ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 163 เด็กโตอายุยี่สิบเอ็ดขวบ

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 163 เด็กโตอายุยี่สิบเอ็ดขวบ

ตอนที่ 163 เด็กโตอายุยี่สิบเอ็ดขวบ

หลังจากชายคนนั้นถูกวางลงบนพื้น มู่ฉินเจินก็สั่งให้คนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดสิ่งสกปรกบนใบหน้าเขา

แวบแรกที่เห็นชายคนนั้น เขาก็เดาว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็น หยางซิ่ง นายอำเภอเมืองจางเฉิง ตอนนี้ได้มาเห็นภาพรวมทั้งหมดอย่างชัดเจน เขาก็แน่ใจแล้วว่าบุคคลนี้คือหยางซิ่ง!

ก่อนหน้าเขาเคยสั่งให้คนวาดภาพเหมือนของหยางซิ่งและไปสืบหาทั่วทุกที่ จึงจดจำลักษณะของเขาได้

เฉียวเยี่ยนเองก็คาดเดาแบบนี้เช่นเดียวกัน นางมองไปที่มู่ฉินเจินโดยไม่ได้ถามอะไรออกมา แต่มู่ฉินเจินรู้ความคิดของนาง จึงพยักหน้าเล็กน้อย

หลังจากรู้คำตอบ หัวใจของเฉียวเยี่ยนก็หยุดนิ่ง และรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย ขุนนางดีๆ ถูกทรมานเหมือนไม่ใช่คน แต่ไอ้แมลงทุจริตเหล่านั้นกลับใช้ชีวิตอย่างหรูหรา!

โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง!

นางก้มตัวลงนั่ง เขย่าหยางซิ่งเบาๆ พยายามปลุกเขาให้ตื่น “หยางซิ่ง ตื่นเร็ว เจ้ารอดแล้ว”

หลังจากเขย่าสองสามครั้ง คนที่อยู่บนพื้นก็ฟื้นขึ้น แต่คล้ายกับสติยังไม่ชัดเจน ริมฝีปากเขาขยับขมุบขมิบ และบ่นพึมพำออกมา

เสียงนั้นเบามาก ทว่าคนที่อยู่รอบๆ กลับได้ยินชัดเจน เขากำลังพูดว่า “ฆ่า…ฆ่าข้าซะ…ข้าไม่…ไม่…รู้อะไรทั้งนั้น”

ถูกทรมานมาจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังรอดมาได้ ไม่เคยอ่อนข้อให้ศัตรู ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด สิ่งแรกที่เขาพูดเมื่อฟื้นขึ้นหาใช่ขอความเมตตา แต่เป็นการขอความตาย สำหรับเขาในเวลานี้ ความตายก็นับว่าเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง

เฉียวเยี่ยนรู้สึกคัดจมูกจนอยากร้องไห้ ก่อนเอ่ยเสียงเบา”ไม่ต้องห่วง เจ้ารอดแล้ว คนที่ทรมานเจ้าถูกจับไปแล้ว”

อาจเป็นเพราะได้ยินคำพูดนี้ มุมปากของหยางซิ่งจึงค่อยๆ ยกขึ้น เผยรอยยิ้มพ้นทุกข์ออกมา จากนั้นก็สลบไปอีกครา

เมื่อเห็นสภาพอันน่าสังเวชของหยางซิ่ง มู่ฉินเจินก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย แต่ก็ดีใจที่หูเหวินไหลยังไม่ทันได้ฆ่าปิดปากเขา

ครั้นเห็นเจ้าท่อนไม้มีขอบตาแดงก่ำ เขาก็นึกหึงหวงขึ้นมา ก่อนเอื้อมมือดึงนางขึ้นจากพื้น พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดใบหน้ากับมือให้นาง

เฉียวเยี่ยนมองค้อนเขา และเอ่ยอย่างจนใจ “แบบนี้ท่านก็หึงด้วยหรือ?”

ท่านอ๋องไม่เพียงแต่หึงหวง ทว่ายังอิจฉาด้วย เขาจับมือของเฉียวเยี่ยน และสั่งให้องครักษ์นำหยางซิ่งออกไปรักษา จากนั้นก็ย่างสามขุมออกจากคุกใต้ดิน

เฉียวเยี่ยนเตี้ยกว่าเขา เลยก้าวตามไม่ทันฝีเท้าเขา จึงรู้สึกทั้งจนใจทั้งพูดไม่ออก

“พ่อโอ่งน้ำส้มเอ๊ย หากท่านยังเดินเช่นนี้ต่อไป ข้าต้องถูกท่านลากไปกับพื้นแน่!”

มู่ฉินเจินได้ยินเช่นนี้ก็หยุดฝีเท้า พลางหมุนตัวมาสำรวจนาง สุดท้ายก็เลือกที่จะอุ้มนางขึ้นในท่าเจ้าสาวแล้วเดินออกไป

เฉียวเยี่ยนก็ไม่เขินอาย ยกมือขึ้นโอบรอบลำคอเขา พลางเอ่ยหยอกล้อเขาเสียงเบา “ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ หากจะหึงหวงก็ควรจะมีเหตุผลหน่อยสิ เมื่อครู่ข้าแค่รู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับขุนนางตงฉินคนหนึ่ง ท่านจะหึงหวงไปใย?”

ทว่าท่านอ๋องผู้หึงหวงกลับไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ก่อนกล่าวด้วยใบหน้าขรึมลง “เจ้าเป็นของข้า ห้ามสงสารชายอื่น!”

เฉียวเยี่ยนจึงคล้อยตามเขา และระงับความหึงหวงของเขา “เอาล่ะ ต่อไปทั้งความสุข ความเศร้าทั้งหมดของข้าจะอยู่รอบตัวท่านคนเดียว และจะปฏิบัติต่อชายอื่นเหมือนเป็นอากาศธาตุ เป็นมูลสัตว์ แบบนี้ท่านคงมีความสุขแล้วนะ”

ท่านอ๋องยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ทว่ายังคงพูดอย่างเย่อหยิ่ง “วาจากะล่อนยิ่งนัก”

เฉียวเยี่ยนหันหน้ากลับมองบนเขา และคุยกับระบบตัวน้อย “ระบบ ผู้ชายทุกคนล้วนไม่มีเหตุผลแบบนี้หรือ?”

ระบบตัวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการกินของว่าง จึงตอบกลับไปประโยคหนึ่ง

[น่าจะเป็นเฉพาะคนของท่านที่ไม่มีเหตุผลนะ]

หลังจากออกมาจากคุกใต้ดิน ก็เห็นลูกทั้งสองถูกพวกองครักษ์จับมือไว้และยืนรอพวกเขาอยู่

เมื่อเห็นบิดามารดาออกมา เด็กทั้งสองก็อ้าแขนน้อยให้อุ้มโดยสัญชาตญาณทันที ทว่าครั้นเห็นบิดาอุ้มมารดา มือน้อยก็ชะงักค้าง

ท่านพ่อที่อุ้มท่านแม่จะยังอุ้มพวกเราได้อีกหรือ?

เฉียวเยี่ยนโบกมือให้เด็กๆ อย่างมีความสุข และส่งสัญญาณให้มู่ฉินเจินปล่อยนางลง แต่ท่านอ๋องผู้นี้กลับเอ่ยกับเด็กๆ อย่างหน้าไม่อายว่า “พ่ออยากอุ้มแม่ของพวกเจ้า ให้ลุงองครักษ์อุ้มพวกเจ้าแล้วกันนะ”

เฉียวเยี่ยนหน้าแดงเมื่อสบสายตาอยากรู้ของเด็กทั้งสองกับองครักษ์สองคน พลางตบไหล่มู่ฉินเจิน และกัดฟันเอ่ย “พอได้แล้ว หลายคนมองอยู่นะ รีบปล่อยข้าลง!”

มู่ฉินเจินยังคงไม่ไหวติง เด็กทั้งสองที่ไม่ได้ถูกอุ้มก็ไม่เศร้า เพราะในสายตาของพวกเขา พวกเขาอายุสี่ขวบแล้ว โตแล้ว ไม่อุ้มก็ได้

ทว่ามารดานั้นต่างออกไป ท่านแม่คือลูกคนโต เป็นลูกคนโตที่ต้องการให้พวกเขากับท่านพ่อคอยดูแลปกป้อง ดังนั้นการถูกท่านพ่ออุ้มจึงเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

เมื่อองครักษ์ทั้งสองได้สติ ก็ก้มตัวลงไปอุ้มพวกเด็กๆ ขึ้นมา ทว่าเด็กทั้งสองกลับปฏิเสธพร้อมกัน

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ตบหน้าอกน้อยของตัวเอง และเอ่ยกับพวกลุงองครักษืด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “ท่านลุง พวกเราอายุสี่ขวบแล้ว หาใช่สามขวบ พวกเราเดินเองได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียวเยี่ยนเด็กน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปีที่ยังคงถูกอุ้มอยู่ก็ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ และกลอกตาใส่คนเริ่มเรื่องหลายครั้ง

……

หูเหวินไหลถูกจับ จวนผู้ว่าการถูกยึด ส่วนเงินที่หูเหวินไหลยักยอกมาทั้งหมดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ถูกริบคืนเข้าท้องพระคลัง

หลังจากทหารรักษาพระองค์ที่ถูกส่งไปในพื้นที่แต่ละที่ได้รับคำสั่ง ก็ล้อมที่ว่าการอำเภอทั้งหมดเอาไว้ และพวกขุนนางฝ่ายหูเหวินไหลทั้งหมดก็พ่ายแพ้ไป

มู่ฉินเจินขังหูเหวินไหลไว้ในคุกใต้ดิน สอบปากคำเขาอย่างรุนแรง และเค้นคำตอบได้จากปากเขาไม่น้อย เขาไม่เพียงแต่ยักยอกงบประมาณกองทัพและเงินบรรเทาภัยพิบัติ แต่ยังลักลอบเปิดเหมืองเงินเป็นการส่วนตัวด้วย!

โทษของเขาถูกระบุทีละข้อๆ จนกระทั่งเขียนออกมาได้หลายหน้า สมกับคำว่าบาปหนาจนสุดที่จะบรรยายจริงๆ

เยวี่ยโจวมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกขุนนางที่เกี่ยวข้องกับหูเหวินหลายได้มีอิทธิพลครอบคลุมไปทั้วทั่งเยวี่ยโจว ส่วนผู้ที่ไม่ได้อยู่ข้างเขาอาจถูกฆ่าปิดปาก หรือไม่ก็ถูกทรมานเหมือนไม่ใช่คนเฉกเช่นหยางซิ่งไปแล้ว

ในช่วงสองสามวันมานี้มู่ฉินเจินวุ่นอยู่กับการรื้อค้นบ้าน สอบสวน ตรวจสอบและยึดทรัพย์สิน ออกไปแต่เช้าและกลับดึก บางครั้งก็ไม่ได้นอนทั้งคืน จนดูซูบผอมลงไปมาก โครงหน้าที่เห็นสันกรามชัดเจนแต่เดิมก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นในยามนี้

เฉียวเยี่ยนไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก จึงทำได้เพียงทำอาหารและต้มน้ำแกงบำรุงต่างๆ ให้เขาทุกวัน

วันนี้นางต้มกระเพาะหมูยัดไก่หนึ่งหม้อ ซึ่งกระเพาะหมูมีสรรพคุณบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย เหมาะสำหรับบำรุงร่างกายของคนที่ยุ่งเช่นมู่ฉินเจินมาก

วิธีการทำกระเพาะหมูยัดไก่นั้นแตกต่างจากที่เห็นได้ทั่วไป นางไม่ได้นำไก่ไปใใส่ไว้ในกระเพาะหมู แต่หั่นกระเพาะหมูเป็นเส้นๆ แล้วตุ๋นกับชิ้นไก่ ซึ่งแบบนี้จะรับประทานได้สะดวกและอร่อยยิ่งขึ้น

เตรียมไก่พื้นเมืองหนึ่งตัวแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นใส่น้ำลงในหม้อ ส่วนกระเพาะหมูที่ล้างทำความสะอาดแล้วก็ต้องนำไปลวกน้ำเช่นกัน หลังจากลวกน้ำแล้วก็ล้างให้สะอาดอีกครั้ง แล้วหั่นเป็นเส้นยาวขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ

นำไก่ชิ้นกับกระเพาะหมูใส่ลงในหม้อร้อน แล้วเติมน้ำไม่ให้ท่วมวัตถุดิบ จากนั้นเติมพริกไทย ตังเซียม พุทราจีน และเก๋ากี้ลงไป แล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อน

กลิ่นหอมของน้ำแกงค่อยๆ ลอยกระจายไปในอากาศ เด็กทั้งสองที่เล่นกับเต่าน้อยอยู่นอกครัวได้กลิ่นหอม ก็วิ่งเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรกิน

เฉียวเยี่ยนกำลังเตรียมอาหาร เมื่อเห็นท่าทางหิวโหยของพวกเขา ก็หยอกล้อกับทั้งคู่

“เด็กๆ หลับตาลง เดี๋ยวแม่จะเล่นมายากลให้ดูดีหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กทั้งสองก็หลับตาลง รอความประหลาดใจจากมารดา

“เสร็จแล้ว ลืมตาขึ้นมาได้”

เฉียวเยี่ยนถือโอกาสในตอนที่เด็กทั้งสองหลับตา ซื้ออมยิ้มสองอันกับระบบมาถือไว้ในมือ

เมื่อเด็กๆ ลืมตาแล้วเห็นอมยิ้มในมือมารดา ก็พากันดีใจสุดขีด พลางรับมาอย่างมีความสุข และไปเล่นกับเต่าน้อยต่อ

ตอนนี้เสี่ยวฉวนเอ๋อร์กับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อายุสี่ขวบแล้ว ซึ่งพอจะตระหนักได้ว่ามารดาของพวกเขาเหมือนจะมีพลังวิเศษ และมักจะสามารถเสกสิ่งที่คนอื่นไม่มีให้กับพวกเขาได้

กระเป๋าหนังสือใบเล็กที่พวกเขาสะพายไปเรียน ของว่างที่พวกเขากิน เสื้ออุ่นที่สวมในหน้าหนาว และรองเท้ากันฝนล้วนเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่มีและไม่เคยเห็น ทว่าพวกเขาก็ไม่เคยเอาไปอวดกับคนภายนอก

เพราะเด็กอย่างพวกเขารู้ดีว่าการแปลกแยกจากคนทั่วไปมักจะถูกกีดกัน ดังนั้นพวกเขาจึงปกป้องมารดามาโดยตลอด เมื่อมีคนถามว่าพวกเขาได้ของเหล่านี้มาจากไหน พวกเขาก็ไม่เคยตอบเลย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ให้มันน้อยๆ หน่อยท่านอ๋อง กลายสภาพจากโบ้เป็นราชาไหน้ำส้มแล้วมั้งนี่

ดีใจจังที่หยางซิ่งรอด

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท