ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 380 หลบหนีกลางดึก

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 380 หลบหนีกลางดึก

ตอนที่ 380 หลบหนีกลางดึก

เครื่องในแกะเช่นนี้หากทำออกมาได้อร่อยก็มีรสชาติไม่แย่ไปกว่าเนื้อแกะ แต่หากทำออกมาได้ไม่อร่อยก็ยากที่จะกลืนลงไป

เครื่องในแกะที่ล้างสะอาดแล้วต้องนำไปลวกในหม้อก่อน จากนั้นขจัดฟองออกแล้วค่อยทำความสะอาด จากนั้นก็ล้างหม้อและต้มน้ำใหม่

เมื่อลวกเครื่องในแกะสุกแล้ว ให้ตักไส้ ปอด ผ้าขี้ริ้วและอื่นๆ ออกจากหม้อ แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นใส่ลงไปในหม้อ ต้มเครื่องในแกะให้เปื่อยนุ่มต่อไป

ส่วนก้อนเลือดที่เอาไปต้มในน้ำก่อนหน้าก็นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และต้มไปพร้อมกับเครื่องในแกะ

สิ่งสำคัญที่สุดในการกินน้ำแกงเครื่องในแกะคือเครื่องปรุง ต้นหอมสับ ขิงสับ ฮวาเจียว พริก เหล่านี้เป็นของที่ขาดไม่ได้ หนึ่งเพื่อเพิ่มความหอม สองเพื่อดับกลิ่นคาว

หลังจากเครื่องในแกะสุกแล้ว ให้ใส่เครื่องปรุงเหล่านี้ลงในหม้อ คนให้เข้ากัน ก็รับประทานได้แล้ว

น้ำแกงเครื่องในแกะแบบนี้ทั้งอร่อยและเผ็ด ไม่มีกลิ่นคาวของเครื่องในแกะเลยแม้แต่น้อย

วิธีการกินแบบนี้เฉียวเยี่ยนเคยได้กินในเมืองทางตอนใต้แห่งหนึ่ง ตอนที่นางเดินทางไปท่องเที่ยว ตอนนั้นก็หลงรักในรสชาตินี้แล้ว ต่อมาก็เรียนรู้ทำมันเอง

น้ำแกงเครื่องในแกะเพิ่งทำเสร็จ ไม่รอให้พวกทหารเคาะระฆัง ทหารแคว้นเป่ยที่อยู่ใกล้เคียงก็เข้ามาล้อมด้วยท่าทางน้ำลายไหลรอบหม้อเหล็กใบใหญ่

เนื่องจากอากาศเย็นเกินไป น้ำแกงเครื่องในแกะเพิ่งตักใส่ชามได้ไม่นานก็เย็นแล้ว พวกทหารไม่สนว่ามันจะร้อนหรือไม่ ตักใส่ปากไม่หยุด

แม้จะกินอย่างรวดเร็ว ทว่าพวกเขายังรู้ถึงความอร่อยของน้ำแกงเครื่องในแกะนี้

คนแคว้นเป่ยทุกคนเคยกินเครื่องในแกะ แต่ไม่เคยได้ชิมเครื่องในแกะที่เลิศรสเช่นนี้มาก่อน มันอร่อยเสียจนพวกเขาต้องดื่มน้ำแกงต่ออีกหลายๆ ชาม

นายพลระดับสูงก็กินอาหารแล้ว อาหารของเขายังคงแตกต่างไปเล็กน้อยเหมือนเคย วันนี้นอกจากน้ำแกงเครื่องในแกะแล้วยังมีเนื้อแกะทอดอีกจานหนึ่งด้วย

เขาลิ้มรสน้ำแกงเครื่องในแกะ พลางหรี่ตาอย่างสบายอารมณ์ และพึงพอใจกับแม่หญิงใบ้ที่เชิญมามากขึ้น

ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเท่านั้น แต่เขายังได้ประหยัดเงินอีกด้วย!

ซื้อเครื่องในแกะด้วยเงินไม่กี่เหรียญ นางกลับปรุงเครื่องในแกะได้ออกมาอร่อยมากด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองได้ประโยชน์ครั้งใหญ่ยิ่ง

กองทัพแคว้นเป่ยลุ่มหลงไปกับอาหารรสเลิศ และไร้ข้อกังขากับเฉียวเยี่ยนไปแล้ว กระทั่งถึงขั้นเคารพนางมาก

เฉียวเยี่ยนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นผลลัพธ์ดังกล่าว ในขณะที่ทหารเหล่านี้กำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขาครอบครัวสามคนได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว

ตกดึก พวกเขาจะแบกภาระหนักนำอาหารไปให้ตัวประกัน หลังจากตัวประกันกินอาหารที่ให้พลังงานสูงไปสองวัน กำลังกายก็ฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย

หิมะเริ่มตกลงมาแล้ว บนพื้นมีหิมะสะสมหนาเป็นชั้นๆ งานสร้างกำแพงเมืองถูกระงับชั่วคราว และพวกตัวประกันก็ถูกส่งตัวไปทำเสื้อกันหนาว

ที่พักอาศัยของพวกเขายังคงเป็นกระท่อมกักกันที่มีรูรั่วทุกที่ พวกทหารแคว้นเป่ยนำหนังแกะมาให้ และพวกตัวประกันต้องตัดเย็บหนังแกะให้เป็นเสื้อกันหนาว

การตัดเย็บเสื้อผ้ากันหนาวไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมาก เหมาะสำหรับการพักฟื้นร่างกายของตัวประกันพอดี ระยะเวลาแค่เพียงสั้นๆ สองวัน ผิวพรรณของพวกเขาก็ดีขึ้นไม่น้อย

แต่เพื่อไม่ให้ใครพบเห็น พวกเขาจึงเอาฝุ่นทาหน้า ทำให้ตัวเองคลุกฝุ่นไปทั้งตัว ให้คนอื่นมองไม่เห็นสีหน้าของพวกเขา

ตอนนี้ตัวประกันเกือบจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติหมดแล้ว เมื่อถึงเวลาหนี ทุกอย่างเตรียมพร้อม สิ่งเดียวที่เหลือคือซัดทหารแคว้นเป่ยที่เฝ้ายามให้ตกลงมา

ในวันที่ยี่สิบเดือนสิบ ทั่วฟ้าแคว้นเป่ยปกคลุมไปด้วยหิมะ อากาศหนาวจัดจนเยือกแข็ง แต่หัวใจของพวกตัวประกันที่ถูกขังอยู่ในกระท่อมกลับอบอุ่นขึ้นมา

จะอยู่หรือตาย ขึ้นอยู่กับคืนนี้แล้ว!

คืนนี้เฉียวเยี่ยนทำเนื้อแกะตุ๋นสำหรับพวกทหารแคว้นเป่ยเสร็จแล้ว ในนั้นยังใส่เครื่องปรุงต่างๆ ลงไปไม่น้อย เพื่ออาหารหม้อนี้ นางยอมเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก

นางเคยคิดจะวางยาพิษในอาหาร ทว่าทหารพวกนี้มาตักข้าวไม่พร้อมกัน ซึ่งบางทีคนที่มาตักก่อนก็โดนพิษไปแล้ว ในขณะที่คนข้างหลังยังไม่ได้ตักอาหาร ในกรณีนี้นางจะถูกเปิดโปงได้ง่าย

ดังนั้นนางจึงเติมยานอนหลับจำนวนมากลงไปในอาหาร ยานอนหลับชนิดนี้ไม่มีสีกลิ่นรส ต่อให้ใส่ลงไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาก็ไม่รับรู้ถึงความผิดปกติ

ท้องฟ้าทางแคว้นเป่ยมืดเร็วมาก หลังจากรับประทานอาหารที่มียานอนหลับแล้ว รับรองว่าพวกเขาจะต้องง่วงเร็วและหลับสบายตลอดคืนแน่นอน

เป็นดั่งที่คิดไว้จริงๆ ทหารเหล่านี้ไม่เพียงไม่มีปัญหากับอาหารเท่านั้น แต่ยังเอ่ยชมว่าอาหารอร่อยอีกด้วย

หลังจากกินอิ่มดื่มพอแล้ว อาการง่วงนอนก็เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน แม้แต่สมาชิกในหน่วยลาดตระเวนก็หยุดหาวไม่ได้ เดินซวนเซไปมา

กลางดึก เพื่อให้กลุ่มทหารแคว้นเป่ยนอนหลับได้ลึกขึ้นอีก เฉียวเยี่ยนกับระบบตัวน้อยใช้กลอุบายเดิมซ้ำ จุดยาสลบไปทั่วทุกที่ ในขณะที่เหล่าตัวประกันผู้ได้รับแจ้งก่อนล่วงหน้าแล้วต่างใช้ผ้าเช็ดหน้าเปียกมาปิดปากปิดจมูก

กองทัพแคว้นเป่ยส่งเสียงกรนไปทั่ว ในขณะที่ตัวประกันซึ่งนำโดยหัวหน้ากลุ่มออกมาจากกระท่อมอย่างเป็นระเบียบพร้อมอาวุธในมือ

โซ่ตรวนที่มือและเท้าของพวกเขาถูกปลดออกนานแล้ว มู่ฉินเจินแอบขโมยกุญแจมาจากทหารแคว้นเป่ย และไปขโมยกุญแจมาอีกมากมาย

เพื่ออำนวยความสะดวกในการดูแลจัดการ โซ่ตรวนของพวกตัวประกันทั้งหมดล้วนถูกไขเปิดได้ด้วยกุญแจทุกดอก ซึ่งสะดวกสำหรับองค์รัชทายาทในการจับคู่กุญแจ

พวกตัวประกันทำตามแผนที่เตรียมไว้ล่วงหน้า และผู้มีฝีมือจะรับผิดชอบในการเป็นคนนำและคุ้มกันด้านหลัง ในขณะที่ผู้สูงอายุกับเด็กอยู่ตรงกลาง

ขบวนคนหลายพันคนรีบพุ่งไปที่ทางออก แม้พวกเขาจะพยายามทำให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ทว่าจำนวนคนมีมากเกินไป การเคลื่อนไหวจึงดังเอิกเกริกไม่น้อย

ทหารลาดตระเวนที่หลับไหลถูกปลุกด้วยเสียงนั้น ก่อนจ้องมองฝูงชนที่กำลังหลบหนีด้วยสายตามึนงง หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่งก็เพิ่งรู้ตัวว่าพวกเขาจะหลบหนี

เขาตื่นตัวขึ้นทันที และเดินโซเซไปหาฆ้อง เมื่อเสียงฆ้องดังขึ้น พวกทหารแคว้นเป่ยที่ได้รับยานอนหลับมากเกินไปอีกทั้งยังสูดดมยานอนหลับกลับยังมีอาการเวียนหัวมึนงง เมื่อได้ยินเสียงฆ้องก็ยังสลึมสลือ

“รีบตื่นเร็ว! คนจะหนีไปแล้ว! คนจะหนีไปแล้ว!”

คนอื่นๆ ที่พบว่าสถานการณ์ผิดปกติก็ตะโกนขึ้นมาเช่นกัน ทหารแคว้นเป่ยที่สับสนมึนงงหันหน้าจะไปไล่จับตัวประกัน

ในมือตัวประกันทุกคนมีอาวุธอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นท่อนไม้ที่เก็บได้ และยังถือพลั่วกับค้อนขนาดใหญ่ที่ใช้ทำงานด้วย

ทหารแคว้นเป่ยไล่ตามมา พวกตัวประกันก็ไร้ความปรานี กวัดแกว่งอาวุธที่อยู่ในมืออย่างดุดัน ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะรู้วิชาต่อสู้หรือไม่ ขอแค่ล้มศัตรูลงได้ก็เพียงพอแล้ว

สตรีตัวเล็กๆ บางคนที่มักจะเชื่อฟังอย่างเดียวในเวลานี้ก็ปลดปล่อยอารมณ์ออกมา เหวี่ยงท่อนไม้ในมืออย่างไม่คิดชีวิต ทุบตีทหารแคว้นเป่ยที่กำลังมึนงงจนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเลือด

ขบวนคนขนาดใหญ่กรูออกมาจากสถานที่ก่อสร้างวิ่งไปที่ประตูเมือง ในขณะนี้มู่ฉินเจินได้จุดพลุสัญญาณขึ้นบนท้องฟ้า ทำให้คนสอดแนมที่ซ่อนอยู่ในเมืองดำเนินการทันที

คนที่ซุ่มโจมตีอยู่นอกเมืองหานกวนก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน

คืนนี้ พวกเขาจะโจมตีเมืองหานกวน ภายในเมืองมีคนของเขาแอบเข้าไปแล้ว พวกเขาจะพาตัวประกันหลบหนีไปยังประตูเมือง นอกเมืองก็มีกองทหารซุ่มอยู่ รอคอยที่จะโจมตีเมือง!

เมื่อยึดเมืองหานกวนได้ เมืองหลวงของแคว้นเป่ยก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!

กองทัพแคว้นเป่ยเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีก็ส่งสัญญาณออกไป กองทหารอื่นๆ ในเมืองเห็นสัญญาณก็มาสนับสนุนพวกเขาทันที

คนสองกลุ่มรีบวิ่งไปในทิศทางตัวประกัน กลุ่มหนึ่งคือกองกำลังแคว้นเป่ยอื่นๆ ที่เข้ามา อีกกลุ่มคือคนของมู่ฉินเจินที่รับผิดชอบคุ้มกันตัวประกัน

เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ก็เกิดการต่อสู้โรมรันขึ้นทันที ในขณะที่ตัวประกันวิ่งไปที่ประตูเมืองอย่างไม่คิดชีวิต

“อดทนไว้ วิ่งไป ขอแค่วิ่งไปถึงประตูเมือง พวกเราก็จะรอดแล้ว!”

สองพี่น้องสยงเหวินกับสยงอู่วิ่งอยู่ด้านหน้าสุด พร้อมเอ่ยให้ขวัญกำลังใจในขณะวิ่งไปด้วย

เพื่อการมีชีวิตรอด พวกตัวประกันต่างกระตุ้นศักยภาพของตัวเอง แม้จะหมดแรง ก็ยังวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง

ด้านหลังมีทหารแคว้นเป่ยไล่ตามมา เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินคุ้มกันอยู่ด้านหลังสุด รับหน้าที่รั้งท้าย ซื้อเวลาให้ตัวประกันหลบหนี

พวกเขามีปืนอยู่ในมือ หลังจากล้มคนไปไม่กี่คน กองทัพแคว้นเป่ยที่ไล่ตามพวกเขาก็หวาดกลัวอย่างมาก ความเร็วในการไล่ตามก็ช้าลงไม่น้อย

พวกเขาไม่ใช่พวกกระโหลกหนาเสียหน่อย เห็นๆ อยู่ว่าอย่างไรก็ตายแน่แล้วยังจะพุ่งเข้าไปอีกหรือ

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

สู้ๆ นะทุกคน เอาชีวิตรอดให้หมดทุกคนนะ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท