พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 54

ตอนที่ 54

บทที่5ตอนที่1

 

 

หัวข้อในธีมของบทที่ 5 คือ「ความขัดแย้ง」

 

 

「แฮ่กแฮ่กแฮ่กแฮ่กๆ……」

 

 

อยู่ในป่าเพียงลำพังและกวัดแกว่งดาบ ข้างหน้านั้นมีดวงตาสีแดงนับไม่ถ้วนราวกับสัตว์อสูรตัวนั้นและมันปล่อยตะกอนสีดำเป็นม่านควัน อยู่ในร่างของมนุษย์สีดำ

 

 

มีทั้งดาบ หอก ขวาน และสิ่งต่างๆมากมายและมันเข้ามาโจมตีผม

 

 

ผมหลีกเลี่ยงใบมีดเหล่านั้นด้วยการใช้คาราเต้เตะไปด้านหน้าไปทางด้านข้างของคู่ต่อสู้และตัดผ่านด้านข้างของศัตรู

 

 

นอกจากนี้ทางด้านขวาของมันมีดาบขนาดใหญ่อีกอันและเหวี่ยงลงมาทางด้านข้างมันพยายามจะฟันผมที่หลบออกมา

 

 

「บ้าเอ้ย!!」

 

 

ผมหลบดาบนั่นด้วยการย่อตัวลงแล้วใส่กำลังลงไปที่เข่า

 

 

ทันทีที่ดาบผ่านหัวไป ผมก็ปลดปล่อยแรงที่เข่าออกมา เหวี่ยงดาบออกไปและกระโดดขึ้นและตัดร่างของมนุษย์ตรงหน้า

 

 

นอกจากนี้ร่างของมนุษย์คนนั้นมันมีหอกออกมาจากฝั่งตรงข้าม แต่ว่าผมแทงดาบลงไปสวนกลับหอกที่ผ่านเข้ามา แทงเข้าไปในร่างกายมันและตัดร่างของมันออก

 

 

「หนอยยย……」

 

 

แม้พยายามจะฉีกร่างของมัน แต่ว่าร่างกายของมันก็งอกขึ้นมาใหม่

 

 

ก่อนที่ผมจะรู้ตัว สภาพแวดล้อมก็เต็มไปด้วยการหมอกสีดำ และไม่มีทางหนีรอดออกจากที่นี่ไปได้ ร่างแยกของอสูรมันกำลังห้อมล้อมตัวผม

 

 

จำนวนที่ต่างกันเกินไป บางทีประสบการณ์ของผมบอกเช่นนั้น ผมกำลังจะกระชากโซ่ที่ห้อมล้อมตัวของผมเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

 

 

ในเวลาต่อมาร่างแยกมากมายของมันก็พุ่งมาที่ผม

 

 

ผมเอาเท้ากระแทกพื้นทั้งหมดด้วยแรงที่มีจากนั้นใช้มือซ้ายกระแทกลงพื้นอย่างแรงใส่ร่างแยกที่กำลังพุ่งเข้ามา

 

 

คิ“ระเบิดทำลายล้าง”

 

 

เสาแห่งแสงปรากฏขึ้นออกมาปกคลุมรอบตัวผม เผาไหม้ร่างแยกของมันที่กระโดดไปมา แต่ท้ายที่สุดก็หยุดมันได้แค่ชั่วคราว

 

 

「ก๊าาาาาาาาาาาาาาา!」

 

 

ร่างแยกผมไม่สามารถจัดการได้มันกระโดดเข้ามาและแทงสิ่งที่อยู่ในมือมาที่ผม

 

 

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้หัวของผมขาวโผลน และเลือดก็ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก เลือดไหลออกมาอย่างรวดเร็วและภาพตรงหน้าเริ่มกลายเป็นสีดำ

 

 

「อะอาาาาาาาาาา……」

 

 

รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งตัว สัญญาณแห่งความตายกำลังเข้ามาใกล้ผมอีกแล้ว

 

 

(ไม่ยอมแพ้หรอก……)

 

 

อย่างไรก็ตามแม้ร่างกายจะเยือกเย็น แต่ความรู้สึกที่ไม่อยากจะตายกลับพุ่งพล่านในตัวผมและจิตใจเริ่มที่จะลุกโชนอีกครั้ง

 

 

เปลวเพลิงที่แผดเผาเปลวไฟแห่งชีวิตทำให้ร่างกายสั่นสะท้านและฉีกโซ่ที่ทำลาย “พันธนาการ”ออก

 

 

วินาทีถัดมา ร่างกายของผมก็มีพลังพุ่งพล่าน และกระแสของพลังก็พัดพาร่างแยกเหล่านั้นออกไป

 

 

◇◆◇

ผมปลดปล่อยแรงใจที่อยากจะมีชีวิตอยู่

 

 

เลือดยังคงไหลไปทั่วทั้งตัว แต่ผมไม่สนใจ ผมตัดร่างแยกของมันทั้งหมดด้วยดาบที่ใส่ “คมดาบผ่ามายา”เอาไว้ ร่างแยกที่โผล่มาอีกด้านก็โดนฝักดาบของผม

 

 

ร่างแยกที่โดนฝักดาบฟาดเข้าไปนั้นซี่โครงแตกตัวบิดตัวงอและปลิวออกไปพร้อมกับร่างแยกอีกหลายตน

 

 

จากนั้นผมก็ใช้"ก้าวพริบตา-ดาบเริงระบำ-”หลังจากเปินใช้งานแล้ว ผมก็เคลื่อนที่ฝ่าฝูงร่างแยกของมันด้วยการเคลื่อนไหวความเร็วสูง และใช้ “คมดาบผ่ามายา -หวนกลับ-”เพื่อตัดร่างของพวกมัน

 

 

ผมทำลายพวกมันและปล่อยคมดาบออกไปและวิ่งไปรอบๆกลุ่มของร่างแยก

 

 

มันตามการเคลื่อนไหวของผมแต่ว่าก็โดนฟันเพียงฝ่ายเดียว

 

 

ในที่สุด ผมก็จัดการร่างแยกทั้งหมดและหายใจออกอย่างรุนแรง และผมก็ทำลายโซ่อีกครั้งเพื่อปลดลิมิตพลัง

 

 

ยังไงก็ตามทันทีที่ทำลายโซ่เสร็จแล้ว ฉากตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

 

「เอ๊ะ?」

 

ผมที่ควรจะอยู่ในป่า แต่ก่อนที่จะรู้ตัวก็มาอยู่ในซากปรักหักพัง อาคารอันแสนคุ้นเคยซึ่งถูกย้อมเป็นสีแดงและพังทลายลงพร้อมกับไหม้เกรียม

 

 

มันเป็นความฝันสีเลือดที่ผุดเข้ามาในหัวอีกครั้ง

 

 

「อะอาาาาาาาาาาาาาาา……」

 

 

ความรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาผุดออกมาจากอก

 

 

ร่างแยกของมนุษย์จำนวนมากที่ผมฆ่าลงไปกลายเป็นก้อนเนื้อสีแดงก่อนที่ผมจะรู้ตัว

 

 

มันไม่ใช่เงาดำ

 

 

มันเป็นเครื่องแบบสีขาวอันแสนคุ้นเคย

 

 

ผมเองก็ยังอยู่ในสภาพที่สวมเครื่องแบบของสถาบันโซลมินาติอยู่

 

 

พวกเขาเหล่านั้นเองก็สวมเครื่องแบบเช่นเดียวกันต่างโดดตัดครึ่งเพราะผม

 

 

 

「มะม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!」

 

 

ผมคายสิ่งที่อยู่ในท้องออกมาจนหมด

ผมไม่อยากจะเชื่อว่าผมฆ่าคนเหล่านี้ มันไม่ใช่ผม ผมได้แต่ก้มหมอบและกอดตัวเอง

 

 

「ผม ผม ผมทำอะไรลงไป」

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะปฏิเสธและหลับตาลงแนบแน่นเพียงใด กลิ่นของเลือดที่เน่าเหม็นก็ตลบอบอวลไปทั่ว เสียงของประกายไฟที่ปะทุและเสียงของซากปรักหักพังที่กำลังพังทลายมันเป็นสิ่งที่ผมก่อขึ้นทั้งหมด

ในขณะนั้มีใบหน้าหนึ่งที่คุ้นเคยลอยเข้ามาตรงหน้าผม

 

「อาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!」

 

 

ใบหน้าที่ล่องลอยอยู่ในความมืดแววตาไร้ชีวิตชีวา มันเป็นใบหน้าของเธอที่ผมรู้จักดี

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มอันแสนสดใสนั่นไม่มีอีกแล้ว มีแต่ใบหน้าที่ซีดเผือก เป็นใบหน้าของคนที่ตายไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเธอเหลือแต่หัวเพราะผมเป็นคนตัดหัวเธอออกมา

 

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!」

 

 

ขณะที่ผมกรีดร้องในฝันสีเลือดที่เมืองอาร์คาซัมถูกทำลาย เงาที่ยืดออกไปของผมก็เป็นรูปร่างของมังกรยักษ์ ที่มีปีกหกปีก

เงายังคงเคลื่อนไหวต่อไป ห่อหุ้มร่างกายเขา ดวงตาของมันส่องสว่างขึ้น แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นเลย

 

 

◇◆◇

 

 

「อาาาาาาาาาาาาา!!」

 

ผมกระโดดออกจากฟูกและวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที

 

「แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก」

 

 

ผมเอาหน้าจุ่มลงอ่างน้ำอย่างสิ้นหวังและคายสิ่งที่อยู่ในท้องออกมา แต่ในตอนเช้าท้องผมมันว่าง สิ่งที่ออกมาก็มีแค่น้ำย่อย

 

 

อย่างไรก็ตามความรู้สึกเหล่านั้นยังไม่หายไปผมดื่มน้ำตามและบ้วนออกมาทันที

 

 

หลังจากทำซ้ำหลายๆครั้ง ความรู้สึกก็หายไป แต่คราวนี้มันหนักกว่าครั้งไหนๆ ผมเอนหลังพิงกำแพงห้องและนั่งลงกับพื้น

 

ประมาณสองสัปดาห์ที่แล้วตั้งแต่ที่พบสัตว์อสูรสีดำ อาการผมก็แย่ลงเรื่อยๆ

 

 

◇◆◇

 

 

ผมลุกขึ้นและเตรียมตัวไปสถาบัน

 

 

แสงแดดยามเช้าอันแสนอบอุ่นโอบล้อมเมืองอาร์คาซัม

 

「ฟู่……」

 

ทันทีที่จะออกจากหอพัก ผมถอนหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์เล็กน้อย

 

 

พูดตามตรงสภาพของผมในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก

 

 

หลังจากเหตุการณ์สู้กับสัตว์อสูรสีดำ ไอริสและเพื่อนๆก็ห่วงผมมาก

 

 

ทันทีก่อนเข้าไป ผมพบกับลิซ่าและคนอื่นๆในตอนนั้น มันทำให้จิตใจด้านมือของผมถูกกระตุ้น

 

 

ผมจึงวิ่งหนีและเข้าป่าไปคนเดียว

 

 

มาร์ที่อยู่กับผมก็เล่าเรื่องราวให้ไอริสฟังและหลังจากที่ผมกับซีน่าช่วยกันเอาชนะสัตว์อสูรสีดำและรายงานเรื่องกับทางสถาบัน ผมก็โดนพวกเขาถามกันใหญ่เลย

 

 

แต่สุดท้ายก็ได้แต่ตอบออกไปอย่างคลุมเครือ

 

 

「……จริงๆนะ」

 

「…………」

 

 

ผมจำช่วงเวลาเหล่านั้นได้

 

 

ไอริสและเพื่อนๆที่รู้สึกอ้างว้าง มาร์ที่จ้องมองผมอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร เพราะผมไม่ยอมเล่าเรื่องเหล่านั้น

 

 

ในวันนั้น ผมกับไอริสก็ไม่กล้าสบหน้ากันเพราะอายเป็นอย่างมาก

 

 

ยิ่งกว่านั้น แม้แต่การฝึกในป่า ฝันร้ายและแรงกระตุ้นอันดำมืดมันก็บีบคั้นความรู้สึกของผม และแม้ว่าจะพยายามจะกระชากโซ่มากแค่ไหน แต่โซ่มันไม่ยอมขยับเลย

 

 

◇◆◇

 

 

「อรุณสวัสดิ์ โนโซมุ」

 

「อรุณสวัสดิ์นะ!」

 

 

เมื่อถูกเรียกและหันกลับไปก็พบมาร์และไอริสที่อยู่ตรงนั้น

 

 

「อรุณสวัสดิ์ โนโซมุคุง」

 

「เอ๊ะ」

 

 

ทิม่าและมาร์เข้ามาทักทายไอริสและโซเมียก็ด้วย

 

「อรุณสวัสดิ์ครับ」

 

ผมเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้ในใจและพยายามสงบสติและทักทายกลับ

อย่างไรก็ตามเสียงมันแข็งกระด้างเล็กน้อย

 

 

「นั่นเป็นเหตุผลที่รัลซ่าจังโกรธแต่ตบเด็กคนนั้นสุดแรงเลยสินะ」

 

「ก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าเธอรู้สึกยังไงแต่เธอเป็นคนที่แสดงออกไม่เก่งค่ะ」

 

「งั้นเหรอ? สำหรับข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องทั่วๆไปสำหรับเธอนะ……」

 

「ฮะฮะฮะฮะ……」

 

「สาเหตุก็มาจากหมอนั่นแหละ และฉันก็สงสัยด้วย แต่ว่าผู้หญิงที่ชื่อรัลซ่าไม่ได้จู่โจมเขาก่อนนี่น่ะ……」

 

 

ระหว่างทางไปสถาบันพวกเรากำลังคุยกัน

 

 

ผมไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อสองสัปดาห์ก่อนไอริสเองก็ไม่ถามเช่นกัน

 

 

ตอนนี้โซเมียกำลังพูดถึงเพื่อนร่วมชั้นในสถาบันอีคอร์ส

 

 

มีเด็กสาวชื่อรัลซ่าที่เป็นคนเข้มงวดและมักจะต่อว่าเหล่าเด็กผู้ชายที่ไม่ยอมทำหน้าที่ของตัวเอง แต่พวกนั้นก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจทำให้รัลซ่าเองก็โกรธมากจนทะเลาะกับเด็กผู้ชายพวกนั้น

 

 

ไอริสบอกว่าทั้งสองเป็นเด็กไม่ดี แต่มาร์บอกว่าผู้ชายผิดเอง

 

 

ทิม่ายิ้มเมื่อเห็นพวกเขา

 

 

ผมไม่สามารถพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าได้และสองสามวันหลังจากนั้นผมเริ่มรู้สึกอึดอัด สีหน้าของผมและไอริสเองก็ไม่ค่อยดีกันทั้งคู่ แต่เมื่อเร็วๆนี้ก็คุยได้ตามปกติแล้ว

 

ที่เปลี่ยนไปอีกอย่างก็คือ……。

 

 

「นาย!อยู่ตรงนั้นเองเหรอ ! เฮ้!โนโซมุคุง!!」

 

 

เสียงดังที่เหมือนระฆังก้องกังวาลไปทั่ว

 

 

เมื่อมองไปทางนั้นก็พบคนสามคนเดินมาทางนี้ เป็นคนที่อยู่ในสถาบันโซลมินาติเช่นเดียวกับพวกเรา

 

 

คนหนึ่งคือ ซีน่า・จูเรียล เอลฟ์สาวผมยาวสีน้ำเงินสวมที่คาดผมสีดำ

 

 

อีกคนคือมิมุรุ สาวน้อยเผ่าแมวป่าที่มีหูและหาง ผิวสีแทน

 

 

อีกคนคือทอม คนรักของมิมุรุ ซึ่งตัวเล็กและบอบบางกว่าทั้งสอง

 

 

ที่เรียกโนโซมุน่าจะเป็นมิมุรุ เธอโบกมือให้กับผม

 

 

นี่คือการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวผม หลังจากเหตุการณ์นั้น พวกเขาก็เริ่มมาคุยกับผมเป็นครั้งคราว

 

 

「อรุณสวัสดิ์ โนโซมุคุง ขอโทษด้วยนะที่มิมุรุตะโกนเสียงดังแบบนี้」

 

「เอ่อ คือ ไม่เป็นไรหรอกครับ……」

 

「ใช่ม้า!พวกผู้ชายน่ะไม่ใส่ใจเรื่องแบบนี้หรอกน้า ซีน่าเองก็ทำตัวห่างเหินไปได้~~」

 

「เพราะเธอร่าเริงเกินไปยังไงล่ะฉันเลยต้องรับบทแบบนี้น่ะ」

 

「มีปัญหาง้านเหรอ~。ทำตัวน่าอร่อยเหมือนกันนะเรา ถ้ายังทำตัวน่ากินแบบนี้ละก็เดี๋ยวจับกินเลยนะซีน่า~。ไม่ใช่แค่เหล่าผู้ชายหรอกนะที่จะกินเธอ ผู้หญิงก็ด้วย เธอนะฮ็อตเอาเรื่องน่า~~」

 

「ปล่อยมิมุรุไปเถอะ เธอก็มักจะเล่นมุขอะไรแบบนี้ตลอดแหละ ถ้าดูทักษะการทำอาหารของเธอแล้ว เธอทำอาหารให้ใครกินไม่ได้ด้วยซ้ำ」

 

「หนอยยยยยย! มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย!! ฉันไม่เก่งเรื่องทำอาหารแล้วจะทำไม แต่ว่าถ้าแค่ใส่เกลือไม่พลาดหรอกน่า!!」

 

「ทำแบบไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ……」

 

 

มิมุรุนั้นกำลังมึนเพราะการประชดของซีน่า

 

 

อย่างใดก็ตามใบหน้าของทอมที่อยู่ข้างๆก็ซีด….เห้ยไหวปะเนี่ย

 

 

ในเวลานั้นผมเองก็น่าจะรู้คำตอบเพราะให้มิมุรุดูแลเรื่องซุปให้ทอมในกระท่อมของชิโนะ

 

 

 

 

「อรุณสวัสดิ์นะทั้งสามคน」

 

「อรุณสวัสดิ์โนโซมุคุง พวกเราเองก็อยู่ปีเดียวกัน ซีน่าก็ยังคงเข้มงวด มิมุรุก็ยังเหมือนเดิม อืม ก็นะ」

 

 

ทอมยิ้มพร้อมพูดเช่นนั้น

 

 

ซีน่าและมิมุรุต่างก็มักจะทะเลาะกันบ่อยๆ แต่สีหน้าของทั้งสองก็ดูสดใสดี

 

 

ความผูกพันระหว่างพวกเขาที่รอดชีวิตมาได้ทำให้สายสัมพันธ์มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

 

「โอ้ ฮายโย่ โซมิจิ! เป็ฯยังไงบ้างเอ่ย!」

 

「ค่าาาาา! วันนี้ก็สบายดีค่าาาาาา!!」

 

 

มิมุรุที่เจอโซเมียก็เข้าไปทักทายทันที เธอยิ้มและทำไฮไฟว์

หลักจากเหตุการณ์นั้นพวกไอริสก็เริ่มพูดคุยกับซีน่าและเหล่าผองเพื่อนจนเริ่มสนิทกันมากขึ้น

 

 

「อาา อรุณสวัสดิ์ มาร์ มีดที่ให้เมื่อวานเป็นไงบ้างล่ะ?」

 

「อาาา ใช้งานง่ายน่าดูเลยล่ะทำให้เรียนรู้ได้ไวเลย แต่ว่าความแข็งแรงของมันค่อนข้างเป็นปัญหา หากแกะสลักวงเวทย์ลงบนใบมีด ความทนทานมันจะลดลงน่ะ」

 

 

ทอมคุยกับมาร์และทิม่า เกี่ยวกับการวิจัยเวทย์

 

 

มาร์เองก็กำลังเรียนเวทย์ร่วมกับทิม่าแต่ก็ยังยากที่จะเข้าใจ

 

 

มาร์พยายามอย่างหนัก แต่ถึงแม้จะเรียนรู้อะไรได้บ้างแล้ว แต่ก็ต้องฝึกฝนอยู่ดี

 

 

มาร์วุ่นมากกับการศึกษาเรื่องเวทมนตร์ เนื่องจากมาร์จนถึงตอนนี้แทบไม่ได้ใช้เวทย์เลย เขาใช้กำลังล้วนๆ เขาอยากจะพัฒนาด้านอื่นบ้าง

 

 

หากพยายามใช้เวทย์ในตอนสู้ละก็ การควบคุมคิก็จะไม่เสถียรและมาร์เองก็คุมพลังเวทย์ได้ห่วย

 

 

ดังนั้นทอมจึงเสนอวิธีการด้วยการใช้วิธีเล่นแร่แปรธาตุ สลักวงเวทย์ลงในอาวุธและลองให้เขาเปิดใช้งานมัน สิ่งนี้มันจะช่วยลดขั้นตอนการทำงานในการเปิดใช้เวทย์ของมาร์ได้

 

 

อย่างไรก็ตามบางครั้งไอริสก็เข้าไปแจมด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

「แต่อาวุธของมาร์คือดาบใหญ่ไม่ใช่เหรอ? ถ้าคิดจะพัฒนาเรื่องเวทย์ แล้วทำไมถึงต้องยึดติดเกี่ยวกับความแข็งแกร่งขนาดนั้นล่ะ……」

 

「พูดแบบนั้นชวนขึ้นเลยแหะ ก็อยากจะพัฒนาตัวเองไหนๆก็มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งทีจะทำแบบครึ่งๆกลางๆไม่ได้หรอก นอกจากนี้หากใช้เวทย์ได้คล่องแล้ว มีดนี่ก็ไม่จำเป็นแล้วล่ะ……」

 

 

มีดที่พูดถึงคือมีดที่หาได้ทั่วไป แต่ครั้งนี้เป็นการทดลองเฉยๆ บางทีทอมอาจจะคิดว่าจะลองใช้มีดแบบที่แฟนของเขาใช้

 

 

「อืม。พูดถึงเรื่องสลักวงเวทย์แล้วบนใบมีดงั้นเหรอ……สำหรับผมคิดว่าพวกคนแคระน่าจะไม่มีปัญหานะครับ……」

 

 

ทอมเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ไม่ใช่ช่างตีเหล็ก แม้จะสามารถเสริมพลังเวทย์ลงในอาวุธได้แต่ก็เป็นแค่มือสมัครเล่น เขาไม่รู้วิธีจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของอาวุธเหล่านั้น

 

 

「อืม ท้ายที่สุดขอผมเก็บไปคิดก่อนนะ ขอบคุณมาร์คุงและทิม่าซังด้วยนะครับ」

 

「ไม่หรอก ขอบคุณที่ช่วยเช่นกันนะ ข้าพยายามดิ้นรนกับการฝึกเวทย์ให้คล่อง」

 

「อะอืมทางฝั่งฉันเองก็อยากจะขอบคุณเช่นกันค่ะ……ฉันไม่คุ้นเคยเรื่องการประจุพลังเวทย์ลงในอาวุธด้วยสิคะ……」

 

 

ทิม่าที่มีพลังเวทย์มหาศาลให้ใช้ได้มากมายเช่น เวทย์โจมตี เวทย์รักษา และเวทย์เสริมพลัง แต่ความสามารถในการใช้งานจริงมันยากพอตัวเลย

 

 

เธอยังอายุเพียง 17 ปีเป็นไปไม่ได้ที่จะครอบคลุมศาสตร์เวทย์ทั้งหมดด้วยอายุเท่านี้

 

 

แม้ว่าเธอจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์มากนัก เพราะเธอไม่ได้ใช้บ่อยนัก ก็ช่วยไม่ได้ละนะ

 

 

◇◆◇

 

 

「พอพูดถึงแล้ว ซีน่าคุง เธอผมยาวน่าดูเลยนะ ทำไมถึงได้ไว้ยาวขนาดนั้นกันละคะ?」

 

「ก็เพราะฉันอยากปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติมากที่สุดน่ะสิ ก็เลยทำความสะอาดและดูแลอย่างดีเพื่อให้ผมนุ่มสลวย แต่ว่าตอนล้างก็เจ็บเหมือนกันนะคะ…แล้วไอริสดิน่าละ?」

 

「อืม บางครั้งก็ให้เมดช่วยทำผมให้น่ะ แต่โดยพื้นฐานแล้วฉันพยายามจะทำด้วยตัวเองน่ะ แต่รู้สึกว่าช่วงนี้ก็เจ็บเหมือนกันนะคะการไว้ผมยาวเนี่ย……」

 

 

เมื่อพูดเช่นนั้นไอริสก็หวีผมด้วยมือสีขาวของเธอ

 

 

ไอริสและซีน่าพูดอะไรที่มันดูน่ารักมากๆ

 

 

ผมของเธอที่เป็นสีดำสนิทเงางามและดูทำความสะอาดง่ายมาก ผมเลยไม่ค่อยเข้าใจว่ามันจะเจ็บตรงไหน

 

 

 

 

「อืม พอดีว่าช่วงนี้ฉันเจออะไรมาเยอะก็เลยทำให้ค่อนข้างเจ็บน่ะ」

 

 

ซีน่าหยิกผมสีฟ้าของตัวเองและแสดงให้ไอริสดู ไอริสเองก็ยังโชว์เส้นผมแบบเดิมที่ส่องสว่างเป็นประกายให้ดูอยู่

 

 

「นี่ โนโซมุ เธอเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหม?」

 

「……เอ๊ะ?」

 

「ดูสิ ผมของฉันน่ะ มันเจ็บแปล๊บๆเลยอะคะ……」

 

「อ่า ทางนี้เองก็ด้วยนะโนโซมุคุง……」

 

 

ไอริสกับซีน่าพูดพร้อมกัน

 

 

ไอริสและซีน่าต่างจับปลายผมไว้ตรงหน้าผม ซึ่งดูเหมือนว่าจะพูดถึงเรื่องคุณภาพของเส้นผมที่พวกเธอไว้ที่กล่าวกันก่อนหน้านี้

 

 

สีดำกับสีน้ำเงิน สีต่างกันแต่ผมของทั้งสองก็สวยงามมาก ผมรู้สึกว่าผมของซีน่าดูจางลงเล็กน้อยและผมของซีน่าเองก็ดูจะบางกว่าผมของไอริส

 

 

ผมที่จ้องมองเส้นผมเหล่านั้นก็ยังไม่เข้าใจถึงความต่างของมัน

 

 

 

 

「อะอึก。……ขอโทษนะแต่ผมไม่เข้าใจหรอก……」

 

「「หาาาาาาาาาาาา……」」

 

 

ทั้งสองตกใจอย่างมาก และต่างขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

 

 

「โนโซมุนี่ไม่มีความละเอียดอ่อนเลยนะคะ」

 

「ใช่เลยเป็นคนที่ขาดความละเอียดอ่อนสิ้นดี」

 

「เอ่อคือ……ขอโทษครับ……」

 

 

บางทีพวกเธออาจจะไม่ชอบคำตอบของผม พวกเธอบ่นออกมา ผมเองก็ได้แต่หดหู่ใจ

 

「หืม?」

 

ผมรู้สึกหดหู่ใจ แต่เมื่อจู่ๆก็รู้สึกว่าโดนจ้องมองและเมื่อหันไปมองก็พบกับสาวผมสีแดงที่กำลังจ้องมองผมอยู่

 

 

「ลิซ่า?」

 

 

ระยะห่างจากเธอช่างแสนไกลจนฉันไม่สามารถอ่านสีหน้าเธอได้เลย

ลิซ่าที่สังเกตเห็นผมเธอก็หันหน้าหนีและเดินหายไปในฝูงชน

 

 

「โนโซมุ!รีบๆไปเร็วเข้าเถอะ!!」

 

「อะอืม!」

 

 

มาร์เรียกผม

 

 

ลิซ่ามองผมอีกครั้งหนึ่ง แต่มาร์ที่กระตุ้นให้ผมรีบไปก็รีบวิ่งไปพร้อมกับพวกเขา

 

 

◇◆◇

 

 

「โนโซมุ……」

 

 

ฉันพบเขาขณะที่กำลังเข้าเรียน ในขณะนั้นเองหัวใจของฉันก็เต้นรัว แต่ในขณะเดียวกันฉันก็จำช่วงเวลานั้นได้

 

 

ประมาณสองสัปดาห์ก่อนที่ฉันออกไปนอกสถาบันพร้อมกับเคน ฉันพบกับเขา

 

 

ฉันจ้องมองคนที่หักอกฉันได้ลงคอ ตอนแรกเขาตัวเขาที่ตกต่ำ แต่ตอนนี้กลับแตกต่างจากเดิม และวินาทีถัดมาเขาก็จ้องมาที่ฉัน

 

 

ในเวลานั้นฉันปวดใจราวกับว่าความโกรธของฉันโดนสะท้อนกลับมา

 

เมื่อฉันสังเกตเห็นเขาที่มองมาที่ฉัน แต่ว่าเขาอยู่ไกลเกินจนไม่เห็นสีหน้าของเขา

 

 

แต่เมื่อฉันเห็นเขาเดินคู่กับไอริสแล้ว ฉันก็ยิ่งโกรธและเจ็บใจมากขึ้นไปอีก

 

 

เขาที่ทรยศตัวฉัน และทิ้งฉันไป……。

 

 

ฉันกัดฟันแน่นและกำหมัด

 

 

「อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าลิซ่า เป็นอะไรไป?」

 

「เอ๊ะ!!」

 

 

ด้วยความเร่งรีบเคนที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงเรียกฉัน ฉันที่ได้สติกลับคืนมาก็จ้องไปที่เขา

 

 

「เปล่าไม่มีอะไรหรอก สายแล้วนะ!」

 

「ขอโทษนะ พอดีเตรียมตัวนานไปหน่อย」

 

 

เคนยิ้มเหมือนเดิม ฉันนึกถึงความเจ็บปวดในอกคู่นี้ รอยยิ้มที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 10 ปีก่อนของเขา

……ลืมเขาไปได้แล้ว ฉันมีเคนอยู่แล้ว ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวสักหน่อย แม้จะไม่มีเขาฉันก็ไม่ตายหรอกน่า……。

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท