ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 331 เริ่มรับสมัคร

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 331 เริ่มรับสมัคร

ตอนที่ 331 เริ่มรับสมัคร

นอกจากพวกอาจารย์แล้วก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนแล้วเช่นกัน ซึ่งตำแหน่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยังคงเลือกจากพวกทหารปลดประจำการเช่นเคย

ตามรูปแบบการจัดการของมหาวิทยาลัยสมัยใหม่ แผนกรักษาความปลอดภัยถูกจัดตั้งขึ้น และหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยได้จัดตั้งทีมเล็ก ๆ ขึ้นเพื่อรับผิดชอบในการดูแลหน้าประตู และลาดตระเวน

พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็มีหอพักจัดสรรให้ ทว่าไม่เหมือนบ้านเดียวอย่างของอาจารย์ แต่เป็นหอพักรวม และโรงอาหารที่จัดอาหารให้โดยไม่คิดเงิน

ทหารปลดประจำการเหล่านี้พอใจกับงานนี้มาก เมื่อเทียบกับค่ายทหารและสนามรบ อยู่โรงเรียนเฝ้าประตู ลาดตระเวน คอยสอดส่องไม่ให้พวกเด็กเปรตหนีเรียน นับว่าผ่อนคลายอย่างมาก

อีกทั้งยังไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องอาหารและที่พักอาศัย แถมยังได้เงินใช้ทุกเดือนอีก หากทำงานได้สักสองสามปี เมื่อแก่ตัวลงแล้ว ก็จะกลับบ้านเกิดไปสร้างบ้านใหม่ แล้วซื้อที่ดินอีกสองสามหมู่ไปเป็นเจ้าของที่ดินเล็ก ๆ

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงเรียนเหล่านี้แล้ว เฉียวเยี่ยนยังให้ช่างตัดเสื้อช่วยตัดเย็บชุดเครื่องแบบนักเรียนสามขนาด ใหญ่ กลาง เล็ก โดยผู้ชายใช้ผ้าสีเทา และผู้หญิงเป็นผ้าสีชมพูลูกท้อ

ตรงอกเสื้อทุกตัวจะปักคำว่า ‘โรงเรียนอาชีวะแห่งแรกของเมืองหลวง’ เหมือนกันหมด

หากถามว่าเหตุใดถึงเป็นชื่อนี้?

แน่นอนว่าเฉียวเยี่ยนคิดชื่อดี ๆ อย่างอื่นไม่ออกแล้ว!

ธรรมดา ๆ แบบนี้แหละดีแล้ว

เหนือประตูใหญ่โรงเรียนมีแผ่นป้าย ‘โรงเรียนอาชีวะแห่งแรกของเมืองหลวง’ นี่เป็นคำที่เฉียวเยี่ยนขอให้ชายชราเขียนเองกับมือ

ถึงตอนนั้นนำป้ายไปแขวนไว้ ก็จะกลายเป็นทัศนียภาพที่มีความหมายอย่างหนึ่ง

และหน้าประตูใหญ่โรงเรียนมีแผ่นหินขนาดใหญ่อยู่หนึ่งก้อน ซึ่งบนนั้นสลักคำขวัญของโรงเรียนไว้ว่า ‘ผู้คงแก่เรียนรู้เหตุรู้ผล คุณธรรมสูงส่งทักษะล้ำเลิศ’

นี่เป็นความตั้งใจเดิมที่นางสร้างโรงเรียนแห่งนี้ขึ้น

เฉียวเยี่ยนวุ่นอยู่กับเรื่องโรงเรียน และพลาดข่าวลือที่แพร่สะพัดในเมืองหลวงในเวลานี้

อี้จื่อจิ้นตั้งครรภ์แล้ว นางกับมู่เจ๋อจิ่นแต่งงานกันมาเกือบสามปีแล้ว ในที่สุดก็ตั้งครรภ์เสียที นับเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจอย่างมาก

เหตุใดถึงภูมิใจน่ะหรือ?

แน่นอนว่าเป็นเพราะนางไม่ได้ตั้งครรภ์มานาน จนมีคนปล่อยข่าวลือต่าง ๆ นานาว่านางมีบุตรยาก ในที่สุดตอนนี้นางก็มีลูกในท้องแล้ว และแทบอยากกระโดดออกมาพิสูจน์ตัวเองอย่างทนรอไม่ไหว

เฉียวเยี่ยนรู้เรื่องนี้เพราะได้ยินฮุ่ยเซียงเอ่ยขึ้นมา แต่กระนั้นนางก็ไม่สนใจ แค่ตั้งท้องลูกคนแรกเอง ครอบครัวนางมีเด็กตั้งห้าคน ไม่จำเป็นต้องไปอิจฉาคนอื่น และไม่จำเป็นต้องอวดคนอื่น

เวลาผ่านไปครู่เดียวก็ถึงเดือนสามแล้ว โรงเรียนของเฉียวเยี่ยนเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อย พร้อมเริ่มเปิดรับสมัครนักเรียนแล้ว

เปิดรับสมัครนักเรียนเดือนสาม เดือนสี่เปิดเรียน รอการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงมาถึง เดือนแปดค่อยปิดเทอม เดือนเก้าก็เปิดเรียนอีกครั้ง

ผู้อำนวยการเฉียวนำคณะที่ทำงานที่ปรึกษา และคณาจารย์ดำเนินกิจกรรมการเปิดรับสมัครนักเรียน

คณาจารย์ที่สอนวิชาวัฒนธรรมมีหน้าที่เขียนเอกสารการรับสมัครเข้าเรียนของนักเรียน ส่วนที่เหลือจะนำเอกสารการรับเข้าเรียนไปแปะรอบเมืองรวมถึงหมู่บ้านต่าง ๆ ด้วย

เนื่องจากความตั้งใจเดิมของโรงเรียนแห่งนี้คือตั้งขึ้นสำหรับคนยากจน การเปิดรับสมัครนักเรียนของเฉียวเยี่ยนจึงจำกัดไว้เฉพาะครอบครัวที่ทำการเกษตร อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมขนาดเล็กบางครอบครัวเท่านั้น

ทั้งนักเรียนชายและหญิงมีอายุระหว่างสิบสองถึงสิบห้าปี มีระยะเวลาการศึกษาสามปี หลังจากสำเร็จการศึกษาสามปีแล้ว พวกเขาก็ถึงวัยที่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างเป็นทางการแล้ว

หลังจากติดเอกสารการเปิดรับสมัครนักเรียนในเมืองแล้ว ผู้คนต่างพากันมาล้อมดูทันที และอาจารย์ก็ใช้โอกาสนี้อธิบายกฎระเบียบรวมถึงข้อดีของโรงเรียนให้พวกชาวบ้านฟัง กระตุ้นให้ทุกคนมาสมัครอย่างกระตือรือร้น

มีครอบครัวยากจนบางส่วนเห็นโอกาสที่ลูก ๆ พวกเขาไปโรงเรียนได้ ก็เข้าไปล้อมสอบถามอาจารย์อย่างตื่นเต้น และยิ่งฟังก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ

อะไรนะ?

โรงเรียนไม่ได้มีไว้สอนให้สอบเป็นซิ่วไฉ แต่สอนทักษะและงานฝีมือบางอย่างให้พวกเขา!

นี่ก็เยี่ยมไปเลยน่ะสิ! อย่างไรเสียครอบครัวเช่นพวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่าสอบขุนนางให้ลูกชายอยู่แล้ว ไม่สู้ส่งลูกชายไปเรียนงานฝีมือ วันหน้าจะได้มีวิชาเลี้ยงชีพตัวเองได้

อะไรนะ?

เด็กผู้หญิงก็เข้าเรียนได้ด้วย!

ลูกสามคนในบ้านเขาล้วนเป็นเด็กหญิง ถูกคนในหมู่บ้านเยาะเย้ยไม่เว้น หากเขาส่งลูกสาวทุกคนไปเรียนทั้งหมด วันหน้าเกิดสร้างชื่อให้ตัวเอง คงทำให้คนพวกนั้นอิจฉาแย่เลย!

อะไรนะ?

โรงเรียนไม่เพียงแต่จัดหาห้องพักกับอาหารให้เท่านั้น แต่ยังจัดหาเสื้อผ้า หนังสือเรียน พู่กัน น้ำหมึก กระดาษและหินฝนหมึกให้ด้วย ขอแค่พวกเขาจ่ายหนึ่งตำลึงทุกปี หลังจากเรียนครบสามปีแล้ว ก็ถือว่าเรียนจบ!

ใต้หล้านี้ยังมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ด้วย ต้องรู้ว่าพวกเขาส่งลูกเข้าเรียน ค่าเล่าเรียนต่อปีของสำนักศึกษาเอกชนทั่วไปก็ห้าหกตำลึงแล้ว หากเป็นเอกชนที่ดีกว่าอีกหน่อยก็สิบกว่าตำลึง นี่ยังไม่รวมค่าหนังสือ ค่าอาหาร กับค่าที่พักของเด็ก!

ตอนนี้ขอแค่พวกเขาจ่ายเงินหนึ่งตำลึง ที่เหลือจะเป็นความรับชอบของโรงเรียน นี่คืองานการกุศลของผู้ใจบุญบางคนหรือ?

หลังจากซักถามอย่างละเอียดจนรู้ว่าไท่จื่อเฟยเป็นคนเปิดโรงเรียนนี้ พวกเขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจ

ไท่จื่อเฟยเป็นเหมือนพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิต ไม่เพียงบริจาคเงินและอาหารให้กับพวกเขาทุกปี แต่ยังนำพามันเทศกับข้าวที่ให้ผลผลิตสูงมาให้พวกเขาด้วย ครอบครัวพวกเขาได้กินอิ่มมาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา

คนธรรมดาเหล่านี้ต่างตื่นเต้นกันมาก และส่งเสียงโห่ร้องจะไปลงสมัคร ในขณะที่พวกอาจารย์ยังคงพูดถึงข้อดีของโรงเรียนตัวเองเสียงฉะฉาน

โรงเรียนเราไม่เพียงแต่มีขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกดี การบริการเยี่ยม กุญแจสำคัญคือหลักสูตรที่สอนมีประโยชน์ต่อนักเรียนจริง ๆ

เจ้าดูพวกงานฝีมืออย่างงานช่างไม้ งานหัตถกรรม สร้างบ้านพวกนั้นสิ ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพื่อไปหาอาจารย์มาสอนเลย เพียงมาที่โรงเรียนพวกเราก็มีอาจารย์ที่มีทักษะสูงมาสอนด้วยตนเอง

หนึ่งวันเรียนไม่เป็น ไม่เป็นไร เรามีความอดทน ภายในสามปีนี้เจ้าต้องเรียนเป็นแน่นอน!

เมื่อเรียนเป็นแล้ว ก็หางานดี ๆ เลี้ยงชีพ หนุ่ม ๆ ไม่ต้องกลุ้มเรื่องแต่งภรรยา สาว ๆ แต่งงานออกไปก็จะได้มีหน้ามีตามากขึ้น!

……

ต้องยอมรับว่า พวกอาจารย์เป็นพวกที่มีความสามารถทางด้านการชวนเชื่อ พูดจนทำให้ผู้คนรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ และแทบอยากกลับบ้านไปคว้าหูลูกลากไปโรงเรียนทันที

แต่ลางเนื้อชอบลางยา บางคนคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดี ในขณะที่บางคนดูหมิ่นกับเรื่องนี้มาก

พวกซิ่วไฉยากจนคร่ำครึหลายคนบนถนนได้ฟังคารมคมคายของอาจารย์ในโรงเรียนเฉียวเยี่ยน ก็ทำท่าทางเหมือนบัณฑิต ดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก

พวกเขาวางตัวสูงส่ง โดยคิดทึกทักเองว่ารู้คำไม่กี่คำก็เหนือกว่าคนอื่นแล้ว ยืนอยู่ต่อหน้าฝูงชน เชิดหน้าขึ้นสูง เอามือไพล่หลัง พูดจาคลุมเครือ พยายามจะทำให้พวกอาจารย์ของโรงเรียนเฉียวเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้

พวกชาวบ้านฟังวาจาคลุมเครือเหล่านี้จนระคายหู และก็พอจะเข้าใจความหมายได้

สรุปใจความสำคัญได้ว่า ‘บัณฑิตย่อมเป็นคนสูงส่ง บัณฑิตยอดเยี่ยมมาก การเปิดสำนักศึกษาสอนงานฝีมือและการค้าขาย เป็นการดูถูกสำนักศึกษา…’

มีคำพูดเช่นนี้พ่นออกมานับไม่ถ้วน!

พวกอาจารย์ที่มาวิ่งเต้นรับสมัครในวันนี้ก็เคยสอบได้เป็นซิ่วไฉ เมื่อได้ยินบัณฑิตยากจนคร่ำครึที่อ้างตัวเองว่าสูงส่งเต็มไปด้วยความเมตตา ความชอบธรรม และศีลธรรม ทว่าถ้อยคำที่พ่นออกมากลับไม่น่าฟังมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงรู้สึกเหน็บหนาวในหัวใจมาเป็นระลอก

หากในอนาคตบัณฑิตทุกคนเป็นเหมือนพวกเขา บ้านเมืองต้องตกอยู่ในอันตรายแน่!

พวกเขาเห็นด้วยกับความคิดของไท่จื่อเฟย สามร้อยหกสิบอาชีพ ทุก ๆ อาชีพมีจอหงวน[1] บัณฑิตสามารถอาศัยเส้นทางการสอบขุนนาง มารับตำแหน่ง และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ส่วนคนที่ไร้วาสนากับการสอบขุนนาง ก็สามารถพึ่งพาสิ่งที่ตัวเองถนัด มาแก้ไขปัญหาปากท้อง และปรับปรุงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นได้

การกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ทุกการกระทำนั้นสูงส่ง ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างสูงต่ำ

หากเป็นอย่างที่พวกเขาพูด ความรู้อื่นล้วนด้อยค่า มีแต่ตำราสูงส่ง แล้วที่นานั้นใครเป็นคนปลูก? อาหารใครเป็นคนขาย? บ้านใครเป็นคนสร้าง?

บัณฑิตมีแค่ความสามารถพื้นฐานเท่านั้น ไหล่หาบของไม่ได้ มือถือของไม่ไหว หากปราศจากการสนับสนุนอย่างยากลำบากจากคนอื่น พวกเขาก็ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น!

[1] สามร้อยหกสิบอาชีพ ทุก ๆ อาชีพมีจอหงวน (三百六十行,行行出状元 ) เปรียบถึงอาชีพใดก็ตาม หากทุ่มเทก็สามารถเป็นที่หนึ่งในสายอาชีพนั้นได้

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

คุณหนูอี้ท้องแล้วเหรอ คำถามคือท้องกับอ๋องรุ่ยแน่ใช่ไหมคะ

อย่างน้อยเขาก็ใช้ทักษะวิชาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้ก็แล้วกันล่ะ ไปพูดดูถูกเขา เดี๋ยววันหนึ่งเขาไม่ให้ปัจจัยสี่กับตัวเองขึ้นมาแล้วจะพบว่าความรู้วิชาการที่ตัวเองรู้งู ๆ ปลา ๆ มันใช้ทำอะไรไม่ได้เลย

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท