าจริงๆแล้วหนูกำลังเล่นอยู่กับคุโระจังค่ะ……」

เธอพูดเช่นนั้นพร้อมกับมองขึ้นไปบนต้นไม้

เมื่อโนโซมุมองขึ้นไปบนต้นไม้ก็พบกับแมวดำอยู่บนกิ่งไม้ ดูเหมือนว่าแมวดำตัวนั้นจะอยู่บนกิ่งไม้นั่นและเล่นกับอะไรบางอย่างอยู่

「เอ่อคือนั่นน่ะเป็นเครื่องประดับแขนของหนู แล้วหนูก็ชอบคุโระจังมาก อยากให้คุโระกลับลงมาจังเลยค่ะーーーー」

ดูเหมือนว่าเจ้าแมวดำตัวนั้นจะชอบเครื่องประดับแขนของเธอมากและเผลอคาบเครื่องประดับนั่นไปสินะ

「ช่วยไม่ได้นะครับ」

โนโซมุกัดขนมปังเข้าไปครึ่งคำและเริ่มปีนต้นไม้ แมวดำที่เห็นเช่นนั้นก็ตั้งหางชูชันราวกับกำลังขู่

「น่าอยู่นิ่งๆและเอาคืนมาเถอะนะ」

โนโซมุปีนขึ้นไปเหนือเจ้าแมวดำนั่นและพยายามจะจับตัวมันไว้แต่ว่า「เมี้ยวววววーーー」มันขู่พร้อมกับเอากรงเล็บมาข่วน

「นี่!! อย่าตื่นตระหนกไปสิ!!」

「เมี้ยววววว!」

แมวดำพยายามต่อต้านมากขึ้นและในที่สุดมันก็กระโดดเข้าหาเขา โนโซมุโดนเจ้านั่นข่วนเข้าให้

「จะจะจะจะจะจะเจ็บ!!! หนอยแน่ เจ้าแมวบ้า!!!!」

การดวลเดือดครั้งใหญ่ระหว่างโนโซมุกับเจ้าแมวได้เริ่มขึ้นแล้ว แมวดำนั่นวิ่งไปบนกิ่งไม้แคบๆ และดูเหมือนว่ามันจะเคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว โนโซมุพยายามจะเข้าไปจับแต่ทว่ากิ่งไม้เริ่มเสียสมดุล

ความสมดุลกำลังหายไปกิ่งไม้เริ่มแตกออกและในที่สุดก็เกิดเรื่องบ้าๆขึ้นนั่นคือกิ่งไม้หักนั่นเอง

「อูววววววว!!」

「เมี้ยวเมี้ยว!!!」

ด้วยแรงโน้มถ่วงทั้งโนโซมุแล้วแมวดำตัวนั้นต่างร่วงลงมา

อย่างไรก็ตามดูเหมือนเจ้าแมวดำนั่นจะปรับตัวได้ทันและรีบกระโดดเข้าสู่อ้อมอกของเด็กสาวคนนั้น ส่วนทางโนโซมุก็ล้มลงก้นจ้ำเบ้า เขาลงไปคลานกับพื้นแต่เจ้าแมวก็ยัง「เมี้ยว!」

ทำท่าจะขู่โนโซมุอยู่

「……อาาาา เอิ่ม…………เป็นอะไรไหมค่ะ?」

「…………หะหะหะ……ไม่เป็นไร」

โนโซมุลุกขึ้นพร้อมกับตอบเธอไปด้วยน้ำเสียงอ้อนแอ่นเล็กน้อย เธอมองมาที่ข้าด้วยความกังวลและดูเหมือนว่าโนโซมุจะนึกเรื่องสำคัญได้ขึ้นมาว่าทำอะไรลงไป

「เอ่อแล้วเครื่องประดับแขนของเธอล่ะ เป็นอะไรรึเปล่า?」

แมวดำนั่นยังคงคาบเครื่องประดับแขนของเธอไว้อยู่ ดูเหมือนจะไม่เป็นไร

「ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่ช่วยนะคะ」

เธอดูท่าทางโล่งอกเป็นอย่างมากรอยยิ้มนั่นเหมือนดอกไม้แรกแย้ม โนโซมุก็ยิ้มตอบเธอตามปกติ ท่าทางอันแสนบริสุทธิ์และไร้เดียงสานั่นนานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นแบบนี้ โนโซมุก็หวนนึกถึงชิโนะที่มีรอยยิ้มแบบนั้นเช่นเดียวกันก่อนที่เธอจะจบชีวิตลง

「อะ ขอโทษนะค้าาา ลืมแนะนำตัวเลยค่ะ หนูชื่อโซลมิเลียน่า เพื่อนๆต่างเรียกหนูว่าโซเมียค่ะ!」

「อะ ข้าเองก็ด้วยขอโทษด้วยนะ ข้าชื่อ โนโซมุ・เบลาตี้ จะเรียกว่าโนโซมุก็ได้นะ เอ่อว่าแต่ว่าข้าจะขอเรียกว่าโซเมียจังได้ไหม?」

「ค่ะ!ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณโนโซมุ!」

「ทางนี้ก็ด้วยฝากตัวด้วยนะ」

หลังจากแนะนำตัวเองทั้งคู่แล้วโฯโซมุก็สังเกตเห็นได้ว่า เสื้อของเธอเป็นเครื่องแบบของสถาบันอีคอร์ส

อีคอร์สเป็นสถาบันในเครือของสถาบันโซลมินาติเป็นสถาบันของเด็กที่มีอายุราวๆ 10 ขวบ

จุดประสงค์ที่ก่อตั้งก็คือเพื่อให้การศึกษาแก่เด็กที่มีความสามารถเพื่อเสริมสร้างให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถสูง ซึ่งรวมรวมมาจากทั่วทุกแห่งมาศึกษาที่สถาบันแห่งนี้

「โซเมียจังเป็นนักเรียนของสถาบันอีคอร์สเหรอครับ」

「ใช่แล้วค่ะ!สำหรับตอนนี้ก็ขึ้น ปี 5 แล้วนะคะ」

อีคอร์สนั่นมีถึงปี 6 นั่นหมายถึงว่าเธอเรียนอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาประมาณ 5 ปีแล้ว

การจะเข้าสู่สถาบันอีคอร์สได้แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่ถูกส่งตัวมาจากแต่ละประเทศ สำหรับโนโซมุแล้วมันเป็นที่ๆห่างไกลจากตัวเขาไปแบบหลุดโลกเลย

「แต่ว่าเท่าที่ดูแล้วคุณโนโซมุเองก็เป็นนักเรียนของสถาบันโซลมินาติสินะคะ!」

เธอมองมาพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใส

「อืม ข้าน่ะยังอ่อนด้อยอยู่เลยเป็นคนไร้ความสามารถก็ว่าได้ อยู่ห้องเรียนต่ำสุด ห้อง 10 น่ะ」

「เอาจริงๆ คุณโนโซมุเนี่ยเหมือนกับหนูเลยนะ!นอกเหนือจากนั้น!」

โซเมียตอบมาด้วยท่าทางเขินอายและแลบลิ้นออกมา เธอเป็นคนกล้าแสดงออก และเมื่อโนโซมุมองไปที่รอยยิ้มของเธอนั่นมีแรงดึงดูดแปลกๆ

(ดูเหมือนว่าโซเมียเนี่ยถ้าจะเข้ากับอันริได้อย่างดีเลยล่ะนะ。)

โนโซมุนึกถึงอาจารย์ประจำชั้นคนนั้น บุคลิกที่ดูเรียบๆ แต่ร่าเริงและสดใส โซเมียที่เปรียบเสมือนดอกทานตะวันน่าจะเข้ากับเธอได้เป็นอย่างดี

「อย่างไรก็ตามโซเมียน่ะมีเป้าหมายแล้วใช่ไหมว่าจะทำอะไรต่อน่ะ?สำหรับข้าแล้วตัวเองน่ะยังคง “อยู่กับที่” ไม่ยอมไปไหนสักทีเลยเนี่ยสิ」

「อ่าใช่แล้วละคะ! พี่สาวของฉันเนี่ยแหละคือเป้าหมายของหนูค่ะ!」

เมื่อถามเกี่ยวกับ”พี่สาว”โซเมียก็พูดเก่งขึ้นไปอีกและดูเหมือนเธอจะมีความสุขมากขึ้น 50%เลยนะจะบอกให้

“พี่สาวหนูน่ะแข็งแกร่งนะ” “แถมยังเป็นคนสวยอีกต่างหาก” “แถมยังเป็นคนใจดีมากๆด้วย”

เห็นได้ชัดว่าโซเมียน่าจะรัก “พี่สาว”ของเธอมากๆเลยล่ะก็เล่นอวยพี่สาวซะหัวชนฝาขนาดนี้

ในขณะเดียวกันข้าก็กังวลว่าโซเมียจัง จะถูกพวกคนแปลกหน้าลักพาตัวหรือโดนลอบทำร้าย

เท่าที่ฟังแล้วตัวเธอเองกับ “พี่สาว”มีหลายๆส่วนที่คล้ายกันอย่างมาก เธอบอกมาแบบนั้น

「แล้วเจ้าแมวดำตัวนี้ละ เล่นกับมันบ่อยเหรอครับ」

โนโซมุจ้องมองไปยังแมวดำที่อยู่ในอ้อมแขนของโซเมีย เจ้าแมวดำยังคงเล่นเครื่องประดับของเธอ ดูเหมือนว่าเครื่องประดับนั่นจะมีกระดิ่งเล็กๆติดไว้อยู่ด้วย แม้ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นแต่ดูแล้วน่าจะเป็นของมีค่าน่าดู

「เครื่องประดับแขนนั่นดูมีค่ามากเลยน่ะ มันคืออะไรงั้นเหรอครับ?」

「เอ่อ คือว่าเครื่องประดับแขนนี่น่ะเป็นของที่ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นค่ะ มันเป็นเหมือนตัวแทนสายสัมพันธ์กับครอบครัวที่มีมาแต่ช้านาน เป็นเครื่องรางที่บ่งบอกว่าไม่ว่าจะห่างไกลกันขนาดไหนพวกเราก็จะได้กลับมาพบกันอีกค่ะ」

「อืมมมม ฟังแล้วดูเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเธอมากๆเลยะสินะ เรื่องเล่านี่เองก็พลอยทำให้ข้าอมยิ้มไปด้วยเลย」

「ใช่ไหมละคะ!หนูน่ะเคยไปเจอมันอยู่ในโกดังของบ้านน่ะ แต่ว่าพี่สาวก็เป็นคนเอามาให้หนู! พี่สาวบอกว่านี่จะเป็นตัวแทนความสัมพันธ์ระหว่างสองเราแม้ต้องแยกจากกันก็ตามค่ะ」

เธอเล่าเรื่องของเครื่องประดับแขนนั่นด้วยท่าทางมีความสุขมาก อาจจะเป็นเหมือนธรรมเนียมประจำบ้านของเธอที่จะส่งต่อสิ่งของต่างๆจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อแสดงถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น

เธอที่กำลังพูดเช่นนี้นั้นก็หยิบเครื่องประดับแขนมาจากแมวดำนั่น เจ้าแมวดำตัวสั่นเล็กน้อย

「โถ่ว คุโระจังต้องแบบนี้สิ เด็กดีๆ」

เมื่อเธอหยิบเครื่องประดับแขนนั่น เจ้าแมวดำก็ทำท่าทางเหมือนจะงอแงเล็กน้อย แต่ก็คืนให้กับเธอแต่โดยดี

「ยังไงก็ตามเป็นแมวตัวผู้ที่ซนน่าดูเลยนะ」

「เออออ๋!」

「เพราะว่าหยิบของๆเจ้าของมาเล่นแบบนี้ แต่ก็ยังไม่พอใจเลยนี่น่ะ……」

「……เอ่อคือว่า…………」

โซเมียพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง

「เอ่อคือว่างี้นะคะ คุณโนโซมุ คุโระจังน่ะ……เป็นผู้หญิงน่ะ…………」

「…………เอ๋?」

「ก็บอกแล้วไงละคะ ว่าคุโระจังนะเป็นผู้หญิงนะ」

ดูเหมือนว่าเจ้าแมวดำตัวนี้จะเป็นตัวเมีย แต่ว่าท่าทางซุกซนของมันและดูใจกล้านั่นทำให้โนโซมุหลงผิดคิดว่าเป็นตัวผู้ซะอีก

(แล้วก็นะชื่อคุโระเนี่ยมันเป็นชื่อของผู้ชายไม่ใช่เหรอ)

「เอโตะ……ทำไมถึงตั้งชื่อให้มันว่าคุโระล่ะ?」

「เอ๋ ทำไมถามแบบนั้นล่ะคะ ก็เพราะว่าชื่อนี้มันฟังดูน่ารักดีนี่คะ?」

「…………อ่า นั่นสินะ」

เห็นได้ชัดเลยว่าเซนต์การตั้งชื่อของเธออยู่ในขั้น….

「โอ้ว แล้วก็เจ้าของๆคุโระจังไม่ใช่หนูหรอกนะคะ แต่คิดว่าน่าจะเป็นแมวไร้บ้านค่ะ」

จากที่เธอเล่ามาเธอพบมันแถวๆสถาบันอีคอร์สเป็นครั้งคราว จากนั้นเธอก็เริ่มเข้าไปเล่นกับมัน

「เอ๋ แมวไร้บ้านงั้นเหรอ? แต่ว่าดูเหมือนว่ามันจะชอบโซเมียจังมากๆเลยนี่ ดังนั้นก็เลยคิดว่าเป็นแมวของโซเมียจังซะอีก…………」

ตอนนั้นเองที่โนโซมุพยายามจะจับคุโระ

「เมี้ยววววววววーーー!!!!」

「จะเจ็บ!!」

ทันใดนั้นคุโระก็ข่วนมือของโนโซมุ

「อ่าาา เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ? คุโระจังไม่ค่อยคุ้นชินกับผู้ชายเท่าไรนอกจากหนูก็เลย」

「งั้นเองเหรอเนี่ย?」

「ค่ะ คุโระจังน่ะไม่ยอมเข้าใกล้กับผู้ชายคนไหนเลย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงละก็เธอโอเคนะคะ…………」

(ไม่ถูกกับผู้ชายงั้นเหรอเนี่ย……)

ดูเหมือนว่าเจ้าคุโระจะเข้าหาเฉพาะผู้หญิง เมื่อโนโซมุจ้องมองคุโระที่อยู่ในอ้อมแขนของโซเมียจังท่าทางมันดูสงบดี

เมื่อคุโระเห็นว่าโนโซมุพยายามจะเข้าใกล้ก็ “ขู่”ทันทีเลย

(หะหะ เจ้าแมวนี่!)

โนโซมุจ้องมองไปยังคนเจ้าปัญหาตัวนี้(แมวนะเหรอ?)ตอนนั้นเองข้าก็ไม่สนใจและเริ่มมองไปดูที่เครื่องประดับแขนของเธอ พยายามจะติดมันกลับที่เดิม

「 โม่ว คุโระจังละก็ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ!」

ดูเหมือนแมวก็มีสัญชาตญาณของมันเองสินะ

ระหว่างนั้นเองสงครามครั้งใหญ่ระหว่างที่โนโซมุพยายามติดประดับแขนให้กับโซเมียจังและคุโระที่อาละวาดไม่ยอมให้เข้าใกล้ กลายเป็นซึ่ง 2คน(1คน1สิ่งมีชีวิต)จะเข้าขากันน่าดู

◇◆◇

นี่คือการพบกันระหว่างโนโซมุและโซเมีย หลังจากนั้นข้าก็พบกับเธอบ่อยครั้งและได้พูดคุยกันเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามทุกๆครั้งที่เจอกันศึกไฝว้ระหว่าง 1 คน 1 สัตว์ก็ยังคงดุเดือดทุกที

「พูดถึงเรื่องนี้แล้ว โซเมียใกล้วันเกิดเธอแล้วล่ะ」

「นั่นสินะคะ! หนูจะอายุ 11 ขวบแล้วค่ะ!」

เธอยิ้มอย่างมีความสุขแต่ในวินาทีถัดมารอยยิ้มก็จางหายไป

「แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นวันเกิดของหนู แต่ท่านพ่อก็ยังไม่กลับมาเลยค่ะ」

จากที่ได้ยินมาพ่อของเธองานยุ่งมากและไม่ค่อยกลับมาที่บ้านเท่าไร ดูเหมือนว่าแม่เธอจะเสียชีวิตไปแล้วและเธอเหลือพี่สาวเพียงคนเดียว

「แต่ว่าพี่สาวก็จัดงานวันเกิดให้นะคะ!」

และโซเมียก็กลับมายิ้มอีกครั้งโดยเก็บความเหงานั้นไว้ในอกและทำตัวร่างเริงตามปกติ

(……เป็นเด็กที่เข้มแข็งจริงๆเลยนะ……)

เมื่อข้าคิดได้เช่นนั้นตอนที่ข้าอยู่กับเธอ เธอคงจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าพวกพ่อแม่ก็ได้ ดูจากบรรยากาศของเธอแล้ว โนโซมุที่เห็นทั้งด้านที่น่าประทับใจและเศร้าสร้อยในเวลาเดียวกันของตัวเธอเองนั้น เห็นแล้วมันช่างปวดใจ ไม่มีใครอยู่เคียงข้างเธอยามที่เธอต้องการได้

โนโซมุย้อนนึกถึงตัวเอง เขาเองก็เป็นพวกโดดเดี่ยวในสถาบัน ไว้ใจใครไม่ได้ ทุกคนต่างเมินหนีข้าไปหมด และต่างโดนกรนด่าและยั่วยุมากมาย

ทุกๆครั้งที่เป็นแบบนั้นยามใดที่ข้าเศร้าสร้อยข้าจะนึกถึงคำๆนั้นเสนอ คำที่อาจารย์พูดออกมาว่า「ยินดีต้อนรับกลับนะ เจ้าศิษย์โง่」ที่คอยเป็นกำลังใจให้กับข้า

ข้าจดจำคำพูดเหล่านั้นไม่มีวันลืมเลือน

หัวใจของข้าที่แข็งกร้าวเหมือนน้ำแข็งลูกใหญ่ ถูกละลาย และทำให้ข้าร้องไห้ออกมา

“เจ้าไม่ได้ตัวคนเดียว”ข้ารู้สึกเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา

ต้องขอบคุณอาจารย์จริงๆที่ยอมรับตัวข้า ดังนั้นข้าเลยพอที่จะตอบรับความคาดหวังของคนอื่นๆได้บ้างแล้ว

ข้าจะพูดคุยกับคนอื่นๆด้วยความแข็งแกร่งที่ข้ามี เผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความจริงใจ

และอาจารย์เองก็ได้สอนบางสิ่งที่สำคัญที่สุด……………นั่นคือการที่ให้ข้าก้าวเดินไปข้างหน้า

◇◆◇

「ถ้าถึงวันเกิดโซเมีย โซเมียอยากจะได้อะไรเป็นของขวัญงั้นเหรอ?」

「เอ่อ นั่นสินะคะ!!」

เธอถามออกมาด้วยรอยยิ้ม บางทีเธอไม่คิดว่าโนโซมุจะเตรียมของขวัญให้

「อืมมมม ข้าเองก็ให้อะไรที่มันใหญ่ๆไม่ได้ แต่ก็มีของดีๆจะให้นะ」

「จริงเหรอคะ! หนูจะตั้งตารอนะคะ!!」

ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งความเงียบเหงาอีกต่อไป ตอนนี้ตัวเธอเปล่งประกายดั่ง “ดวงอาทิตย์”

(ดีแล้วล่ะนะ ไม่มีใครอยากเห็นเธอที่เข้มแข็งต้องมาเศร้าหรอกนะ)

โนโซมุโล่งใจเและรู้สึกสบายใจเมื่อเห็นรอยยิ้มนั่น

◇◆◇

「ยังไงก็ตามวันนี้จะเอายังไงดีล่ะ?」

ถึงเวลาเลิกเรียนของสถาบันอีคอร์สและโนโซมุก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโซเมียถึงมาอยู่ที่นี่

「อื้อคือว่านะ วันนี้หนูจะมารับพี่สาวค่ะ!」

(เอ่อจะว่าไปก็เคยได้ยินเรื่องพี่สาวเธอมามากเหมือนกัน คนที่เธอชื่นชมเอามากๆนั่น แต่ว่าข้าก็ไม่เคยได้ยินรายละเอียดอย่างชัดเจนเลย)

เห็นเธอออกมาจากสวนสาธารณะของสถาบันเช่นนี้ก็คิดได้ว่าตัวพี่สาวเธอต้องอยู่ในสถาบันนี้แน่ๆ

「โซเมียจัง พี่สาวอยู่ที่สถาบันโซลมินาติเหรอครับ?」

「อืม พี่สาวน่ะเป็นนักเรียนที่สถาบันโซลมินาติเหมือนคุณโนโซมุล่ะ!」

「งั้นเหรอ(เอะ เดี๋ยวก่อนนะ)」

โนโซมุจ้องไปยังโซเมีย ผมสีดำนัยน์ตาสีดำขลับและภาพลักษณ์ที่ดูมีความเป็นกุลสตรี โนโซมุเหมือนเคยเห็นภาพแบบนี้ที่ไหนในสถาบันนะ

「นี่โซเมียจังหรือว่าพี่สาวของเธอคือ「โซเมีย ขอโทษที่ทำให้รอนะจ้ะ」」

เมื่อโนโซมุหันไปตามเสียงก็ตัวแข็งทันที

ผมสีดำขลับยาวตรงจนถึงเอว ท่าทางที่ดูเรียบร้อยสมหญิงและดวงตาสีดำสนิทชวนน่าหลงไหล ใบหน้านั้นดูสง่างามและรูปลักษณ์ที่ดูได้รูปนั่นราวกับได้รับพรจากเทพธิดาก็มิปราณ

นั่นคือ ไอริสดิน่า・ฟรานซิส ซึ่งเป็นนักเรียนอันดับหนึ่งของปี 3 แห่งสถาบันโซลมินาติ

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท