พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 55

ตอนที่ 55

บทที่5ตอนที่2

 

 

หลังจากแยกทางกับพวกไอริส ในการโฮมรูมช่วงเช้าโนโซมุและมาร์ก็มาที่สนามฝึกสำหรับชั้นเรียนตอนเช้า

 

 

เนื้อหาของบทเรียนคือการต่อสู้จำลองแบบกลุ่ม ตอนนี้นักเรียนที่มาถึงสนามฝึกก็เริ่มวอร์มร่างกายและพูดคุยกับสมาชิกในปาร์ตี้กันเป็นส่วนใหญ่ ผมเองก็ได้แต่ครุ่นคิดอยู่

 

 

「โนโซมุ ไหวปะเนี่ย?」

 

 

「หืม? ว่าไงนะ มาร์」

 

 

โนโซมุที่กำลังจ้องมองคู่ต่อสู้ แต่มาร์ก็เรียกเขาจากด้านข้าง

 

 

「วันนี้เป็นการต่อสู้จำลองก็จริงแต่ข้ามีบางอย่างอยากจะลอง」

 

 

「?จะลองอะไรงั้นเหรอ?」

 

 

「……ก็อยากจะทดสอบเวทย์ที่เรียนมากับทิม่าน่ะสิ อยากเห็นผลลัพธ์ของมันในการต่อสู้จำลองวันนี้」

 

 

「……งั้นเหรอ?」

 

 

มาร์อยากทดสอบเวทย์ที่เรียนรู้มาจากทิม่า

 

 

โนโซมุเองก็ตกลงตามนั้น

 

 

「……แม้ว่าจะบอกว่าเรียนรู้มาแล้วก็เถอะ แต่ข้าว่าหนทางมันยังอีกยาวไกลนัก ข้าทำได้ไม่ดีพอ เท่าไอริส แต่ว่าอยากจะลองสู้แบบตัวต่อตัวน่ะ」

 

 

「……กล่าวอีกนับหนึ่งให้ผมดึงดูดความสนใจของฝ่ายตรงข้ามว่างั้น?」

 

 

เห็นได้ชัดว่ามาร์อยากจะใช้เวทย์แต่ขาดความมั่นใจ

 

 

「……อ่า พูดตามตรง สร้างภาระให้แกอีกจนได้ แต่ถ้าไม่สามารถใช้มันได้ชำนาญสักที มันก็ไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้จริงเลย。……เพราะงั้นฝากหน่อยนะ?」

 

 

「อ่าาา จะลองดูนะ……ไม่รู้ว่าจะล่อศัตรูไว้ได้นานแค่ไหน? ผมเองก็ใช้เวทย์ไม่ได้ และไม่สามารถใช้คิในการโจมตีคนอื่นได้มันอันตรายเกินไป」

 

 

「แค่นิดหน่อยก็ยังดีน่า เพราะงั้นขอร้องล่ะ สำหรับแกเองก็น่าจะสบายๆเลยไม่ใช่เลยนี่ ในทางตรงกันข้ามแกอาจจะจัดการพวกนั้นจนเรียบเลยก็ได้นี่?」

 

 

「……ก็ถ้าเข้าประชิดได้ก็อีกเรื่องล่ะนะ ก็มีคำถามอยู่หรอก ทำไมถึงคิดจะใช้มันในการต่อสู้จำลองล่ะ? ถ้าหากลองคิดดูแล้วไปฝึกข้างนอกอีกสักนิดหน่อยให้พร้อมกว่านี้จะไม่ดีกว่าเหรอ……」

 

 

「เอ่อ…ก็คือ………แบบว่า ลองใช้จริงยังไงมันก็ดีกว่าใช่มะ สำหรับข้าที่สมองช้าแล้วสู้ลองใช้จริงดีกว่าต้องไปนั่งกดดันอยู่บนโต๊ะเรียนอะ」

 

 

โนโซมุรู้สึกโกรธกับคำตอบของมาร์เล็กน้อยแต่เขาก็พอเข้าใจเหตุผล

 

 

ด้วยบุคลิกของมาร์สำหรับเขาแล้วการต่อสู้จริงเหมาะกว่าการให้เขาไปนั่งที่โต๊ะเรียนนั่นละ แต่ละคนก็ถนัดในการเรียนรู้แตกต่างกันไป

 

 

โนโซมุคิดว่าถ้าแบบไหนเหมาะกับเขาก็ควรจะปล่อยให้เขาลองดู

 

 

นอกจากนี้ นี่ก็เป็นแค่การต่อสู้จำลอง มันก็เหมาะสำหรับใช้ศึกษาละนะ

 

 

「……เข้าใจล่ะ จะพยายามเท่าที่ทำได้แล้วกัน」

 

 

ถ้าหากไม่ได้ใช้คิในการโจมตี โนโซมุก็ต้องเข้าประชิดคู่ต่อสู้ในการล้มพวกเขา แต่โนโซมุเองก็มีประสบการณ์มากมายจากการต่อสู้จริง เพราะงั้นต่อให้รับมือกับศัตรูจำนวนมาก เขาก็ไม่แพ้ในทันทีหรอก

 

 

「ถ้างั้นผมขอตัวก่อนละกัน มาร์เองก็ตามพวกเขาไปเพื่อไปอยู่ในจุดสำหรับใช้เวทย์เถอะ」

 

 

「อืม」

 

 

「เอาล่ะ~ทุกโคนมารวมตัวกันได้แล้วจ้าาาาาาา~~ถึงเวลาเริ่มเรียนแล้ว~~」

 

 

โนโซมุบอกให้เขาไปเตรียมตัว มาร์ขอบคุณเขาอีกครั้งหนึ่ง และอาจารย์อันริก็ตะโกนให้เรียกรวมพล

 

 

นักเรียนแต่ละคนก็เรีบต่างไปรวมพลตามเสียงเรียกของเธอ

 

 

โนโซมุกับมาร์เองก็พยักหน้าให้กันและเริ่มเดินไปหาเธอ

 

 

「พวกนั้นคือคู่ต่อสู้ของเราสินะ……」

 

 

มาร์บ่นและจ้องไปทางคู่ต่อสู้

 

 

คู่ต่อสู้เป็นกลุ่มขนาดเล็กไม่ก็ขนาดกลางสำหรับห้อง 10 แต่ว่าตอนที่มาร์รวมทีมกับโนโซมุคู่ต่อสู้ก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีของพวกเขา ไม่เหมือนเมื่อก่อนคราวนี้มีถึง 5 คน

 

 

มีนักเรียนชายสองคนถือดาบยาวชื่อจินและทอมมี่

 

 

นักเรียนที่ถือหอกชื่อเดร็ก

 

 

กองหลังมีนักเรียนหญิงชื่อคามี่ ที่สามารถใช้เวทย์พร้อมกับมีดสั้นได้ ส่วนอีกคนเป็นนักเวทย์ชื่อแฮมเรีย ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่

 

 

ในทางกลับกันปาร์ตี้ของโนโซมุมีแค่มาร์กับเขาเท่านั้น

 

 

「เอาล่ะน้าถ้าอย่างงั้นก็~、เริ่มได้เลยน้าาาา~~!」

 

 

การต่อสู้จำลองเริ่มด้วยน้ำเสียงอันสดใสของอันริ

 

 

「ฟู่!!」

 

 

「หะ!?」

 

 

เมื่อสัญญาณเริ่มต้นโนโซมุพุ่งเข้าหาจินในทันที

 

 

ในการต่อสู้จำลองจนถึงตอนนี้ โนโซมุนั้นเป็นฝ่ายซัพพอร์ตมาร์อยู่เสมอ

 

 

ครั้งนี้มันสร้างความแปลกใจให้พวกเขาเพราะโนโซมุบุกไปด้วยตัวเองยังไงก็ตาม เขายกดาบขึ้นมาและจะฟันโนโซมุ

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุเบี่ยงวิถีดาบของเขาและผ่อนแรงลงจนดาบไหลไปทิศทางตรงข้าม จากนั้นเขากระโดดหมุนตัวเตะทันที

 

 

การเตะของโนโซมุถูกดาบของจินป้องกันไว้แต่โนโซมุใส่แรงลงไปที่ขาจำนวนมากจนปัดดาบของจินปลิวกระเด็นไป จนเขาเสียท่า

 

 

โนโซมุเอามือเท้าเอว อัดพลังคิลงไป และใช้ “ปืนใหญ่”ใส่ศัตรู

 

 

ชายคนนั้นปลิวไปตามกระแสพลังของปืนใหญ่ที่โนโซมุปล่อยออกไปและกระเด็นไปโดนคามี่ที่กำลังร่ายเวทย์อยู่

 

 

โนโซมุใช้ก้าวพริบตาเพื่อพุ่งเข้าหาแฮมเรียที่กำลังร่ายเวทย์ทางด้านหลัง

 

 

「เอ๊ะ!?」

 

 

แฮมเรียที่กำลังร่ายเวทย์ใส่โนโซมุโดนฝ่าเข้ามาถึงกองหลังในระยะเวลาไม่กี่วิ ทำให้ตกใจอย่างมาก แต่โนโซมุไม่สนและเหวี่ยงดาบใส่ทันที

 

 

「ชิ~!」

 

 

อย่างไรก็ตามดาบที่ฟันลงไปโดนทอมมี่ขัดขวางไว้

 

 

「ฟู่!」

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุยังคงฟันดาบอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง

 

 

เดิมทีจุดประสงค์ของเขาคือดึงดูดความสนใจและปล่อยให้มาร์เคลื่อนไหวอย่างอิสระ

 

 

อันที่จริงมาร์กำลังสู้ตัวต่อตัวกับเดร็ก

 

 

「โอร่าาาาาาาาาา!!」

 

 

「บ้าเอ้ย!!」

 

 

มาร์กำลังโดนกดดันอยู่ เป็นเรื่องปกติถ้ามาร์ใช้ดาบตั้งแต่แรกเขาคงชิวๆ แต่ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวแปลกๆนั่นเพราะว่าเขากำลังใช้เวทย์อยู่

 

 

หากมองใกล้ๆจะเห็นแสงของเวทย์จางๆที่ดาบใหญ่ของเขา มันเป็น”คมดาบวายุ”ที่มาร์ซ่อนเอาไว้

 

 

บางทีตัวดาบเองก็มีพลังเวทย์สถิตย์อยู่

 

 

อย่างไรก็ตามเท่าที่เห็นดูเหมือนว่าจะทำสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ว่าความแข็งแกร่งนั่นมันยังไม่เท่าของดั้งเดิมเท่าไร

 

 

「หนอยแน่!」

 

 

「อุหวาาา!!」

 

 

ทอมมี่ที่เคยปะทะหน้ากันก่อนหน้านี้เล็งเป้าไปทางมาร์ทันที

 

 

โนโซมุที่โดนผลักถอยหลังไปเล็กน้อย และคราวนี้จินที่โดนปืนใหญ่ไปก็กลับมาและฟันจากด้านข้าง

 

 

「ไอ้เวรเอ้ยยยย!」

 

 

โนโซมุพยายามหลบดาบด้วยการเคลื่อนไหวอันน้อยนิดและพยายามรักษาระยะห่าง แต่คราวนี้คามี่หันตามโนโซมุที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่

 

 

「ย๊าห์!!」

 

 

มีดสั้นในมือของคามี่เหวี่ยงลงมาเล็งที่คอและลำตัวของโนโซมุ

 

 

โนโซมุผลักคมดาบเหล่านั้นที่เข้ามาใกล้และบิดร่างเล็กน้อยพร้อมกับจับมีดสั้นที่แทงเข้ามาจากนั้นผมก็ดึงแขนเธอและเอามือที่ถือมีดไปจ่อที่คอเธอ

 

 

「เอ๊ะ?」

 

 

เมื่อคามี่คิดว่าจะโดนมีดสั้นนั่นจู่โจมใส่ตัวเธอแน่ๆ โนโซมุที่ไปอยู่ด้านหลังเธอก็โจมตีใส่เธอ เธอส่งเสียงร้องแปลกๆออกมา

 

 

โนโซมุยัดปืนใหญ่เข้าไปที่กลางหลังของเธอจนตัวเธอปลิวกระเด็นไป

 

 

นอกเหนือจากเธอแล้วทอมมี่ที่พยายามจะเข้ามาหาเองก็โดนลูกหลงไปด้วย

 

 

「อาาาาาาาาาาาาาาาา~~~」

 

 

เธอเบากว่าจินแต่แรงกระทบที่ทั้งสองชนกันนั้นทำให้แววตาของผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

 

「เห้ย!?」

 

 

「ไอเวรนี่!!」

 

 

จินและทอมมี่ประหลาดใจอย่างมากที่พวกเขาโดนจัดการโดยคนที่อ่อนแอกว่าตัวเอง ทั้งสองคนพยายามโจมตีโนโซมุ แต่โนโซมุก็เคลื่อนไหวไปรอบๆและใช้ฝักดาบกันการโจมตีของทั้งสองไปด้วย

 

 

อย่างไรก็ตามสาเหตุที่โนโซมุเคลื่อนที่ไปรอบๆ หากรับดาเมจจากตรงด้านหน้า เวทย์ที่ถูกยิงออกมาจะเบากว่า

 

 

ในระหว่างนี้ โนโซมุจ้องไปทางแฮมเรียที่กำลังร่ายเวทย์และหันไปหาเธอ

 

 

บางทีเธอคงจะใจร้อนกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เธอไม่มีสมาธิในการร่ายเวทย์เลย

 

 

ท้ายที่สุดแล้ว โนโซมุก็พุ่งเข้าหาเธอด้วยก้าวพริบตา ทั้งสองคนไล่ตามมาช้ากว่าเล็กน้อย ถึงจะไม่ชอบก็เถอะนะ แต่คงต้องทำให้หมดสติไปก่อน

 

 

นอกจากนี้เนื่องจากทั้งมาร์และโนโซมุที่อยู่ใกล้ๆกันทำให้เธอกลัวว่าเหล่าเพื่อนๆจะโดนลูกหลงจากพลังเวทย์ของเธอ

 

 

(……อืม ถ้าต้องการยื้อเวลามันก็ได้อยู่หรอก。……“แฟนท่อม”และ“สิ่งนั่น”ผมไม่อยากจะใช้มันออกมา…)

 

 

ฝันยามเช้า เทียแมทกับโนโซมุที่กลัวผลจากการหนีความเป็นจริงเพราะพลังของตัวเอง จึงเลือกที่จะไม่ใช้พลังของ “หมอนั่น” ให้มากที่สุด และเลือกที่จะใช้ความสามารถที่เขาฝึกฝนมาเป็นเวลานานเพื่อใช้ในการต่อสู้

 

 

ในฐานะที่โนโซมุเป็นตัวหลัก และมาร์เป็นตัวรอง เรียกได้ว่าเขาเป็นตัวแถมของงานนี้แหละ

 

 

「โฮ่ยโฮ่ย หมายความว่าไงกัน……」

 

 

「อ่า เอ่อ ไอ้หมอนี่มันใช่คนที่เรารู้จักแน่เหรอวะ……」

 

 

อย่างไรก็ตามจากมุมมองของพวกเขาแล้วโนโซมุนั้นไม่เห็นเหมือนในข่าวลือเลยสักนิด ทำให้เขาประหลาดใจ

 

 

คนที่อยู่ต่ำสุดของชั้นปี ฝ่ายตรงข้ามที่มองเขาต่ำตมแต่ว่ากลับแข็งแกร่งกว่าใครหลายๆคนที่อยู่ตรงนี้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห้อง 10 ก็เถอะนะ

 

 

นอกจากนี้การต่อสู้ของเขาที่จัดการกับการต่อสู้แบบการโดนรุมได้เนี่ยมันไม่ธรรมดาแล้ว

 

 

จนถึงตอนนี้พวกเขาคิดว่าโนโซมุอ่อนแอกว่าตัวเองอย่างมากเพราะความสามารถ “พันธนาการ” แต่ถ้ามองจากตอนนี้แล้ว ความสามารถอันแสนต่างชั้นนี่ แม้ว่าจะไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องทำใจยอมรับ

 

 

มาร์ที่กำลังดิ้นรนเพื่ออะไรบางอย่างและโนโซมุที่พัฒนาก้าวขึ้นไปอีกขั้นและเริ่มแสดงความสามารถออกมา

 

 

◇◆◇

 

 

「บ้าเอ้ย!」

 

แม้ว่าจะสู้ตัวต่อตัว แต่ข้าก็หงุดหงิดกับตัวเองที่ไม่สามารถโจมตีได้เลย

 

 

ข้าเหวี่ยงดาบขนาดใหญ่ที่มี “คมดาบวายุ”ที่อัดพลังเวทย์ลงไป แต่ว่าก็ไม่สามารถใช้มันได้ตามใจชอบ

 

 

ใบมีดแห่งลม(พลังเวทย์)ผสมกับใบมีดแห่งฝุ่น(ความสามารถของมาร์ที่เปิดใช้ได้)ทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าที่เคยใช้มา

 

 

อย่างไรก็ตามการใช้คิประสานเวทย์มันต้องการเทคนิคในการควบคุมที่มากมหาศาล ตัวข้าที่พยายามจะใช้เทคนิคประสานและพยายามควบคุมมัน

 

 

นอกจากนี้ตัวข้าก็วุ่นมากที่จะควบคุมเทคนิคนี้และไม่สามารถจดจ่อกับศัตรูตรงหน้าได้

 

 

ดาบที่ปกติจะพัดพาสัตว์อสูรจนปลิวกระเด็นไปตอนนี้กำลังกันการโจมตีของคู่ต่อสู้ที่แทงหอกเข้ามา

 

「บ้าเอ้ย!!」

 

ข้าปัดหอกของอีกฝ่ายด้วยปลอกแขนที่ใส่อยู่แต่ว่ามันก็เปิดช่องว่างให้อีกฝ่าย

 

 

คู่ต่อสู้ของเขาคือเดร็กผู้ใช้หอก…เขากระหน่ำโจมตีเป็นชุดไม่ยั้ง แต่ในขณะที่ใช้ปลอกแขนกันการโจมตี ถ้าเล็งไปที่การโจมตีไปเรื่อยๆแล้วก็พลิกมันด้วยแรง จากนั้นข้าจะฟาดดาบใหญ่ แต่ว่าตอนนี้มือของข้ากำลังกันการโจมตีอยู่ ทำให้กวัดแกว่งดาบไม่ได้

 

「หนอยแน่!!」

 

「ย๊ากกกกกกกกกกกกห์!」

 

ข้ากับเดร็กกำลังเผชิญหน้ากัน และปะทะกันในระยะใกล้ แต่ข้าก็ไม่สามารถสลัดเขาให้หลุดออกไปได้

 

 

สาเหตุคือพลังทั้งหมดนั้นใช้ไปกับการควบคุมเทคนิคนี้

 

 

พลังของมันดูอ่อนลงกว่าการใช้เทคนิคตามปกติ และข้าเองก็ไม่สามารถใช้คิเสริมพลังกายได้

 

 

ตัวข้าเองโดนเทคนิคนั้นผูกมัดเพราะอยากจะทดลอง

 

 

 

เหลือบมองโนโซมุที่สบตากัน

 

 

เขากำลังจัดการกับศัตรูจำนวนมากกว่าเขาหลายเท่าและรับมือกับศัตรูที่หลากหลาย เขามีความสามารถหลายด้านและมีมุมมองความคิดที่กว้างไกล

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่ยอมใช้เทคนิค “แฟนท่อม” เห็นใช้แต่ “ปืนใหญ่” ที่พัดพาคู่ต่อสู้ด้วยแรงลมเท่านั้น

 

 

 

「หนอยแน่!!」

 

 

 

เมื่อเทียบกับโนโซมุที่รับมือได้อย่างสบายๆ สำหรับข้านั้นเคลื่อนไหวเหมือนเต่าตัวน้อยๆที่กำลังคลานเลย

 

 

ดูเหมือนว่าความแตกต่างระหว่างข้ากับหมอนั่นจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว มันทำให้ข้ายิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

 

 

ตอนปลายปี 2 ตอนทดสอบความสามารถข้าคิดว่าข้าแข็งแกร่ง

 

 

แม้ว่าข้าจะเป็นคนโง่ แต่ข้าก็รู้ว่าเขาพยายามหนักมากกว่าใครๆ แม้ว่าจะโดน “พันธนาการ” แต่ตัวเขาก็มีความสามารถที่มากมาย ข้ารู้สึกสมเพชทั้งๆที่เขาโดนผนึกความสามารถแต่ยังพัฒนาต่อไปได้ แล้วตัวข้าที่ไม่ได้โดนผนึกอะไรเลยกลับทำอะไรไม่ได้

 

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างหลังจากที่ข้าเห็นเทคนิคของเขา “แฟนท่อม” มันก็เริ่มทำให้ข้าอยากจะฝึกมากขึ้น

 

 

ดาบที่ถูกชักออกมา ดาบที่ผ่านหน้าข้าไปในขณะนั้น คมดาบอากาศที่แหลมคมและบีบอัดด้วยพลังมหาศาลจนสามารถตัดหินขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดายนั่น

 

 

 

 

พูดตามตรง………ข้าโครตชอบมันเลย

 

 

ข้าเองก็พยายามคิดค้นเทคนิคนั้นให้เหมือนกับตัวเขา แต่บางทีเพราะข้าเป็นคนที่มีท่าทางหยาบคาย และข้าเองก็ควบคุมคิได้ไม่ดีมาก ข้าไม่สามารถทำแบบเขาได้

 

 

มันเป็นเวลานั้นเองที่ข้าอยากจะมีเทคนิคที่คล้ายๆกับเขา

 

 

พูดตามตรงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะดูเหมือนเด็ก แต่ข้าไม่สนหรอกหากข้าอยากได้ก็ต้องได้

 

 

หลังจากนั้น ข้าเองก็ได้พบกับไอริสและคนอื่นๆ ทำให้เกิดไอเดียเทคนิคประสานนี่ขึ้นมา แต่ว่ามันก็ยากมากที่จะควบคุม

 

 

แม้แต่ตอนที่ข้าอ่านหนังสือและศึกษาถึงเวทย์เก่าๆ ข้าก็ไม่เข้าใจเพราะเดิมทีโดดเรียนตลอดมา

 

 

ถ้าไม่ได้ทิม่าช่วยสอน ข้าก็คงนั่งกุมขมับกับหนังสือเรียนไปอีกนาน อย่างไรก็ตามเวทย์ที่ข้าใช้ได้ในตอนนี้คือเวทย์เสริมพลังให้กับอาวุธของข้า

 

 

นอกจากนี้อัตราความสำเร็จโครตต่ำ และในทางปฏิบัติเองโอกาสมันแค่ 10% แต่วันนี้ข้าก็ทำมันสำเร็จ

 

 

ข้ารู้สึกว่าตัวตนของข้าห่างไกลจากเขามาก

 

 

ตอนที่โนโซมุต่อสู้กับรูกาโต้ความห่างชั้นยิ่งมากขึ้นไปอีก ข้ารู้สึกแบบนั้นเลย

 

 

เขาจัดการกับชายที่ถูกเรียกว่าแรงค์ S ได้ ชายที่แข็งแกร่งในทวีป ทั้งข้าและไอริสก็ทำไม่ได้เลย

 

 

ไม่มีสิ่งใดที่เราทำได้ในตอนนั้น โซเมียเองก็ถูกจับเป็นตัวประกัน และพวกเรายังกลายเป็นกระสอบทรายให้รูกาโต้ซัดเล่นๆ ความต่างชั้นมันห่างกันเกินไป

 

 

เทคนิคเวทย์ขั้นสูงที่สามารถใช้เวทย์ 10 อย่างได้พร้อมกัน

 

 

แม้แต่ไอริสเองก็ยังรู้สึกประทับใจกับความแตกต่างระหว่างแรงค์A กับ S

 

 

และเป็นโนโซมุเองที่ปราบตัวตนสุดแข็งแกร่งนั่น

 

 

ตอนที่เขาปลดปล่อย “พันธนาการ” ความสามารถของเขาทะลุเพดานที่ข้าคิดไว้อย่างมาก ดังนั้นความกระวนกระวายภายในอกข้ามันยิ่งมากขึ้น ตัวตนของข้าที่ห่างไกลเขามากไปอีกครั้ง

 

 

 

(อย่าใจร้อน!)

 

ไม่ว่าจะทำยังไงความกระวนกระวายใจก็ไม่หายไป และดาบที่ข้าสร้างขึ้นมันยังคงแข็งทื่อจนกระทั่งหมดเวลา

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท