พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

บท1ตอนที่4

โนโซมุยังคงทำงานพาร์ทไทม์ในย่านการค้าในวันรุ่งขึ้น

วันนี้นั้นเขาไม่มีพาร์ทเนอร์และถูกนายจ้างขอให้จัดระเบียบและบันทึกรายการสินค้าในพื้นที่จัดเก็บ

หลังจากยืนยันสินค้าที่บรรทุกใส่รถแล้วสินค้าที่เตรียมจัดส่งแล้วแล้วเขาก็เรียกโนโซมุที่รับผิดชอบมาเพื่อคุยด้วย

「พูดๆแล้วโนโซมุ เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเหล่านักล่าเจอมังกรภายในป่าบ้างไหม?」

「มังกร…….งั้นเหรอครับ?」

มังกร

เป็นเผ่าพันธุ์ที่แกร่งสุดในทวีปนี้

เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณที่มีพลังมหาศาล

ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนเคยเอาชนะมังกรมาได้และได้รับสืบทอดพลังมา

การดำรงอยู่นั้นถูกเรียกได้ว่า ดราก้อน สเลเยอร์ แต่ว่าก็ไม่มีใครได้พบเห็นตัวตนนั้นมานานแสนนานแล้วเรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่มีแต่ในตำนานดีกว่า

「มันจะมีเทพมังกรอยู่ใกล้เมืองเช่นนี้จริงๆเหรอครับ?」

「ก็แค่ว่าเป็นความเข้าใจผิดของข้าเองล่ะนะ เห็นว่าแกไปที่ป่าบ่อยๆอย่างน้อยก็ควรจะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ไว้หน่อยละ」

เมื่อข้าได้ยินเช่นนั้น นายจ้างก็ยิ้มให้

มังกรเป็นสัตว์อสูรประเภทประเภทหนึ่ง ไม่เหมือนเทพมังกร

พลังของมันด้อยกว่าเทพมังกรและสติปัญญาของมันก็ต่ำ แต่ว่ามันก็เป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อเหล่ามนุษย์

พลังของมังแกร่งสุดในบรรดาสัตว์อสูรแล้ว แน่นอนยังไงข้าก็ไม่มีทางชนะมันได้

「เข้าใจแล้วครับ ถ้าเช่นนั้นข้าจะคอยระวังตัว」

ข้าขอบคุณนายจ้างและรีบกลับไปหาท่านอาจารย์

◇◆◇

โนโซมุกลับบ้านไปเอาคาตานะเพื่อมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของอาจารย์

เสื้อผ้าเป็นแบบง่ายๆไม่ขัดต่อการเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งมันทำมาจากหนังของสัตว์อสูรมีมีดสั้นและกระเป๋าเล็กๆคาดไว้อยู่บนเข็มขัด เซ็ตอุปกรณ์รักษษเช่นโพชั่นก็อยู่ในกระเป๋าหนังอันเล็ก ระเบิดควัน ระเบิดเสียง เองก็มีพร้อม

ก็ตามชื่อของมันเลยระเบิดควันก็จะปล่อยควันออกมา ระเบิดเสียงก็จะส่งเสียงแหลมสูงทำลายประสาทการได้ยินของศัตรู

และสุดท้ายระเบิดฟ้าร้อง

ระเบิดนี่จะทำหน้าที่เหมือนกับเวทย์ขนาดย่อมที่จะส่งเสียงฟ้าร้องบริเวณรอบๆซึ่งราคาก็สูงเอาเรื่อง

อย่างไรก็ตามเนื่องจากความสามารถอันต่ำเตี่ยเลี่ยดินทำให้สามารถใช้คิได้ไม่บ่อยนัก เพราะฉะนั้นเลยเตรียมอุปกรณ์พวกนี้ไว้ในกรณีฉุกเฉิน

แม้ว่าผลของอุปกรณ์เสริมพลังจะถูกจำกัดพลังไว้ด้วยผลของพันธนาการก็ตามแต่ว่าพลังของอุปกรณ์เหล่านั้นไม่ได้ถูกจำกัด ดังนั้นเลยพกมันไปด้วยระหว่างไปป่า

ระหว่างทางที่ไปกระท่อมของอาจารย์ชิโนะหมอกเริ่มลงทำให้ข้าต้องรีบเร่งความเร็ว

หมอกค่อยๆหนาขึ้นและมองเห็นได้ยากมากขึ้นมองเห็นได้แค่ระยะ 1 เมตรเท่านั้นเอง

「แย่แล้ว แบบนี้มัน」

โนโซมุตกใจพร้อมกับหยิบเข็มทิศออกมา เข็มทิศมันหมุนมั่วไปหมดจนหาทิศทางแน่นอนไม่ได้

「สถานการณ์นี่มันอะไรกันเนี่ย」

แม้จะมีสัตว์อสูรมากมายในป่านี้แต่มันก็ไม่มีตัวไหนที่ทำให้เข็มทิศพังได้หรอก

ข้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆและเริ่มสงบสติลง ข้าเริ่มตรวจสอบสภาพโดยรอบทันที

ต้นไม้รกครึ้มจนซ่อนตัวได้ แต่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาผ่อนคลายได้

「จะหนีก็ไม่ได้สินะทำยังไงดีในสถานการณ์แบบนี้」

ตอนนั้นเองข้าก็ตัดสินใจจะหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อหลบภัยขณะนั้นเองก็เอามีดทำเครื่องหมายไว้ตามทางเพื่อไม่ให้หลง

หลังจากนั้นไม่นานเหมือนข้าจะผ่านป่าไม้มาได้จนมาถึงที่โล่งๆ

ดูเหมือนว่าหมอกจะค่อยๆจางลง

ตอนนั้นที่ข้ารู้สึกโล่งใจอยู่นั่นเอง ทิวทัศน์รอบๆก็เริ่มบิดเบี้ยวไป

「หา?」

ตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกตัวว่ามาโผล่ในที่แปลกๆ

ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยภูเขามากมายสุดลูกหูลูกตา แน่นอนมันไม่ใช่แถวเมืองอาร์คาซัมแน่

เงาสีดำใหญ่โตครอบคลุมไปทั่วร่างกายของเขาที่กำลังสับสน

ตอนนั้นเองข้าก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากนั้นข้าก็ตกใจอย่างมาก

ตัวใหญ่สีดำปกคลุมไปทั่วเหนือน่านฟ้า

มีปีก 5 สีในบรรดาทั้ง 6 ปีกกำลังกระพือด้วยแรงมหาศาล

มีเกล็ดสีดำปกคลุมอยู่ทั่วร่างเป็นดั่งตัวบอกเวลาว่ามันอยู่มากี่ “ปี”แล้วนั่นเอง

ดวงตาของมันโอบกอดความมืดมิดและจ้อมมองมายังชายร่างเล็กตรงหน้า

ความสิ้นหวังเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่าง (ผมแปลผิดงั้นรึ Tiamatเป็นมังกรมีหลากสีสินะ)

“ราชันย์มังกร เทียแมท”

มังกรนอกรีตซึ่งกัดกินพวกเดียวกันเอง

ตรงนั้นมีเทพมังกรที่ควรจะหายไปเมื่อ 5,000ปีก่อนกลับอยู่ตรงหน้า

◇◆◇

โนโซมุยืนตัวสั่นด้วยความตกตะลึง

ข้าไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเลยสักนิด

หากคิดตามปกติแล้วไม่ว่าสัตว์อสูรตัวไหนจะปรากฏตัวตรงหน้าก็ไม่น่าตกใจเท่ากับการได้มาเจอกับเทพมังกรมาโผล่อยู่ใกล้ๆนี่ได้

เขาสับสนกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่ห้วงบรรยากาศที่นี่นั้นเป็นตัวพันธนาการตัวมังกรเทียแมทเอาไว้ระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งวิญญาณที่ควรจะหลับไหลไป โดยตรงนี้ใช้มันเป็นที่แบ่งเส้นโลกของทวีป บาลัวร์(ทวีปยุคไดโน) ซึ่งแบกแยกโลกของเทียแมทกับความเป็นจริงเอาไว้

อย่างไรก็ตามมันเกิดการแปรผันภายใต้พลังอำนาจของมังกรเทียแมทที่ถูกผนึกไว้ในโลกแห่งนี้

ความผันผวนนั่นทำให้สามารถข้ามผ่านภูมิประเทศและช่วงเวลาจากช่วงหนึ่งไปอีกช่วงหนึ่งได้ซึ่งทำให้เกิดเส้นทางขึ้นมา

เส้นทางซึ่งมีขนาดเล็กกระจิดลิ๊ดสำหรับเทียแมทแต่มันก็ใหญ่พอสำหรับเหล่ามนุษย์ที่หลงเข้ามา

เขาเดินเข้ามาในโลกแห่งนี้โดยไม่รู้เลยว่ามีมังกรโบราณที่ถูกผนึกไว้ตั้งแต่บรรณพกาล

◇◆◇

เทียแมทที่เห็นโนโซมุเข้ามาในสายตาก็ค้นพบแล้วว่านานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีมนุษย์หลงมายังดินแดนแห่งนี้

เมื่อเห็นเช่นนั้นมังกรดำนั่นก็พยายามมุ่งหน้าไปหาโนโซมุ

โนโซมุออกตัววิ่งหนีและพยายามออกจากพื้นที่แห่งนี้

ทันทีหลังจากนั้นเองเทียแมทที่บินลงมาก็ส่งเสียงคำราม

น้ำหนัของตัวมังกรเทียแมทลงกระแทรกกับพื้นทำให้เกิดรอยแตกกระจายไปบริเวณรอบๆ

โนโซมุถูกพลัดปลิวไปท่ามกลางคลื่นเหล่านั้นและกระแทกลงกับพื้น

ไม่มีบาดแผลที่เห็นเด่นได้ชัด แต่ว่ามีบาดแผลจากเศษก้อนหินที่กระจัดกระจายอยู่เล็กน้อย

◇◆◇

ข้าตัดสินใจวิ่งในทันที

เขาขว้างระเบิดควันทั้งหมดที่มีเพื่อวิ่งหนีไปที่ป่าด้วยความเร็วสูง

เขาคิดว่าการที่เขาซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มไม้จะมีเวลาพอให้เขาได้หลบหนี

อย่างไรนั่นก็เป็นเพียงความคิดตื้นเขิน

「กาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!」

ในขณะที่เขาวิ่งผ่านควันเหล่านั้นไปนั่นเอง ควันที่ปกคลุมรอบๆได้กระจายออกมาพร้อมกับเสียงคำราม

ไม่เพียงแค่นั้นข้ายังถูกแรงลมจากมังกรตัวนั้นพลัดจนกระเด็นไปไกล

เมื่อมองไปยังเทียแมทก็พบว่ามันไม่ขยับเลยเห็นได้ชัดว่าเพียงแค่มันคำรามก็ทำให้พื้นที่รอบๆเสียหายได้แล้ว

โนโซมุกำลังประหลาดใจอยู่นั้น เทียแมทก็อ้าปากกว้างๆของมันออกมาเปลวไฟสีดำขนาดใหญ่ถูกรวบรวมอยู่บริเวณปากของมัน

เปลวไฟสีดำที่มีสีต่างๆปะปนอยู่มากมายผสมกันไป

โนโซมุทำตามสัญชาตญาณของตัวเองและรีบแยกตัวออกอย่างรวดเร็ว

เปลวไฟเหล่านั้นเผาป่าโดยรอบจนไหม้เกรียม

วินาทีต่อมาเสียงเหล่านั้นก็หายไปจากโลกใบนี้

โนโซมุลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าทันทีที่เขารู้สึกตัว

เขาพยายามแหวกว่ายไปในอากาศเพราะนี่คือครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ลอยอยู่บนฟ้าเช่นนี้ ทันใดนั้นเขาก็ลงจอดกับพื้นด้วยแรงกระแทกอย่างรุนแรงทำให้สติของเขากลับมาสู่ความเป็นจริง

ทั่วทั้งร่างกายเจ็บปวดไปหมดจากการตกกระแทกกับพื้นเขารีบดื่มโพชั่นโดยทันที

ในขณะที่โพชั่นกำลังฟื้นฟูร่างกายข้าก็จ้องมองไปทางป่าที่ถูกทำลายลง

ป่าถูกไฟไหม้จนหมด

จากแรงกระแทกนั่นทำให้ดูเหมือนว่าทางกลับไปทางสถาบันจะหายไปโดยสมบูรณ์

ต้นไม้ที่อยู่รอบๆทางเข้าต้นไม้ถูกพัดหายไปจนหมดเกลี้ยงกลายเป็นคาร์บอนอยู่ในอากาศ

ต้นไม้ที่ไม่ได้ถูกเผาต่างก็ถูกพัดพาไปด้วยแรงกระแทกอันแสนรุนแรงนั่น

เมื่องมองไปยังเทียแมทที่กางปีกออกมามันมีสี 5 สี บรรดา 6 ปีกของมัน

ในบรรดาห้าสีของมันนั้นสร้างบรรยากาศโฟโตสเฟียร์ออกมา

TN:โฟโตสเฟียร์เป็นผิวของดวงอาทิตย์จะแบ่งออกเป็น 4 ชั้น มืดคล้ำที่ขอบดวง,เป็นดอกดวงโดยทั่วไป,การเกิดเป็นกลุ่มจุด และ บริเวณที่สว่างจนผิดปกติ

“เวทย์แห่งจิตวิญญาณ”

เวทย์ที่ใช้พลังวิญญาณเป็นตัวกลาง แตกต่างจากการใช้เวทย์แบบอื่นๆ ที่ใช้โดยเผ่าพันธุ์อื่นๆที่ไม่ใช่เผ่าสปิริตเอง ไม่ต้องใช้กระบวนการซ้ำซ้อนสามารถเปิดใช้งานได้อย่างทันท่วงทีไม่เหมือนกับเวทย์อื่นๆ

โนโซมุพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเสริมพลังกายต่อไป กระดิ่งเตือนภัยในร่างกายบอกเขาว่าให้ทำเช่นนั้น

โฟโตสเฟียร์จำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางเขา จำนวนมันมากมายเสียจนผิดปกติ

โนโซมุตัดผ่านโฟโตสเฟียร์จำนวนมากด้วยดาบของเขา แต่ไม่ทันไรก็ถูกแสงจำนวนมากเหล่านั้นกลืนกินเข้าไป

ถึงกระนั้นผมก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บสาหัส

เมื่อฝนแห่งแสงนั่นหยุดลงร่างกายของโนโซมุก็เต็มไปด้วยบาดแผล เขาคว้าโพชั่นมาทั้งหมดพร้อมกับดื่มในคราวเดียว

「อั่ก อ๊ากกกกกกก!」

เมื่อเขามองไปยังเทียแมท มันค่อยๆตรงมาทางนี้ขณะที่เขาพยายามใช้โพชั่นรักษาตัวเองอยู่

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีเลยหากมองจากสภาพของป่าไปแล้ว

ป่าที่ใช้ซ่อนตัวมันถูกเผาทั้งหมดในคราวเดียว

เขามีทางเลือกเดียวก็คือการต่อสู้กับความสิ้นหวังตรงหน้า

「ฮะฮะฮะฮะฮะฮะ…………」

เป็นเวลากว่าสิบนาทีแล้วที่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น

อย่าเรียกว่าการต่อสู้เลยดีกว่านะ

การต่อสู้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อศัตรูตรงหน้าสามารถจัดการได้ แต่มังกรดำเทียแมทนี่ไม่ใช่อะไรที่เราจะล้มมันลงได้ง่ายๆ

สิ่งที่มีทั้งหมดก็เป็นเพียงของเล่นสำหรับเทพมังกรนั่นล่ะ

มังกรดำนั่นสามารถฆ่าโนโซมุได้ในพริบตา แต่ว่ามันก็ยังคงเล่นกับเขาต่อไป

ราวกับเล่นกับแมวจับหนู

ยังไงก็ตามโนโซมุก็เอาตัวรอดมาได้เป็นเวลากว่าสิบนาทีอันเป็นนิรันดร์นี่แล้ว

ถึงอย่างงั้นความสิ้นหวังตรงหน้าก็ยังไม่จางหาย

ไม่สามารถจะสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนให้เกล็ดของมันได้

แม้ว่าเทียแมทจะเหวี่ยงแขนลงมาด้วยแรงอันน้อยนิดเขาก็ปลิวไปด้วยคลื่นกระแทกนั่นแน่

ไม่สามารถจะหลีกหนีสถานการณ์ตรงหน้าได้

ไม่มีอุปกรณ์ใดที่จะเจาะทะลวงเกล็ดของมังกรได้เลย

ข้าเองก็เริ่มหมดแรงแล้ว ใกล้จะถึงขีดจำกัดของการเสริมพลังกายด้วยคิแล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้สุดท้ายมันก็มาถึงขีดสุด ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งผมก็ปลิวไปกับคลื่นกระแทกที่พื้นจนทำให้ร่างกายของผมมันชาไปทั้งตัว

ข้าดื่มโพชั่นขวดสุดท้ายด้วยมือที่สั่นเทาพร้อมกับลุกขึ้น

เทียแมทยกแขนขึ้นอีกครั้งราวกับจะบดขยี้โนโซมุ

เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ตรงหน้าได้ พยายามใช้เสริมพลังกายด้วยคิที่แขน

โนโซมุที่กำลังเผชิญหน้ากับความตายมองย้อนกลับไปเหมือนเขาเข้ามาอยู่ในตะเกียงวิเศษก็ไม่ปราณ

◇◆◇

ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังมีแสงไฟส่องสว่างไหว ทำให้ข้ามองนึกย้อนกลับตัวเองไปในอดีต

รอยยิ้มของพ่อแม่ที่บ้านเกิด

「พอมาคิดดูแล้ว」

พวกเขาเป็นพ่อแม่ที่ดีมากๆ

พวกเขาไม่บ่นอะไรกับการที่ข้าอยากจะสนับสนุนลิซ่าเลยแม้แต่น้อย แม้ชีวิตการเป็นอยู่จะไม่ได้ดีแต่เขาก็ส่งเสียข้า

ข้าเจอกับลิซ่าและตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น

「พอมาคิดดูแล้ว รักแรกของข้า ปกติแล้วรักแรกมักไม่สมหวัง อยากจะรู้จริงๆมันเป็นแบบนั้นจริงๆนะเหรอ?」

ครั้งหนึ่งข้าเคยได้สารภาพรัก ครั้งหนึ่งที่เคยเปิดเผยความรู้สึก แต่สุดท้ายแล้ว…………。

ข้าที่อยากจะสนับสนุนลิซ่า ด้วยคำมั่นสัญญานั่น เธอจึงก้าวเข้ามาในสถาบันโซลมินาติด้วยกันกับข้า

「ข้าที่อยากจะสนับสนุนลิซ่า แต่ถึงอย่างงั้น….แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นข้าก็ยัง…………」

ความสามารถของเขาฉุดรั้งตัวเขาไว้ ตัวเขาที่ไม่สามารถเติบโตขึ้นได้ต้องจมปลักอยู่กับอดีตเพราะโซ่ตรวนแห่งพันธนาการนี่

ตอนนั้นเองลิซ่าก็บอกเลิกกับข้าและทิ้งข้าให้โดดเดี่ยวอยู่ในสถาบันนั่น

「ข้าอยากจะรู้จริงๆ….ข้ามันไม่ดีตรงไหน…….ทำไม…….ทำไม….อย่างน้อยก็บอกข้าสักคำสิ…………」

ในใจลึกๆข้ายังคงหวังอยู่ ข้าคิดเช่นนั้น ข้าทำอะไรผิดพลาดต่อตัวเธอไปงั้นเหรอ

ข้าที่พบกับอาจารย์ แสงสว่างอันน้อยนิดที่เล็ดรอดเข้ามาในชีวิต

「ข้าดีใจนะที่พบกับท่าน แม้ว่าท่านจะขี้เล่นไปบ้าง แต่ว่าท่านก็เป็นคนดี」

เธอคนนั้นช่างเข้มงวดกับระเบียบวินัยเป็นอย่างมาก แต่เธอเองก็คงเป็นห่วงข้า

ตอนแรกข้าเองก็เมินเฉยต่อเธอ แต่ตั้งแต่ที่เขาช่วยข้าจากพวกหมาป่านั่น

เมื่อคิดถึงตอนนั้นข้าก็กลับมากลายเป็นตัวข้าคนเดิม ข้าที่ยิ้มแย้มและหัวเราะไปพร้อมกับท่านอาจารย์ที่ข้าเคารพ

ช่วงเวลาต่อมานั้นเองเขาช็อคจนหมดสติ ความทรงจำทั้งหมดต่างเลือนหายไป

◇◆◇

แขนของเทียแมทที่ทุบอยู่กับพื้นตรงหน้าโนโซมุนั้น เขากลิ้งไปบนพื้นด้วยท่าทางอุบาทว์

เทียแมทที่กำลังเล่นสนุกกับเหยื่อหลังจากไม่ได้พบเจอมานานแสนนาน

เทียแมทอ้าปากกว้างพร้อมกับเปลวเพลิงสีดำอันมืดมิด เล่นกับมันก็สนุกดีแต่ขอดูหน่อยสิจะดิ้นรนไปได้สักแค่ไหน

ยังไงมันก็ไม่มีทางสู้ได้อยู่แล้ว

「คุคุ รับไปซะ……」

เขาเปล่งเสียงที่มนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้และพ่นเปลวเพลิงออกไป

ตัวโนโซมุที่แทบจะหมดสติแล้วทำได้แต่คิดถึงอดีตที่ผ่านมา

แสงสว่างสุดท้ายในชีวิตได้หายไปแล้วมีแต่ความตายเท่านั้นที่รอคอยอยู่ตรงหน้า

“ตาย”

เขายังคงเผชิญหน้ากับความตายที่ถูกอัดแน่นจนแข็งกร้าว

“ตาย”

มันเป็นแรงกดดันแห่งความ“ตาย”ที่เหนือกว่าพวกหมาป่าในตอนนั้นเสียอีก

“ไม่ชอบเลย”

เขาเองไม่มีอะไรเหลือพอที่จะคิดหาเหตุผล เขาทำเพียงสัญชาติญาณเท่านั้น

“ข้ายังไม่อยากตาย”

มันเป็นการกระหายที่โหยหาถึงการ”มีชีวิต”รอดสำหรับเขาเป็นแรงผลักดันให้เขาลุกขึ้นสู้

“ไม่อยากจะมาแพ้ตรงนี้”

เป็นการแสดงเจตจำนงอันแข็งแกร่งที่จะมีชีวิตอยู่อย่างที่ชิโนะนั้นเคยเห็น

「ย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก!」

วินาทีต่อมาเขาตะโกนก้องใส่มังกรตัวใหญ่ยักษที่เห็นเขาเป็นของเล่น

โนโซมุก้าวเข้าไปหาเทียแมทพร้อมกับเสียงคำรามสุดชีวิตของเขา ความเร็วของเขาเพิ่มมากขึ้นจนไม่เหมือนมนุษย์ที่กำลังจะตาย

อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวมันค่อนข้างช้าและเปลวเพลิงสีดำก็ถูกปลดปล่อยออกมาระหว่างทางที่พุ่งไปหาเทียแมท

“ช้าเกินไปแล้ว”

โนโซมุที่สัมผัสได้ถึงอันตรายเขามุ่งหน้าตรงไปเพื่อกำจัดภัยคุกคามที่เข้ามาในชีวิตของเขา ความต้องการมีชีวิตรอดของเขานั้นเป็นแรงผลักดันทำให้พลังที่ไหลเวียนรอบตัวเขาหนุนสูงขึ้นกว่าครั้งไหนๆ เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นช้าลง

“ทำไมมันถึงได้ช้าขนาดนี้กันวะ!!”

ถ้าเป็นเช่นนี้หลบเปลวเพลิงแห่งความตายนี่ไม่พ้นแน่

ทันใดนั้นเองข้าที่มองไปที่ร่างกายของตัวเองก็พบกับโซ่ตรวนที่ผูกมัดร่างกายเอาไว้

“เป็นเพราะแกใช่ไหมหะ!!”

เขาเชื่อว่าโซ่ตรวนนี่เป็นโซ่ตรวนที่คอยรั้งเขาเอาไว้เขาพยายามจะฉีกกระชากมันออกไป

ถ้าคิดตามปกติแล้วโซ่นั่นไม่ควรจะขาดง่ายๆ แต่เขามั่นใจว่าเขาจะปลดพันธนาการที่ผูกมัดเขาได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง

”อย่ามา……ขัดขวางงงงงงงงงงกันนะโว้ย!!!“

เขาออกแรงด้วยแรงมหาศาลโซ่ที่แตกออกส่งเสียงกระทบอย่างดัง

ทันใดนั้นเองเขาก็วิ่งผ่านเปลวเพลิงนั่นได้

เทียแมทตกใจที่จู่ๆเขาก็ความเร็วเพิ่มขึ้น โนโซมุพยายามครั้งนี้มากกว่าครั้งไหนๆเป็นพันเท่า

ร่างกายที่มีพละกำลังอันล้นเหลือและเลือดพล่านนั่นตอบสนองต่อร่างกายและความคิดของเขา

พละกำลังกายตอนนี้ของเขาเหนือยิ่งกว่าตอนที่เขาอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมดีเป็นไหนๆ

เขาดึงคาตานะออกมาพร้อมกับวิ่งไปเรื่อยๆ เขาพยายามเค้นแรงอันมหาศาลนั่นลงไปในดาบ มันตัดผ่านห้วงอากาศจนดาบนั่นถูกปกคลุมไปด้วยจิตวิญญาณ

คิ“แฟนท่อม(คมดาบลวงตา)”

คิที่เสริมพลังบางยิ่งกว่าเส้นผมบินไปด้วยความเร็วอันมหาศาลจนข้าตัดดวงตาของเทียแมทจนกลายเป็นตัวอักษรตัวหนึ่ง

เทียแมทตะโกนก้องด้วยความเจ็บปวดเขายกคอขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการโจมตีที่ไม่คาดคิด

เกนมุ(คมดาบผ่ามายา) เป็นเทคนิคง่ายๆที่ปล่อยคลื่นดาบออกไปโดยการใช้คิที่บีดอัดไปที่ใบมีดของคาตานะ แต่ว่ามันเป็นเทคนิคที่ยากมากในการจะบีบอัดคิให้บินไปด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นและถ้าระยะมันเกิน 12 เมตรมันก็แทบจะไปไม่ถึงแล้วเพราะงั้นการเปิดใช้งานใกล้ๆทำให้หลบได้ยากมากๆ

ยิ่งไปกว่านั้นคิที่ถูกบีบอัดจนบางมากแล้วนั้นไม่ว่าโล่เหล็กหรือบาเรียเวทย์ ทุกๆอย่างต่างต้องพังทลายเพราะมันเป็นเทคนิคสังหารที่ใช้ฆ่าศัตรู เพราะว่ามันรุนแรงถึงระดับนั้นจึงทำให้มันตัดผ่านไปโดยไร้ซึ่งคำถามใดๆ

อย่างไรก็ตามมันต้องเวลารวบรวมคิไว้สักประมาณหลายสิบวินาทีและในสถานการณ์ที่มีศัตรูล้อมรอบทำให้มันไม่สามารถใช้งานได้

เมื่อเขาวิ่งไปถึงเทียแมทมันยกปลายเท้าพร้อมกับกระแทกพื้นหลายครั้ง

พื้นดินสั่นไหวทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหว

โนโซมุรีบถอยห่างแต่สุดท้ายก็จมไปกับเสียงของพื้นดิน

ทันใดนั้นเองตัวเทียแมทที่สร้างหลุมขนาดใหญ่ก็ทำให้ตัวมันจมลงไปในพื้นดินนั่น

เห็นได้ชัดว่าแถวๆนั้นมีโพรงเต็มไปหมด

เทียแมทมันพยายามจะหนี แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะตาของมันบอดอยู่

โนโซมุหยิบทุกอย่างในกระเป๋าออกมา เข้าไปใกล้มันและโยนอัดใส่หน้าเทียแมท

เป็นระเบิดเสียงเองที่ถูกโยนไปมันะรเบิดบริเวณหน้าของเทียแมทพร้อมกับส่งเสียงดังที่พอจะทำลายประสาทเสียงได้

เทียแมทที่โดนระเบิดเสียงจังๆก็หลับตาลงและหยุดขยับไปชั่วครู่

ถ้าหากมันเป็นจิตวิญญาณของเทพมังกรก็ไม่น่าได้รับผลกระทบมากนัก

อย่างที่คิดมังกรที่เป็นตัวแทนของเหล่าวิญญาณนั้นที่มีกายหยาบ มันถูกสร้างขึ้นด้วยธาตุที่หลากหลายจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตตัวฉกาจ

และการที่มันมีความรู้สึกทางกายภาพได้นั้นอาจจะทำให้มันได้รับผลกระทบจนทำให้เกิดอาการสับสนได้เช่นกัน

แน่นอนว่ามังกรโบราณเป็นมังกรตระกูลจิตวิญญาณอย่างแน่นอน แม้ว่าจะได้รับแรงกระแทกจากกายภาพ แต่เทียแมทที่อาศัยอยู่ในร่างกายนี้มานานแสนนานนั้นมันเริ่มชินชากับความรู้สึกทางกายภาพทำให้มันเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตปกติไปแล้ว

เทียแมทที่หยุดนิ่งนั้น ทำให้โนโซมุพุ่งเป้าไปที่มันอย่างชัดเจน

จุดมุ่งหมายของเขาคือคอของมังกรโบราณตัวนี้ เหตุผลที่เล็งไปที่คอเพราะไม่มั่นใจว่าจะบดขยี้กะโหลกของมังกรได้

มังกรโบราณที่สิงสถิตย์อยู่ในกายหยาบกล่าวคือมันสามารถตายได้นั่นแหละ

เป้าหมายก็คือการฆ่าร่างกายของมัน

ยังไงก็ตามมันไม่ใช่ง่ายๆเลยที่จะตัดร่างกายของมังกรที่มีความแข็งแกร่งสูง

โนโซมุกระโดดไปที่คอของเทียแมทและตัดคอของมัน เขาปลดปล่อยจิตวิญญาณไปยังปลายดาบอย่างรุนแรงอีกครั้ง เขาดึงดาบและฟันมันอย่างรวดเร็ว

คิ “เกนมุ(คมดาบผ่ามายา)” ตัดผ่านเกล็ดในลำคอของเทียแมทจนบีบอัดแรงระเบิดเข้าไปข้างในด้วยจิตวิญญาณที่อันแน่นเผยให้เห็นเนื้อที่คออันแสนนุ่มนิ่มของมัน

ยังก็ตามการโจมตีก่อนหน้านี้ของโนโซมุเริ่มออกผล

คิ“แฟนท่อม ―รีเทิร์น―(คมดาบลวงตาหวนคืน)”

คมดาบย้อนกลับเปิดบาดแผลทุกๆที่ๆฟันผ่านก่อนหน้านี้

แรงระเบิดที่หวนคืนตามวิถีดาบคาตานะนั้นมันล้ำลึกเข้าไปในต้นคอของเทียแมทจนเลือดไหลออกมาจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามแผลแค่นี้มันไม่ร้ายแรงพอที่จะเอาชนะมังกรดำโบราณนี่ได้หรอกแม้ว่ามันจะบาดเจ็บสาหัส

โนโซมุใช้แรงที่หวนคืนของดาบนั่นย้อนกลับไปอีกครั้ง เมื่อรวมกับพลังที่หมุนตัดผ่านนั่นไปทำให้การกระโดดโจมตีของโนโซมุสร้างแผลที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

ดาบคาตานะแทงลึกเข้าไปในคอของเทียแมทจากนั้นมันก็ตัดผ่านลึกเข้าไปอีกจนใกล้กับก้านสมองของมันแต่ว่าเขาก็หยุดปลายดาบไว้แค่นั้น

「กัชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชช!!!!!!!!!!!」

อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่ตาย

มันส่งเสียงคำรามจนสั่นสะเทือนไปทั่วร่างพยายามจะสะบัดโนโซมุให้ตกลง

ดาบที่ฝังอยู่ที่ปลายคอของมันไม่สามารถดึกออกได้ หากสะบัดออก ดอกไม้สีเลือดก็จะสลัดไปทั่วพื้นที่

โนโซมุเอื้อมมือไปที่กระเป๋าข้างเอว

ระเบิดฟ้าผ่าที่ถูกบรรจุไว้ลูกสุดท้ายถูกนำออกมา

มันถูกฟาดเข้าที่คมดาบอย่างแรง

ในช่วงเวลาต่อมาก็เกิดเสียงฟ้าร้องส่งเสียงแพรวพราวออกมา ฟ้าร้องนั่นผ่าลงมายังดาบและดาบที่ถูกแรงกระตุ้นมหาศาลตัดผ่านคอและเซลล์ประสาทของมังกรไป

ฟ้าผ่านั่นยังคงเผาร่างกายของเขาและเอาพลังจากเขาไปจนหมด

มังกรยักษ์ล้มลงตัวเขาก็กระเด็นออกไป ร่างกายของมังกรขยับเล็กน้อย แต่ดวงตามันไร้ซึ่งชีวิตอีกต่อไป

ในที่สุดมังกรยักษ์นั่นก็ตายลงและกลายเป็นแสงอนุภาคราวกับคลื่นขนาดใหญ่

โนโซมิไม่มีเวลามาคิดอะไรอีกต่อไปแล้วว่าแสงนั่นจะไปที่แห่งไหน

ตัวเขาเองก็เต็มไปด้วยบาดแผลทั่วทั้งตัว ไม่มีที่ไหนที่ไม่มีแผลเลย

ในที่สุดอานุภาคแสงนั่นก็มารวมตัวอยู่เหนือหัวเขาและตกลงมาที่เขาราวกับห่าฝน

ร่างกายที่ถึงขีดจำกัดทำให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป แสงนั้นอาบร่างกายของเขา

◇◆◇

ตัวข้าเริ่มได้สติกลับคืนมา

สติเหล่านั้นทำให้ข้านึกถึงเทียแมทที่สู้ด้วยกันจนถึงก่อนหน้านี้

ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างกาย ข้าพยายามยกร่างกายส่วนบนขึ้นและมองรอบๆก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ป่านอกเมือง

「ก่อนจะรู้สึกตัว……ก็…………กลับมาแล้วเหรอเนี่ย」

ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ร่างกายเจ็บปวดไปหมด การต่อสู้นั่นไม่ใช่ความฝัน

「อย่างไรก็ตามอาจารย์อยู่ไหน…………」

ข้าไม่รู้ว่าตัวเองหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ก็ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ต่อไป โนโซมุฝืนร่างกายที่เจ็บปวดไปทั้งตัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของชิโนะด้วยสติอันเลือนลาง

โดยไม่รู้ตัวเลยว่า เขากลายเป็น “ดราก้อน สเลเยอร์”ที่มีอยู่ไม่กี่คนในประวัติศาสตร์……….

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท