ตอนที่ 128 หนี้ที่บิดาก่อลูกต้องชดใช้คืน
ตอนที่ 128 หนี้ที่บิดาก่อลูกต้องชดใช้คืน
นำปลามาหั่นเป็นแฉกๆ หมักด้วยเครื่องปรุง สุดท้ายก็เสียบบนกิ่งไม้ที่พวกเกาจัวหยวนตัดมาแล้วเริ่มย่าง
ในขณะที่ย่างปลา ก็เสียบเนื้อที่หั่นเป็นแผ่นกับกิ่งไม้ที่เหลาแล้ว และย่างไว้บนกองไฟ
เนื้อย่างร้อนฉ่าฉ่ำน้ำมัน ส่งกลิ่นหอมกรุ่น เมื่อโรยผงปิ้งย่างลงไปกลิ่นก็จะยิ่งหอมชัดเจนขึ้น ทำให้คนที่อยู่รอบๆ ต่างหิวโหยจนลอบกลืนน้ำลาย
ผงปิ้งย่างเป็นสินค้าอย่างหนึ่งของโรงงานเฉียวจี้ โดยใช้ผงพริกกับเครื่องเทศต่างๆ มาผสมกันตามสัดส่วน ในตอนที่ย่างเนื้อหรือย่างผักให้โรยลงไปเล็กน้อย กลิ่นก็จะหอมเตะจมูกมาก
ปลาอวบอ้วนมาก และมีเนื้อค่อนข้างหนา จึงต้องใช้เวลาย่างนาน ทุกคนเลยกินเนื้อย่างไปพลางๆ ขณะรอให้ปลาสุก และเฉียวเยี่ยนก็เก็บเนื้อย่างสองสามไม้ไว้ให้มู่ฉินเจินด้วย
ในระหว่างที่รอปลาสุก ก็มีคนเดินตามกลิ่นเข้ามา เว่ยอวิ๋นซูดูสตรีเหล่านั้นเต้นรำต่อสู้กันทั้งต่อหน้าและลับหลังก็รู้สึกเบื่อมาก จึงเงยหน้ามองหาร่างเฉียวเยี่ยน แต่กลับไร้วี่แวว
นางนั่งกระสับกระส่ายไปมาบนที่นั่งเพื่อฆ่าเวลา แต่ทันใดนั้นกลิ่นเนื้อหอมกรุ่นก็โชยมาล่อลวง นางจึงแอบลุกจากที่และตามกลิ่นนั้นไป
เมื่อไปถึงที่นั่นก็เห็นเฉียวเยี่ยนกำลังชวนคนอื่นกินเนื้อ นางจึงพุ่งเข้าไปอย่างไม่สำรวมทันที
“เฉียวเฉียว เจ้ากินเนื้อไม่เรียกข้าเลยนะ ช่างทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน!”
เฉียวเยี่ยนเห็นนางแล้วก็รีบโบกมือให้ เชิญนางนั่งลง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าเจ้าชอบดูการแสดงพวกนั้นเสียอีก เลยแอบออกมาคนเดียว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เว่ยอวิ๋นซูก็ทำหน้าไม่ชอบใจ “ใครจะชอบดูสตรีบ้าดุจนางปีศาจเหล่านั้นกัน หากหาใช่เพราะมารดาข้าลากข้าไว้ ข้าคงหนีออกไปนานแล้ว”
คำพูดนี้เป็นความจริง นางมีนิสัยชอบอิสระมาตั้งแต่กำเนิด มิสู้ให้นางไปขี่ม้าเล่นยังจะมีความสุขเสียกว่า
เฉียวเยี่ยนฟังนางบ่น ในขณะที่มือก็ขยับย่างเนื้อให้นางหนึ่งไม้ และส่งให้นาง
เว่ยอวิ๋นซูคุ้นเคยกับเนื้อย่างเป็นอย่างดี พวกชาวบ้านทางซีเป่ยเลี้ยงปศุสัตว์จำนวนมาก และมีอาหารหลักเป็นเนื้อ ซึ่งเนื้อย่างก็เป็นวิธีทำอาหารกินอย่างหนึ่งที่พบได้บ่อยในนั้น
แต่เนื้อที่เฉียวเยี่ยนย่างเหมือนจะมีรสชาติที่พิเศษ เผ็ดฉุนขึ้นจมูก แถมยังชาลิ้น เทียบกับเครื่องเทศพิเศษที่พวกชาวบ้านเลี้ยงสัตว์ในซีเป่ยใช้แล้ว ยิ่งถูกปากนางมา
นางเพิ่งเคยได้ลิ้มรสเผ็ดหลังจากกลับซีเป่ยมาเมืองหลวง ทันทีที่มาถึงจวนก็พบว่าจวนทั้งหลังได้เปลี่ยนไปแล้ว สวนที่แม่ของนางมองว่าเป็นสมบัติก่อนหน้านี้ถูกไถทำเป็นแปลงผัก แม้แต่พืชพรรณในไม้กระถางก็ถูกเปลี่ยนและเรียกว่ากระถางพริก
นางคิดว่าแม่นางผิดปกติ แต่หลังจากได้ลิ้มรสพริกแล้ว นางก็ล้มเลิกความคิดเดิมทั้งหมด และให้มารดาเก็บเมล็ดพันธ์ุไว้ให้นาง หลังจากกลับไปซีเป่ย นางก็ปลูกผักเองได้
หลังจากกินเนื้อเสียบไม้เสร็จในสองสามคำ นางก็รอเนื้อเสียบไม้ต่อไปด้วยดวงตาเป็นประกาย ในขณะที่รอก็เอ่ยไปด้วย “เฉียวเฉียว เจ้ามีพริกที่หลากหลายกว่านี้ไหม ข้าอยากนำกลับไปทางซีเป่ย แม่ข้าเก็บเมล็ดไว้ให้เล็กน้อย แต่ท่านบอกว่าไม่แน่ใจในปริมาณที่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร”
เฉียวเยี่ยนพยักหน้า อย่างอื่นนางอาจจะไม่มี แต่ถ้าเป็นเมล็ดนางล้วนมีมากมาย “มีสิ ไว้ข้าจะให้คนไปส่งให้ที่จวนของเจ้า”
ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันล้อมรอบกองไฟ พวกเกาจัวหยวนกับเว่ยอวิ๋นซูรู้จักกันดี เมื่อพูดคุยกันก็ไม่รู้สึกเคอะเขินอะไร
เว่ยอวิ๋นซูสนใจฝาแฝดน้อยสองคนนี้มาก นี่หาใช่ครั้งแรกที่นางได้เห็นฝาแฝด ทว่าเด็กน้อยทั้งสองหน้าตาไม่เหมือนกันเลย เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เหมือนแกะสลักออกมาจากมัจจุราชมู่ฉินเจินทุกอย่าง และตีหน้าขรึมอย่างเย็นชา
แต่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง แม้บางส่วนจะเหมือนมู่ฉินเจิน แต่ก็มีส่วนที่เหมือนเฉียวเยี่ยน ดวงหน้าขาวนวลเนียนแฝงไปด้วยความอ้วนนุ่มแบบเด็ก เหมือนกับก้อนบัวลอยกลมๆ
นางเอื้อมมือไปแตะใบหน้าน้อยของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ เห็นเขาหลบเลี่ยงพลางทำใบหน้ายับย่นก็หัวเราะจนแทบจะหงายหลัง หนี้ที่บิดาก่อลูกต้องชดใช้คืน พ่อของเขารังแกนาง นางล้างแค้นไม่ได้ เช่นนั้นก็รังแกลูกชายเขาไปเสียเลย!
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์รู้สึกว่าท่านน้าคนสวยผู้นี้เหมือนจะโง่ทึ่ม
เด็กน้อยเห็นพี่ชายถูกน้าคนสวยกระทำทารุณกรรม ก็ขยับใบหน้าน้อยของตัวเองให้เว่ยอวิ๋นซูเล่น
“ท่านน้า…ใบหน้าข้าสัมผัสได้เต็มไม้เต็มมือกว่าของพี่ชายอีก ท่านมาลูบข้าสิ!”
เว่ยอวิ๋นซูขบขันเด็กน้อยอย่างมาก ในที่สุดก็ปล่อยใบหน้าน้อยของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ แล้วสองมือนั้นก็ไปจับพวงแก้มน้อยของเจ้าปลาอ้วนแทนและบีบนวดอย่างเมามัน แถมยังเข้าไปใกล้หอมไปสองฟอด
ในที่สุดเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็รอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจได้ เขารีบไปเกาะติดอยู่ข้างหลังมารดา และจ้องเว่ยอวิ๋นซูอย่างระแวดระวัง
เฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันกับท่าทางของเด็กน้อย จึงกอดเขาไว้ในอ้อมแขน และเอ่ยปลอบโยนเบาๆ “เด็กดี ท่านน้าแค่แกล้งเจ้าเล่น เพราะชอบเจ้าถึงได้อยากลูบหน้าน้อยๆ ของเจ้าอย่างไรล่ะ”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ชอบท่านน้าคนสวยผู้นี้มาก นางถูกเว่ยอวิ๋นซูหอมจนหัวเราะคิกคัก และใช้มือน้อยกุมท้องตัวเองไว้
เว่ยอวิ๋นซูชอบเด็กน้อยนุ่มหอมคนนี้มาก เด็กคนนี้น่ารักกว่าหลานชายซุกซนที่บ้านมากนัก จึงรู้สึกเสียใจไปชั่วขณะ เหตุใดพี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่คลอดหลานสาวมาให้นางสักคนกันนะ
หลังจากเล่นกันได้สักพัก ปลาก็ย่างเสร็จ ย่างจนกรอบหอมกลิ่นไหม้ ด้านนอกยังร้อนฉ่าน้ำมันไหลเยิ้ม เฉียวเยี่ยนไม่สนใจพวกผู้ใหญ่ ปล่อยให้พวกเขากินกันเอง ส่วนนางหยิบมาหนึ่งตัว ใช้มีดสั้นขูดผิวส่วนไหม้ออก จากนั้นก็บรรจงแกะก้างปลาออกให้ลูกทั้งสอง
เว่ยอวิ๋นซูเล็งปลาที่ตัวใหญ่ที่สุดไว้ นางแย่งคว้ามันไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเป่าสองสามครั้งก็นำเข้าปาก พอกัดลงไปคำหนึ่งก็ร้อนจนแยกเขี้ยวยิงฟัน
เฉียวเยี่ยนเหลือบมองนางด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องรีบ ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก”
แต่เว่ยอวิ๋นซูไม่หลาบจำเลยแม้แต่น้อย ร้อนจนทนไม่ได้แค่ไหนก็ไม่ยอมคายปลาในปากออก
หลังจากกลืนปลากรอบรสเผ็ดลงไป ดวงตาทั้งสองของนางพลันเป็นประกาย และยกนิ้วหัวแม่มือให้เฉียวเยี่ยน “เฉียวเฉียว เจ้าเก่งเกินไปแล้ว!”
เมื่อชมเฉียวเยี่ยนเสร็จ นางก็หมกมุ่นอยู่กับการกินปลาต่อไป เฉียวเยี่ยนส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารักเสียจริง
เด็กที่เติบโตในเขตซีเป่ยเคยชินกับการกินเนื้อและดื่มเต็มปากเต็มคำ เมื่อได้กินขึ้นมาก็ไม่มีการถือจริตใดๆ ทำให้คนที่เห็นดูสบายใจ รู้สึกอยากอาหารมากขึ้นไม่น้อย
ปลาหลายตัว นอกจากเก็บไว้ให้มู่ฉินเจินหนึ่งตัว ที่เหลือก็เข้าไปอยู่ในท้องคนกลุ่มหนึ่งจนหมด จวบจนพวกเขากินอิ่มแล้ว งานเลี้ยงทางด้านนั้นก็เลิกราแล้วเช่นกัน
ตอนนี้ดึกมากแล้ว เด็กทั้งสองก็ง่วงนอน เฉียวเยี่ยนเลยพาพวกเขากลับไปหลับในกระโจมก่อน ส่วนเว่ยอวิ๋นซูกินจนมุมปากเปรอะไปด้วยน้ำมันพลางกุมท้องอิ่มแปล้ เอ่ยอำลาเฉียวเยี่ยน ก่อนนัดว่าพรุ่งนี้จะมาเล่นกับนางต่อ
หลังจากเฉียวเยี่ยนอาบน้ำให้เด็กทั้งสอง และกล่อมพวกเขาเข้านอนเสร็จ มู่ฉินเจินถึงได้กลับมา
บนตัวเขาเต็มไปด้วยกลิ่นสุราเหม็นฉุน ดูท่าว่าจะดื่มมาไม่น้อย แม้แต่แก้มก็ยังแดงเรื่อ เฉียวเยี่ยนเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงเมาแล้ว จึงรีบเอื้อมมือไปพยุงเขา “เหตุใดท่านถึงได้ดื่มเยอะเพียงนี้? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
มู่ฉินเจินยิ้ม จับมือเรียวยาวของนางไว้ และเอ่ยปลอบ “ข้าไม่ได้เมา แค่รู้สึกร้อนนิดหน่อย”
เขาดื่มเหล้าเก่งมาก ดังนั้นจึงไม่เมาง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเหล้าฤทธิ์ไม่แรงที่ดื่มในงานเลี้ยง
เฉียวเยี่ยนสังเกตอย่างถี่ถ้วนอยู่พักหนึ่ง เห็นดวงตาทั้งสองของเขายังแจ่มใส ดูไม่เหมือนคนเมา ก็เบาใจ
“ท่านอยากกินอะไรไหม? ข้าเก็บเนื้อย่างกับปลาย่างไว้ให้ท่านด้วย”
มู่ฉินเจินส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ข้าไม่หิว”
……
หลังจากทั้งคู่อาบน้ำเสร็จก็เอนตัวลงนอน ลูกทั้งสองที่อยู่ข้างๆ หลับไปแล้ว เฉียวเยี่ยนจัดแขนขาที่ยื่นออกมาจากผ้าห่มของพวกยัดเข้าไปในผ้าห่มให้ดีๆ จากนั้นก็กลิ้งไปนอนอยู่ในอ้อมแขนมู่ฉินเจินตามปกติ
แต่คืนนี้นางพบว่ามู่ฉินเจินดูผิดปกติไปเล็กน้อย อุณหภูมิบนร่างกายของเขาสูงจนแทบไหม้ แม้จะล้างหน้าแล้ว แต่รอยแดงบนใบหน้าก็ยังคงอยู่
นางแตะหน้าผากของเขาอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ และมันก็ร้อนมาก ก่อนจะเอาหน้าแนบหน้าผากเขาเพื่อรับสัมผัสอีกครั้ง พบว่ามันร้อนยิ่งกว่า
“ท่านไม่สบายตรงไหนจริงหรือ? ใยถึงได้ตัวร้อนเช่นนี้?”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แหงสิที่เขาจะตัวร้อน เธอเล่นโด๊ปเนื้อกวางให้เขานี่ เปิดช่องโหว่ให้เขามากินตัวเธอแล้วไงเสี่ยวเยี่ยน
ไหหม่า(海馬)