พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 59

ตอนที่ 59

Ch.59 – บทที่ 5 ตอนที่ 6

Provider : รินคะน้า

บทที่ 5 ตอนที่6

「สวัสดีโนโซมุ พอจะมีเวลาว่างไหม?」

เขาคือ ฟีโอ・รีซิสซ่าส์บอกกับผมเช่นนั้น

「นาย……」

ผมจ้องมองไปที่ฟีโอด้วยสายตาสงสัย แม้ว่าจะดูท่าทีอ่อนโยนและหน้าหวาน แต่ว่านั่นเป็นการแสดง

แววตานั่นบางราวกับเส้นด้ายเช่นเดียวกับที่จ้องลึกมาจากจิตใจ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร มีกลิ่นอายแปลกๆจนไม่สามารถอธิบายได้

เส้นสายตาเหมือนที่ผมเคยสัมผัสได้ ตอนที่โดนเรียกไปหลังอาคารเรียนผมรู้สึกถึงแววตานี่และแววตาที่สัมผัสได้ตอนหน้าประตูหลัก

เขาจับจ้องไปที่ฟีโออย่างสมบูรณ์

「อาโนะ~。รู้จักเหรอ?」

「อ่า เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเรา โซมิจจิ ถึงแม้จะไม่ได้เข้าร่วมกับปาร์ตี้ไหนๆ เพราะเรร่อนไปเรื่อยละน้า แต่เขาเป็นคนที่ว่าเอิ่ม……ไม่รู้จะพูดยังไง」

โซเมียไม่รู้จักฟีโอและมิมุรุก็ตอบคำถาม

「……มีอะไรกันแน่?」

ผมถามฟีโอว่าทำไมถึงมาที่นี่ แต่น้ำเสียงของผมมันแสดงท่าทีกดดันชัดเจน

「ยุ่งยากจังเลยน้าาา~。จะระมัดระแวงไปถึงไหนกันเนี่ย」

「……」

ฟีโอพูดกับผมด้วยท่าทางสบายๆ

มันเป็นน้ำเสียงที่ทำให้ทุกคนสบายใจ แต่ตอนนี้เสียงนั่นมันทำให้ผมตื่นตัวมากกว่า

「……อืมก็ระมัดระวังตัวมากแต่ว่า…ทำไม?」

ฟีโอพึมพำด้วยน้ำเสียงเข้าใจบากราวกับงงว่าทำไมเขาถึงระมัดระวังตัวมากขนาดนี้ ท่าทางของเขาดูกังวลมากเหมือนไม่ใช่การแสดง

「ฟีโอคุง เป็นอะไรไป?」

「นั่นสินะ แล้วลมอะไรหอบมาให้มาที่นี่กันละเนี่ย?」

ทอมและมิมุรุต่างถามเหตุผล ที่ฟีโอมาที่นี่

อย่างไรก็ตามฟีโอก็อยู่ห้องเดียวกับพวกเขา……。

「ก็บอกแล้วไงล่ะ ข้าน้อยมีธุระกับโนโซมุ」

ฟีโอเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ผม เดินช้าๆแต่มั่นคง

มีเพียงเสียงของฟีโอที่กำลังเหยียบย่ำพื้นดินและเสียงหญ้าที่ก้องอยู่ในหูของผม ทุกคนต่างเงียบ

「อืม เหตุผลที่ข้าน้อยมาที่นี่ก็เพื่อ……」

ในที่สุดเมื่อระยะห่างระหว่างผมกับฟีโอใกล้กันไม่กี่เมตร……。

「!!」

จู่ๆผมก็รู้สึกหนาวสั่นจนก็โดดถอยหลังกลับทันที

วินาทีถัดมา เมื่อเกิดลมกรรโชกแรงกระเป๋าของฟีโอก็กระโดดออกและพุ่งเข้ามาหาผม

ผมตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรีบชักดาบออกมาทันที

「โฮ่ววว คิดจะหลบยังงั้นเหรอ?」

ฟีโอกลับมายืนที่เดิมพร้อมกับกระเป๋าที่เขาเหวี่ยงไปมะกี้และยืนด้วยท่าทีเฉยๆ

「เดี๋ยวก่อนสิ!ฟีโอ!คิดจะทำอะไรกันแน่!!」

「พอแค่นั้นแหละ!ทำอะไรน่ะอยู่ๆก็เข้ามาโจมตีแบบนี้!!」

ไอริสและซีน่าต่างตะโกนใส่ฟีโอที่โจมตีใส่โนโซมุ

ตรงกันข้าม ไอริสที่ตะโกนใส่เขาไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลย

「นี่ โนโซมุ จะต่อสู้กับข้าน้อยได้รึไม่?」

「……?」

「แก!จู่ๆก็เข้ามาโจมตีคิดอะไรอยู่กันแน่!!」

ผมไม่รู้เลยว่าฟีโอคิดอะไรอยู่กันแน่ ผมมองเขาไม่ออก แต่บางทีมาร์ก็โกรธที่เขาทำเกินไปและหันดาบไปทางฟีโอ

อย่างไรก็ตามฟีโอไม่สนใจมาร์ เขาจ้องเพียงแค่โนโซมุ

「อ่าาาา~、โนโซมุ~」

「หนอยแน่!ไอ้หมอนี่……」

มาร์พยายามกดดันฟีโอ แต่ฟีโอเองก็กันดาบใหญ่ด้วยกระเป๋าของเขา

「เฮ้ออ」

「เหะ!?」

วินาทีถัดมามาร์ก็ล้มลงไปนอนกับพื้นก่อนที่ผมจะรู้ตัว ฟีโอก็ถือไม้…ไม้กระบองนั่นแนบหน้าของมาร์อยู่

ทุกๆคนต่างพูดอะไรไม่ออก

กระเป๋าที่เฟโอทิ้งไปมันปลิวไสวและหล่นลงไปที่พื้น

「……หนอยยยยย」

「อยู่เงียบๆสักครู่จะได้ไหม ข้าน้อยต้องการจะคุยกับโนโซมุ」

มาร์พยายามจะหยุด แต่ฟีโอบอกให้เขาหยุดการกระทำงี่เง่า

「……ทำไมนายถึงไม่คิดจะเลิกราเสียทีคะ?」

「นั่นสินะ ถึงแม้จะเป็นคนไร้ยางอายที่ดูเข้าใจยากแค่ไหน แต่การทำแบบนี้มันเกินไปละ」

「……อาเระ? ก็รู้จักเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬอยู่หรอก แต่ทำไมซีน่าถึง?」

ไอริสและซีน่าพยายามจะหยุดฟีโอ เพราะไม่สามารถมองข้ามสถานการณ์ตรงหน้าได้ เสียงของทั้งสองที่พุ่งเป้าไปยังฟีโอต่างจากเสียงธรรมดาทั่วไป

อย่างไรก็ตามดูเหมือนฟีโอจะไม่ได้ประมาทแม้ว่าจะโดนข่มขู่ก็ตามที

จากการที่เขาล้มมาร์ได้ เห็นได้ชัดว่าฟีโอค่อนข้างเก่งเลย แต่ยังไงก็ตามเขาไม่รู้สึกถึงความกดดันที่เขาปล่อยออกมาแม้แต่น้อยเลย

แต่ถึงจะสัมผัสไม่ได้ผมก็ยังคงตื่นตัว

ความสามารถของเขาและตัวเขาที่ไม่แสดงอารมณ์มันตรงกันข้ามกันเลย เขาควบคุมอารมณ์เก่งและซ่อนความสามารถอันแท้จริงเอาไว้ เป็นคนอันตรายอย่างมาก

สัตว์อสูรบางตัวก็มักจะซ่อนเขี้ยวเล็บของมันเอาไว้อย่างชัดเจน และส่วนใหญ่คู่ต่อสู้จะเปิดช่องว่างเพราะคิดว่ามันไม่มีพิษภัย แต่การที่คาดความระมัดระวังทำให้ถูกฆ่าตายได้เอง

ฟีโอในวันนี้ก็เหมือนกับงูที่ดักรอเหยื่อ

「……ก็เรื่องปกติสินะ เป็นธรรมดาที่เหล่าเพื่อนๆจะช่วยกันหยุด หากเกิดการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น!」

「……รู้สึกมีบางอย่างเปลี่ยนไปนะซีน่า……」

ฟีโอรู้สึกได้ว่าซีน่าเปลี่ยนไป เขาตัดสินใจและนึกถามออกมา

「อืมมมมม นอกจากซีน่าแล้ว ดูเหมือนว่าน่าสนใจมากเลยนะที่จะต่อสู้กับเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬเนี่ย ถ้าประมือกันจะเป็นยังไงน้อ!」

ขณะที่พูดแบบนั้น เขาคว้าคอเสื้อของมาร์ขึ้นมา ทันใดนั้นพลังเวทย์จำนวนมากก็โหมกระหน่ำออกจากร่างกายของเขา เขายกร่างของมาร์ขึ้นมาง่ายๆและโยนมาร์ใส่ไอริสและเหล่าเพื่อนๆ

「อุกโอวววววววววววววววววว!!」

「หาาาาา!!」

ไอริสและซีน่าต่างจับร่างของมาร์ไว้แต่ในขณะเดียวกันฟีโอก็ก้มไปหยิบกระเป๋าและหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและถ่ายเทพลังเวทย์ลงไป มันเป็นกระดาษแปรรูปแบบพิเศษ เป็น ชิกิงามิ เป็นเวทย์ของทางฝั่งโทวโฮว “ฟูลู”

เมื่อฟีโอเอากระดาษนั่นกระแทกลงไปที่พื้นก็มีเครื่องหมายเวทย์แสดงออกมา และเส้นแสงวิ่งไปตามพื้น

แนวแสงนั่นยืดออกไปล้อมรอบไอริสและซีน่าเป็นรูปหกเหลี่ยม และกำแพงแห่งแสงก็เกิดขึ้นเป็นรูปปราสาทตามแนวที่วิ่งไป

「นี่มันเวทย์บาเรีย!?」

「ขอโทษด้วยน้า~。ข้าน้อยไม่อยากให้พวกท่านมารบกวนข้าน้อยเสียเท่าไร เพราะฉะนั้นดูอยู่เงียบๆเถอะนะ?」

ไอริสเองก็ตกใจ

ทุกคนยกเว้นผมถูกเวทย์กักขังเอาไว้

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะทำยังไงไอริสกับทิม่าเองก็เป็นนักเวทย์ชั้นยอดเหมือนกัน

อันที่จริงทิม่าพยายามทำลายวงเวทย์ที่กั้นพวกเธอไว้

「ยังไงก็เถอะ ทำลายบาเรียนี่ทิ้งซะ……」

พลังเวทย์จำนวนมากออกมาจากร่างของทิม่ามันหมุนวนราวกับพายุและเกาะไปที่ไม้คฑาของเธอและพายุเวทย์นั่นก็กระหน่ำเข้าโจมตีในบาเรีย

「หวาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!」

「ฮิย๊าาาาาาาาาาาา!」

「นะนี่คุณทิม่า!อย่างน้อยก็ช่วยดูสถานการณ์ในตอนนี้หน่อยสิคะ!」

ทุกคนต่างจ้องมองไปทางพลังเวทย์นั่นยกแขนขึ้นมาป้องหน้า

อีกอย่างเหล่าสาวๆไม่คิดจะจับกระโปงของพวกเธอเลยแม้แต่น้อย

ในที่สุดพลังเวทย์ที่รวมตัวกันอยู่ปลายไม้คฑาของทิม่าก็ถูกปลดปล่อยออกไป พื้นดินรอบๆทุกยกขึ้นและกลายเป็นหอกหินขนาดใหญ่

หอกหินขนาดใหญ่มากที่แม้แต่ผู้ใหญ่ 10 คนยังยกมันไม่ขึ้นมารวมตัวอยู่ตรงหน้าและพุ่งชนบาเรีย

“หอกหินเริงระบำ(尖岩舞)”

คล้ายกับเวทย์ที่ไอริสใช้กับผมตอนฝึก “หอกน้ำแข็งเริงระบำ”มันเป็นเวทย์ธาตุดินที่สร้างหอกแหลมโจมตีคู่ต่อสู้

อย่างไรก็ตามหอกหินที่สร้างขึ้นนั่นยิ่งกว่าของไอริสเสียอีก

เมื่อทิม่าปลดปล่อยการโจมตีหอกหินก็ชนกับบาเรียของฟีโอบาเรียของฟีโอพังทลายหอกหินนั่น……。

「ไม่จริงน่า……」

บาเรียที่ควรจะพังกลับฟื้นฟูมาอย่างรวดเร็ว

「วาาาา~น่าตกใจน่าดูเลยน้อ อย่างที่คิดเลยสำหรับคนที่ “การสั่นพ้องของธาตุทั้งสี่” พลังเวทย์ระดับตำนานนั่น หากปราศจากสิ่งนี้ละก็เวทย์ของข้าน้อยคงจะถูกทำลายไปแล้วละน้อ……」

ที่กล่าวมาเขาหยิบหินเวทย์ออกมา หินเวทย์ที่มีรอยสองจุดและพื้นผิวมีอักขระที่เข้าใจยากเขียนไว้อยู่ ถ้ามองใกล้ๆมันดูเหมือนจะเป็นอันที่ฟีโอใช้สร้างบาเรียก่อนหน้านั่นเลย

「นั่นคือ……」

「เอ๊ะ? นี่คืออะไรงั้นเหรอ? นี่คือเครื่องมือเวทย์ทำเองของข้าน้อยซึ่งทำโดยใช้หินเวทย์ที่ซื้อมาจากในเมือง เครื่องหมายที่สลักไว้มีพลังเวทย์หากถูกใช้งานพลังเวทย์เหล่านั้นจะถูกดูดออกมาและมันจะวนซ้ำไปเรื่อยๆตราบใดที่หินเวทย์ยังคงมีพลังเวทย์อยู่ และนอกจากนี้หินเวทย์ที่ใช้ย่อมมีราคาแพงและเป็นของใช้แล้วทิ้ง…ต้องขอบคุณกระเป๋าเงินของข้าน้อยล่ะน้า……เหมือนกับนกแก่ที่คอยร้องเพลง……」

ฟีโอทำไหล่ตกด้วยท่าทางห่อเหี่ยว。

บางทีฟีโออาจจะพูดจริงเพราะหินเวทย์นั่นมีเครื่องหมายที่เขาทำไว้มันส่องแสงจางๆสอดคล้องกับบาเรียนั่น

จำเป็นต้องถ่ายเทพลังเวทย์ต่อไปเพื่อรักษาบาเรียและหากมันถูกทำลายก็จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ไอริสและคนอื่นๆทำอะไรไม่ได้เลย ไม่มีทางเลือกนอกจากรอพลังเวทย์หมดลง

ฟีโอบอกว่าเขาต้องการสู้กับผม แต่ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ผมไม่รู้อะไรทำให้เขาสนใจผมขนาดนั้น  แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รู้อะไรมากขึ้น

「อืม ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่นะ ถ้างั้นก็เอาเลยสิครับ!」

ผมไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไร ฟีโอเอาหินเวทย์ใส่ลงในกระเป๋าและหยิบกระบองขึ้นมาไว้ในมือ

แม้ว่าผมจะชักดาบออกมาแล้วแต่ก็ยังไม่แสดงท่าทีอะไร

「……อาเระ? อย่าคิดจะทำแบบนั้นเชียวนะ?」

「ทำไมทำท่าทางแปลกๆแบบนั้นละ? มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่จู่ๆก็มาท้าคนอืนดวลแบบนี้……」

เขาเอียงคอและทำท่าสงสัยกับผม

คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้หากมีการเจ็บตัวเกิดขึ้น หมอนี่มันเห็นผมเป็นของเล่น

「เอางั้น…ก็ได้」

ผมยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป แต่กระดิ่งเตือนภัยในตัวก็ยังคงดังขึ้น อย่างไรก็ตามผมยอมรับเงื่อนไขของเขา

「……บอกตามตรงผมเองก็มีเรื่องอยากจะถามนายด้วยเหมือนกัน」

「ถาม? อะไรงั้นเหรอ?」

「นายใช่ไหมที่เป็นคนเรียกให้เพื่อนๆในชั้นเรียนผมลากไปหลังสถาบัน?」

「……ทำไมคิดแบบนั้น?」

ฟีโอตอบคำถามผมด้วยความสงสัย

นัยน์ตาที่บางราวกับเส้นด้าย ผมรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาทำให้ผมตัวสั่นเล็กน้อย

「……ผมรู้ว่าคนส่วนใหญ่เขาคิดยังไงกับผม และส่วนมากก็มองผมในแง่ลบกันทั้งนั้น」

ดังนั้นผมเลยคุ้นเคยกับแววตาที่สาดส่องมาที่ผมตลอดเวลา

ในทางกลับกันมีเพียงไม่กี่คนที่มองผมด้วยสายตาปกติ เช่น อันริ ไอริส ซีน่า

「แต่ว่าผมรู้สึกได้แม้จะไม่อยู่ในระยะสายตาของผม แต่ก็เหมือนว่านายกำลังจับจ้องผมจากระยะไกล」

ด้วยเหตุนี้มันมีสายตาอื่นนอกจากอารมณ์ด้านลบมาจ้องผม มันก็ไม่แปลกเลยที่ผมจะรู้สึกตัวและแววตานั่นก็เหมือนกับของฟีโอในตอนนี้ไม่มีผิด

「……และนั่นก็เป็นสิ่งเดียวกันกับที่ผมเห็นในตอนนั้นเลย」

เครื่องหมายของวิชามองไกลคนที่ใช้วิชาฟูลูมีเพียงไม่กี่คนในสถาบันนี้

「และคนที่กำลังจ้องมองผมก็ใช้วิชาฟูลูเช่นเดียวกับนาย ถ้าเป็นแบบนั้น……」

แน่นอนสิ่งที่ผมพูดคือหลักฐานตามสถานการณ์ ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานทางกายภาพแน่ชัด ผมก็ไม่สามารถจับเขาได้

「เหหหห สังเกตเห็นด้วยงั้นเหรอเนี่ย น่าประทับใจจังเลย……」

อย่างไรก็ตามเขายอมรับด้วยใบหน้ามีความสุข เหมือนกับเด็กซุกซนที่คิดแผนร้ายเอาไว้

ฟีโอไม่ได้ยิ้มตลอดเวลา

ตาที่บางราวกับเส้นด้ายเบิกกว้างและเปล่งประกายเจิดจ้าและปากที่อ้านั่นมันกำลังปล่อยแรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมถือดาบขึ้นมาในทันที

「ยิ่งกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะเนี่ย ไม่คิดเลยว่าจะโดนจับได้……ถ้างั้นมาเริ่มกันเลยไหม!」

พูดตามตรง ผมไม่รู้ทำไมเขาถึงสนใจผม แต่สายตาของเขาดูเหมือนกับคนคลั่งไปแล้ว แม้ว่าผผมจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้แต่นั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเลยแม้แต่น้อย

ผมจำเป็นต้องสู้กับเขาเพื่อหาสาเหตุที่เขาสนใจผม

เห็นได้ชัดว่าความสามารถเขาอยู่ในระดับสูง การเอาชนะมาร์ได้ง่ายๆ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะสู้แบบครึ่งๆกลางๆได้

ผมไม่สนปล่อยตัวไปตามอารมณ์ถือดาบไว้และจ้องมองไปในแววตาสีฟ้าของตัวเอง

“ตึง”

「อะ!!」

ด้านหน้าของผมถูกย้อมเป็นสีแดง

ฝันร้ายที่ผมเริ่มเห็นเมื่อเช้านี้และโศกนาฏกรรมที่ผมก่อเอาไว้และทันใดนั้นเองก็มีความรู้สึกอยากจะอาเจียนพุ่งออกมา

「เหหหห! มาลุยกันเถอะโนโซมุ!」

ฟีโอไม่รอช้า ฟีโอใกล้เข้ามา ผมบังคับตัวเองให้กลืนมันลงไปและวิ่งไปข้างหน้า

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน