ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 187 ปากอย่างใจอย่าง

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 187 ปากอย่างใจอย่าง

ตอนที่ 187 ปากอย่างใจอย่าง

หลังจากทำอาหารเช้าเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็ถือถาดรองยกน้ำเต้าหู้สามแก้ว มะเขือเทศน้อยกับแป้งย่างไข่อย่างละสามจานเดินออกไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่มีส่วนของมู่ฉินเจิน

เมื่อออกมาจากประตูครัว นางก็หันไปมองเขา ในที่สุดนางก็ยอมพูดเสียที ทว่าในน้ำเสียงกลับเปี่ยมไปด้วยโทสะ “อาหารเช้านี้ไม่เหมาะให้คนป่วยกิน ขอโทษด้วย!”

สิ้นเสียง นางก็สะบัดหน้าเดินจากไป ทิ้งมู่ฉินเจินให้ยืนยิ้มอย่างขมขื่น

กลยุทธ์แรก แผนทรมานร่างกายตัวเอง…ล้มเหลว!

เมื่อไปที่ห้องของเด็กๆ เฉียวเยี่ยนก็เก็บสีหน้าถมึงทึงของตัวเอง แล้วแทนที่ด้วยสีหน้าอ่อนโยน ก่อนปลุกเด็กทั้งสองให้ตื่นขึ้นมา

นางไปที่ห้องของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก่อน เด็กน้อยมีนิสัยตื่นสาย ต้องปลุกอยู่ครู่หนึ่งถึงจะยอมตื่นขึ้นมาอย่างสลึมสลือ

เด็กน้อยตัวขาวนวลสวมชุดนอนน่ารัก กำลังกอดตุ๊กตากระต่ายหูยาวที่ใหญ่กว่าตัวไว้ในอ้อมกอด เท้าน้อยโผล่พ้นออกมานอกผ้าห่ม หลับลึกอย่างหาที่สุดมิได้

เฉียวเยี่ยนก้มลงไปหอมดวงหน้าน้อยของนาง และเรียกปลุกเสียงอ่อนโยน “ลูกรัก ได้เวลาตื่นนอนแล้ว”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์บิดขี้เกียจ ทว่าดวงตายังไม่ลืมขึ้น พลางขยับปากขมุบขมิบออดอ้อนขอนอนต่อ

เฉียวเยี่ยนให้นางกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงสักพักหนึ่ง ก่อนจะไปเรียกเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่ห้องถัดไป เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เชื่องฟังมาก แค่เรียกหนึ่งครั้ง เขาก็กลิ้งตัวรอบเดียวและลุกขึ้นมาแล้ว

หลังจากล้างหน้าบ้วนปากให้เด็กทั้งสองเสร็จ สามแม่ลูกก็นั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน พวกเด็กๆ เห็นความผิดปกติต่างก็สงสัยเล็กน้อย จึงเงยหน้าถาม “ท่านแม่ เหตุใดท่านพ่อไม่มากินข้าวเช้า? ท่านพ่อยังไม่หายป่วยหรือ?”

พวกเด็กๆ ยังคิดว่าบิดาป่วยอยู่ มิอาจลุกจากเตียงมารับประทานอาหารเช้ากับพวกเขาได้ จึงอดขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างเป็นห่วงมิได้

เฉียวเยี่ยนไม่อยากทำลายภาพบิดาผู้โดดเด่นเหนือใครในใจพวกเขาไป จึงเปิดปากเอ่ย “พ่อเจ้าบอกว่าไม่หิว”

หากพวกเขารู้ว่าบิดาพวกเขาทำให้ตัวเองป่วยเอง ไม่รู้ว่าในหัวน้อยๆ ของพวกเขาจะคิดอย่างไร

มู่ฉินเจินที่เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูเตรียมจะเข้าไปขอโทษกับเจ้าท่อนไม้ได้ยินคำพูดนี้ก็ชะงักเท้า

ช่างเถิด ให้นางคลายโมโหลงหน่อยก่อนแล้วค่อยเข้าไปอธิบายดีกว่า

เขาไม่ได้รบกวนทั้งสามคนในห้อง และสั่งเฟิงหยางครู่หนึ่ง ก่อนไปที่ค่ายทหาร

หลังจากจัดการพวกเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว ก็มอบให้เป็นหน้าที่เฟิงหยางต่อ ให้เขาส่งเด็กๆ ไปสำนักศึกษา

เฟิงหยางนึกถึงคำสั่งเมื่อครู่ของท่านอ๋องได้ จึงเอ่ยรายงาน “เหนียงเหนียง ท่านอ่องให้ข้าน้อยแจ้งแก่ท่านว่า พระองค์ไปที่ค่ายทหารแล้ว”

เฉียวเยี่ยนแค่นเสียงขึ้นจมูก เห็นได้ชัดว่ายังโมโหอยู่ แต่ใบหน้านางกลับเคลือบรอยยิ้ม ไม่อยากให้เด็กๆ คิดฟุ้งซ่าน

หลังบอกลาเด็กทั้งสอง และส่งพวกเขาจนลับตาไปแล้ว นางถึงได้เปลี่ยนสีหน้า

ฮุ่ยเซียงกำลังจัดเก็บห้องครัว เห็นในหม้อยังเหลือน้ำเต้าหู้อยู่ส่วนหนึ่ง จึงถามขึ้น “เหนียงเหนียง เก็บน้ำเต้าหู้ไว้จนถึงพรุ่งนี้มันยังจะดื่มได้อยู่หรือเจ้าคะ?”

พูดจบ นางก็เห็นจานบนเตาอีกครั้ง และเอ่ยต่อ “แผ่นแป้งย่างก็ยังเหลืออีกสองสามแผ่น”

เฉียวเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ ก็แอบด่าเจ้าซื่อบื้อมู่ฉินเจินในใจ เห็นๆ อยู่ว่าเหลือไว้ให้เขาแล้ว แต่เขากลับไม่รู้จักกิน!

ไม่กินก็ไม่ต้องกิน ปล่อยให้หิวตายไปเลย!

นางคิดพลางส่งเสียงฮึดฮัด ก่อนเอ่ยกับฮุ่ยเซียง “เจ้าเอาไปกินเถิด หากกินไม่หมด ก็เอาไปให้คนอื่น ทั้งหมดนี่ยังไม่มีใครกิน”

ฮุ่ยเซียงจะเอาไปให้คนอื่นได้อย่างไร นางยกจานออกไปแล้วหยิบแป้งย่างขึ้นมาเคี้ยว มันหอมนุ่มเหมาะรับประทานกับน้ำเต้าหู้ยิ่ง เหมาะสมสุดๆ

เฉียวเยี่ยนใจไม่อยู่กับร่องกับรอยตลอดทั้งเช้า ขณะเลือกเมล็ดพันธุ์ ในหัวก็นึกถึงมู่ฉินเจินโดยไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าเขาจะหิวหรือไม่ ไม่ทันได้กินข้าวเช้าก็ไปจัดการงานแล้ว เมื่อวานก็ยังป่วย คงไม่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรอกกระมัง?

ระบบตัวน้อยได้ยินความคิดของโฮสต์ตัวเอง ก็อุทานอย่างจนใจ “ผู้หญิงนี่นะ ปากอย่างใจอย่างแบบนี้ตลอดเลย”

เมื่อคืนไม่ง่ายเลยที่จะเห็นพี่มู่คนหล่อเล่นลามก แต่สุดท้ายยังไม่ทันได้ดูส่วนที่น่าตื่นเต้น นางก็ถูกปิดกั้นไปเสียก่อน เช้านี้โฮสต์ถึงได้เปิดออกมา ช่างทำให้ระบบโมโหเสียจริง!

ตอนบ่าย เว่ยอวิ๋นซูก็มาเล่นกับนาง ตอนนี้แม่นางเข้มงวดกับนางมาก บีบให้นางเรียนงานเย็บปักถักร้อย เรียนมารยาท แม้จะบอกนางว่าไม่ต้องเรียนจนเชี่ยวชาญ แต่อย่างน้อยต้องรู้มารยาทกับมีทักษะไว้บ้าง

ไม่เช่นนั้นวันหน้าออกเรือนกับคนอื่น จะถูกครอบครัวฝ่ายสามีทำให้ลำบากใจเอาได้

หลังจากหดหู่อยู่ในบ้านมาสองสามวัน ไม่ง่ายเลยที่จะใช้โอกาสในตอนที่มารดากับพี่สะใภ้ไปจุดธูปไหว้พระวันนี้ แอบหนีออกมาได้

หลังจากออกมานางก็ตรงไปตำหนักอ๋องซู่เป็นอันดับแรก และไปขอของกินกับเฉียวเยี่ยน นางหิวโหยจะตายแล้ว

เฉียวเยี่ยนเห็นท่าทางนางเหมือนผู้ประสบภัยเข้าเมืองก็รู้สึกขบขัน จึงนำขนมอบเล็กๆ ที่ตัวเองทำมาให้นางทาน และนางก็ไปทำผัดหมี่มาหนึ่งจาน

ผัดหมี่นับว่าเป็นอาหารทำเร็วอย่างหนึ่ง ทั้งง่าย ทั้งอิ่มอร่อย

นำเส้นลงไปต้มในหม้อให้สุก แต่อย่าให้เปื่อยเกินไป จากนั้นตักออกมาล้างน้ำเย็น เสร็จแล้วผัดไข่ เนื้อบด ผักและเครื่องเคียงต่างๆ แล้วนำเส้นลงไปผลัดคลุกเคล้า สุดท้ายปรุงรสชาติแล้วตักออกจากหม้อได้

เว่ยอวิ๋นซูกอดจานผัดหมี่กินด้วยสีหน้าพึงพอใจ “เฉียวเฉียว เจ้ายังดีต่อข้าเหมือนเดิม ข้าอยู่บ้านกินข้าวไม่อิ่มมาตั้งหลายวันเชียวนะ!”

เพื่อให้นางลดน้ำหนัก มารดานางได้ให้นางกินอาหารที่ไม่มีน้ำมันทุกมื้อ แม้แต่ปริมาณข้าวก็ลดให้นางลงครึ่งหนึ่ง

เฉียวเยี่ยนฟังนางบ่นก็รู้สึกจนใจเล็กน้อย อันซีโหวฮูหยินถือว่าเป็นสตรีที่มีความคิดก้าวหน้าหาได้ยากในบรรดาเจ้าขุนมูลนายและสตรีจำนวนมาก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีในยุคโบราณ ย่อมใช้มาตรฐานที่สตรีควรพึงมีมาเป็นข้อกำหนดให้ลูกสาวตัวเอง

สตรีโบราณมักจะหมั้นหมายหรือออกเรือนหลังจากถึงวัยปักปิ่น เหมือนกับเว่ยอวิ๋นซูที่อายุใกล้จะสิบเก้าแต่ยังไม่ได้หมั้นหมายกับใคร ซึ่งไม่ต่างกับสาวแก่ทึนทึกที่ไม่มีใครเอาในสมัยปัจจุบัน

มีคนในแวดวงเศรษฐีหลายคนมองว่านางเป็นตัวอย่างเชิงลบ ดังนั้นอันซีโหวฮูหยินเลยเร่งรีบ อยากให้ลูกสาวรีบหาคนที่เหมาะสมแต่งงานโดยเร็ว

เฉียวเยี่ยนนึกถึงเฉียวจิ่น หากพี่ชายตัวเองกับเว่ยอวิ๋นซูชอบพอกัน ไม่รู้ว่าทางจวนอันซีโหวจะเห็นด้วยหรือไม่

นางลองหยั่งเชิงถาม “อวิ๋นซู เจ้ามีคนที่ชอบไหม?”

เว่ยอวิ๋นซูคีบเส้นเข้าปาก พร้อมส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิด จนเฉียวเยี่ยนรู้สึกหวั่นใจ หรือนางจะคิดมากไป?

นางถามอย่างไม่ลดละ “เจ้าว่าพี่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“แค่ก!”

เว่ยอวิ๋นซูชะงัก แทบจะพ่นบะหมี่ในปากออกมา และสำลักจนหน้าดำหน้าแดง

เฉียวเยี่ยนรีบส่งแก้วน้ำให้นาง นางรับไปดื่มจนพร่องลงไปครึ่งแล้ว เมื่อดีขึ้นแล้วถึงได้ถามตะกุกตะกัก “ยะ…ไยจึงถามเช่นนี้ล่ะ?”

เฉียวเยี่ยนแอบยิ้มในใจ พลางกล่าวโป้ปด “ไม่มีอะไร ถามไปอย่างนั้นแหละ แค่อยากจะดูว่าความประทับใจแรกของสตรีที่มีต่อพี่ชายข้าเป็นอย่างไรก็เท่านั้น”

เว่ยอวิ๋นซูได้ยินคำพูดนี้ ความรู้สึกประหม่าก็หายไปไม่น้อย แล้วคีบเส้นเข้าปากอีกครั้ง พลางเอ่ยอู้อี้ไม่ชัดเจน “ก็…พอใช้ได้นะ”

“แค่พอใช้ได้เองรึ?”

เฉียวเยี่ยนยิ้มเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง ทำให้เว่ยอวิ๋นซูยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย นางเคลื่อนสายตาหนีอย่างรีบร้อน พลางเอ่ยอ้อมแอ้มเสียงเบา “ดีกว่าคนทั่วไป…นิดหน่อย”

เมื่อถามถึงตรงนี้ เฉียวเยี่ยนก็รู้สึกมั่นใจ สาวน้อยคนนี้มีความคิดบางอย่างต่อพี่ชายตนแล้ว แม้จะยังไม่ถึงขั้นชอบ แต่ก็คิดไม่ซื่ออย่างแน่นอน

นางต้องหาเวลาไปสืบหาจากปากของพี่ชายแล้ว หากทั้งสองสนใจต่อกัน เช่นนั้นนางจะแอบจับคู่ให้

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จริงๆ เสี่ยวเยี่ยนก็ห่วงแหละ แต่ท่านอ๋องทำตัวน่าโมโหเอง วิธีอื่นมีถมเถแต่เลือกใช้การทำร้ายตัวเอง จะไม่ให้โมโหได้ไง

อยากเห็นฝีมือการจับคู่ให้พี่ชายเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท