ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 257 ชัยชนะครั้งใหญ่

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 257 ชัยชนะครั้งใหญ่

ตอนที่ 257 ชัยชนะครั้งใหญ่

เจียงอวี่เฉียนล้มอย่างน่าอนาถ หากพื้นในห้องโถงใหญ่ไม่สะอาดพอ แถมยังปูด้วยพรม ไม่แน่อาจจะมีฝุ่นละอองฟุ้งกระจายขึ้นมา

เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ชมตกตะลึง สตรีหลายคนลืมท่าทางไปชั่วขณะ และร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ

และวินาทีที่เจียงเจี้ยนสวินเห็นน้องสาวล้มลงบนพื้น ก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่งตัวเองอย่างกังวลใจ

คราวนี้พวกเขาประเมินศัตรูต่ำไปอีกแล้ว เจ้าเด็กสองคนนี้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว

ใช้วิธีการยั่วยุจงใจทำให้คู่ต่อสู้โกรธกริ้ว และถือโอกาสในตอนที่ไม่สนใจออกกระบวนท่า

ช่างเยี่ยมยอดจริงๆ ! ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเด็กอายุเพียงหกขวบสองคนจะมีความคิดละเอียดรอบคอบเช่นนี้

เจียงอวี่เฉียนล้มจนปวดระบมไปทั่วร่าง ฝ่ามือดันพื้น พยายามลุกขึ้นมา สีหน้าเคร่งเครียด ก่อนกัดฟันเอ่ย “ใช่ได้นี่ รู้จักใช้วิธีการยั่วยุด้วย คราวนี้เปิ่นกงจู่จะไม่หลงเล่ห์กลพวกเจ้าอีก!”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แลบลิ้นใส่นาง สองมือน้อยเท้าเอว และตะโกนกลับไปอย่างไม่อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย “เป็นเจ้าที่โง่เอง จะมาโทษพวกเราได้อย่างไร?”

สิ้นเสียง นางกับพี่ชายก็เหลือบมองหน้ากัน ไม่รอเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ พุ่งเข้าไปหาพร้อมกัน

เด็กทั้งสองโจมตีเร็วเกินไป ใครจะไปคิดว่าวินาทีก่อนหน้ายังทะเลาะกันอยู่ วินาทีต่อไปก็มุ่งโจมตีเข้าใส่ทันที!

เจียงอวี่เฉียนยังไม่ทันได้ได้สติอย่างสมบรูณ์ เมื่อกลับมารู้สึกตัวอีกทีมันก็หลบไม่ทันไปเสียแล้ว

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จู่โจมเต็มกำลัง กอดขาของเจียงอวี่เฉียนไว้แน่น ในขณะที่เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ในตอนนี้กระโดดขึ้นถีบตรงหน้าอกของเจียงอวี่เฉียน

เจีียงอวี่เฉียนรีบยกมือขึ้นป้องหน้าอกด้วยความตื่นตระหนก แขนถูกถีบอย่างแรง นางจะขยับเคลื่อนไหว ทว่าขาของนางกลับดิ้นไปไหนไม่ได้ราวกับว่ามันถูกตรึงไว้ด้วยห่วงเหล็ก

การโจมตีแรกไม่ล้มเหลว เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ถีบติดต่อกัน สุ่มเตะไปทั่วร่างของนาง ในขณะที่เจ้าปลาอ้วนใช้โอกาสที่เจียงอวี่เฉียนหลบหลีกการโจมตี พลิกนางล้มลงกับพื้นในท่าดึงหัวไชเท้า

เจียงอวี่เฉียนล้มก้นกระแทกพื้นลอีกครั้ง ทว่าคราวนี้นางลุกไม่ขึ้น ฝังหน้าลงกับพื้นด้วยความอับอาย สองมือทุบพื้น และร้องไห้ออกมาด้วยความโมโห

เจียงเจี้ยนสวินรีบเข้ามาช่วยเหลือ และยอมรับความพ่ายแพ้ หากยังดำเนินต่อไป ภาพลักษณ์ของน้องสาวก็อย่าได้คิดจะมีเลย

หลังจากเอาชนะรัฐเยี่ยนได้ ข้าราชบริพาลในเทียนลี่ก็มีความสุขมาก ฮ่องเต้เฒ่าถือโอกาสนี้กล่าวสองสามประโยคอย่างสุภาพ เพื่อรักษาบรรยากาศของเมืองอันยิ่งใหญ่เอาไว้

เจียงอวี่เฉียนถูกพี่ชายลากลงจากเวที เด็กทั้งสองก็กลับไปหาพ่อแม่เช่นกัน ในฐานะที่เป็นวีรชนตัวน้อยสองคนในคืนนี้ ฮ่องเต้เฒ่าจึงให้รางวัลเด็กทั้งสองอย่างหนัก ต่อหน้าทูตจากเมืองต่างๆ กับพวกข้าราชบริพาร

หลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง การแสดงร้องเพลงร่ายรำก็เริ่มต่อ จวบจนราวๆ ยามจื่อ งานเลี้ยงก็จบลง

ในตอนจะออกนอกวัง ด้านหลังครอบครัวสี่คนของเฉียวเยี่ยนมีนางระบำโฉมงามสิบคนจากดินแดนซีอวี้ติดตามมาด้วย เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินอุ้มลูกคนละคน และเด็กทั้งสองหลับไปแล้ว พวกเขาเดินไปด้วยกันและคุยกันเสียงเบา พูดคุยหัวเราะกัน

นางระบำสิบคนที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นบ่าวติดตามในบันดล

พวกนางเดินก้มหน้า บ้างก็มองท่านอ๋องซู่ที่อุ้มเด็กเป็นระยะๆ ท่าทางที่เขาแย้มยิ้มบางเบาให้หวางเฟยช่างทิ่มแทงหัวใจพวกนางนัก

ที่แท้ท่านอ๋องซู่ก็อ่อนโยนเช่นนี้นี่เอง ไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนในข่าวลือเลยสักนิด นับแต่บัดนี้ไป บุรุษแสนดีผู้นี้จะเป็นของพวกนางแล้ว คิดๆ ดูก็ตื่นเต้นมาก!

เท่าที่พวกนางรู้ ซู่หวางเฟยตกลงพาพวกนางกลับตำหนักด้วย นั่นก็แปลว่าให้พวกนางเป็นอนุของท่านอ๋องซู่ได้ แม้จะเป็นอนุภรรยา แต่ด้วยความงามของพวกนาง จะต้องได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องซู่เป็นแน่

หัวใจของพวกนางเต็มไปด้วยฟองสีชมพูฟูฟ่อง จินตนาการถึงชีวิตที่ได้อยู่กับท่านอ๋องซู่ในอนาคต แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า เฉียวเยี่ยนกำลังคิดว่าจะจัดการแรงงานอิสระเหล่านี้อย่างไร

หลังจากกลับมาตำหนักแล้ว เฉียวเยี่ยนก็มอบนางระบำทั้งสิบให้ลุงฉู ให้เขาหาที่ปักหลักให้ รอเดินขบวนทัพในวันพรุ่งนี้จบลง นางค่อยจัดการพวกนาง

……

พิธีเดินขบวนทัพในเช้าวันที่สองถูกจัดขึ้น ณ สนามฝึกในค่ายทหาร

ฮ่องเต้เฒ่าเสด็จออกจากวังไปพร้อมกับฮองเฮาและนางสนมสำคัญหลายคน พวกทูตจากเมืองต่างๆ ข้าราชบริพารรวมถึงคนในครอบครัวต่างมารวมตัวกันบริเวณสนามฝึก

เมื่อเข้าไปในค่ายทหารแล้ว ทุกคนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศเคร่งขรึมที่พุ่งเข้าหาพวกเขา ทุกที่มีทหารยืนเฝ้าและลาดตระเวนไปทั่ว ร่างกายของพวกเขาตั้งตรงราวกับต้นสน แววตาดุจคบเพลิง ท่าทางกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกมีขวัญกำลังใจที่เข้มแข็งขึ้นมา

ในสนามฝึก แม่ทัพนายกองสั่งให้ลูกน้องของตนแสดงให้เสร็จอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทหารราบแสดงมวยกับวิชาตีรันฟันแทง หน้าตาดูมีสง่าราศี ทหารทุกนายชกมวยได้เหมือนเสือคำรามลม ส่วนพวกทหารควบม้าถือบังเหียนควบขับม้า แสดงวิชาการขี่ม้ายิงธนู

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยทรายสีเหลือง ไอสังหารพุ่งสูง รัฐเล็กๆ กับชนเผ่าบางส่วนที่ขึ้นตรงกับเทียนลี่ต่างก็ตกตะลึง อีกทั้งเกิดความหวังขึ้นว่าเมื่อใดพวกเขาจะมีกองทัพที่เข้มแข็งเช่นนี้ และไม่ต้องพึ่งพาเมืองใหญ่ให้มีชีวิตรอดต่อไปเสียที

หลังจากที่พวกทหารแสดงฝีมือจบ ก็ถึงเวลาที่บรรดาแม่ทัพนายกองจะประชันฝีมือกันในด้านการใช้กำลังพลและการตั้งค่ายกล โดยมีเส้นกลางสนามฝึกเป็นเส้นแบ่งเขต ทั้งสองฝ่ายต่างโจมตีป้องกัน นายพลสั่งให้ทหารในสังกัดต่อสู้กับข้าศึก

เฉียวเยี่ยนไม่เข้าใจตำราพิชัยสงคราม ค่ายกลต่างๆ ที่รู้จักก็มาจากละครในโทรทัศน์ เช่น ค่ายกลเสือขาว ค่ายกลหงส์แดง แล้วก็ค่ายกลเทียนเหมินของเซียวเทียนจั่วในเรื่องมู่กุ้ยอิงกว้าไซว่

ส่วนอย่างอื่น นางไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

เห็นเพียงพวกทหารจัดขบวนทัพแปลกๆ อยู่แนวเขตป้องกันกำแพงเมืองในสนามฝึก เฉียวเยี่ยนชะเง้อคอมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ครั้นมู่ฉินเจินเห็นนางสงสัย ก็ลูบหัวน้อยของเจ้าปลาอ้วนในอ้อมแขนอย่างเพลิดเพลิน แล้วถามอย่างอ่อนโยน “อวี๋เอ๋อร์ดูเข้าใจหรือไม่?”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พยักหน้า ก่อนอธิบายเป็นคำๆ “นี่คือการจัดทัพแบบห่านป่า ซึ่งเป็การเลียนแบบรูปแบบการบินของห่านป่า”

“และตอนนี้การจัดทัพนี้ได้พัฒนามาเป็นค่ายกลแนวราบ แบบนี้ เมื่อข้าศึกบุกเข้ามา ก็จะถูกกักไว้ระหว่างปีกสองข้างของค่ายกลห่านบิน และทั้งสองด้านก็จะถูกโจมตี…”

แม้เสียงของคนตัวเล็กจะยังเจื้อยแจ้ว ทว่าก็อธิบายค่ายกลได้อย่างชัดเจนและมีเหตุผล คนที่ดูค่ายกลไม่ออกหลายคนได้ฟังก็เข้าใจในทันที และรู้สึกทึ่งมากขึ้นกับความรู้เรื่องตำราพิชัยสงครามของเด็กน้อยมาก

เมื่อได้รับคำอธิบายจากลูกสาว เฉียนเยี่ยนก็เข้าใจทันที เห็นทีเจ้าปลาอ้วนของเราคงได้เป็นแม่ทัพหญิงจริงๆ เสียแล้ว

การเรียนบทกวีบทเพลง เป็นเหมือนกับการพรากชีวิตของนาง ทว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับตำราพิชัยสงคราม นางรู้หมด

หลังจากลูกสาวพูดจบ มู่ฉินเจินก็ได้ยินเสียงอุทานอย่างน่าทึ่งรอบตัว จึงเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง มุมปากก็หยักยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

ท่าทางโอ้อวดของลูกสาวนั้นดูไร้เดียงสาจริงๆ

ความรู้การตั้งค่ายกลเหล่านี้เป็นจุดบอดสำหรับเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ หลังจากฟังคำอธิบายของน้องสาว เขารีบจดจำพวกมันด้วยสมองอันชาญฉลาดของตัวเอง หลังจากการต่อสู้จบลง เขาก็ได้ข้อคิดมาไม่น้อย

เมื่อพบกับรูปแบบค่ายกลที่ซับซ้อนแล้วเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่เข้าใจ มู่ฉินเจินก็จะอธิบายให้นางฟังอย่างอดทน และยังสอนนางถึงวิธีเดากลยุทธ์ของคู่ต่อสู้อีกด้วย

คนบริเวณรอบๆ หลายคนเห็นอ๋องซู่สอนค่ายกลให้แก่ลูกสาว ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมลูกๆ ของเขาถึงเก่งเพียงนี้

ประการแรกพ่อแม่ของพวกเขาเป็นคนยอดเยี่ยมมาก ประการที่สองเด็กๆ มีความกระตือรือร้น เห็นท่าทางฟังอย่างตั้งใจแล้ว พวกเขาก็อิจฉาอย่างมาก

หากบรรพบุรุษตัวน้อยที่บ้านมีจิตวิญญาณในการเรียนรู้สักครึ่งหนึ่งของอีกฝ่าย พวกเขาคงจุดธูปไหว้บรรพบุรุษทุกวันแล้ว

……

เสียงเดินทัพยิ่งใหญ่ดำเนินไปตลอดทั้งวัน เมื่อเสร็จสิ้น การมาถวายพระพรของทูตในครั้งนี้ก็เป็นอันสิ้นสุดลง และทูตจากเมืองต่างๆ ก็เริ่มทยอยกันกลับเมืองนเอง

ทุกอาณาจักรที่มาถวายพระพร ฮ่องเต้เฒ่าต่างตอบแทนด้วยการมอบของขวัญให้มากมาย ซึ่งในนั้นมีสินค้าของโรงงานเฉียวจี้ด้วย

ชายชราจัดสรรเงินจากคลังส่วนพระองค์ สั่งซื้อสินค้ากับเฉียวเยี่ยน อุดหนุนกิจการของนางอย่างเปิดเผย

และทูตบางคนยังซื้อสินค้าของโรงงานเฉียวจี้จำนวนมากกลับไปบ้านเกิดของพวกเขาด้วย ทำให้เฉียวเยี่ยนรับทรัพย์ก้อนใหญ่อีกครั้ง

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พอเถอะองค์หญิง ยิ่งสู้ยิ่งเสียเกียรตินะ

อนาคตแม่ทัพหญิงอยู่ไม่ไกลแล้วเจ้าปลาน้อย ได้เรียนรู้อะไรที่ถูกจริตตัวเองมันก็ดีแบบนี้แหละ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน