พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 38

ตอนที่ 38

บทที่4ตอนที่8

 

 

โนโซมุเผชิญหน้ากับยักษ์นั่นตรงซากศพของหมาป่า

 

 

ไซคลอปส์

 

 

แม้ว่าจะไม่อันตรายเทียบเท่ามังกรที่บินทยานท่ามกลางท้องฟ้าและพ่นลมหายใจได้ แต่มันก็เป็นมอนแรงค์ A

 

 

เป็นเรื่องยากสำหรับนักผจญภัยทั่วๆไปที่จะจัดการมันด้วยตัวคนเดียว ต้องเป็นคนแรงค์ A ขึ้นไปและใช้เวทย์ได้คล่องด้วย

 

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุที่ไม่แม้แต่ใช้เวทย์เริ่มต้นได้ และไม่มีการโจมตีระยะไกลเลยแม้แต่น้อย เป็นคู่ต่อสู้ที่เขาเสียเปรียบเป็นอย่างมาก

 

 

ไซคลอปส์ยิ้มให้กับโนโซมุ บางทีพยายามกำลังข่มขู่โนโซมุอยู่

 

 

ปกติแล้วเขาจะถออย เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงในการต่อสู้กับสัตว์อสูรที่ทรงพลังในอาณาเขตของมัน

 

 

อย่างไรก็ตามสำหรับโนโซมุในตอนนี้ที่ไม่คิดถึงอนาคต

 

 

“อยากจะเข้าไปในป่าเพื่อลืมทุกอย่าง”

 

 

แม้ว่าจะพยายามลบเลือนความทรงจำอันแสนปวดใจที่ถูกเพื่อนรักหักหลังและสูญเสียเป้าหมายในการใช้ชีวิต เขาถือดาบคาตานะไว้แน่นเพื่อขจัดความลังเลในจิตใจ

 

 

แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพจิตใจเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ปลดปล่อย “พันธนาการ”เพราะยังคงลังเลใจอยู่

 

 

ความกังวลเกี่ยวกับเทียแมทซึ่งนั่นไม่ทำให้เขาไม่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์เหล่านั้น

 

 

แต่เขาก็ลังเลเพียงเรื่องนั้นเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่ได้กังวลเลยว่าจะต้องฆ่ายักษ์ตรงหน้านี้

 

 

บางทีไซคลอปส์เองก็รู้สึกถึงจิตวิญญาณนักสู้ของโนโซมุ โดยถือกระบองขนาดใหญ่เท่าตัวของมนุษย์

 

 

◇◆◇

 

 

คนแรกที่ชิงลงมือคือโนโซมุ เขาวิ่งเข้าหาไซคลอปส์ขณะที่เสริมความสามารถทางกายภาพ

 

 

ไซคอลปส์เหลือบมองโนโซมุซึ่งกำลังมุ่งหน้ามาหามัน และหยิบกระบองขนาดใหญ่เพื่อไล่แมลงตัวเล็กๆ

 

 

โนโซมุพยายามปัดป้องกระบองที่ถูกฟาดมาทางเขาด้วยดาบคาตานะ……。

 

「ย๊ากส์!」

 

พลังนั้นแตกต่างกันเกินไปจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ร่างกายท่อนบนที่เปิดกว้างและลำตัวสูงใหญ่

 

 

ไซคลอปส์ดึงกระบองกลับและพยายามจะซัดเข้าไปที่โนโซมุป้องกันตัวเองไม่ได้จากทิศตรงข้าม

 

 

โนโซมุก้มลงและพยายามหลบกระบองที่เข้ามาตรงหน้า

 

 

เมื่อรู้สึกว่ากระบองผ่านหัวไปแล้วโนโซมุพยายามลุกขึ้นทันที แต่ไซคลอปส์ก็พยายามฟาดกระบองลงไปอีก

 

 

 

โนโซมุหยุดยืนขึ้นและกลิ้งไปด้านข้างขณะนอนราบกับพื้นเพื่อหลบกระบอง

 

 

กระบองกระแทกลงพื้นติดข้างๆโนโซมุและแรงกระแทกนั่นก็ทำให้พื้นสั่นสะเทือน ทำให้ดินและทรายกระจัดกระจายไปทั่ว

 

 

โนโซมุยืนขึ้นโดยใช้แรงนั่นเป็นตัวผลัก

 

ดูเหมือนว่าการโจมตีเมื่อกี้นี้จะเป็นการล่อเขา

 

ยังไงก็ตามไซคลอปส์ไม่ได้ตามเขา

 

 

เห็นได้ชัดว่าไซคลอปส์มันกำลังหัวเราะลั่นกับท่าทางอันแสนน่ารังเกียจของโนโซมุ

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุไม่ได้สนใจเพียงเอาแต่สนว่ากำลัง “จะฆ่ามันยังไง”

 

โนโซมุคิดไปเรื่อยๆ ขณะที่พุ่งเข้าหาไซคลอปส์

 

 

โนโซมุไม่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับหมาป่า แต่ถึงกระนั้นตัวเขาก็ไม่ได้ยินดีปรีดาอะไรเขาประมาณตนเองอยู่เสมอ และพยายามใช้กลยุทธ์ของเขาเพื่อจัดการพวกมัน

 

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากโนโซมุไม่สามารถใช้เวทย์ได้ จึงมีเพียงการต่อสู้ระยะประชิดเท่านั้นที่เป็นทางออก คิเองก็มีพอสำหรับโจมตีระยะไกลหรอก แต่ไม่ควรจะเอาไปใช้แบบนั้นเพราะมันไม่แน่นอน

 

 

(พอคิดได้เช่นนั้น การโจมตีระยะไกลนั้นใช้ไม่ได้เลย…………)

 

โนโซมุไม่เคยคิดว่าจะเจอกับไซคลอปส์ ปกติมันจะอยู่ลึกกว่านี้ไปอีกและไม่ปรากฏตัวออกมา

 

 

นั้นคือเหตุผลที่มันแข็งแกร่ง มันกินได้แม้กระทั่งกระดูกไม่เหลือซากแน่นอน ผมเองก็ไม่มีประสบการณ์ต่อสู้กับไซคลอปส์ไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ความรู้ที่ผมอ่านในหนังสือ

 

 

 

(สิ่งที่อันตรายของมันก็คือการเปิดใช้งาน “ดวงตาแห่งความบ้าคลั่ง”…………)

 

ดวงตาแห่งความบ้าคลั่ง

 

 

นั่นคือความสามารถของไซคลอปส์

 

 

สัญชาตญาณแห่งความกลัวจะที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องหนี ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นสองเท่าและสูญเสียสติความคิดไป

 

 

หากเจ้านี่แข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่านั่นก็ไม่ใช้เพียงแค่โจมตีแรงขึ้นแต่ยังเร็วขึ้นเป็นสองเท่าด้วย

 

 

หากเป็นเช่นนั้นโอกาสชนะของโนโซมุก็จะต่ำลงไปอีก

 

 

 

(เป้าหมายเดียวก็คือการโจมตีจุดตายในคราวเดียว!)

 

วิธีเดียวที่จะไม่ให้มันใช้ดวงตาแห่งความบ้าคลั่งก็คือการโจมตีทีเดียวตาย หากโจมตีแบบครึ่งๆกลางๆจนมันบาดเจ็บจะเปิดใช้งานความสามารถก็ขึ้นกับเวลา

 

 

โชคดีตอนนี้ไซคลอปส์ยังไม่เห็นโนโซมุเป็นตัวอันตราย

 

 

(การจะทำเช่นนั้นก็จำเป็นจะต้องเข้าใกล้มันให้ได้……)

 

ท้ายที่สุดปัญหาก็ถูกแก้ไข

 

 

ความแตกต่างทางร่างกายของโนโซมุกับยักษ์มันใหญ่มาก

 

 

อีกทั้งความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อมันไม่ธรรมดา ยักษ์มันไม่ได้เรียนวิชาป้องกันตัวหรือวิชาดาบหรอก แต่ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อนั่นเป็นจุดเด่นของมัน

 

 

พลังของไม้กระบองที่ถือและถูกฟาดลงก็บดขยี้ศัตรูได้ง่ายๆแล้ว หากป้องกันไม่ดีก็เตรียมตัวแบน

 

 

นอกจากนี้กล้ามเนื้อมันฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว รอยขีดข่วนนิดหน่อยทำไรไม่ได้หรอก

 

 

「ก๊ากกกๆๆๆๆๆๆ!」

 

เมื่อโนโซมุคิดว่าจะจัดการกับมันยังไง คราวนี้เป็นตาของมันบุกบ้าง

 

 

เนื่องจากมันพยายามจะจัดการโนโซมุด้วยการฟาดกระบองจากด้านบน โนโซมุจึงหยุดคิดเรื่องอื่นและหลบการโจมตี

 

 

กระบองนั่นส่งเสียงสะเทือนลั่นและจะพุ่งเข้าใส่โนโซมุ

 

 

โนโซมุก้มลงหลบการโจมตีกระบองผ่านหน้าผมไปคลื่นแรงลมนั่นทำให้ผมของโนโซมุปลิวไสว

 

 

วินาทีที่กระบองกระแทกลงกับพื้น พื้นดินก็กระจายอีกครั้ง

 

 

โนโซมุอ่านการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามจากโครงร่างที่มองเห็นได้ผ่านม่านฝุ่นบางๆ

 

 

คราวนี้ไซคลอปส์ฟาดมาทางด้านข้าง

 

 

โนโซมุก้มต่ำลงแต่คราวนี้มันก็ฟาดลงมา

 

 

โนโซมุก้าวตัวไปทางซ้ายและเขยิบไปด้านข้างเพื่อหลบกระบองนั่น

 

 

การโจมตีและป้องกันจนแทบไม่ได้หยุดหายใจ การต่อสู้อันแสนยาวนานระหว่างโนโซมุและไซคลอปส์ได้เริ่มขึ้นแล้ว การต่อสู้จะจบลงก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายแหลกสลายไป

 

 

◇◆◇

การต่อสู้ระหว่างโนโซมุและไซคลอปส์ยังคงดำเนินต่อไป แต่เป็นฝ่ายโน้นที่ได้โจมตีอยู่ฝ่ายเดียว

ฝั่งโน้นใช้ทั้งกระบองและกำปั้นของมันกระหน่ำโจมตีโนโซมุ

ในทางกลับกันโนโซมุก็ยังคงโฟกัสไปที่การหลบการโจมตีอย่างเฉียดฉิว ถ้าสามารถเข้าใกล้มันได้ละก็ แต่การโจมตีของมันรุนแรงมากจนไม่สามารถเข้าไปในใกล้รอบๆตัวมันได้เลย

 

ถ้าโนโซมุใช้เวทย์ได้ละก็ หรือมีคนที่ใช้เวทย์ได้ เขาก็คงไม่ลำบากมาก

 

 

ไซคลอปส์นั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษด้านกายภาพ แต่อ่อนแอกับเวทย์

 

 

สำหรับไอริสที่สามารถใช้เวทย์ได้ในทันทีและทิม่าที่สามารถปล่อยเวทย์ขนาดใหญ่ได้ก็สามารถหยุดการเคลื่อนไหวและฆ่ามันได้ง่ายๆแน่นอน

 

 

หากเป็นเปลวเพลิงหรือสายฟ้าละก็ มันสามารถเผาผิวหนังของมันและสร้างความเสียหายภายในได้

 

 

แม้ว่าจะฆ่าไม่ได้ แต่ก็สร้างความเสียหายให้พอตัว ทำให้ทิศทางการต่อสู้เปลี่ยนไป

 

 

แต่ว่าเรื่องแบบนั้นโนโซมุทำไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นการต่อสู้ของโนโซมุจะยิ่งยากเข้าไปใหญ่

 

 

◇◆◇

 

 

「ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!」

 

โชคดีที่ไซคลอปส์โจมตีโนโซมุไม่โดนเลยแม้แต่น้อย

 

 

ไซคลอปส์ที่รู้สึกว่าโนโซมุไม่ใช่ภัยคุกคามแต่ก็เป็นคนหนังเหนียวที่ฆ่าไม่ได้สักที

 

 

นี่เป็นโอกาสดีสำหรับโนโซมุ การโจมตีของมันเริ่มร้อนรน และช่วงเวลาระหว่างการโจมตีมันเริ่มมีช่องว่าง

 

 

(ยัง…ยังเร็วเกินไปที่จะจัดการ……ต้องรอให้มันโกรธมากกว่านี้……)

 

โนโซมุหลบการโจมตีของมันไปเรื่อยๆและรอเวลามาถึง จุดมุ่งหมายคือตอนที่มันถึงขีดจำกัดแล้วนั่นเอง และในที่สุดมันก็มาถึงจนได้

 

 

「กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!」

 

ในที่สุดความอดทนของมันก็ถึงขีดจำกัด มันเหวี่ยงไม้กระบองและฟาดเข้าหาโนโซมุ

 

 

พร้อมกับเสียงคำรามอันก้อง ไม้กระบองของมันก็โจมตีเร็วขึ้นในทันที มันตัดผ่านอากาศยามค่ำคืนและเข้าใกล้โนโซมุ

 

「ตอนนี้แหละ!!!」

 

โนโซมุพุ่งเข้าหากระบองนั่นด้วยความเร็วเต็มที่ เมื่อมองจากภายนอกแล้วดูเป็นการกระทำอันบ้าบิ่น และดูเหมือนว่าในที่สุดความกลัวที่หยั่งรากลึกมาจนถึงขีดจำกัดจนสับสน

 

แต่ว่าการกระทำของโนโซมุไม่ได้บ้าบิ่น

 

 

อาวุธด้ามยาว ประเภทจำพวก ดาบ กระบองและขวาน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่มันก็มีวงโคจรในการโจมตีเป็นวงกลม ดังนั้นพลังในการโจมตีของมันจึงเน้นความคมและพลังเข้าว่า

 

 

กล่าวคือยิ่งอยู่ห่างจากระยะโจมตี พลังมันก็จะเบาลง

 

 

เมื่อการโจมตีของไซคลอปส์ที่หมดความอดทน โนโซมุก็เข้าถึงปลายกระบองยักษ์ได้สำเร็จ

 

อย่างไรก็ตาม แม้พลังจะต่ำลงแต่ความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่โนโซมุจะรับมันตรงๆได้

 

โนโซมุเองก็เหวี่ยงดาบจากด้านบนเช่นเดียวกับมัน แม้ว่าจะก้าวผ่านช่องว่างระหว่างมันมาได้ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใกล้กว่านี้ได้

 

อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ของโนโซมุไม่ใช่ตัวมันแต่เป็นตัวกระบองนี่

 

โนโซมุฟาดดาบลงไปที่ส่วนบนของกระบองนอกจากนี้ยังทุ่มไปด้วยพลังเต็มที่และบิดร่างกายไปด้านข้าง

 

 

จากนั้นร่างของโนโซมุก็ไหลไปตามทิศทางที่เขาฟันดาบออกไปในเวลาเดียววิถีของกระบองก็ถูกเบี่ยงเบนออกไปเล็กน้อยในทิศตรงข้าม

 

โนโซมุเองก็รู้ตัวดีว่าไม่สามารถกันการโจมตีได้ก็เลยใช้แรงผลักของกระบองนั่นกับใช้ตัวดาบเบี่ยงวิถีกระบองออกไป

 

อย่างไรก็ตาม หากพลาดก็เท่ากับตาย หากทำจังหวะเร็วเกินไปดาบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และหากช้าไปก็จะโดนพลังนั่นกดทับจนถูกบดขยี้ไปเลย

 

มันเป็นการเดินอยู่บนเส้นด้าย แต่โนโซมุก็ก้าวผ่านมันมาได้และที่สุดก็บุกเข้าถึงเขตของมัน

 

 

โนโซมุใส่พลังลงไปในดาบและกระโดดขณะที่ใส่แรงทั้งหมด เพื่อหวังฟันคอของมันให้ขาดไป

 

 

ช่วงเวลาที่โนโซมุกำลังจะฟันดาบลงไปด้วยการควบคุมคิอันยอดเยี่ยมของโนโซมุ……ทันใดนั้นร่างของโนโซมุก็ปลิวไป

 

 

◇◆◇

 

 

มันสะบัดตัวผมออกด้วยมือข้างเดียวราวกับตบแมลงวัน

 

 

แค่นั้นเองร่างกายของผมก็ปลิวไสวเหมือนใบไม้ที่ลอยไปตามลม

 

 

การฟันแห่งความตายนั่นไม่โดนที่คอของมันแต่โดนที่แก้มของมันเท่านั้นเอง

 

 

「อ่ออก! อั่ก!」

 

วินาทีที่ถูกซัดจนปลิวตัวผมก็กระแทกกับพื้นอย่างแรง ร่างกายส่งเสียงดังกรุบกร๊อบและมีอาการปวดอย่างรุนแรงตามร่างกาย

 

「แค่ก อะเฮือก!」

 

รสชาติของเลือดนั้นกระจายไปทั่วทั้งปาก

 

 

ความเจ็บปวดที่ท้องเมื่อสัมผัสมัน บางทีอวัยวะภายในคงแหลกไปแล้ว

 

 

ผมหยิบยาที่ใส่ในกระเป๋าขึ้นมาดื่ม

 

 

ตอนนั้นผมใช้อุปกรณ์ทั้งหมดกับเทียแมท แต่ผมก็ซื้อมาเติมเพิ่มแล้ว

 

 

อาการปวดที่ท้องลดลง แต่ความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างยังไม่จางหาย

 

 

(อั่ก! แย่แล้ว…………)

 

ไม่สามารถจบมันด้วยการดาบเดียว แถมตอนนี้มันหงุดหงิดด้วย…………。

 

 

「ก๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก!!!!」

 

ไซคลอปส์ตัวมันถูกย้อมกลายเป็นสีแดงและกล้ามเนื้อของมันก็พองตัวจนเกิดเสียงดัง ความสามารถของมัน “ดวงตาแห่งความบ้าคลั่ง” ถูกเปิดใช้งานแล้ว

 

 

ไซคลอปส์ที่โดนคนที่คิดว่าไม่น่าจะทำอะไรมันได้ทำร้ายเข้า มันโกรธอย่างมากและมองเขาเป็นศัตรูทันที

 

 

ความกดดันของไซคลอปส์ที่มีมาทางนี้เริ่มมากขึ้น ผลจากการกดันทำให้ร่างกายของมันดูใหญ่ขึ้น

 

 

หากเห็นภาพนี้แล้วมนุษย์ธรรมดาทั่วไปจะทำได้แค่ขาสั่นวิ่งไม่ไหว พวกทหารก็ทำได้แค่หนีเตลิด

 

 

◇◆◇

 

 

(เวรเอ้ย! ไอ้สมองกล้ามนี่!!)

 

อย่างไรก็ตาม มันก็หมือนกับผม แต่ผมน่ะตื่นตัวก่อนที่จะสู้แต่แรกแล้ว

 

 

ผมดันไปเปิดสวิตซ์ของมันเข้า และแม้ว่าผมจะทำพลาดไปแล้ว แต่โอกาสจะหนีมันไม่มี

 

 

ตอนนี้บาดแผลเองก็ถูกรักษาแล้ว การต่อสู้ไม่น่าจะส่งผลอะไรมากนัก

 

 

ทันทีที่รู้ว่ายังสู้ได้ตัวผมก็ยืนขึ้นและจับดาบ

 

 

อารมณ์ที่อยากจะอาละวาดมันเพิ่มมากขึ้นไปอีกจากความผิดพลาดครั้งที่แล้ว ตอนนี้หัวใจของผมที่บอบช้ำกำลังบอกว่าให้ล้มเจ้ายักษ์ตัวนี้ลงให้ได้

 

 

「โอววววววววววววววววววววววววววววววววว!!」

 

มันวิ่งเข้ามาหาผม ไซคลอปส์วิ่งมาด้วยความเร็วสูงกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

 

 

ผมเองก็เคลื่อนที่ด้วย “ก้าวพริบตา” มันหันหลังและฟาดกระบองลงที่ๆผมเคยอยู่ทันที

 

 

เขาพยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีของมันโดยใช้ “ก้าวพริบตา” เป็น “ก้าวพริบตา-ดาบเริงระบำ-”และเคลื่อนไหวอันแสนซับซ้อนแต่ว่าการโจมตีของผมแทบจะทำอะไรมันไม่ได้เลย

 

 

◇◆◇

 

 

「อั่กกกกกกกกก!」

 

โนโซมุรู้ตัวว่าเขาหลบไม่ได้ตลอด แรงกระแทกที่กระทบเข้ามาทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน การโจมตีดั่งพายุลูกใหญ่กำลังโถมเข้ามา

 

 

หลีกเลี่ยงการโจมตีหนักๆโดยใช้การรักษาพลังกายไว้ตามที่ชิโนะเคยสอน

 

 

ทุกครั้งที่ไซคลอปส์ฟาดไม่กระบองรอบๆโนโซมุ ลมแรงๆจะถูกพัดออกมาและมีตะกอนดินจำนวนมากปลิวกระจายไปทั่ว

 

โนโซมุสามารถหลบการโจมตีที่เร็วขึ้นถึงสองเท่าของไซคลอปส์ได้ง่ายๆ เพราะการโจมตีอันซ้ำซาก

 

 

“ดวงตาแห่งความบ้าคลั่ง”แน่นอนว่าเพิ่มพลังกายให้สองเท่าและก็แลกกับสติปัญญาที่สูญเสียไป

 

 

ผลก็คือการโจมตีของมันอ่านง่ายมาก และทำให้โนโซมุเลือกจังหวะที่จะสวนกลับได้

 

 

อย่างไรก็ตามช่องว่างระหว่างการโจมตีที่ปลดปล่อยจากพลังกายที่เพิ่มขึ้นสองเท่าก็นับว่าเป็นอันตราย

 

 

กระบองแห่งความตายที่ฟาดฟันลงมาด้านหน้าแม้จะเอาดาบที่อัดพลังคิต้านเอาไว้ก็ยังทำให้ร่างกายต้องแข็งทื่อ

 

 

โนโซมุหลบได้ดีกว่าเพราะเขาเคยเจอการโจมตีที่ทรงพลังกว่านี้มาแล้ว

 

 

เทียแมท ชิโนะ รูกาโต้

 

 

พวกเขาเหล่านั้นเหนือกว่าไซคลอปส์นี่และการต่อสู้กับพวกนั้นแลกมาด้วยเลือดเนื้อทั้งนั้น ไม่เพียงทางด้านร่างกายแต่รวมถึงจิตวิญญาณของนักสู้ด้วย

 

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะอ่านการโจมตีของมันได้มากแค่ไหน เขาก็รู้ตัวดีว่าไม่มีเวลาให้มาคิดถึงเรื่องในวันวาน

 

 

(จงทำยังไงก็ได้ ! ไม่ว่าทางไหนก็มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น!!!)

 

ขณะที่มันเหวี่ยงกระบองลงมา โนโซมุก็นึกย้อนกลับไป

 

 

มันไล่ตามโนโซมุทันที ไซคลอปส์ที่สูญเสียเหตุผลจะไม่หยุดจนกว่าจะทำลายศัตรูตรงหน้าจนราบคาบ

 

 

มันยังคงพุ่งเข้าหาโนโซมุต่อไป ตัดผ่านหมอกควันที่ก่อขึ้น

 

 

ในขณะนั้นเองโนโซมุก็ตั้งเท้ายึดแน่นกับพื้นและกดแรงทั้งหมดลงที่นิ้วก้อยกดทับพื้นดินเพื่อยึดร่างกาย

 

 

เมื่อเห็นมันเข้ามาเขาก็เริ่มบีบส้นเท้า

 

 

เลือดที่ไหลออกมาจากผิวหนังของโนโซมุเนื่องจากพลังคิที่อัดแน่นจนเทียบได้กับภาพลวงตาเหล่านั้น แต่โนโซมุยังคงอัดพลังคิต่อไปเลือดไหลออกมาไม่หยุดจนเท้าของเขาเป็นสีแดงสด

 

 

 

มันเหวี่ยงกระบองจากด้านบนในแนวทแยงราวกับว่ากำลังไล่ต้อน เมื่อกระบองพุ่งเข้ามาดวงตาของโนโซมุเบิกกว้าง จากนั้นโนโซมุก็ปลดปล่อยคิทั้งหมดออกมา

 

 

เขาก้มตัวลงและกลิ้งตัวลงกับพื้นจากนั้นก็พุ่งเข้าหาไซคลอปส์ด้วยความรวดเร็ว

 

 

ในขั้นต้นความแตกต่างของโนโซมุกับไซคลอปส์นั้นมากกว่าสองเท่าได้ การโจมตีของมันที่ปล่อยมาจากด้านบนโนโซมุ และเนื่องจากร่างกายที่ขนาดต่างกันจึงมีช่องว่างพอที่จะเข้าไปภายใต้เท้าของมัน

 

จุดประสงค์คือต้องการเข้าไปใกล้ตัวมันที่เปิดช่องว่าง

 

 

ความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เพิ่มสองเท่าเป็นอันตรายแน่นอน แต่ความเร็วเพิ่มขึ้นสองเท่าไม่ได้ทำให้การรับรู้ของมันดีขึ้น

 

 

ดังนั้นมันเลยกระโดดถอยหลังหนึ่งครั้งและพยายามหนีจากศัตรู จากตอนแรกตัวเขาอยู่ในจุดต่ำสุดของตัวมัน มันรีบพุ่งออกมันด้วยความเร็วทั้งหมด

 

 

แม้จะมีความเร็วและพละกำลังมหาศาล แต่ความรู้สึกของมันก็ยังคงเหมือนเดิม นั่นทำให้เกิดช่องว่างระหว่างระบบความคิดของมันไปชั่วขณะหนึ่ง

 

 

การกระทำของโนโซมุเล็งถึงสิ่งนั้นไว้แล้ว

 

 

◇◆◇

 

 

ช่วงเวลาที่กระบองถูกเหวี่ยงลงราวกับว่ามันบดขยี้ศัตรูจนมองไม่เห็นตัวศัตรูแล้วนั้น

 

 

มุมมองของยักษ์ที่แคบนั้นไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวของผมทัน

 

 

 

เมื่อโนโซมุไปอยู่ใต้เท้าของมันเขาดึงมีดออกมาและอัดคิเอาไว้

 

 

เดิมทีมันเป็นมีดทำครัวที่ไม่ควรใช้ในการต่อสู้แต่เนื่องจากการอัดพลังคิอย่างรุนแรงทำให้มันคบราวกับดาบเวทย์ชั่วขณะ

 

โนโซมุแทงมีดเข้าไปในเข่าของมันและดึงตัวด้ามออกมา

 

 

ใบมีดฝังลึกเข้าไปในเข่าของมันเหมือนกับลิ่ม มันไม่สามารถดึงมีดออกได้เพราะด้ามโดนถอนออกไปแล้ว

 

 

ยิ่งไปกว่านั่นขณะที่มันกำลังคุกเข่าลง เพื่อพยายามดึงมีดออก แต่ว่ามีดนั่นมันแทงเข้ากระดูกจนหักและทำลายข้อต่อของหัวเข่ามันแล้ว

 

ร่างกายของไซคลอปส์นั้นเองเอียงและล้มลงมันพยายามพยุงร่างของมันด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้ล้มลงไป แต่โนโซมุเองก็ดักรออยู่ตรงนั้นแล้ว โนโซมุอัดคิทั้งหมดไปในดาบจนแน่นขนัด

 

และนี่เองคือเป้าหมายของโนโซมุ

 

 

มันเป็นวิธีจัดการไซคลอปส์ในทีเดียวโดยที่ผนึกการทำงานของมือทั้งสองของมันเอาไว้

 

ใบมีดของโนโซมุถูกปล่อยออกมาใบมีดที่พ้ดผ่านกระแสลมและในที่สุด คอของไซคลอปส์ก็ถูกตัด

 

 

◇◆◇

 

 

「เอือกกกกกกกกกก! อาาาาาาาาาาาาา! อาาาาาาาาาา!」

 

เลือดพุ่งออกมาจากคอของมัน ย้อมพื้นที่ทั้งหมดให้กลายเป็นสีแดง

 

 

ผมคุกเข่าลงกับพื้นเพราะความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นจากการใช้งานพลังใจจนถึงขีดสุด และสู้อย่างสุดความสามารถ และความเครียดอันมากมายที่ทำเอาจนหายใจไม่ออก

 

 

หัวของผมมันทื่อไปหมดเพราะล้าจนถึงขีดสุดและคิดอะไรไม่ออกแล้ว

 

 

อย่างไรก็ตาม ความอยากจะอาละวาดนี่มันยังไม่ลดลงเลย อยากจะอาละวาดให้มากกว่านี้ แม้จะฆ่าไปเท่าไรมันก็รู้สึกยังไม่สาสมแก่ใจ

 

(……ปะ-เป็น———แ-บ—……)

 

เสียงของจิตวิญญาณมันดังขึ้นอยู่ก้องไปทั่วหู ผมไม่สามารถควบคุมความปราถนาที่จะทำตามเสียงนั่นได้

 

“ปลดปล่อยไปเลยอย่าอดกลั้น!!”“อยกาจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าให้หมด!!”

 

 

ในขณะที่เหตุผลยังคงหลงเหลืออยู่ในตอนท้ายเสียงนั่นก็หยุดลงดั่งสิ้นหวัง เสียงที่ดังก้องเข้ามาในหูของผม ผมรีบหันไปมองตามเสียงนั่น มีภาพที่ปรากฏขึ้นตามความสงสัยในหัวของผม

 

 

◇◆◇

 

 

ไม่ใช่หนึ่งหรือสองที่นั่นมีไซคลอปส์อย่างน้อย 10 ตัว

 

 

มียักษ์เล็กตัวน้อยที่กำลังไล่ฆ่ายักษ์ใหญ่กว่าตัวเองหน่อยหนึ่ง มันมีตาเพียงลูกเดียวบนใบหน้า เป็นไซคลอปส์ขนาดย่อยนั่นเอง

 

 

มีพวกมันสามตัวอยู่ทางด้านหลัง

 

 

 

「ก๊าาาาาาาาาาาก!」「ก๊าสสสสสสสสสสสส!!」

 

ทันทีที่พวกมันเหลือบมองมาที่ผมและพบศพไร้หัวของไซคลอปส์ตรงหน้า ดวงตาของพวกมันก็แดงก่ำ

 

 

ร่างกายของมันหนาขึ้น

 

 

บางทีไซคลอปส์ที่ผมฆ่าน่าจะเป็นสหายของกลุ่มนี้ มันโกรธที่เห็นเพื่อนมันถูกฆ่า และมันจะฆ่าผมที่เป็นตัวต้นเหตุ

 

「ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…………」

 

ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ในสภาพอันแสนเหน็ดเหนื่อย ไม่สามารถสู้หรือหนีได้

 

 

เสียงหัวเราะแห้งๆที่ออกมาจากปากของผม ผมกำลังจ้องมองกำแพงที่ขวางกั้นตรงหน้า

 

 

(เมื่อ……ไร——จะ—ถึ———…………)

 

ตอนนี้ตัวผมได้ยินเสียงในจิตใจอย่างชัดเจน ผมพบเหตุผลที่จะทำลายข้อสงสัยสุดท้ายเพื่อความอยู่รอดแล้ว ผมสังเกตเห็นมัน

 

วางมือลงบนโซ่ที่ผูกมัดร่างกายตัวผมเอาไว้ เมื่อตระหนักได้ว่ามังกรใหญ่ยักษ์สีดำกำลังปรากฏอยู่ข้างๆตัวผม แต่ผมก็ไม่ลังเลเพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะรอด ความลังเลพลันได้หายไป

 

 

สิ่งที่เหลืออยู่คือความหลงใหลที่อยากจะให้มันมอดไหม้ไม่เหลือซาก“อยากจะบดขยี้ทุกสิ่ง!!”มีแต่แรงกระตุ้นแห่งการทำลายล้าง

 

 

ผมปล่อยทุกอย่างออกไปแม้กระทั่งความคิด ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามความต้องการ จากนั้นตัวผมก็ทำลาย “โซ่” ที่พันธนาการร่างเอาไว้

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน