ตอนที่ 241 เรือนกระจกพังถล่ม
ตอนที่ 241 เรือนกระจกพังถล่ม
ครั้งก่อนที่กินแพะย่างทั้งตัวคือตอนอยู่ที่ตำหนักอ๋องซู่เมื่อสองปีก่อน เฉียวเยี่ยนได้ยินฮองเฮาเอ่ยถึงแล้วก็รู้สึกอยากขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงลากมู่ฉินเจินไปที่ห้องเครื่องหลวงเพื่อไปย่างแพะทั้งตัว
นอกจากเนื้อแพะย่างแล้ว เฉียวเยี่ยนยังเตรียมอาหารจานผักอีกมากมาย ซึ่งอาหารจากผักนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน
นางจากเมืองหลวงไปนานกว่าสองเดือน เห็ดชุดใหญ่ในเรือนกระจกก็พร้อมเก็บเกี่ยวได้แล้ว นางจึงสั่งให้คนส่งเห็ดไปที่วังไม่น้อย วันนี้คงทำเห็ดย่างกินได้
ล้างเห็ดหอมกับเห็ดนางฟ้าแล้วเสียบไว้บนไม้ไผ่ เมื่อถึงเวลาก็ย่างไฟ แล้วทาด้วยน้ำจิ้ม ทั้งอร่อยทั้งหอมนุ่ม
เมื่อได้ยินว่าคืนนี้จะย่างแพะทั้งตัวในตำหนักฮองเฮา พวกขันทีกับนางข้าหลวงจึงพากันจับกลุ่ม จนบรรยากาศดูมีชีวิตชีวามาก นอกจากนี้ฮองเฮายังส่งคนไปบอกพวกนางสนมในตำหนักอื่น ๆ ด้วย ใครอยากมาก็มา ใครไม่อยากมานางก็ไม่บังคับ
นางสนมส่วนใหญ่ล้วนตัดสินใจมา ไม่ว่าพวกนางจะคิดอย่างไร คืนนี้ก็ไม่มีใครมาด้วยอุบายแอบแฝง และบรรยากาศก็มีชีวิตชีวามาก
หลังจากอยู่อย่างสุขสบายในวังมาสามวัน เฉียวเยี่ยนที่ออกจากวังก็เริ่มวุ่นอยู่กับเห็ดของนางทันที หลังเก็บเกี่ยวเห็ดหอมกับเห็ดเขากวางเสร็จก็เอามาตากแห้งส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็นำไปขายสด
ของสดส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังหอหวาอวิ้น พวกพ่อครัวค้นคว้าอาหารใหม่ ๆ มากมายโดยมีเห็ดเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งดึงดูดนักชิมมาจำนวนมาก
แค่อาหารที่ง่ายที่สุดอย่างไก่ตุ๋นเห็ด ก็ทำให้นักชิมหลายคนติดลมจนลืมกลับบ้าน
หลังจากลวกไก่แล้วก็นำไปผัดจนเหลืองทอง ใส่ซอสปรุงรส ผัดให้เข้ารสชาติ เทน้ำสะอาดต้มให้เดือด เปิดหม้อตุ๋น เคี่ยวช้า ๆ แล้วก็ใส่เห็ดหอมแห้งที่ทั้งแห้งและนิ่มลงไปตุ๋นในหม้อ จนกระทั่งเนื้อไก่นุ่ม
พอใกล้จะตักรับประทานแล้วยังเพิ่มเส้นมันเทศที่แช่จนนิ่มได้ รสชาตินั้นใครได้รับประทานก็บอกว่าดีกันหมด
นอกจากจะส่งเห็ดหอมกับเห็ดเขากวางแห้งไปจำหน่ายในภัตตาคารแล้ว ก็ยังบรรจุเป็นสินค้าให้กองคาราวานส่งออกไปขายทั่วเมือง
กองคาราวานเฉียวจี้มาถึงซีเป่ยในช่วงต้นเดือนแปดนานแล้ว ระหว่างทางพบโจรมากมาย ทว่าพวกเขามีคนจำนวนมาก ฝีมือก็แข็งแกร่ง ระหว่างทางได้ฟันฝ่าขวากหนามจนคนที่กล้าหมายปองสินค้าไม่มีวันได้กลับตลอดชีวิต
ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ ชื่อเสียงของกองคาราวานเฉียวจี้ก็แพร่กระจายไปทั้งซีเป่ย โจรคนอื่น ๆ ที่หมายปองสินค้าของเฉียวจี้ก่อนหน้านี้ต่างก็ชั่งน้ำหนักว่าตัวเองจะมีโอกาสสำเร็จเท่าใด
ทันทีที่สินค้าของเฉียวจี้มาถึงซีเป่ย ก็ได้รับการต้อนรับจากผู้คนไม่น้อย สินค้าชุดแรกได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ตอนนี้กองคาราวานกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว และอีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองหลวง เตรียมจะขึ้นเหนืออีกครั้งก่อนสิ้นปี
อวี๋โจวเกิดอุทกภัยในครั้งนี้ เฉียวเยี่ยนได้บริจาคสินค้าในโรงงานทุกอย่างออกไปจนหมด มีสินค้าของกองคาราวานคนอื่นก็ยังขาด ตอนนี้ยังต้องรีบให้กองคาราวานของตัวเองขนส่งสินค้าไปซีเป่ย พวกคนงานจึงวุ่นจนเท้าแทบไม่ติดพื้น
ระยะนี้พวกคนงานในโรงงานต่างทำงานล่วงเวลา เฉียวเยี่ยนจึงเพิ่มเงินเดือนให้พวกเขา นอกจากนี้ยังจ้างคนงานชั่วคราวมาช่วยทำงานในโรงงานด้วย
ปีนี้มีฝนตกชุก ทำให้ผลผลิตลูกท้อไม่ค่อยดี บวกกับการบริจาคสินค้าไปให้อวี๋โจวจำนวนมาก เฉียวเยี่ยนจึงขาดทุนไปไม่น้อย
กระนั้นนางก็ไม่เสียใจ มันก็เหมือนกับประโยคนั้นที่ว่า ‘ยามยากเฝ้ารักษาคุณความดีเฉพาะตน เมื่อบรรลุผลอย่าหลงลืมส่งผ่านความดีงามสู่แผ่นดิน’ ในเมื่อนางมีกำลัง สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ก็ช่วยไป
ทว่าโชคดีที่ผลผลิตของเห็ดในเรือนกระจกดีมาก ปริมาณสินค้าก็มีไม่น้อย สามารถทำให้นางกลับมาอู้ฟู่เหมือนเดิมได้
ในเมื่อหาเงินได้น้อย คะแนนของระบบตัวน้อยก็จะเพิ่มขึ้นน้อยเช่นกัน ห่างจากการเลื่อนระดับอีกยาวไกล
เฉียวเยี่ยนตรวจสอบสมุดบัญชีสำหรับปีนี้ ดูกำไรที่มีสองสามพันตำลึงแล้วก็เอ่ยขอโทษกับระบบตัวน้อย “ระบบ ขอโทษนะ เรื่องที่รับปากกับเจ้าในปีนี้ทำไม่สำเร็จอีกแล้ว ”
เดิมทีนางรับปากกับเด็กน้อยว่าจะช่วยให้ทะลุผ่านระดับเก้าในครึ่งปีนี้ แต่ดูท่าแล้ว สิ้นปีนี้คงเลื่อนระดับไม่ถึง
แม้เด็กน้อยจะรู้สึกเศร้าสร้อยเล็กน้อย กระนั้นก็รู้ว่าโฮสต์ตัวเองทำความดีถึงได้เงินน้อยลง นางเข้าใจเป็นอย่างมาก
[ไม่เป็นไร ท่านโฮสต์ เหลือแค่ระดับเดียวเอง เดี๋ยวระบบก็สามารถออกมาได้แล้ว ข้าไม่รีบร้อนเลยแม้แต่นิด]
ปากบอกไม่รีบร้อน ทว่าท่าทางผิดหวังของเด็กน้อยกลับไม่อาจสายตาเฉียวเยี่ยนไปได้ นางจึงรู้สึกสงสารเล็กน้อย
สำหรับนางแล้ว เด็กน้อยมีความสำคัญมาก
ตอนที่นางข้ามมิติมาครั้งแรก ก็เป็นเด็กน้อยที่อยู่เคียงข้างนาง เงินก้อนแรกที่นางได้มา ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากเด็กน้อย เด็กน้อยทั้งน่ารักทั้งใจดี นางไม่เพียงมองว่าเป็นพันธมิตร ทว่ายังมองเด็กคนนี้เป็นลูกของตนด้วย
นางกำมือแน่นเล็กน้อย ให้กำลังใจตัวเอง นางต้องขยันหาเงิน ให้ระบบตัวน้อยออกมาให้เร็วที่สุด
วันที่สิบสี่เดือนสิบหมุนเวียนมาอีกครั้ง วันเกิดของลูกทั้งสองในปีนี้ยังคงคึกคักเหมือนปีก่อน ๆ มีทั้งกินเค้ก ชวนสหายตัวน้อยมาเล่น และรับของขวัญมากมาย เด็กทั้งสองย่างเข้าสู่อายุหกขวบอย่างมีความสุข
ครั้นถึงเดือนสิบเอ็ด ท้องฟ้าก็เริ่มมีหิมะโปรยปรายแล้ว หิมะตกหนักขึ้นทุกวัน จนพอกพูนหนาเป็นชั้น ๆ กองสะสมอยู่ตามพื้นดินและยอดไม้
เฉียวเยี่ยนเดินตรวจสอบเรือนกระจกแต่ละที่ คนงานต่างดูแลทำความสะอาดหิมะบนเรือนกระจกเพื่อหลีกเลี่ยงการพังถล่มลงมา
ในวันที่ห้าเดือนสิบเอ็ด เฉียวเยี่ยนไปที่หมู่บ้านจือซาน ถนนถูกปิดกั้นด้วยหิมะ เดินทางยากลำบาก ทว่านางต้องไปเพราะผู้ดูแลเรือนกระจกของหมู่บ้านจือซานรายงานว่าเห็ดหอมในเรือนกระจกบางส่วนตาย และตอนนี้ยังไม่พบสาเหตุ
เห็ดหอมป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ค่อนข้างมาก นางไม่วางใจนักถ้าไม่ได้ไปตรวจสอบด้วยตัวเอง หากไม่ระวังแม้เพียงนิด เห็ดในเรือนกระจกทั้งหมดอาจติดเชื้อได้
เดิมทีการเดินทางจากเมืองหลวงไปยังหมู่บ้านจือซานใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน ทว่าหิมะตกหนักถนนลื่น นางจึงใช้เวลาไปสามวันกว่าถึงไปถึงที่นั่น ส่วนมู่ฉินเจินมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ไปกับนางด้วยไม่ได้ นางจึงพาหลันหนิงกับฮุ่ยเซียงออกเดินทางไปด้วยกัน
เมื่อไปถึงเรือนกระจก เฉียวเยี่ยนพบว่าหลังคาเรือนกระจกปกคลุมไปด้วยหิมะค่อนข้างหนา พวกคนงานกำลังทำความสะอาดอยู่ ทว่าความเร็วในการทำความสะอาดกลับไม่ทันความเร็วในการสะสมของหิมะ
นางรีบไปตรวจสอบเห็ดหอมที่ตายในเรือนกระจกทันที และพบว่าเป็นโรคเน่าเปื่อย และติดเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ
สาเหตุใหญ่ของโรคนี้คือสภาพฝนชุกติดต่อกันหลายวัน ถุงเพาะที่ใช้เพาะเห็ดหอมทำจากผ้า ซึ่งมีโอกาสเกิดเชื้อราได้ง่าย และเชื้อราจะแพร่ไปติดเห็ดหอม สามารถใช้น้ำปูนใสฉีดพ่นรักษาได้
หลังจากตรวจสอบถุงเห็ดหอมในเรือนกระจกอย่างระมัดระวังแล้วพบว่าปัญหาไม่ได้ใหญ่มาก เฉียวเยี่ยนจึงเบาใจลง
เมื่อตรวจสอบถุงเพาะเห็ดเสร็จ สามนายบ่าวก็เดินไปประตูเรือนกระจก และอยู่ห่างจากประตูไม่ไกลนัก ทันใดนั้นเฉียวเยี่ยนก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังออกมาแว่ว ๆ นางรีบเงยหน้าขึ้น และเห็นเสาโค้งของเรือนกระจกกำลังแตกร้าว ในไม่ช้าก็จะหัก
รูม่านตาของนางสั่นสะท้าน คว้าฮุ่ยเซียงกับหลันหนิงที่ยังคงพูดคุยหัวเราะกันอยู่ แล้วผลักพวกนางออกประตูไปด้วยแรงทั้งหมดของตัวเอง
ฮุ่ยเซียงกับหลันหนิงยังไม่ทันได้ตอบโต้ ก็ถูกแรงมหาศาลผลักออกจากเรือนกระจก และล้มกองอยู่ในหิมะอย่างแรง
จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นตามมา เรือนกระจกพังทลายลงต่อหน้าพวกนาง เรือนกระจกที่ยังตั้งตรงเมื่อครู่พังหักเป็นเสี่ยง ๆ ในทันที เสาไม้ไผ่หัก แปลงเพาะพังทลายลง และหวางเฟยของพวกนางก็ถูกฝังอยู่ในนั้น
ทั้งฮุ่ยเซียงกับหลันหนิงนั่งนิ่งค้างอยู่บนกองหิมะ สมองยังไม่รับรู้ความรู้สึก ทว่าน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาอย่างควบคุมไม่ได้แล้ว
หวางเฟย! หวางเฟย!
หลันหนิงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง ปีนลุกขึ้นจากพื้น ปาดน้ำตาทิ้ง วิ่งไปทางเรือนกระจกที่พังลงมา และทุ่มกำลังดึงราวไม้ไผ่กับชั้นวางของล้มระเนระนาดออก
“หวางเฟย! ได้ยินข้าพูดหรือไม่?”
“หวางเฟย! รอข้าก่อน ข้าจะไปช่วยท่านเอง!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อ๊า เรือนกระจกอยู่ดี ๆ ก็พัง เฉียวเยี่ยนจะเป็นอะไรไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)