ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 141 ฝูงมอดกลุ่มหนึ่ง

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 141 ฝูงมอดกลุ่มหนึ่ง

ตอนที่ 141 ฝูงมอดกลุ่มหนึ่ง

แก้วสุราถูกปาไปโดนหน้าท้องของนางระบำอย่างแรง นางเจ็บปวดมากเสียจนหมดเรี่ยวแรงและทรุดตัวลงบนพื้นทันที โดยไม่มีใครรู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

ภาพนี้ทำให้ทุกคนต่างตกใจกลัว นางระบำที่เหลือส่งเสียงกรีดร้อง และเสียงดนตรีก็เงียบลง จ้าวซุ่นเฉียน แม่ทัพและทหารอีกหลายคนตกตะลึง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

มู่ฉินเจินโบกมือเรียกเกาจัวหยวนที่รออยู่ข้างหลังเขา แล้วออกคำสั่ง “ลากออกไป”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เกาจัวหยวนรับคำสั่ง เขาลากคอเสื้อของนางระบำที่หมดสติไปแล้ว ไปยังประตูแล้วเหวี่ยงนางออกไป

ขณะที่เขาลากไปก็สาปแช่งไปด้วย “กล้าใช้มารยาสาไถยกับท่านอ๋องของพวกเราหรือ? ไม่จำเป็นต้องรอให้หวางเฟยจัดการหรอก ท่านอ๋องก็จัดการกับพวกดอกท้อเน่าด้วยตัวพระองค์เองได้!”

บรรยากาศเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง ทั้งห้องโถงเงียบเสียจนสามารถได้ยินเสียงหายใจได้ชัดเจน

จ้าวซุ่นเฉียนตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะลุกขึ้นแค่นหัวเราะฮ่าๆ อีกครั้ง แล้วดุนางระบำหลายคนที่ยังอยู่กลางห้องโถง “พวกเจ้ายังจะมาทำอะไรที่นี่อีก? ไม่เห็นหรือว่าท่านอ๋องไม่พอใจมากที่เห็นพวกเจ้ามาเต้นเช่นนี้! ออกไปให้พ้น!”

นางระบำวิ่งออกจากประตูด้วยกายอันสั่นเทา เนื่องจากพวกนางวิ่งด้วยความตื่นตระหนกเกินไป จึงเผลอสะดุดเข้ากับคนที่เกาจัวหยวนโยนออกไปหน้าประตู จึงพากันล้มกันระเนระนาด

เมื่อจ้าวซุ่นเฉียนเห็นเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างเสียไม่ได้ เพราะเกรงว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่เหนือหัวเขาจะไม่พอใจ!

ข่าวลือกล่าวไว้ว่าท่านอ๋องซู่มีอารมณ์แปรปรวนและโหดเหี้ยม ซึ่งวันนี้เขาได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว ดูเหมือนว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาจะต้องพยายามรับมืออย่างระมัดระวัง และดูแลผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ให้ดี

เมื่อนางระบำสลายตัวไป ห้องโถงก็เงียบมาก มู่ฉินเจินยังคงไม่ได้เอ่ยคำใด และหยิบชามกับตะเกียบมากินข้าวช้า ๆ

งานเลี้ยงต้อนรับดูเรียบง่าย แต่อาหารไม่ธรรมดาเลย มีทั้งสิ่งที่บินอยู่บนท้องฟ้าและสิ่งที่ว่ายอยู่ในน้ำ เนื่องจากที่นี่อยู่ใกล้ทะเล อาหารทะเลจึงอุดมสมบูรณ์ ทำให้มีอาหารทะเลหายากหลายอย่างในจาน

ไม่ใช่ว่ามู่ฉินเจินกินอาหารเหล่านี้ด้วยความตะกละ แต่เป็นเพราะเดินทางมาหลายวันแล้ว ตอนนี้เขาจึงรู้สึกพึงพอใจมาก และคิดว่าจะต้องเติมท้องให้อิ่มก่อน จากนั้นจึงค่อยจัดการกับพวกนอกรีตเหล่านี้

ตอนนี้เขาได้เห็นชัดเจนกับตาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความวุ่นวายในกองทัพหรือไม่ เพียงพูดถึงเรื่องระเบียบวินัยก็เห็นได้ว่ามีปัญหาใหญ่แน่นอน ตั้งแต่ระดับสูงจนถึงระดับล่าง ตั้งแต่ขุนพลจนถึงพลทหาร พวกเขาทุกคนดูเกียจคร้าน จนยากที่จะจินตนาการว่าพวกฝูงมอดเหล่านี้จะต่อสู้กับศัตรูอย่างไร หากมีสงครามเกิดขึ้นทางดินแดนตงหนาน!

ขณะที่อ๋องซู่กำลังกินอยู่นั้น จ้าวซุ่นเฉียนและคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าส่งเสียงใด พวกเขาทำได้เพียงเบิกตากว้างหรือหรี่ตาลงมอง และคาดเดาว่าท่านอ๋องกำลังคิดอะไรอยู่ในใจเท่านั้น

หลังอาหารค่ำ มู่ฉินเจินก็เข้าไปอยู่ในกระโจมที่จ้าวซุ่นเฉียนจัดไว้ให้ และกลุ่มคนที่มากับเขาก็เข้าที่พักแล้วเช่นกัน

ในช่วงกลางดึก เขาเรียกเกาจัวหยวนและองครักษ์อีกหลายคนเข้ามาในกระโจม แล้วมอบหมายภารกิจให้พวกเขา

“จับตาดูจ้าวซุ่นเฉียนไว้ และให้ตรวจค้นค่ายทหารให้ทั่ว หากพบเห็นสิ่งผิดปกติให้รายงานทันที!”

องครักษ์หลายคนรับคำสั่ง แล้วทำการแบ่งงานและตกลงร่วมมือกัน หลังจากที่แต่ละคนเดินออกไปทางเดียวกันแล้ว มู่ฉินเจินก็หยิบพู่กันและกระดาษ ขึ้นมาเขียนจดหมายถึงแม่ลูกที่อยู่ในเมืองหลวง

เป็นเวลาหกวันผ่านมาแล้ว เขาคิดถึงพวกเขามาก ไม่รู้ว่าตนต้องอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด เขาจึงใช้เวลาคืนนี้เขียนจดหมาย แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้คนนำมันไปส่งให้

หลังจากเขียนจดหมายแล้ว เขาก็ยังไม่พร้อมเข้านอน เพราะต้องรอข่าวจากเกาจัวหยวนและคนอื่น ๆ

เกาจัวหยวนมีวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาองครักษ์ เขาจึงรับผิดชอบหน้าที่จับตาดูจ้าวซุ่นเฉียน เพราะหากเป้าหมายเป็นถึงขุนพลประจำหัวเมือง วรยุทธ์ของเขาจึงต้องไม่อ่อนแอ และต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกจับได้เด็ดขาด

ทว่าเมื่อเขาซุ่มอยู่นอกกระโจมของจ้าวซุ่นเฉียนมานานกว่าหนึ่งชั่วยาม เขาก็เริ่มสงสัยว่าทักษะของขุนพลประจำหัวเมืองนั้นมีการถดถอยลงไปหรือไม่

เขาแฝงตัวอยู่นอกกระโจมอย่างระมัดระวัง เมื่อได้ยินเสียงครวญครางดังมาจากข้างใน เขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าถอดสี ชายผู้นี้สมควรถูกลงโทษจริง ๆ ถึงขนาดกล้าเสพสังวาสกับสตรีในค่ายทหารอย่างโจ๋งครึ่ม!

เขาค่อย ๆ ใช้มีดเจาะม่านกระโจมเบา ๆ เพื่อจะดูสถานการณ์ภายใน

ดวงตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เห็นร่างกายเผละพลุ้ยไปด้วยไขมันของจ้าวซุ่นเฉียนแล้วก็รู้สึกคลื่นไส้ และอีกราวหนึ่งในสี่ชั่วยาม การเคลื่อนไหวภายในกระโจมก็หยุดลง

จ้าวซุ่นเฉียนหายใจหอบเหมือนวัว ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยสีหน้าพึงพอใจ หลังจากนั้นไม่นานก็นอนกรนเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าเหนื่อยมาก

เกาจัวหยวนรู้สึกขยะแขยงยิ่งนัก ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกว่าคนเหล่านี้ช่างน่าอัปยศอดสูเสียเหลือเกิน!

หลังจากจ้าวซุ่นเฉียนหลับไปเหมือนหมูตาย เกาจัวหยวนก็จ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เขาจึงวิ่งไปที่กระโจมของแม่ทัพอีกหลายคน

ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนกัน พวกเขาทุกคนต่างดื่มด่ำกับการเสพสังวาส เหล่านางระบำที่มาคืนนี้ต่างถูกพวกเขาจับมาเสพสม

หลังจากสังเกตกระโจมหลายหลังติดต่อกัน เกาจัวหยวนก็กล้าที่จะเดินมาหน้ากระโจมอย่างเปิดเผย แต่คนที่อยู่ข้างในกลับไม่ได้สังเกตเลย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนจะฆ่าไก่ด้วยมีดเชือดวัว หากเขารู้ว่าคนเหล่านี้เป็นเพียงพวกโหลยโท่ย เขาคงส่งพลทหารผู้น้อยไปจับตาดูพวกเขาแทนแล้ว!

หลังจากสังเกตสถานการณ์แล้ว เขาก็กลับไปที่กระโจมของมู่ฉินเจินเพื่อรายงาน และองครักษ์คนอื่น ๆ อีกหลายคนก็รีบกลับมาในเวลาเดียวกัน

หลังจากฟังรายงานของเหล่าองครักษ์ สีหน้าของมู่ฉินเจินก็กลายเป็นบูดบึ้งยิ่งนัก คาดไม่ถึงเลยว่างบประมาณกองทัพของราชสำนักจะถูกนำมาใช้เลี้ยงดูพวกฝูงมอด!

พวกแม่ทัพรักความสบาย ละเลยการฝึกฝน หลงระเริงไปกับความฟุ้งเฟ้อและตัณหา ในขณะที่พวกทหารระดับล่างก็ขี้เกียจ ทำตัวไม่เหมือนทหาร แต่เหมือนคนขี้เกียจที่เอาแต่กิน ๆ นอน ๆ รอความตาย!

องครักษ์หลายคนเดินรอบ ๆ ค่ายทหาร และพบว่ามีการจัดเวรลาดตระเวนในเวลากลางคืน แต่ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน เพราะพวกที่เฝ้าประจำที่นั่งหลับอยู่บนพื้น ส่วนพวกที่ลาดตระเวนก็หาที่นั่งล้อมวงเล่นการพนัน

พวกคนเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องปล่อยให้ไปรบในสนามรบเลย ต่อให้เป็นหัวขโมยกระจอกสองสามคน พวกเขาก็คงไม่สามารถรับมือได้

เกาจัวหยวนฟังรายงานจากสหาย แล้วพูดข้อสงสัยของเขา

“ท่านอ๋อง กระหม่อมได้ปรากฏตัวที่นอกกระโจมของจ้าวซุ่นเฉียน และแม่ทัพคนอื่น ๆ อีกหลายคนแล้ว แต่พวกเขากลับไม่สังเกตเห็นเลย ปฏิกิริยาเช่นนี้ไม่เหมือนคนที่ฝึกฝนวรยุทธ์มาตลอดทั้งปีเลยพ่ะย่ะค่ะ”

คนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ตลอดทั้งปี ย่อมมีประสาทสัมผัสที่ไวกว่าคนธรรมดาในทุกด้าน เขาถึงกับออกไปเผยตัวให้เห็น แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเลย

มู่ฉินเจินไม่ตอบ ข้อสงสัยของเกาจัวหยวนก็เป็นข้อสงสัยของเขาเช่นกัน สงสัยมาตั้งแต่ได้พบจ้าวซุ่นเฉียนในวันนี้แล้ว

จ้าวซุ่นเฉียนดูไม่เหมือนคนที่มีวรยุทธ์สูงส่งเลย แต่เขากลับได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนพลประจำหัวเมืองเยวี่ยโจว เพราะชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของเขา ในการสู้รบกับพวกเหมิงทางตอนเหนือ

ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเยวี่ยโจวนั้นดีมาก เหล่าประชาชนก็ใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่ง มันจึงเป็นที่ที่ข้าหลวงหลายคนต้องการมารับตำแหน่ง

เป็นไปได้หรือไม่ว่าตำแหน่งขุนพลประจำหัวเมืองเยวี่ยโจวของเขา จะมีบางอย่างที่ผิดปกติ?

เป็นเวลาเกือบยี่สิบปีแล้ว นับจากที่เกิดการสู้รบกับพวกชาวเหมิงทางตอนเหนือ มันผ่านมานานมากจึงยากที่จะตรวจสอบ ในเวลานั้นเขายังเป็นเด็กอยู่ด้วยซ้ำ เขารู้ว่ามีสงครามนี้ เพราะอาจารย์ของเขายกขึ้นมาสอนเรื่องสงครามให้เขา

มู่ฉินเจินเป็นคนใฝ่รู้มาโดยตลอด เมื่อเขามีข้อสงสัย เขาต้องพยายามหาคำตอบ

เขาเขียนสาส์นลับถึงฮ่องเต้ เพื่อขอให้หาคนไปตรวจสอบภูมิหลังของจ้าวซุ่นเฉียน

หลังจากฟังรายงานขององครักษ์แล้ว มู่ฉินเจินก็ได้จัดทำแผนการรับมืออย่างละเอียด ต่อไปต้องชิงจัดการพวกเขาแบบไม่ทันตั้งตัว!

……

เมื่อถึงยามเหม่า ยังไม่ทันรุ่งสาง คนของมู่ฉินเจินก็ถูกส่งไปแล้ว!

บางคนตีฆ้อง บางคนตะโกนเสียงดัง บางคนถือถังน้ำและอ่างน้ำ

“ลุกขึ้น! ลุกขึ้นไปฝึก! ตื่นเดี๋ยวนี้!”

ทหารรักษาพระองค์เต็มไปด้วยโทสะ พวกเขาเปิดกระโจมของทหารเยวี่ยโจวออก แล้วตะโกนใส่พวกทหารที่กำลังหลับใหล

ไม่ตื่นงั้นหรือ?

เช่นนั้นก็ตีฆ้องข้างหู แล้วร้องเพลงปลุกใจ!

ยังไม่ตื่นอีกหรือ?

สาดน้ำลงไปเลย สาดทั้งคนและผ้าปูที่นอนให้ทั่ว!

ทหารเยวี่ยโจวทุกคนที่นอนหลับเหมือนหมูตายต่างตกใจมากที่จู่ ๆ ก็มีคนบุกเข้ามาในกระโจม เมื่อพวกเขารู้ตัวว่าถูกปลุกให้ตื่นไปฝึกก็พากันเบิกตากว้าง

ฝึกหรือ?

ช่างน่าขันสิ้นดี! พวกเขาอยู่ค่ายทหารนี้มาตั้งหลายปีแล้ว เหตุใดพวกเขาต้องตื่นเช้าเพื่อไปฝึกด้วย?

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

โอ้โห หย่อนยานไม่สมกับเป็นทหารมาก ข้าศึกบุกมาก็ตายยกค่ายแหละ ตำแหน่งขุนพลนี่คือจับฉลากมาแน่ๆ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน