ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 251 ทำลายเรื่องดีๆ

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 251 ทำลายเรื่องดีๆ

ตอนที่ 251 ทำลายเรื่องดีๆ

เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินกำลังจู๋จี๋กันอยู่ พลันมีเพลงหนึ่งดังขึ้นในหัว บรรยากาศคลุมเครือทั้งหมดหายวับไปทันใด

นางรู้สึกเอือมระอา มองระบบตัวน้อยที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงสีชมพูขนาดเล็กอยู่เนิ่นนานอย่างพูดไม่ออก

นี่นางกำลังประท้วงด้วยวิธีนี้หรือ? ไม่รู้ว่าตอนนั้นเป็นใครที่พยายามจับคู่นางกับมู่ฉินเจินกัน?

ครั้นระบบตัวน้อยได้ยินเสียงในใจของโฮสต์ ก็โผล่ศีรษะน้อยออกมาจากผ้าห่ม และเอ่ยดุดันแบบเด็กๆ

[นั่นไม่ใช่ระบบ! ระบบไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้น! ]

ระบบตัวน้อยรู้สึกเย็นยะเยือกอยู่ภายในใจ หากนางรู้ว่าผลของการจับคู่โฮสต์กับพี่มู่คนหล่อคือถูกยัดอาหารสุนัขจนจะอ้วกล่ะก็ ตอนนั้นนางคงไม่พยายามขนาดนี้ ตอนนี้คิดดูแล้วก็รู้สึกอยากหลั่งน้ำตา!

เฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันกับท่าทางคนตัวเล็กมากจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ก่อนง้ออย่างระอา “เอาล่ะ เอาล่ะ รอข้าหาเงินอีกหน่อย แล้วพาเจ้าออกมา เจ้าก็ไม่ต้องกินอาหารหมาอีกแล้ว ”

ตอนนี้นางเลื่อนขั้นมาถึงระดับเก้าครึ่งแล้ว ยังเหลืออีกครึ่งระดับก็สามารถออกมาจากทะเลแห่งจิตสำนึกได้แล้ว

แต่ว่าความเร็วในการเลื่อนระดับอีกครึ่งหนึ่งนั้นช้าเสียยิ่งกว่าหอยทากอีก เงินหนึ่งพันตำลึงเข้าบัญชี ทว่าความคืบหน้าแทบไม่กระดิกเลย

เมื่อมู่ฉินเจินเห็นเฉียวเยี่ยนหัวเราะขึ้นมาฉับพลัน ก็รู้ว่าน่าจะเป็นระบบตัวน้อยทำอะไรบางอย่าง

ครั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กน้อยที่ยังไม่เคยเห็นหน้า เขาก็มีความอยากรู้เต็มเปี่ยม

แม้จะรู้ความเป็นมาของเฉียวเยี่ยนและเรื่องของคนตัวเล็กที่ชื่อว่าระบบอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าในจิตสำนึกของคนๆ หนึ่งจะมีอีกคนหนึ่งอยู่ได้อย่างไร

เฉียวเยี่ยนเห็นท่าทางอยากรู้ของเขา ก็เอ่ยอธิบาย “เด็กน้อยงอแงน่ะ”

ในระหว่างที่คุยกัน นางก็ยัดสตรอเบอรี่เข้าปากมู่ฉินเจิน “ข้าเพิ่งเก็บมาวันนี้ และตั้งใจนำมาส่งให้ท่านโดยเฉพาะ ท่านรีบชิมเร็ว”

พูดจบนางก็หยิบมากินเองหนึ่งลูก และเอ่ยอู้อี้ไม่ชัดเจน “หวานไหม?”

มู่ฉินเจินกลืนสตรอเบอรี่ในปากลงไป พลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้นาง ปาดน้ำสตรอเบอรี่ที่เปื้อนมุมปากให้นาง ก่อนจุมพิตนางสองครั้ง หลังจากแยกจากกันก็ตอบด้วยรอยยิ้มแผ่วเบา “หวานมาก”

เฉียวเยี่ยนถลึงตาใส่เขา ทั้งดูเหมือนโกรธและงอนงอด “คนเสเพล!”

ปากก่นด่าว่าเสเพล ทว่าในใจกลับหวานซึ้งมาก ทำอย่างไรก็ซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้

ตั้งแต่ทั้งคู่ข้ามความสัมพันธ์ขั้นสุดท้ายไป ก็เปลี่ยนมาเป็นติดหนึบกันมากขึ้น กอดๆ หอมๆ กันเป็นเรื่องปกติ คนส่วนใหญ่ในตำหนักอ๋องซู่ล้วนคุ้นชินจนกลายเป็นปกติไปแล้ว

ตอนนี้ทั้งสองป้อนกันไปกันมาอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ฉับพลันมู่เวินเหยียนก็เปิดกระโจมพุ่งเข้ามา ทำให้คนทั้งสองที่กำลังจูบอย่างแนบชิดสนิทกันผงะไปทันที

“พะ…พี่สี่”

คำว่าพี่สี่ยังไม่ทันดังออกจากปาก ทุกคำพูดของมู่เวินเหยียนต่างติดอยู่ตรงปาก

ใบหน้าของเขาฉายแววหลากหลายอารมณ์ และคร่ำครวญอยู่ในใจ แย่แน่ แย่แน่ๆ คราวนี้เขาตายจริงๆ แน่!

เขาได้ทำลายเรื่องดีๆ ของพี่สี่กับพี่สะใภ้สี่ไปแล้ว พี่สี่ต้องโยนเขาลงไปฝึกซ้อมในสนามฝึกแน่ แถมยังเรียกอย่างสวยหรูว่าออกกำลังกายด้วย!

เฉียวเยี่ยนที่ยังนั่งอยู่บนตักมู่ฉินเจิน ลุกขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อนเดินไปหลังฉากกั้น มันไม่น่าอายจริงๆ ที่น้องชายสามีเห็นเรื่องจูบเช่นนี้เข้า!

มู่เวินเหยียนยิ้มน่าเกลียดกว่าร้องไห้เสียอีก เขามองสีหน้าถมึงทึงของพี่สี่ด้วยขาที่สั่นเทา “พะ…พี่สี่ กำลังยุ่งอยู่เลย ผู้บัญชาการจางให้ข้านำข้อความมาบอกท่าน”

มู่ฉินเจินส่งสายตาเคร่งขรึมอย่างไม่มีใครเทียบให้เขา ก่อนขยับริมฝีปากเนิบหนาบ “ไสหัวไป!”

“ได้เลย! น้องจะไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ!”

มู่เวินเหยียนเหมือนยกภูเขาออกจากอก พลางหันหลังวิ่งแจ้นหนีไป โดยลืมแม้กระทั่งเรื่องที่ผู้บัญชาการจางสั่งไปเสียสิ้น

คำสั่งอะไรไม่สำคัญเท่ากับการมีชีวิตหรอก!

……

เดือนสามผ่านไป พริบตาเดียวก็มาถึงเดือนสี่

ในช่วงนี้เมืองหลวงคึกคักมาก ทูตจากเมืองอื่นๆ ทยอยกันเดินทางเข้ามาเมืองหลวง หลังจากที่พวกเขาเข้าเมืองหลวงมาก็จะไปเที่ยวที่ต่างๆ และซื้อสินค้าพิเศษในเมืองหลวงไปไม่น้อย กิจการของพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยทำดีเป็นพิเศษ

และหอหัวอวิ้นของเฉียวเยี่ยนก็ได้กลายเป็นสถานที่ที่ต้องไปสำหรับทูตไปแล้ว

เมื่อมาถึงสถานที่ใหม่ ต้องเข้าใจประเพณีวัฒนธรรมในพื้นที่นั้น ซึ่งเรื่องกินเป็นเรื่องที่ขาดไปไม่ได้

เมื่อถามว่าร้านอาหารใดในเมืองหลวงมีรสชาติดีที่สุด เก้าในสิบจะตอบว่าเป็นหอหัวอวิ้น

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ห้องส่วนตัวทั้งหมดในหอหัวอวิ้นเต็มจนล้น โต๊ะหนึ่งหายากมาก

ในห้องส่วนตัวริมหน้าต่างห้องหนึ่งของภัตตาคาร เสี่ยวเอ้อร์กำลังแนะนำอาหารในร้านให้กับชายหญิงที่นั่งอยู่นนโต๊ะอย่างกระตือรือร้น

“อาหารของร้านเราเป็นอาหารชั้นยอดทุกอย่าง ท่านทั้งสองกินแล้วรับรองติดใจแน่นอน โดยเฉพาะหม้อไฟ ใครมาที่นี่เป็นต้องสั่ง…”

หญิงสาวที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าต่างเมือง หยิบมีดสั้นออกมาจากเอว แล้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง “อย่าพูดไร้สาระให้มากนัก! เอาอาหารขึ้นชื่อของร้านเจ้ามาให้หมด หากมันไม่อร่อยอย่างที่เจ้าว่า ข้าจะทำลายร้านอาหารนี้ และตัดมือเจ้าเสีย!”

เสี่ยวเอ้อร์ตกใจ พลางตอบรับซ้ำๆ และรีบออกจากห้องส่วนตัว ไปรายงานสถานการณ์กับผู้ดูแลร้านทันที

ตั้งแต่เปิดร้านอาหารมา ก็พบกับพวกเสเพลไร้สัจจะมากมาย แต่ชายหญิงคู่นี้ดูมีฐานะไม่ธรรมดา ทั้งยังสวมเสื้อผ้าจากต่างเมือง น่าจะเป็นทูตที่มาเมืองหลวงเพื่อถวายพระพร คนที่มีฐานะต้อยต่ำเช่นเขาไปยั่วยุไม่ได้หรอก

เมื่อผู้ดูแลร้านได้รับข่าวนี้ ก็รีบสั่งนักเลงในร้านเตรียมพร้อมทันที หากมีใครก่อความวุ่นวายขึ้นมา รีบออกไปหยุดไว้ทันที

หลังจากเสี่ยวเอ้อร์ออกจากห้องส่วนตัวไป ชายที่อยู่โต๊ะเดียวกับหญิงสาวก็ดื่มชาอย่างเกียจคร้าน พลางมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบหนาบไม่เร่งรีบ “อวี่เฉียน ที่นี่ไม่ใช่รัฐเยี่ยน เจ้าควรเก็บอาการหน่อย ”

เจียงอวี่เฉียนเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ก่อยเอ่ยอย่างหยาบคาย “เปิ่นกงจู่ไม่กลัวหรอก แค่ภัตตาคารเล็กๆ ร้านหนึ่ง จะทำอะไรข้าได้?”

เจียงเจี้ยนสวินวางถ้วยชาในมือลง สีหน้าดูเคร่งขรึมมากขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนเปิดภัตตาคารนี้? ซู่หวางเฟย หญิงที่ได้รับคำชมจากคนครึ่งค่อนเมืองหลวง เจ้าคิดว่านางเป็นคนที่สามารถยั่วยุได้ง่ายๆ หรือ?”

“ก่อนออกมาเสด็จพ่อได้สั่งไว้ว่าห้ามเจ้าก่อเรื่อง หากเจ้าก่อเรื่องในเทียนลี่ ข้ากับเสด็จแม่คงปกป้องเจ้าไม่ได้”

เจียงอวี่เฉียนเชิดคอขึ้นอย่างไม่ยอม “เปิ่นกงจู่ไม่กลัว นางเป็นหวางเฟย ข้าก็เป็นองค์หญิง ข้าอยากเห็นนักว่าซู่หวางเฟยในข่าวลือจะเป็นคนเช่นไร!”

เมื่อวานพวกเขาเข้าเมืองหลวงมา ก็ได้ยินเรื่องราวของเฉียวเยี่ยนทั่วทุกที่ นางไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายที่เป็นหญิงคนหนึ่งจะมีความสามารถมากมาย รอถึงงานเลี้ยงถวายพระพรเมื่อใด นางต้องไปเจออีกฝ่ายเสียหน่อยแล้ว!

เจียงเจี้ยนสวินรู้จักนิสัยใจคอของน้องสาวตัวเองดี ชอบแข่งขันชอบเอาชนะ เจ้าแง่แสนงอน หากครั้งนี้ไม่ได้ทดสอบฝีมือกับซู่หวางเฟยผู้นั้น นางไม่ยอมเลิกราแน่

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็ปวดหัวขึ้นมา หากรู้เร็วกว่านี้เขาคงไม่พานางมาที่นี่ด้วย

เสี่ยวเอ้อร์ยกอาหารมาให้อย่างรวดเร็ว และได้นำอาหารขึ้นชื่อที่ขายดีที่สุดทั้งหมดในร้านยกมาให้ หลังจากแนะนำสองสามประโยคอย่างสุภาพให้เกียรก็รีบออกจากห้องส่วนตัวไปทันที และรออยู่ข้างนอกเพื่อฟังความเคลื่อนไหว

อาหารวางไว้เต็มโต๊ะใหญ่ มีมากมายหลากหลายไม่ซ้ำ กลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจ ทำให้เจียงอวี่เฉียนที่อยากหาเรื่องหาข้อบกพร่องไม่ได้ไปชั่วขณะ

เจียงเจี้ยนสวินลองชิมไก่รสเผ็ดที่ดูมันวาวและกรอบก่อน เมื่อกินเข้าไปมีความรู้สึกแสบร้อนลิ้น จากนั้นก็กรอบและชา

รสชาตินี้แปลกใหม่มาก เขาอยู่ในรัฐเยี่ยนไม่เคยกินอาหารเช่นนี้มาก่อนเลย!

เขาคีบพริกทอดกรอบชิ้นหนึ่งจากไก่เผ็ดขึ้นมา สังเกตอย่างละเอียดเป็นเวลาเนิ่นนาน แล้วกัดเบาๆ ไปอีกคำ ความรู้สึกแสบร้อนก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

ที่แท้รสชาติแสบลิ้นก็มาจากมันนี่เอง แล้วเจ้าสิ่งนี้มันคือสิ่งใดกันแน่?

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อดทนอีกนิดนะน้องระบบ อีกหน่อยจะไม่ได้กินอาหารหมาแล้ว

เดี๋ยวเจออาหารของซู่หวางเฟยก่อนแล้วจะหนาว ต่อให้เป็นองค์หญิงจากต่างเมืองก็เถอะ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท