ตอนที่ 305 ตัดหัวเสียบประจาน
ตอนที่ 305 ตัดหัวเสียบประจาน
รอยสักนี้คนของทางการอาจจะไม่คุ้นเคย ทว่าคนในยุทธภพกลับคุ้นเคยเป็นอย่างดี
นี่คือรอยสักที่มาจากองค์กรนักฆ่าแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนามว่าหอปีศาจ
ในหอปีศาจมียอดฝีมือมากมาย และทำกิจการค้าชีวิตตลอดทั้งปี คนจ้างยอมจ่ายแพงเพื่อสั่งงาน ไม่ว่าเป้าหมายของงานจะเป็นขุนนางระดับสูงหรือคนธรรมดา ขอแค่อีกฝ่ายจ่ายเงินมา พวกคนจากหอปีศาจก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้งานสำเร็จ
หลายปีที่อยู่ในยุทธภพ ชื่อเสียงของพวกเขายิ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ งานที่รับมาก็แทบจะไม่ล้มเหลว ดังนั้นจึงมีลู่ทางกิจการกว้างขวาง และทำเงินได้มากมาย
ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าที่กบดานของหอปีศาจตั้งอยู่ที่ไหน
เมื่อมู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยนทราบข่าวนี้ ก็รู้สึกตึงเครียดมาก อีกฝ่ายจ้างองค์กรนักฆ่ามาลักพาตัวเด็กๆ เห็นได้ชัดว่าเล็งเป้ามาที่พวกเขา!
พวกเขาคาดเดาคร่าวๆ ในใจ ว่านี่อาจจะเป็นฝีมือของมู่เจ๋อจิ่น
หลันหนิงซ้อมเขาจนเกือบตายได้ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นกับเด็กๆ มันดูบังเอิญเกินไป
เฉียวเยี่ยนแอบกัดฟัน และจดบัญชีดำมู่เจ๋อจิ่นไว้ในใจ ไม่ว่าเขาจะทำหรือไม่ ถึงอย่างไรเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นก็คิดบัญชีที่เขา พอถึงคราวนั้นก็สนองเขากลับไปแบบทบต้นทบดอก!
พวกชายชุดดำถูกทรมานอยู่ในคุกใต้ดินมาสามวัน จะรอดก็ไม่ใช่จะตายก็ไม่เชิง ภายใต้การทรมานทั้งทางกายและจิตใจ ในที่สุดพวกเขาก็ทนไม่ไหวและสารภาพออกมา
พวกเขาเป็นสมุนของหอปีศาจ และทำตามคำสั่งของเจ้าของหอ ส่วนผู้จ้างวานคือใครพวกเขาก็ไม่ค่อยรู้แจ้ง แต่สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่พวกเขาสารภาพคือที่กบดานของหอปีศาจ
กองกำลังของหอปีศาจกระจายอยู่ทั่วทั้งอาณาจักร มีที่กบดานหลายแห่ง และบังเอิญมีที่หนึ่งอยู่ใกล้เฉียวเยี่ยนมากที่สุดพอดี ก็คืออยู่อีกอำเภอหนึ่งในหางโจว นั่นคืออำเภออู๋ชวน ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอชิงผิงสองร้อยกว่าลี้
องค์กรนักฆ่าประเภทเลี้ยงชีพด้วยการฆ่าคน ไม่ควรให้พวกเขาอยู่ในเทียนลี่ได้ หากพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังทางการ เช่นนั้นมันจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างมากต่อราชสำนัก
เมื่อได้รับตำแหน่งที่ตั้งหอปีศาจ มู่ฉินเจินก็พาคนออกจากเมือง เตรียมไปทำลายล้างพวกมันให้สิ้นซากในคืนนั้นเลย
ครั้งนี้เฉียวเยี่ยนไม่ได้ติดตามเขาไป พวกเด็กๆ ได้รับความหวาดกลัว มิอาจห่างจากนางได้ อีกทั้งนางก็กังวลว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมแพ้ ส่งคนอื่นมาลักพาตัวอีกครั้ง
ลูกทั้งสี่ตกใจกลัวมากจริงๆ และบังเอิญมู่ฉินเจินไม่อยู่พอดี เฉียวเยี่ยนจึงนอนกับพวกเขา ห้าแม่ลูกนอนร่วมกันบนเตียงใหญ่ แม้จะแออัดไปหน่อย แต่กลับอบอุ่นมาก
ในฐานะที่เป็นเด็กชายเพียงคนเดียว เสี่ยวฉวนเอ๋อร์รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยที่ถูกเบียดอยู่ตรงกลางพวกนาง เฉียวเยี่ยนมองใบหน้าระมัดระวังเกินเหตุของลูกชาย ก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย และคิดในใจว่าควรจะคลอดน้องชายคนเล็กให้เขาจริงๆ
แต่หากถึงตอนนั้นคลอดออกมาแล้วก็ยังเป็นทารกหญิง เช่นนั้นลูกชายนางทำได้แค่เป็นที่รักที่เอ็นดูของพวกพี่สาวน้องสาวแล้ว
เมื่อเกิดเรื่องที่เด็กๆ ถูกลักพาตัวขึ้น มู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยนก็ปกปิดตัวตนของตนไม่ได้แล้ว
ชาวบ้านในหมู่บ้านหูซีสอบถามข่าวจากในเมือง เมื่อรู้ว่านายท่านมู่กับนายหญิงเฉียวที่มาซื้อที่ดินพวกเขาคือท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟย ก็สติหลุดไปชั่วขณะหนึ่ง
พวกพี่ป้าบางคนในหมู่บ้านที่ใกล้ชิดกับเฉียวเยี่ยนต่างก็มึนงง พวกเขาเรียกพี่เรียกน้องกับซู่หวางเฟย ทั้งยังคุยเล่นกับนางอย่างสนุกสนาน บ้าเอ้ย พวกเขามีหน้ามีตาขึ้นแล้ว!
ตอนนี้คิดๆ ดูแล้วพวกเขารู้สึกกลัวเล็กน้อย โชคดีที่ไม่ได้ทำอะไรยั่วยุให้นางโกรธ ไม่เช่นนั้นชีวิตน้อยๆ ของพวกเขาคงไม่มีไปนานแล้ว
แต่พวกเขารู้สึกในใจว่าท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟยนั้นใกล้ชิดกับผู้คนมาก แม้ท่านอ๋องซู่มักจะมีใบหน้าเย็นชา ไม่ชอบพูด แต่กลับไม่ได้ปรายตามองเหยียดหยามพวกเขาแบบขุนนางเหล่านั้น
ซู่หวางเฟยยิ่งเป็นเหมือนสะใภ้ตัวน้อยธรรมดาๆ ในหมู่บ้าน พูดคุยหัวเราะกับพวกเขา และมักจะให้สิ่งของแก่พวกเขาบ่อยๆ
หากไม่ใช่เพราะมีคนเห็นลูกของนายหญิงเฉียวถูกจับตัวไปกับตาในวันนั้น และต่อมามีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองว่านายน้อยแห่งตำหนักอ๋องซู่ถูกลักพาตัวไป พวกเขาจะจินตนาการได้อย่างไรว่าสตรีตัวเล็กๆ ที่ทำงานได้คล่องแคล่วกว่าพวกเขาจะเป็นซู่หวางเฟย!
เมื่อรู้ว่าเด็กๆ ได้รับการช่วยเหลือแล้ว พวกชาวบ้านจึงนำของขวัญมาเยี่ยมทันที
ของขวัญล้วนเป็นของจำพวกไข่ไก่ แม่ไก่แก่บ้านตัวเอง หรือไม่ก็เนื้อหมัก และต่อให้นายหญิงเฉียวกับสามีจะไม่ใช่ท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟย พวกเขาก็จะไปเยี่ยมนางอยู่แล้ว
พวกเขาชอบเด็กทั้งสี่คนนั้นมาก ไม่ง่ายเลยที่จะช่วยกลับมาได้ ไม่มาดูไม่ได้หรอก
ทว่าหลังจากรู้ตัวตนของพวกเฉียวเยี่ยนแล้ว พวกเขายิ่งรู้สึกว่าต้องมาเยี่ยมดู ไม่เช่นนั้นของที่ซู่หวางเฟยมักให้พวกเขา คงเหมือนกับการให้อาหารสุนัข
เฉียวเยี่ยนมองไข่ในตะกร้าที่พวกชาวบ้านหิ้วมา แม่ไก่แก่ที่ถูกมัดเท้า แล้วก็เนื้อรมควันเป็นแท่งๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งและไม่มีทางเลี่ยง
ครั้นนางไม่รับของ พวกชาวบ้านก็วางไว้แล้วจากไป นางทำได้เพียงจดจำคนไว้ ต่อไปค่อยตอบแทนคืน
นางสัมผัสได้ว่าท่าทางของพวกชาวบ้านที่มีต่อนางเปลี่ยนไป คือมีความเคารพมากขึ้น แม้กระทั่งรู้สึกกังวลเล็กน้อย จึงมั่นใจว่าพวกเขารู้ตัวตนของพวกนางแล้ว
ต่อไปยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านอีกนาน พวกเขาจะมีท่าทางเคารพนอบน้อมและหวาดกลัวแบบนี้ไม่ได้
เฉียวเยี่ยนเอ่ยกับพวกชาวบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส “ทุกท่าน ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ทุกคนปฏิบัติต่อข้าเหมือนนายหญิงเฉียวที่ทำนากับพวกท่านเถิด ข้าไม่มีกฎเกณฑ์มากมายอะไร ดังนั้นทุกท่านไม่จำเป็นต้องเคารพและหวาดกลัวกับข้าเช่นนี้หรอก”
นางคุยกับชาวบ้านสักพัก บรรยากาศก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา ชาวบ้านที่เดิมทีหวาดกลัวเล็กน้อย ก็กลับสู่ท่าทางปกติอย่างช้าๆ
ไม่สนหรอกว่าจะเป็นท่านอ๋องหวางเฟยอะไร พวกเขายังม้วนกางเกงลงไปดำนากับพวกเขาเหมือนเดิม จากนี้ไปพวกเขาจะยังคงเป็นนายท่านมู่กับนายหญิงเฉียวคนต่างถิ่นในหมู่บ้านเช่นเดิม
พวกชาวบ้านมอบแม่ไก่แก่มาให้หลายตัว กินไม่หมดในระยะเวลาสั้นๆ เฉียวเยี่ยนจึงเลี้ยงดูพวกมัน ฆ่าตัวหนึ่งเอาไปทำน้ำแกงบำรุงร่างกายให้เด็กๆ
เพื่อปกป้องเด็กๆ ในวันนั้น องครักษ์สองคนกับโจวผิงฟานต่างได้รับบาดเจ็บ จึงต้องตุ๋นอาหารเสริมให้พวกเขาด้วย
เชือดแม่ไก่แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และตุ๋นกับตังกุย หวงฉี ตังเซียม พุทราจีนให้เป็นน้ำแกงไก่สีเหลืองทอง เมื่อดื่มแล้วสามารถบำรุงเลือดเสริมชี่ได้ บังเอิญว่าพวกเขามีบาดแผลบนร่างกายจำนวนมาก และเลือดไหลออกมาก ดังนั้นจึงเหมาะบำรุงเลือดพอดี
พวกเด็กๆ เฟื่องฟูไปด้วยพลังงานร้อน น้ำแกงบำรุงฤทธิ์แรงเช่นนี้ไม่เหมาะกับพวกเขา เฉียวเยี่ยนจึงต้มไก่ห่อกระเพาะหมู หรือทำสาลี่ตุ๋นเห็ดหูหนูขาวเพื่อใช้ความเย็นดับความร้อน
นำสาลี่ น้ำตาลกรวด กับเห็ดหูหนูขาวที่แช่เสร็จแล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ตุ๋นเห็ดหูหนูขาวจนเหนียวหนืด แล้วใส่เก๋ากี้ไปเล็กน้อย รสหวานสดชื่น เด็กทั้งสี่ชอบมาก
……
ฉุ่ยเหนียง แม่เล้าหอเยี่ยนชุนถูกสอบสวนแล้ว และถูกตัดสินโทษประหารโดยการตัดหัวเสียบประจาน
วันที่ถูกคุมตัวไปยังลานประหารวันนั้น มีผู้คนยืนเรียงรายเต็มสองข้างทาง พวกชาวบ้านต่างหยิบผักเน่า ใบไม้ ไข่เน่าโยนใส่แม่เล้าที่อยู่ในรถคุมนักโทษ
“ตายไปเสียก็ดี! นังคนใจอำมหิต ตัดหัวเสียบประจานเจ้ามันยังน้อยไป!”
“คนแบบนี้ตกนรกไปพญายมก็ไม่ปล่อยไปแน่ ทางที่ดีอย่ากลับชาติมาเกิดเลย จะได้ไม่ไปทำร้ายคนอื่นอีก!”
บางครอบครัวที่ลูกถูกฉุ่ยเหนียงลักพาตัวไปยิ่งโกรธกริ้วมาก หลังเขวี้ยงไข่เน่า ผักเน่า ใบไม้เน่าไปแล้วยังไม่สาแก่ใจ จึงหยิบก้อนหินมาขว้างเข้าไปในรถคุมนักโทษ
ตั้งแต่ฉุ่ยเหนียงตกลงมาจากชั้นสองในวันนั้น อวัยวะภายในของนางก็กระทบกระเทือนจนเคลื่อนตำแหน่ง มีเลือดคั่งอยู่ในช่องอก ส่งผลให้พลังชีพกำลังจะหมดลงนานแล้ว
ยามนี้ถูกคุมขังอยู่ในรถคุมนักโทษและยืนตัวตรง ใบไม้ ผักเน่านับไม่ถ้วนกระทบบนตัวนาง บนใบหน้าเหนียวเหนอะหนะไปด้วยไข่เน่าเหม็น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนที่มายุ่งกับตำหนักอ๋องซู่จะไม่ตายดี อ๋องรุ่ยเตรียมตัวเลอออ
ไหหม่า(海馬)