ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 85 เฉียวเยี่ยนเดินทางไปหาคนที่รัฐฉู่

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 85 เฉียวเยี่ยนเดินทางไปหาคนที่รัฐฉู่

ตอนที่ 85 เฉียวเยี่ยนเดินทางไปหาคนที่รัฐฉู่

เด็กทั้งสองยังเรียนอยู่ที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน พอตอนบ่ายกลับบ้านมาถึงได้รู้ว่าบิดาจากบ้านไปแล้ว

เจ้าปลาอ้วนเบะปากร้องไห้ออกมาทันที และร้องโวยวายว่าจะหาท่านพ่อ จนเฉียวเยี่ยนต้องอุ้มโอ๋อยู่นานถึงจะปลอบเด็กน้อยได้

หลังมู่ฉินเจินจากไป บรรยากาศภายในตำหนักอ๋องซู่ก็คล้ายกับอึมครึมลงไปมาก เฉียวเยี่ยนรอจดหมายตอบกลับของเขาทุกวัน ในที่สุดก็ได้รับจดหมายมาหลังจากที่เขาจากไปเจ็ดวัน

พวกเขาใช้เวลาสามวันในการไปถึงรัฐฉู่ หลังจากไปถึงแล้วก็รีบเขียนจดหมาทันที ทว่าระหว่างส่งมาก็ล่าช้าไปสี่วัน นางได้รับจดหมายอีกทีก็เป็นเวลาหลังจากนั้นเจ็ดวันแล้ว

ส่วนสถานการณ์ในที่ประสบเหตุ เขาไม่เขียนถึงเลย เขียนแค่ว่าเขาสบายดี บอกนางกับลูกไม่ต้องเป็นห่วง แต่เฉียวเยี่ยนรู้ ยิ่งเขาไม่พูด ก็แสดงว่าเรื่องมันร้ายแรงมาก

นางให้ลุงฉูดูแลผู้ส่งสารที่ส่งจดหมายมาให้ดี ๆ และก็รีบเขียนจดหมายตอบกลับมู่ฉินเจิน

เมื่อเด็กทั้งสองรู้ว่าบิดาส่งจดหมายมา ก็สุมหัวกันดูทันที เสี่ยวฉวนเอ๋อร์สามารถเข้าใจได้ ทว่าเจ้าปลาอ้วนกลับไม่รู้จักไปแล้วหกเจ็ดตัวอักษรในสิบอักษร จึงกังวลใจจนน้ำตาจะไหล เสี่ยวฉวนเอ๋อร์จึงทำได้เพียงอ่านออกมาให้นางฟัง

ในขณะที่เฉียวเยี่ยนเขียนจดหมาย ก็ถามลูกทั้งสอง “พวกลูกมีอะไรอย่างบอกท่านพ่อหรือไม่?”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์สูดน้ำมูก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็กเล็ก “ท่านพ่อต้องกินอาหารดี ๆ ห้ามปล่อยให้หิว แล้วก็ต้องระวังความปลอดภัยด้วยนะเจ้าคะ”

เด็กน้อยขยับปากกล่าวออกมาไม่น้อย เฉียวเยี่ยนก็เขียนคำพูดนางลงไปในกระดาษทั้งหมด คำพูดของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์มีไม่มาก บอกแค่เพียงประโยคเดียวว่าดูแลตัวเองให้ดีๆ ทว่าความชอบกับความเป็นห่วงที่มีต่อบิดาในใจเขานั้นไม่น้อยไปกว่าน้องสาวเลย

ผู้ส่งสารพักอยู่ในตำหนักอ๋องซู่คืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นก็เดินทางไปส่งจดหมาย เฉียวเยี่ยนสั่งคนให้เตรียมของแห้งให้เขาไปกินระหว่างทางไม่น้อยเลย

มู่ฉินเจินไปสงเคราะห์ผู้ประสบภัยถึงเขตทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ใครหลายคนต่างนั่งไม่ติด อยากคว้าโอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้ทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเมืองหลวงได้

มู่ถิงเฉิงเริ่มวางแผนตั้งแต่มู่ฉินเจินออกจากเมืองหลวงในวันนั้น และแอบส่งมือสังหารจำนวนมากไปยังรัฐฉู่

หากอ้างว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติโหดร้ายจนอ๋องซู่จมอยู่ใต้ดินโคลนถล่ม เป็นเช่นนี้ก็น่าจะสมเหตุสมผล

และคนที่มีความคิดเดียวกับเขาก็ยังมีอีกหนึ่งคน

……

ในดงไผ่อันเงียบสงบ คุณชายร่างผอมเพรียวในชุดขาวคนหนึ่งกำลังดีดฉิน ผมดำขลับครึ่งหนึ่งของเขาถูกรวบขึ้นไว้หลวมๆ ผมที่เหลือกระจายอยู่ประบ่า เรียวคิ้วตรงทรงดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว จมูกโด่งคมสัน ทว่าใบหน้าขาวซีดทำให้เขาดูมีบุคลิกละมุมละไม แต่เมื่อเพ่งมองดี ๆ ก็จะพบว่าเขามีหน้าตาละม้ายคล้ายมู่ฉินเจินไปสามส่วน

เสียงฉินสูงต่ำเสนาะหูดังก้องไปทั่วดงไผ่ เคล้าคลอกับเสียงน้ำไหลแผ่วเบา บุรุษผู้นี้ดูสงบเรียบนิ่ง นิ้วเรียวยาวดีดสายฉินอย่างคล่องแคล่วฉับไว หากมีใครมาเห็นภาพนี้ คงจะอุทานว่าบุรุษที่ไหนกันช่างหล่อเหลางดงามยิ่งนัก

เสียงฉินดังขึ้นแล้วก็หยุดลงกลางคัน ก่อนที่องครักษ์ชุดดำคนหนึ่งจะเดินเข้าไปใกล้ คุกเข่าลงหนึ่งข้างทำความเคารพ และเอ่ยรายงาน “นายท่าน คนขององค์ชายใหญ่เริ่มเคลื่อนไหวแล้วพะย่ะค่ะ”

ชายชุดขาวท่าทางอ่อนโยนยิ้มบางเบา “แจ้งคนของเราว่าอย่าเปิดเผยตัวตน และให้แอบช่วยเขาอีกแรง”

ในเมื่อมีคนเต็มใจเป็นผู้นำ เช่นนั้นเขาก็จะเป็นผู้คอยสนับสนุนที่ดีอยู่เบื้องหลังเอง……

มู่ฉินเจินจากมาใกล้จะเดือนหนึ่งแล้วยังไม่กลับบ้านมาเลย เขามักจะเขียนจดหมายกลับมาเสมอ และมักจะรายงานสภาพที่ประสบภัยต่อราชสำนัก

แผ่นดินไหวสงบลงแล้ว คนของทางการกำลังเริ่มเข้าช่วยเหลือ มีคนบาดเจ็บล้มตายมากมาย ทว่าปัญหาที่แก้ยากยิ่งคือแผ่นดินไหวได้ทำให้คันกั้นน้ำริมตลิ่งแตกร้าว แม่น้ำไหลเชี่ยวกราก เพิ่มความยากในการเข้าช่วยเหลือยิ่งขึ้นไปอีก

เสบียงชุดแรกของราชสำนักใกล้จะหมดลงแล้ว ขณะที่เสบียงชุดต่อมาอยู่ในขั้นจัดเตรียม ไม่รู้ว่าแนวหน้าจะยืนหยัดไปได้อีกกี่วัน

หลังจากเฉียวเยี่ยนรู้สถานการณ์นี้ นางก็บริจาคมันเทศที่เหลือทั้งหมดในเรือนกระจกให้ และสั่งให้คนเก็บผักกาดขาว ถั่วฝักยาว แตงต่าง ๆ ที่ทนต่อการขนส่งมาไม่น้อย ใช้ฟางปูไว้ในกล่องหนา ๆ เพื่อลดความเสียหายต่อผัก

นอกจากบริจาคผักแล้ว นางก็จ่ายเงินไปไม่น้อย เพื่อซื้อเสบียงหลายคันรถส่งไปยังรัฐฉู่ เมื่อฝ่าบาทรู้ว่าเฉียวเยี่ยนเคลื่อนไหว ก็ชื่นชมนางต่อหน้าเหล่าขุนนางจำนวนมาก ซึ่งมีขุนนางหลายคนเข้าร่วมบริจาคไม่น้อย

แน่นอนว่า ในนั้นมีคนทำเพื่อผู้ประสบภัยอย่างจริงใจ แต่ก็มีบางคนถือโอกาสนี้จับปลาในน้ำขุ่นเพื่อดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้

เวลานี้ ขุนนางหลายคนได้แอบแข่งขันกัน หากบ้านนั้นบริจาคเสบียงอาหาร เช่นนั้นพวกเขาก็บริจาคเครื่องนุ่งห่ม บ้านเขาบริจาคหนึ่งพันตำลึง เช่นนั้นพวกเขาจะบริจาคสองพันตำลึง!

เสบียงหลายชุดถูกขนส่งไปยังรัฐฉู่ มู่ฉินเจินเองก็ตอบข่าวกลับมาดีขึ้นทุกวัน บางทีอีกไม่นาน ภัยพิบัติครั้งนี้ก็จะสิ้นสุดลง

ทว่า!

ช่าวดียังไม่ทันส่งมาถึง ข่าวร้ายกลับมาถึงเมืองหลวงเสียก่อน…มู่ฉินเจินหายตัวไป!

ในวันที่สามสิบสี่หลังจากมู่ฉินเจินออกจากเมืองหลวง องครักษ์ใต้บังคับบัญชาของเขาคนหนึ่งรีบส่งม้าเร็วกลับมารายงาน

ท่านอ๋องได้หายตัวไปในระหว่างตรวจดูการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ซึ่งจู่ ๆ พื้นดินตรงริมตลิ่งก็เกิดยุบตัวลง ทำให้ท่านอ๋องตกลงไปในน้ำและถูกกระแสน้ำพัดพาไป หามาหลายวันแล้วก็ยังไร้ร่องรอย

ครั้นเฉียวเยี่ยนได้ยินข่าวนี้ สมองนางก็พลันขาวโพลนไปหมด สูญเสียความสามารถในการคิดไปจนสิ้น ตัวสั่นเทาไปทั่วร่าง ไม่อยากคิดถึงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดเลย

ไม่หรอก เขาเก่งกาจขนาดนั้น ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก!

นางปลอบใจแล้วปลอบใจเล่า ฝืนบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว นางก็ตัดสินใจเดินทางไปหาเขาที่รัฐฉู่ด้วยตัวเอง!

ลูกทั้งสองยังเล็กนัก เฉียวเยี่ยนจึงไม่ให้พวกเขารู้เรื่องของมู่ฉินเจิน และพาพวกเขาส่งเข้าวังกลางดึก ให้ฮ่องเต้กับฮองเฮาคอยช่วยดูแล

หลังจากที่ฮองเฮารู้ข่าวว่าพระโอรสของตัวเองหายตัวไป พระนางก็คล้ายกับแก่ลงไปสิบปีทันที พระอัสสุชลไหลออกมาจนแทบจะเหือดแห้ง ทั้งยามนี้พระสุณิสาก็จะไปที่รัฐฉู่อีก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพระนางก็ไม่ให้นางไปแน่นอน

หากเกิดอะไรขึ้นกับพระโอรสจริง ๆ นางย่อมไม่มีวันให้เกิดเรื่องอะไรกับพระสุณิสาไปอีกคนแน่นอน!

แต่เฉียวเยี่ยนกลับตัดสินใจจะไปให้ได้ ไม่ว่าพระนางจะพูดอย่างไร นางก็ตัดสินใจจะไปที่รัฐฉู่ด้วยตัวเองสักรอบ มีชีวิตอยู่ก็ต้องเห็นคน ตายก็ต้องเห็นศพ นางต้องหามู่ฉินเจินให้เจอให้ได้!

เมื่อเด็กทั้งสองรู้ว่ามารดาจะไปหาบิดาก็กอดนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย พวกเขาไม่ได้เจอผู้เป็นพ่อมานานแล้ว และไม่อยากให้แม่ต้องหายไปด้วย

เฉียวเยี่ยนกอดเด็กทั้งสองอย่างอาลัยอาวรณ์ พลางหอมครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วกล่อยอยู่นานถึงจะกล่อมพวกเขาได้

วันที่สิบสามเดือนเจ็ด เฉียวเยี่ยนบอกลาฮ่องเต้ฮองเฮากับเด็กทั้งสอง พกสัมภาระธรรมดาไป และควบม้าทะยานออกไปไกล

หลังควบม้ามาตลอดทางติดต่อกันสามวัน ในที่สุดก็มาถึงอำเภอฉีหมิงแห่งรัฐฉู่ มู่ฉินเจินหายตัวไปในแม่น้ำฉี ซิ่งเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในอำเภอฉีหมิง

ทันทีที่นางเข้าไปในอำเภอ เกาจัวหยวนได้รอนางอยู่แล้ว ยังไม่ทันได้พักดื่มน้ำอะไร ก็รีบไปที่ริมแม่น้ำฉีทันที

วันนี้เข้าสู่วันที่หกหลังมู่ฉินเจินหายตัวไปแล้ว พวกเกาจัวหยวนค้นหาอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดคืน หามาแล้วหกวันก็ยังไม่มีข่าวใด ๆ เลยแม้แต่น้อย จนองครักษ์อย่างพวกเขาผ่ายผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ครั้นเห็นเฉียวเยี่ยนมา เหล่าองครักษ์ต่างขอบตาแดงก่ำราวกับเห็นครอบครัว และสะอึกสะอื้นออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่ไหว พวกเขากลั้นความรู้สึกเอาไว้หลายวัน ในเวลานี้กลับกลั้นไม่ไหวแล้ว

ชายร่างใหญ่หลายคนร้องไห้เหมือนเด็กน้อย เฉียวเยี่ยนสูดน้ำมูก ลำคอขมขื่น แต่ก็ฝืนตัวเองเพื่อกลั้นเอาไว้ และตำหนิอย่างรุนแรง “จะร้องไห้ทำไมกัน! ท่านอ๋องต้องรอพวกเราอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่!”

“ทั้งหมดฟังคำสั่งข้า พักอยู่ที่นี่หนึ่งชั่วยาม อีกหนึ่งชั่วยามออกเดินทางไปหาคนกัน!”

พวกองครักษ์ปาดน้ำตาบนใบหน้า ยืนตัวตรง และขานรับด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง “ขอรับ!”

พวกเขาจะร้องไห้ไม่ได้! หวางเฟยยังไม่ร้องเลย พวกเขายิ่งไม่ควรร้องใหญ่ ท่านอ๋องยังรอพวกเขาอยู่!

วันนี้อากาศปลอดโปร่ง ทว่าโคลนบนพื้นยังไม่แห้ง มีคนสองสามคนหาทุ่งหญ้าสะอาด และนอนหลับไปโดยไม่สนใจว่าพื้นจะเปียกหรือไม่

หลายวันมาแล้วที่ไม่ได้หลับตา องครักษ์หลายคนถึงกับนอนหลับไปกับพื้น และกรนออกมา

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ชายชุดขาวคนนี้คือใครกันนะ ศัตรูเก่าของท่านอ๋องเหรอ?

เฉียวเยี่ยนตามหาท่านอ๋องให้เจอนะ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน