ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 311 ม้าพยศ

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 311 ม้าพยศ

ตอนที่ 311 ม้าพยศ

หลังเฉียวเยี่ยนกลายเป็นไท่จื่อเฟย สถานะของซูเนี่ยนหว่านกับเฉียวจิ่นก็เพิ่มสูงขึ้น จึงมีผู้คนมากมายนำของขวัญมามอบให้พวกเขา และยังมีขุนนางบางคนพอใจในตัวเฉียวจิ่น อยากจับคู่ลูกสาวตนให้แก่เขา

ทั้งเฉียวจิ่นกับซูเนี่ยนหว่านปฏิเสธทุกคน โดยบอกว่าพวกเขามีสัญญาหมั้นกับจวนอันซีโหวแล้ว และไม่นาน เรื่องการแต่งงานระหว่างเฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง

หลายคนโอดครวญว่าเฉียวจิ่นช่างโชคดี มีน้องสาวเป็นถึงไท่จื่อเฟย ยามนี้ยังได้เป็นลูกเขยของจวนอันซีโหวอีก อนาคตภายภาคหน้ายังไปได้อีกไกล

ยิ่งชื่อเสียงของเฉียวจิ่นกับเฉียวเยี่ยนโด่งดังเพียงใด ครอบครัวของเฉียวเจิ้นผิงก็โศกเศร้าเท่านั้น คนที่เคยดูถูกเมื่อก่อนกลับได้ดีไปหมด ตอนนี้แต่ละคนนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อม ช่างรู้สึกขมขื่นยิ่งกว่ากลืนหวงเหลียน[1]ลงไปเสียอีก

เฉียวต้านลูกชายสุดที่รักของเฉียวเจิ้นผิงได้รับแรงกระตุ้นจากเฉียวจิ่น จึงได้เข้าร่วมการสอบขุนนาง แต่ตอนนี้แม้กระทั่งตำแหน่งซิ่วไฉ่ก็ยังไม่ติดด้วยซ้ำ เขาโกรธจนถึงขั้นปล่อยไปตามยถากรรม และใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวต่อไป

เมื่อนึกถึงซูเนี่ยนหว่านมีหน้ามีตาในตอนนี้ หลิวซื่อก็กัดฟันอย่างชิงชัง หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้นางคงไม่สนับสนุนให้สามีแยกทางกับอีกฝ่าย แบบนั้นนางก็ยังได้เป็นหญิงที่ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าของตนอยู่ และคงถูกขังอยู่ในหอพระ!

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะอิจฉาและผิดหวังแค่ไหน เฉียวเยี่ยน เฉียวจิ่นกับซูเนี่ยนหว่านก็ไม่รับรู้อะไร ช่วงนี้พวกเขายุ่งอยู่กับการเตรียมงานหมั้นของเฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูอยู่

พวกเขาทั้งคู่คบหากันมาระยะหนึ่งแล้ว ความสัมพันธ์ทั้งคู่ดีมาก พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นด้วย จึงอยากจัดงานหมั้นขึ้นมาในปีนี้

สามสื่อหกพิธี[2] ตั้งแต่การหมั้นหมายไปจนถึงพิธีแต่งงาน จะขาดใครไปไม่ได้

เพื่อให้เป็นไปตามกฎพิธี เว่ยอวิ๋นซูกับเฉียวจิ่นได้รับคำสั่งจากแม่ๆ ให้เจอกันน้อยลง เพื่อไม่ให้ถูกคนอื่นนินทา

คู่รักหนุ่มสาวถูกบังคับให้แยกจากกัน และบางครั้งก็มักจะแอบมาพบหน้ากัน

ช่วงนี้เว่ยอวิ๋นซูถูกมารดากักตัวไว้ในหอเพื่อปักชุดแต่งงาน แต่ด้วยฝีมือนั้นของนาง หากนางสามารถทำชุดแต่งงานออกมาได้ คาดว่าคงต้องรอจนถึงชาติหน้า

เฉียวเยี่ยนปลีกเวลาว่างไปพูดคุยกับเว่ยอวิ๋นซูที่จวนอันซีโหว ครั้นเห็นนางปักชุดแต่งงานอย่างยากลำบาก ก็รู้สึกเห็นใจทันที

ข่าวการหมั้นของเฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูเผยแพร่ออกไป ทุกฝ่ายในเมืองหลวงได้ปรึกษากันหมดแล้ว จนลืมไปว่ามีหนึ่งคนที่โกรธมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

นั่นคือองค์หญิงเจียหนิง ธิดาของพระสนมเต๋อเฟย

เนื่องจากองค์หญิงเจียหนิงได้พบกับเฉียวจิ่นในอุทยานอวี้ฮวามาก่อน นางหลงใหลท่าทางสง่างามของเขา หลังจากนั้นก็เก็บถุงเงินของเขาได้ จึงพกติดตัวไว้ตลอดเวลา

เด็กสาวอายุสิบหกสิบเจ็ด เป็นช่วงเวลาที่หัวใจกำลังพองโต เมื่อเจอคุณชายผู้สุภาพเรียบร้อยเช่นนี้ ก็เป็นธรรมดาที่นางจะรู้สึกลุ่มหลงโดยไม่ทันตั้งตัว

นางบอกความรู้สึกของนางให้กับพระสนมเต๋อเฟย และพระสนมเต๋อเฟยก็สนับสนุนอย่างมาก

แม้นางจะมีความแค้นต่อเฉียวเยี่ยน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางมีสถานะสูงส่ง หากธิดาของนางได้แต่งงานกับพี่ชายของเฉียวเยี่ยน หลังจากนี้ก็คงได้เสวยสุขแล้ว

ด้วยเหตุนี้สองแม่ลูกจึงวางแผนหาวิธีดึงดูดความสนใจของเฉียวจิ่น องค์หญิงเจียหนิงมักจะไปเดินเล่นในอุทยานอวี้ฮวา เมื่อพบเฉียวจิ่นก็แสร้งทำเป็นว่าบังเอิญเจอ หรือไม้ก็แสร้งทำเป็นไม่ระวังล้มลง รอให้เขาช่วยพยุงนางลุกขึ้นอย่างบุรุษผู้รักหยกถนอมบุปผา

ทว่าสิ่งต่างๆ มักจะไม่เป็นไปตามที่พวกนางต้องการ ทุกครั้งที่เฉียวจิ่นเห็นองค์หญิงเจียหนิง ก็จะแสดงท่าทางสุขุมมีมารยาท ให้เกียรติและห่างเหิน ทำให้ไม่พบข้อผิดพลาดใดๆ

นางก้าวเข้าไปทักทาย เขาก็หลบเลี่ยงไปด้วยความเคารพ ครั้นนางจะล้มใส่ เขาก็เบี่ยงตัวหลบเดินไปอีกทาง

สรุปคือ ต่อหน้าเฉียวจิ่น นางเป็นเหมือนดั่งคนล่องหนก็มิปาน

องค์หญิงเจียหนิงจะโกรธก็ไม่ได้ นางเป็นองค์หญิงผู้สูงส่ง และมีฐานะสูงส่งกว่าบุตรสาวอันซีโหวผู้หยาบกระด้างมาก แต่เขากลับไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยสักนิด

ด้วยเหตุนี้นางจึงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เฒ่า ขอให้พระองค์พระราชทานงานแต่งให้กับพวกเขา ทว่าฮ่องเต้เฒ่ารู้ว่าเฉียวจิ่นมีสัญญาหมั้นกับจวนอันซีโหว จึงไม่เห็นด้วย และเชิญนางออกไป

ยิ่งองค์หญิงเจียหนิงคิดก็ยิ่งโมโหมากขึ้น คนอื่นไม่ช่วยนางไม่เป็นไร ทว่าแม้แต่เสด็จพ่อก็ยังไม่เข้าข้างนาง!

นางเป็นธิดาของพระองค์ แต่พระองค์กลับปฏิเสธนางเพื่อช่วยคนอื่น!

ไม่ได้! ของที่นางไม่ได้ก็ต้องทำลายทิ้งซะ จะให้คนอื่นได้ไปไม่ได้!

…..

วันนี้เฉียวจิ่นออกจากวังพร้อมพวกสหายกับมู่ฉินเจินหลังเลิกว่าราชกิจเหมือนเคย

มู่ฉินเจินจะไปจวนสกุลเฉียวด้วยกันกับเขา เพราะเฉียวเยี่ยนพาลูกๆ ไปเยี่ยมหาท่านยาย เขาก็จะไปฝากท้องกินอาหารด้วย

ทั้งสองคนนั่งรถม้าคันเดียวกัน และขับไปที่จวนสกุลเฉียวอย่างช้าๆ

เมื่อผ่านย่านใจกลางเมืองที่พลุกพล่าน มีคนสัญจรเดินเท้าจำนวนมาก รถม้าจึงเคลื่อนไปได้อย่างเชื่องช้าสุดๆ

เมื่อได้ยินเสียงคนขายน้ำตาลปั้นตะโกนขายของ มู่ฉินเจินแยกม่านออกดู ก่อนลงจากรถม้า เตรียมซื้อน้ำตาลปั้นให้ลูกๆ ของเขา

เขายืนอยู่หน้าแผงขาย เลือกน้ำตาลปั้นรูปสัตว์น้อยที่เด็กๆ ชอบ เมื่อจ่ายเงินเตรียมจะขึ้นรถม้า กลับสังเกตเห็นว่ามีคนแอบทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่บริเวณใกล้ๆ

เขาหันไปมอง เห็นชายคนนั้นก้มหัวลงเดินจากไปอย่างรวดเร็ว แสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา

เขาสั่งเกาจัวหยวนไม่กี่คำ เกาจัวหยวนรีบไล่ตามชายที่เพิ่งเดินออกไปทันที และในขณะนั้นเอง ลูกธนูแหลมคมดอกหนึ่งถูกยิงมาจากหอแห่งหนึ่งข้างถนน พุ่งตรงไปยังรถม้า และปักเข้าที่โคนขาของม้า

ม้าได้รับความเจ็บปวดจนสูญเสียการควบคุมในทันที และวิ่งพุ่งไปบนถนนข้างหน้า คนเดินไปมารอบๆ เห็นเช่นนี้ก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ และรีบวิ่งหนีหลบไปทั่วสารทิศ

จิ้งหมิงผู้รับผิดชอบขับรถม้าไม่สามารถควบคุมม้าที่พยศได้ จึงถูกสะบัดตกลงจากรถม้า

รถม้าถูกม้าลากพุ่งตรงไปข้างหน้าจนสั่นคลอนไม่น้อย เฉียวจิ่นถูกเหวี่ยงไปมาอยู่ในรถม้า หน้าผากชนกระแทกจนได้รับบาดเจ็บ

สถานการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก รูม่านตาของมู่ฉินเจินสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะสงบลงทันที พลางโยนน้ำตาลปั้นในมือทิ้ง ทะยานตัวไล่ตามม้าที่เสียการควบคุม

เขากระโดดขึ้นรถม้า คว้าบังเหียน ใช้กำลังทั้งหมดต่อสู้กับม้า เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปน แม้แต่เส้นเลือดบนหลังมือของเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจน

ด้วยพละกำลังของเขา ม้าที่ตื่นตระหนกก็ค่อยๆ หยุดลง ทว่าขาข้างที่ถูกยิงยังคงสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด

มู่ฉินเจินสังเกตเห็นว่ามีผงสีขาวบนลูกศรที่ยิงโดนม้า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผงปูนขาว หากโรยปูนขาวบนบาดแผล ความเจ็บปวดนั้นก็ยากที่จะจินตนาการได้

อีกฝ่ายต้องการจะฆ่าเอาชีวิต!

เกาจัวหยวนไปจับคนกลับมา เห็นฉากที่น่าตกใจเมื่อครู่ ตอนนี้ยังคงหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย

ใต้เท้าเฉียวไม่เป็นวรยุทธ์ หากไม่ใช่เพราะมีท่านอ๋องอยู่แล้วเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ คงทำได้เพียงรอให้ม้าพยศหยุดคลุ้มคลั่งลงเอง

มู่ฉินเจินแก้พันธนาการม้าออก หาที่ผูกมันไว้ จากนั้นเฉียวจิ่นก็เดินโซเซออกมาจากรถม้า

โชคดีที่เขามีเพียงรอยขีดข่วนบนหน้าผาก และรอยฟกช้ำตามร่างกายเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่จิ้งหมิงเจ็บหนักหน่อย ถูกสะบัดตกลงจากรถม้าจนกระอักเลือด

เกาจัวหยวนพาคนที่จับมาได้กลับไปที่ขังไว้ที่คุกใต้ดินตำหนักองค์รัชทายาท ในขณะที่มู่ฉินเจินกับเฉียวจิ่นกลับไปที่จวนสกุลเฉียว

ครั้นเฉียวเยี่ยนกับซูเนี่ยนหว่านได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนเมื่อครู่ ทั้งคู่ต่างก็มีเหงื่อเย็นซึมออกมา

โชคดีที่มู่ฉินเจินอยู่ด้วย มิฉะนั้นวันนี้เกรงว่าคงเกิดเรื่องใหญ่กับเฉียวจิ่นเป็นแน่

มู่ฉินเจินคิดว่าคนที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ นั้นมีเป้าหมายเป็นเขา แต่กลับไม่คิดเลยว่าเขาจะหมายหัวเฉียวจิ่น

มีคนมากมายที่ต้องการชีวิตของเขา แต่ไม่มีใครใช้วิธีโง่เขลาเช่นนี้

สำหรับเขาแล้วการทำให้ม้าคลุ้มคลั่งไม่ใช้วิธีที่ใช้ฆ่าคนได้ ทั้งยังอีกฝ่ายทำงานก็ไม่รอบคอบพอ จากมุมมองนี้ มีแนวโน้มเป็นไปได้มากว่าเป้าหมายของพวกเขาคือเฉียวจิ่น

[1] หวงเหลียน (黄连) หรืออึ่งโน้ย เป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coptis chinensis เป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อในรสขมจัด

[2] สามสื่อหกพิธี (三书六礼) เป็นพิธีแต่งงานแบบจีนโบราณ 三书 = เทียบ (สื่อ) 3 แบบ : เทียบหมั้น (聘书) เทียบสินสอด (礼书) เทียบเชิญเจ้าสาว (迎书) 六礼 = พิธีทั้ง 6 : ทาบทาม (纳彩) ถามชื่อ (问名) ดูสมพงศ์ (纳吉) หมั้น (纳征) ดูฤกษ์ (请期) รับตัวเจ้าสาว (迎亲)

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

องค์หญิงลุ่มหลงจนกู่ไม่กลับแล้ว แถมยังมีแม่ให้ท้ายด้วย ควรส่งไปบำบัดจิตนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท