ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 263 ดื่มเหล้าเพิ่มความกล้า

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 263 ดื่มเหล้าเพิ่มความกล้า

ตอนที่ 263 ดื่มเหล้าเพิ่มความกล้า

ความมั่นใจของเว่ยอวิ๋นซูเพิ่มขึ้นไปหลายส่วนหลังจากถูกปลอบ นางบีบมือแน่น แล้วเอ่ยด้วยสายตามุ่งมั่น “เจ้าพูดถูก ข้าควรไปถามพี่เฉียวจิ่นให้ชัดเจน บางทีมันอาจเป็นเพียงความคิดเพ้อฝันขององค์หญิงอะไรนั้น”

“คิดเช่นนี้ถูกต้องแล้ว ฮึกเหิมขึ้นมาเสีย ข้ายังรอให้เจ้ามาเป็นพี่สะใภ้ข้าอยู่”

เว่ยอวิ๋นซูรู้สึกเขินอายกับสิ่งที่นางพูด ก่อนเอ่ยเสียงเบา “เรื่องมันยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย อย่าพูดมั่วซั่วสิ”

นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยเข้าใจพี่เฉียวจิ่น บางครั้งก็คิดว่าเขามีความรู้สึกให้ตัวเอง แต่บางครั้งก็ดูเหมือนเขาจะมองตัวเองเป็นน้องสาว และดูแลตัวเองจำกัดอยู่แค่พี่น้องเท่านั้น

ลูกน้อยทั้งสองมีโต๊ะหนังสือน้อยเป็นของตัวเอง ส่วนเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินมีที่ของใครของมัน เหมือนกับห้องทำงานห้องหนึ่ง

สามพ่อลูกกำลังตั้งใจอ่านหนังสือ นางเข้าไปก็ไม่รบกวนพวกเขา นั่งลงในตำแหน่งของตัวเอง พลางหยิบพู่กันกับกระดาษมาเริ่มเขียนวาด

โรงงานใหม่ในหมู่บ้านสกุลอู๋ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่ และมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก คาดว่าอาจใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนจึงจะสร้างเสร็จ

และตอนนี้นางก็ได้ซื้อร้านอาหารอีกแห่งหนึ่งแล้ว ต่อไปก็ต้องปรับปรุงใหม่ รับสมัครคนงาน สรุปคือต้องวุ่นจนเท้าไม่ติดพื้นอีกแล้ว

……

เช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยอวิ๋นซูรีบวิ่งแจ้นออกไปรอเฉียวจิ่นเลิกว่าราชการอยู่นอกพระราชวัง

หากไปที่จวนสกุลเฉียว ท่านป้าหว่านต้องรู้แน่ นางจึงทำได้เพียงมาขวางเขาอยู่นอกประตูวัง

เมื่อถึงเวลา มีขุนนางออกมานอกประตูวังบางตา คนชะเง้อมอง รอคอยการปรากฏตัวของเฉียวจิ่น

หลังจากยืนอยู่ประมาณหนึ่งเค่อ ในที่สุดก็มีร่างอันคุ้นเคยเดินมาหน้าประตู แต่ก่อนที่เขาจะได้โบกมือทักทาย แผ่นหลังของหญิงสาวบอบบางก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาเสียก่อน

เป็นองค์หญิงเจียหนิง นางพานางข้าหลวงมาขวางเฉียวจิ่นเอาไว้

จากมุมมองของนางสามารถเห็นได้อย่างแจ่มชัด องค์หญิงเจียหนิงให้ถุงเงินแก่เขา แต่พี่เฉียวจิ่นกลับปฏิเสธอย่างสุภาพและเคารพ

เพราะเขาปฏิเสธ นางข้าหลวงขององค์หญิงเจียหนิงจึงบีบบังคับ “สิ่งนี้องค์หญิงเราใช้เวลาปักตั้งหลายวันถึงจะปักออกมาได้ ใต้เท้าเฉียวจะปฏิเสธน้ำใจขององค์หญิงเราหรือ?”

องค์หญิงเจียหนิงยังรักษาท่าทางส่งถุงเงินไว้อยู่ ครั้นเห็นเขาไม่รับก็หน้าเสียเล็กน้อย และถามอย่างน้อยใจและน่ารัก “หากพี่จิ่นไม่ชอบรูปแบบถุงเงินนี้ เช่นนั้นข้าทำใหม่อีกอันหนึ่งก็ได้”

เฉียวจิ่นก้มตัวคำนับนาง และยังคงปฏิเสธอย่างสุภาพเหมือนเดิม “ข้าน้อยไม่ใช่ญาติมิตรกับองค์หญิง จึงรับเป็นพี่ชายขององค์หญิงไม่ได้จริงๆ และไม่สามารถใจกว้างรับของขวัญนี้ได้ ข้าน้อยขอตัวลา”

หลังจากที่เขาพูดจบก็ยืดตัวขึ้นเดินจากไป แม้องค์หญิงเจียหนิงที่อยู่ข้างหลังจะโกรธมากจนใบหน้าบิดเบี้ยว กระนั้นเขาก็ไม่สนใจเลย

ใจที่เป็นกังวลมาตลอดทั้งเย็นของเว่ยอวิ๋นซู ในที่สุดก็สงบลงในเวลานี้ ไม่ต้องถาม นางก็รู้ผลลัพธ์แล้ว

ต่อให้เขาไม่ชอบนาง ทว่าเขาก็ไม่ได้มีใจให้กับองค์หญิงคนนั้น รู้แค่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

เฉียวจิ่นเดินออกไปด้านนอกสองสามก้าว ก็เห็นเว่ยอวิ๋นซูยืนอยู่ข้างรถม้า พลันรอยยิ้มออกโยนก็ปรากฏบนใบหน้าทันใด

“อวิ๋นซู เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

เว่ยอวิ๋นซูชะงักค้างไปทันที และเอ่ยข้อแก้ตัวตามปกติของตัวเอง “พี่เฉียวจิ่น บังเอิญจังเลย ข้ามารอรับพี่ชายเลิกว่าราชกิจ”

เว่ยอวิ๋นเหล่ยที่กำลังยืนลาสหายร่วมงานไม่ไกลนักพลันปากกระตุก

เหอะๆ ตัวเองมาหาคนรักชัดๆ หยุดลากเขาเข้าไปเกี่ยวได้ไหม?

เขาไม่ได้รับประโยชน์อะไรก็ว่าแล้ว แต่ยังติดค้างน้ำใจคนอีก

ทั้งสองไม่มีหัวข้อคุยกันไปชั่วขณะ ก่อนเว่ยอวิ๋นซูเอ่ยอย่างแข็งขัน “พี่เฉียวจิ่นกินข้าวหรือยัง? ไม่เช่นนั้นเราไปกินข้าวที่หอหวาอวิ้นกันเถิด ข้าเองก็ยังไม่ได้กินข้าวพอดี”

หัวข้อสนทนาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เฉียวจิ่นตอบโต้ไม่ทันเล็กน้อย

“เอ๊ะ? เจ้ามารับพี่ชายเจ้ามิใช่หรือ?”

เว่ยอวิ๋นซูไม่ให้โอกาสเขาได้คัดค้าน เปิดปากกล่าว “ไอหยา เขาโตขนาดนี้แล้ว เดินไม่ไหวหรอก เขากลับไปเองได้ รีบไปเถิด พวกเราไปกินข้าวกัน ท้องข้าร้องแล้ว”

เว่ยอวิ๋นเหล่ยหลั่งน้ำตาอยู่ในใจ นี่แน่ชัดแล้ว เขาเป็นแค่เครื่องมือคนหนึ่ง

แน่นอนว่าพี่ชายแท้ๆ ไม่สำคัญเท่าพี่ชายที่รักหรอก!

เฉียวจิ่นพี่ชายที่รักคนนี้ถูกเว่ยอวิ๋นซูผลักขึ้นรถม้า และเว่ยอวิ๋นซูก็นั่งรถม้าของตัวเองไป รถม้าทั้งสองคันขับตามกันไปทางหอหวาอวิ้น

ส่วนเว่ยอวิ๋นเหล่ยที่ถูกลืม ทำได้เพียงขี่ม้าของตัวเองอย่างน่าสงสาร กลับไปหาภรรยาตนเพื่อปลอบโยน

องค์หญิงเจียหนิงที่อยู่หน้าประตูวังเห็นฉากที่เฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูนัดกันและจากไป นางก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ พลางโยนถุงเงินในมือลงบนพื้น

ฮึ! คอยดูเถิด ของที่อีกฝ่ายชอบ จะไม่มีวันรอดพ้นเงื้อมมือไปจากนางได้!

เมื่อไปถึงหอหวาอวิ้น เว่ยอวิ๋นซูขอห้องส่วนตัวหนึ่งห้อง และสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะใหญ่ แถมยังสั่งเหล้าฤทธิ์แรงมาหนึ่งไหเป็นพิเศษ

เฉียวจิ่นยังอยู่ในการกินยาปรับร่างกายตัวเองอยู่ จึงดื่มสุราไม่ได้ เหล้าไหนี้นางสั่งมาย้อมใจให้ตัวเอง

นี่คือเหล้าเพิ่มความกล้า วันนี้นางอยากแสดงความในใจของนางพี่ชายเฉียวจิ่น หากสำเร็จ พวกเขาสองคนก็อยู่ด้วยกัน หากไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็เป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิต

เฉียวจิ่นรู้สึกว่าวันนี้เว่ยอวิ๋นซูดูแปลกไป เขาถามไปหลายครั้ง แต่นางก็ตอบมาว่าไม่เป็นไร จึงจึงทำได้เพียงอยู่เป็นเพื่อนนาง

เว่ยอวิ๋นซูดื่มเหล้าลงท้องไปสองแก้ว สองแก้มนวลเปลี่ยนเป็นแดงปลั่ง ทั่วร่างร้อนลุ่ม เลือดในหัวใจพลุ่งพล่าน ในเวลานี้รู้สึกว่าความกล้าหาญพุ่งสูง หากให้นางขึ้นเขาไปสู้กับเสือลำพัง นางก็กล้าขึ้นไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

เฉียวจิ่นเห็นนางดื่มไม่หยุด จึงคีบอาหารให้นาง ก่อนเอ่ยโน้มน้าว “ดื่มเหล้ามากสุขภาพเสีย กินให้เยอะหน่อย”

เว่ยอวิ๋นซูโบกมืออย่างอาจหาญ แล้วเทเหล้าให้ตัวเองจนเต็มอีกครั้ง “ไม่เป็นไร ข้าดื่มเหล้าเก่ง เหล้าแรงสองชั่งไม่ใช่ปัญหา”

เฉียวจิ่นวาดริมฝีปากยิ้ม ยังมาบอกว่าดื่มเหล้าเก่งอีก ตอนนี้พูดไม่ชัดแล้ว สีหน้าก็เริ่มมึนงงสลึมสลือ

หลังจากดื่มไปอีกสองแก้ว เว่ยอวิ๋นซูก็รู้สึกว่าหัวหมุน เห็นคนตรงหน้าเป็นภาพซ้อน ก่อนหัวเราะออกมาอย่างโง่เขลา กอดขวดเหล้าพร้อมกล่าว “เป็นเหล้าดีจริงๆ ด้วย ไม่กี่แก้วก็ทำข้าเมาแล้ว ”

ดื่มเหล้าจนรู้ว่าตัวเองเมา ไม่มีใครเป็นเช่นนี้แล้ว

เฉียวจิ่นหยิบไหเหล้าที่นางกอดเอาไว้มา และเอ่ยเหมือนกับกล่อมเด็กเล็กก็ไม่ปาน “พอแล้ว รีบทานข้าวเร็ว ขาไก่ที่เจ้าชอบที่สุดเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ”

เขาคีบอาหารให้เว่ยอวิ๋นซู แต่ไม่เคยคิดว่าจู่ๆ นางจะตบโต๊ะลุกขึ้น

การกระทำนี้ทำเขาตกใจจนทำไก่ที่คีบอยู่ร่วงลงบนโต๊ะ

นี่จะก่อเรื่องแบบไหนอีก? แกล้งเมาแล้วเป็นบ้า?

ยังไม่ทันให้เขาได้เข้าใจ เว่ยอวิ๋นซูก็ชี้หน้าเขา ตะเบ็งเสียงตะโกนเสียงดัง “เฉียวจิ่น ข้าชอบท่าน! ท่านชอบข้าหรือเปล่า? รีบบอกความจริงมา!”

เสียงตูมดังขึ้น เฉียวจิ่นรู้สึกเพียงว่าภายในหัวตัวเองพลันมีแต่ดอกไม้ไฟ ข้างหูมีแต่คำพูดเมื่อครู่ของนางดังก้องอยู่ตลอด

ชอบ เขาชอบอยู่แล้ว ชอบมานานมากแล้วด้วย!

แต่เขาในตอนนี้เป็นแค่ขุนนางขั้นเจ็ด ยังอยู่ห่างกับฐานะนางอย่างมาก เขารอมาตลอดว่ารอให้ตนได้เลื่อนขั้นไปอีกสองขั้นก่อน แล้วจะไปขอนางแต่งงาน

แม้เว่ยอวิ๋นซูจะเมา แต่นางก็ยังมีสติอยู่

นางพูดสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจมาเป็นเวลานานออกมา ณ ตอนนี้หัวใจนางเต้นรัวเหมือนกลอง ทั้งคาดหวังทั้งหวาดกลัวกับคำตอบของเขา

เฉียวจิ่นยังคงอึ้งค้างไม่พูดอะไร ทำให้นางเหมือนถูกคนนำไปทอดในกระทะน้ำมัน รู้สึกเป็นทุกข์มาก

ความรู้สึกทั้งอับอายทั้งขัดแย้งในตอนนี้ ทำให้นางไม่กล้าอยู่ต่อหน้าเขานานนัก จึงหมุนตัวพุ่งออกไปจากห้องส่วนตัว วิ่งแจ้นไปทางประตูร้าน

เฉียวจิ่นไม่ทันตั้งตัวกับการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเช่นนี้อีกครั้ง จึงลุกขึ้นไล่ตามไป

แต่ต่อให้เขาจะเป็นบุรุษคนหนึ่ง กลับวิ่งไม่ทันเว่ยอวิ๋นซูที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ตลอดปี เมื่อตามจนไปถึงหน้าประตู เว่ยอวิ๋นซูก็ปีนขึ้นรถม้าและจากไปอย่างสง่าผ่าเผยแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

องค์หญิงนกนะคะ นกบินจิ๊บๆ เต็มหัวเลย

ตามไปง้อเร็วพี่เฉียวจิ่น

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท