พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 63

ตอนที่ 63

Ch.63 – บทที่ 5 ตอนที่ 10

Provider : รินคะน้า

 

บทที่5ตอนที่10

 

 

ก่อนถึงประตูหลักหลังเลิกเรียน ผมนัดกับโซเมียที่นี่

 

 

เมื่อเช้านี้คำพูดของเธอได้สร้างความตกใจให้กับทั้งหมู่คณะ ไอริสที่ตกใจก็รีบพุ่งเข้าไปหาโซเมียในทันที

 

 

อย่าไรก็ตามโซเมียก็ยืนกราน “ได้ใช่ไหมคะ คุณโนโซมุ?” โดยไม่กังวลเกี่ยวกับพี่สาวเธอแต่น้อย

 

 

น้ำเสียงแสนสุภาพ แต่ผมกลับไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ผมเองก็เผลอพยักหน้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

 

พวกเราต่างตะลึงและถูกทิ้งให้อยู่ตรงนั้น แต่ว่าท่าทางของไอริสนั่นค่อนข้างแย่มากทิม่าพยายามดึงสติเธอกลับมาด้วยการเขย่าตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

บางทีเพราะเธออาจจะรู้สึกตัวได้แล้วก็เลยเอามือมาวางบนไหล่ผม จากนั้นก็พูดกับผมประมาณว่า “อย่าคิดจะทำอะไรน้องสาวฉันเชียวนะคะ”ด้วยน้ำเสียงอันแสนน่ากลัว

 

 

ฉันคิดว่าความกดดันนั่นเทียบเท่ากับชิโนะเลยล่ะ และผมเองก็พยักหน้าต่อคำพูดของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

「……ผมเองก็เข้าใจความรู้สึกของไอริสนะ แม้ว่าจะเป็นน้องสาวแสนสำคัญเพียงคนเดียวก็ตาม แต่เธอก็เป็นห่วงโซเมียเรื่องการคบหากับเหล่าผู้ชาย」

 

 

อืม นานๆทีผมเองก็ได้ออกเดทเหมือนกัน ตอนที่เดทกับลิซ่านานๆครั้ง ช่วงนั้นเอาแต่ฝึกตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อจะกลับไปยืนเคียงข้างเธออีกครั้งหนึ่ง

 

 

แน่นอน ไปเดทไม่ได้บ่อยครั้งเพราะผมนั้นอ่อนแอและใช้เวลาฝึกฝนอยู่มาก

 

 

「…………」

 

 

เมื่อนึกถึงวันเหล่านั้น ก็รู้สึกปวดใจ เมื่อไรจะเลิกนึกถึงความทรงจำเลวร้ายสักที ไม่อยากจะนึกถึงมันอีกแล้ว

 

 

แต่ในท้ายที่สุดก็ปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านั้นผ่านพ้นไป ผมเองที่จมอยู่กับความเหงาและโดดเดี่ยวอย่างมาก โดยปกติแล้วมือที่กุมอกข้างนี้มักจะกุมอกไว้แน่นราวกับจะบีบมันออกมา

 

 

「คุณโนโซมุ!ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ!」

 

 

ขณะที่กำลังครุ่นคิดเรื่องราวในอดีตโซเมียจังก็มาถึงด้วยน้ำเสียงสดใส

 

 

เธอนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเหมือนเช่นเคยและดูเหมือนเธอจะไม่รู้เลยว่าตัวเธอเองในตอนนี้เป็นยังไง เหมือนกับการไปเที่ยวมากกว่าไปกับคนรัก

 

 

「อะฮะฮะ ขอโทษนะคะ รอนานไหมคะ?」

 

 

「ไม่หรอกครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึงไม่นานนี้เอง」

 

 

ผมคิดว่าเธอน่าจะรีบมากๆมีเหงื่อมากมายเต็มหน้าผากเธอเลย

 

 

ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดเหงื่อของเธอ

 

 

「รีบเกินไปแล้วนะครับ ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยนะโซเมียจัง……」

 

 

「อา ขอบคุณมากๆเลยคะ แต่ว่าถ้ามาช้าเวลาที่จะไปเดทด้วยกันมันก็สั้นลงจริงไหมคะ?」

 

 

โซเมียทำท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย เพราะคำตอบของผม

 

 

「ก็ถูกอยู่หรอกนะ ถ้างั้นก็ไปกันเถอะครับ」

 

 

「ค่าาาา!」

 

 

เธอหันมาด้วยรอยยิ้มอันสดใสและกระโดดมาเกาะแขนผมด้วยความร่าเริง

 

 

ผมไม่รู้ว่าเธอรอคอยวันเวลาแบบนี้มานานแค่ไหนแต่ว่าโซเมียจังเองก็ดึงมือของผมและไปคลอเคลียอย่างมีความสุข ความเศร้าโศกยามเช้านั่นทำให้ผมผ่อนคลายลงอย่างมาก

 

 

สิ่งเดียวที่ผมเห็นก็คือเห็นป้ายร้านต่างๆมากมายเริ่มตั้งร้านกันแล้ว และผมก็เฝ้าดูตั้งแต่อยู่ที่ประตูหลักแล้ว

 

 

นอกจากนี้ยังมีแววตาของคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดีด้วย

 

 

(……พวกไอริสกำลังทำอะไรน่ะ?นอกจากนี้ยังมีสายตาของฟีโอจับจ้องมาอีก……)

 

 

นอกจากนั้นไอริสเองยังจ้องมาทางนี้ชั่วครู่

 

 

โซมียที่อยู่ด้านหลังยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองโดนแอบตามมาอยู่ เธอยังคงจ้องมองมาทางผม

 

 

「มีอะไรงั้นเหรอคะ?」

 

 

「เปล่าหรอกไม่มีอะไร」

 

 

โซเมียดึงแขนผมและมองมาด้วยความสงสัย แต่ผมก็เร่งความเร็วพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

 

 

(……หวังว่าคงไม่ทำอะไรแปลกๆนะครับ)

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะพยายามแก้ตัวมากเท่าไร แต่แววตาที่จับจ้องมาก็ยังไม่หายไป และก็เริ่มเคลื่อนไหวตามพวกเรามาเรื่อยๆ ทำให้ผมเริ่มกังวลมากขึ้น

 

 

◇◆◇

 

 

นี่คือหนึ่งในแววตาที่โนโซมุรู้สึก

 

 

ที่นั่นตรงนั้นไอริสพี่สาวของโซเมียกำลังมองทั้งสองที่เดินเข้าเมืองไป

 

「…………」

 

「นี่ ไอ หยุดเถอะนะ……」

 

「…………」

 

「……ไม่ได้นะ เดี๋ยวพวกนั้นได้ยินเข้า」

 

「เอ๊ะ……」

 

ทิม่าพยายามห้ามไอริสที่กำลังแอบดู แต่ไอริสไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

 

「ปกติแล้วถ้ากังวลมากขนาดนั้นไม่ตามพวกเขาไปล่ะ」

 

「มาร์ นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะคะ โซเมียจังกำลังเดทกับโนโซมุอยู่「ทำไมโซเมียถึงได้ทำแบบนี้กัน ชิงตัดหน้าพี่แบบนี้……」……เอ่อฉันว่าพวกเราคอยจับตาดูไอดีกว่านะ……」

 

แม้ว่าจะบ่นกับคำพูดของมาร์แต่ไอริสก็พยายามจะตามโซเมียไป

 

(ไอฉันรู้นะคะว่าเป็นห่วงโซเมียจัง แต่แบบนี้ก็เกินไปไหมคะ……แล้วก็ทำไมมาร์คุงถึงพูดแบบนั้นละแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เดทแล้วน่ะสิ……)

 

ทิม่าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกุมขมับมองทั้งสองคนที่มีความคิดเหมือนๆกัน

 

 

แน่นอนสำหรับไอริสโซเมียคือน้องสาวแสนรักสุดหวงแหน เธอสัญญาว่าจะปกป้องโซเมียสุดชีวิตตราบหาไม่ และเหตุการณ์ที่ตระกูลวาเซียร์ตกำลังจะเอาจิตวิญญาณของโซเมียไป เธอเองก็ให้ความสำคัญกับน้องสาวตัวเองมากกว่าเดิม

 

 

เนื่องจากเธอกังวลว่าน้องสาวจะเลือกคบผู้ชายไม่ดี แต่ผู้ชายคนนั้นดันเป็นโนโซมุเสียได้

 

 

ด้วยบุคลิกของเขาแล้วฉันเองก็นึกไม่ออกว่าเขาจะทำร้ายโซเมียจังยังไง……。

 

 

 

「……อืม จะว่าไงละที่น่ากังวลน่าจะเป็นฝ่ายโซเมียจังมากกว่ามั้งคะ?」

 

「……?หมายความว่าไง?」

 

「เอ่อ ใช่!ไม่มีอะไร「อาาาา!!」……เอ๊ะ?」

 

เมื่อทิม่าพยายามคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นและมาร์ที่กำลังจ้องมาทางเธอ ไอริสเองก็ส่งเสียงดัง

 

 

เมื่อทิม่าหยุดคิดและมองภาพตรงหน้าก็เห็นโนโซมุกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองพร้อมกับโซเมียจัง

 

「ฉันจะตามไป!」

 

「เอ๊ะ? เดี๋ยวก่อนสิไอ! รอก่อน!」

 

「นะเน่ พวกเธอ!!」

 

ไอริสเริ่มไล่ตามพวกโนโซมุไป ส่วนทิม่าและคนอื่นๆก็รีบตามเธอไป

 

 

อย่างไรก็๖าม ไอริสที่เอาแต่จ้องโนโซมุไม่ได้ตระหนักถึงเงาด้านหลังเลย

 

 

「……ท้ายที่สุดแล้วก็กลายเป็นเรื่องน่าสนใจสินะเนี่ย ไม่เคยเห็นสภาพของเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬที่สิ้นหวังขนาดนี้มาก่อนเลย」

 

「นั่นสินะ! โถ่วเอ้ยมาดเข้มๆนั่นหายไปไหนหมดกัน เผลอมีมุมน่ารักๆแบบนั้นซะได้นะ!」

 

มีฟีโอ มิมุรุและทอมที่กำลังจ้องมองดูอยู่

 

 

ฟีโอและมิมุรุรวมหัวกันอย่างสมบูรณ์ และไม่นานมานี้พวกเขาก็รู้สึกว่าไอริสและโนโซมุเนี่ยแหละของเล่นชิ้นใหม่

 

 

เมื่อพูดถึงในแง่ความน่าสงสัยแล้ว สองคนนี้จะถูกอุ้มไปส่งทหารยามเมื่อไรก็ไม่แปลก ทอมเองก็ทำได้แต่ถอนหายใจกับท่าทีของทั้งสองคน

 

 

 

「……เฮ้อ ทั้งสองคนดูสนุกกันใหญ่เชียวนะครับ」

 

「ก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง! โนโซมุเองก็น่าสนใจ ส่วนฝั่งเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกันน่าสนุกทั้งคู่เลยนี่!」

 

「ก็เพราะแบบนั้นละน้าการมาจับตามองจากมุมมองตรงนี้ก็เป็นอะไรที่เยี่ยมยอด!」

 

「“จับตาดู”ใช้คำได้ดีอยู่หรอกนะ แต่นอกจากนั้นเป็นใจจริงล้วนๆเลยละสิ……」

 

ทอมบอกว่าใจจริงของพวกเธอคือ 10% ส่วนอีก 90% คืออยากรู้อยากเห็น แต่ทั้งสองกลับไม่สนใจ

 

「……ซีน่ายังดีกว่าอีกเนอะ?」

 

ทอมไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบไพ่ดูดวงขึ้นมา

ทั้งฟีโอและมิมุรุต่างทราบดีว่าซีน่าไม่ชอบการแอบจ้องมองแบบนี้ และมันง่ายกว่ามากหากเธอรู้เธอโกรธแน่ๆ

ทั้งสองไหล่สั่นตามคำพูดของทอมที่พูดถึงซีน่า

 

「พูดอะไรกัน นี่คิดว่าซีน่าเป็นพ่อแม่พวกเรารึไงกันหะ?」

 

「อ่านั่นสิ ถ้าเธอรู้พวกเราก็แค่ขอโทษเอาก็พอใช่มะ」

 

「……จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอรู้เข้าละก็ พวกเธอก็มีแต่จะต้องเลิกทำเท่านั้นนะ」

 

อย่างไรก็ตามฟีโอและมิมุรุก็ไม่หยุดและแอบดูสถานการณ์ตรงหน้าต่อไป

ฉันรู้ดีว่ามันแย่มากแน่ๆหากถูกจับได้ขึ้นมา แต่ฉันไม่อยากจะพลาดกับโอกาสตรงหน้า เป็นเหตุผลที่จะโยนความกลัวทิ้งไปและเอาความเชื่อมั่นของตัวเองมาก่อน

 

「อะโซมิจิกระโจนเข้าแขนของโนโซุมแล้ว!」

 

「โอ้ววว เข้าประกบกันแล้ว! เจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬเองก็ดูทำท่ากัดฟันแน่นเลยนะนั่น!」

 

「……ทั้งสองคนจำได้ไหม? ใกล้ถึงเวลาฝึกพิเศษแล้วนะ?」

 

ทั้งสองที่กำลังตื่นเต้นอย่างมากไม่สนใจเสียงเตือนของทอมแม้แต่น้อย

 

「หา?ก็ใช่หรอก แต่ว่าตอนนี้ความจริงตรงหน้ามันสนุกกว่าเยอะ!」

 

「นั่นสิ! ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่! ก็หมายความว่าเรื่องรักๆใคร่ๆแบบนี้มันต้องมาก่อนเสมออยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง ไม่งั้นชีวิตจะมีความหมายอะไร!!」

 

「……ไม่ได้หมายถึงว่าจะให้ทำแบบนั้นสักหน่อยนะ?」

 

(บางทีฟีโอคงจะรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นก็เลยบอกให้โนโซมุลุยเลยสินะ?)

 

ความสงสัยในอกของทอมนั้นยังคงมีมากขึ้นในตัวฟีโอ

ทั้งสองยังคงจ้องมองด้วยใจที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน

 

「อืม!โนโซมุและเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว! ถ้างั้นข้าน้อยขอตามไปก่อนนะ!!」

 

「เอาเลย ถ้างั้นก็ไปกันเลย!!」

 

「เฮ้อ ไม่รู้จะทำยังไงกับพวกเธอแล้วเนี่ย」

 

พวกเขายังคงไล่ตามไอริสกับโนโซมุต่อไป

◇◆◇

「แล้วจะไปไหนกันดีครับ?」

 

「อาา คือว่ามีร้านๆหนึ่งที่หนูอยากจะไปคะ!」

 

เมื่อโนโซมุถามโซเมียว่าจะไปไหน เธอก็บอกว่ามีสถานที่ๆอยากไปอยู่

 

「แล้วเป็นร้านแบบไหนเหรอครับ?」

 

「เป็นร้านหมอดูค่ะ หนูได้ยินจากทุกคนในห้องว่ากำลังเป็นที่นิยม」

 

「หมอดูงั้นเหรอ……รู้สินะว่ามันอยู่ที่ไหน?」

 

「ค่ะ ดูเหมือนจะอยู่ที่ย่านการค้า หนูเองก็พอจะทราบที่อยู่ของร้านนั้นมาแล้วคะ!」

 

โซเมียพูดเช่นนั้นและหยิบกระดาษที่วาดแผนที่คร่าวๆให้ดู

 

「ถ้างั้นก็ไปร้านนั้นกันก่อนเถอะ」

 

「ค่าาา!」

 

โนโซมุโดนน้ำเสียงและรอยยิ้มแสนร่าเริงของโซเมียกุมหัวใจไว้ ใบหน้าของเขายิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ มันเป็นรอยยิ้มจากใจจริง

 

และความรู้สึกกดดันจากเงาทางด้านหลังก็มากขึ้น

 

(ปัญหาก็คือคนที่แอบตามมาสินะ……)

 

โนโซมุถอนหายใจและมองไปทางด้านหลัง มีผมสีดำยื่นออกมาจากทางป้ายร้าน เป็นเส้นผมที่เขาคุ้นเคย

 

 

ผมเองก็เห็นด้ามไม้เรียวยาวและดาบใหญ่ข้างๆด้วย ดูเหมือนว่ามาร์และคนอื่นๆเองก็ตามมาด้วย นอกจากนี้ยังเห็นหางสีทองและสีน้ำตาลอีกในเงาของอาคารด้านหลัง

 

 

 

(……นี่สินะเหตุผลที่หมอนั่นยอมปล่อยให้ผมมากับโซเมีย?)

 

โนโซมุเองก็เหมือนกับทอมที่ตั้งคำถามเช่นเดียวกันใส่ฟีโอ

 

 

ความสงสัยเกี่ยวกับฟีโอมีมากมายนัก ในขณะที่เขากำลังทำทุกอย่างให้มันดูวุ่นวาย และหนีจากสถานการณ์เหล่านั้น

 

 

 

(……คิดจะทำอะไรกันแน่? นอกจากนี้ยังแยกตัวพวกเราออกจากกันอีก? ดูท่าแผนเดทในวันนี้จะล้มเหลวไม่เป็นท่า……)

 

โนโซมุไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ให้โซเมียจังฟังว่ามีคนแอบตามมา ในตอนนี้ผมพยายามให้โซเมียจดจ่อกับผมมากที่สุดเท่าที่ทำได้และจับตามองทุกคนที่ตามมา

 

 

แล้วก็พยายามกันพวกนั้นที่แอบตามมาไม่ให้ตามเขาไป

 

 

บางทีเพราะพวกนั้นสังเกตเห็ฯเลยแอบ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสายตาจับจ้องมาอยู่ แต่สำหรับตอนนี้ปล่อยมันไปก่อนก็ได้ เนื่องจากมีคนสัญจรค่อนข้างเยอะโซเมียไม่น่าจะรู้ตัว

 

 

โนโซมุลูบอกพร้อมกับเดินไปกับโซเมียอีกครั้ง

 

「เป็นอะไรไปงั้นเหรอคะคุณโนโซมุ?」

 

「เปล่าหรอก ไม่มีอะไร ถ้างั้นรีบไปก่อนจะดีกว่านะก่อนที่ร้านจะปิด」

 

「อ่า นั่นสินะคะ ถ้างั้นก็รีบไปกันเถอะคะ!」

 

โซเมียดึงแขนของโนโซมุอีกครั้ง เขาเองก็รีบเดินตามทางที่โซเมียพาไป

 

เดินมานานพอควรในที่สุดก็มาถึงที่หมายสักที แต่ร้านที่พวกเขามาถึงก็มีบรรยากาศแปลกๆ

 

「……โซเมียร้านนี้จริงๆนะเหรอครับ?」

 

「ค่า! ร้านนี้ตรงกับที่เพื่อนของหนูเล่าเป๊ะเลยค่ะ」

 

「แต่ว่าร้านนี้มัน……」

 

โนโซมุยืนยันกับโซเมียใช่ร้านนี้จริงๆนะเหรอ แต่เธอก็ยืนยันเสียงแข็ง

 

 

ขนาดของร้านไม่ได้ใหญ่โตอะไร เรียกว่าแผงลอยน่าจะดีกว่าร้านนะ การ์ดและคริสตัลเรียงรายไปทั่ว มีธนบัตรและกะโหลกแพะที่ตั้งอยู่กลางร้าน ทั่วทั้งร้านเรียกได้ว่าสิ่งของเต็มไปหมด

 

 

ภายในร้านมีแต่ความยุ่งเหยิง มีของหลายอย่างที่ไม่รู้ว่าจะเก็บสะสมไปทำไม

 

 

โนโซมุรู้สึกคุ้นเคยกับร้านนี้อย่างมาก ซึ่งเขาไม่มีวันลืมที่ได้เห็นร้านนั่น และเจ้าของร้านคนนั้น

 

 

 

「โอ๊ยะ มีลูกค้ามางั้นเหรอเนี่ย」

 

「……อย่างที่คิด」

 

ซอนเน่ตาแก่โรคจิตที่เคยพยายามล่วงละเมิดทางเพศไอริสปรากฏตัวอยู่ด้านหลังร้าน

 

「อะไรกันเด็กงั้นเหรอเนี่ย? อย่างที่เห็น จะกลับบ้านแล้ว จะกลับบ้าน」

 

「ทักทายกันแบบนี้เลยเหรอตาแก่โรคจิตดูยังไงแกก็ว่างเห็นๆ」

 

โนโซมุยังคงพูดจาหยาบคายใส่ตาแก่ซอนเน่ที่ท่าทางไม่เอาการไม่เอางาน ตาแก่นี่คล้ายกับชิโนะทำให้เขาไม่ลังเลที่จะพูดแบบนั้น

 

「หา! คนหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่มีมารยาทเอาซะเลย~。ไม่เคารพคนแก่กันบ้างเลยเนอะ」

 

「ก็นั่นเพราะแกเป็นตาแก่โรคจิตยังไงละ โดนปฏิบัติแบบนี้ก็สมควรแล้วนี่ อย่างไรก็ตามเรื่องที่แกทำก่อนหน้านี้ ผมยังไม่ลืมหรอกนะ」

 

ก่อนหน้านี้หมอนี่ไปปรากฏตัวแถวหน้าสถาบันและพยายามลวนลามทิม่า

 

 

ก่อนหน้านี้อีกก็พยายามลวนลามไอริส แน่นอนหมอนี่เองก็สนใจทิม่าที่สวยพอๆกับไอริส

 

 

 

「พูดอะไรของแกกัน ผู้ชายน่ะมักจะแสวงหาหญิงสาวที่เปรียบดั่งดอกไม้และน้ำผึ้งแสนหวานที่ซ่อนอยู่ภายใน และผู้ชายเองก็จะต้องฝ่าฝันเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมาไว้ในมือ」

 

「แต่ตาแก่เมื่อวันก่อนแกโดนมาร์จัดการและหนีไปนี่」

 

「…………」

 

ซอนเน่ชะงักกับการพุ่งเข้าใส่ของโนโซมุ

 

 

ทิม่าที่เดิมทีอ่อนแอและไม่เก่งกับการคุยกับผู้ชาย เธอทำอะไรไม่ได้เลยกับตาแก่ซอนเน่ที่กำลังเข้าใกล้เธอ

 

 

อย่างไรก็ตามตอนนั้นโนโซมุและมาร์ก็ช่วยกันหยุดตาแก่ซอนเน่เอาไว้และมาร์พยายามจะบดขยี้ตาแก่นี่ทิ้งซะ

 

 

ตามที่คาดไว้ทิม่าและโซเมียพยายามจะห้ามไม่ให้มาร์ใช้อาวุธและในขณะเดียวกันตาแก่ก็หนีไป ท้ายที่สุดมาร์ก็ไม่สามารถจัดการกับตาแก่ซอนเน่ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แตะต้องทิม่า แต่ว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นยังทำตัวเฉยชาได้อีกนะ

 

「……อืม บางครั้งเองการต่อสู้ก็สำคัญเช่นกันน้อ……」

 

「…………」

 

ซอนเน่พึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและย้อนกลับไปวันวาน โนโซมุเองก็จ้องมองเขา

 

「แล้วร้านนี้จะมีไว้เพื่ออะไรกันแน่ละ?」

 

ซอนเน่พยายามจะเปลี่ยนเรื่องโนโซมุได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจ และเขาก็มองไปทางโซเมียที่กำลังร่าเริง

 

「เอ่อ คือว่าอยากให้ดูดวงให้หนูหน่อยคะ」

 

「อืม ดูดวงงั้นเหรอ สาวน้อยแสนรู้มากความสามารถ ตามความเรียกร้องของเจ้าในอนาคตเจ้าจะต้องงดงามอย่างแน่นอน ถ้างั้นมาเริ่มกันเลยไหมละ」

 

「อะค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ!」

 

「ถ้างั้นก็เริ่มที่ฝ่ามือก่อนนะ「ไม่มีอะไรหรอก」อะไรของแกเนี่ยอย่ามากวนดิ「แค่มองก็รู้แล้วน่า……」เอาล่ะแม่หนู!สัมผัสกับคริสตัลนี่ได้เลย!!」

 

โนโซมุพยายามจะหยุดซอนเน่ที่พยายามจะสัมผัสโซเมียด้วยการชักดาบออกมา

 

 

เมื่อโซเมียนั่งตรงกันข้ามกับตาแก่ที่วางคริสตัลไว้ตรงหน้าก็รู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงมาจากด้านหลัง

 

 

ถ้าโนโซมุไม่หยุดหมอนี่ไว้ พี่สาวของเธอโผล่มาที่นี่แน่ๆ

 

 

เมื่อโซเมียสัมผัสคริสตัล คริสตัลก็เริ่มเปล่งแสงจางๆเปลี่ยนจากสีฟ้าอ่อนเป็นสีแดง สีม่วงและสีเทา จากนั้นแสงก็หายไป

 

 

 

「อืมดูเหมือนแม่หนูจะมีเรื่องกังวลใจสินะสีเทานั่นบ่งบอกชัดเจนเลยล่ะ」

 

「……ค่ะ ใช่แล้วล่ะ」

 

「ในตอนแรกสีฟ้าอ่อนหมายถึงตัวแม่หนูเอง สีแดงหมายถึงเป้าหมายของแม่หนูและสีม่วงหมายถึงความกังวลใจ ดูเหมือนว่าแม่หนูกำลังกังวลเรื่องนั้นสินะ」

 

โนโซมุตกใจเล็กน้อยที่ซอนเน่เริ่มทำนายดวงตามปกติ ผมปล่อยมือที่จับดาบและฟังคำพูดของตาแก่นั่น เมื่อได้ยินเช่นนั้นโซเมียก็พยักหน้ายืนยันคำพูดของเขา

 

 

โนโซมุจ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจ เท่าที่เห็นเหมือนโซเมียไม่มีความกังวลอะไรเลย

 

 

ในเวลาเดียวกันโนโซมุก็รู้สึกปวดใจที่เห็นเธอกังวลเช่นนั้น

 

「…………」

 

หัวใจของโซเมียที่เงียบงันกำลังรอคำตอบจากซอนเน่

 

「บางทีสิ่งที่กังวลน่าจะหมายถึงสีแดงสินะ สีแดงหมายถึงพลังและชีวิตชีวาแต่สำหรับแม่หนูแล้วคงจะเป็นเป้าหมายมากกว่าใช่ไหม? ดูเหมือนว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับเป้าหมายและความลังเลใจสินะ……」

 

โซเมียพยักหน้าให้กับคำพูดของซอนเน่

 

「อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเจ็บปวเ แต่ทั้งความวิตกกังวลและความลังเลนั่นก็มีความสำคัญต่อแม่หนู และเพราะแม่หนูยังเด็กก็เลยจะพยายามไปปรึกษากับเป้าหมายของตัวเอง แต่บางครั้งหากมองย้อนกลับไปแล้ว ยามใดที่สงสัย อย่าได้มองข้ามสิ่งสำคัญในตอนนี้ล่ะ หากกังวลใจละก็ มันไม่ดีหรอกนะที่จะเก็บมันไว้คนเดียวใช่ไหมล่ะ? มนุษย์เป็นสัตว์สังคมอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้หรอกนะแม่หนู……」

 

「……ค่ะ」

 

「อะไรกันแม่หนูมีคนที่ถูกใจอยู่แล้วยังงั้นเหรอเนี่ย?ไม่เป็นไรหรอกนะสีของแม่หนูน่ะคือสีฟ้าอ่อน แม่หนูน่ะเป็นคนใจดีที่คอยดูแลใครซักคนด้วยความสดใสและความอ่อนโยนด้วยตัวของแม่หนูเองเสมอ……」

 

ซอนเน่พูดกับโซเมียด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าเป็นปู่ที่พูดคุยกับหลานของตัวเอง โนโซมุตกใจที่ท่าทีของซอนเน่เปลี่ยนไป และในขณะเดียวกันเขาเองก็ยังช่วยแก้ไขปัญหาของโซเมียในเวลาอันสั้นและเสนอแนวทางแก้ไขให้

แม้ว่าผมจะได้ยินปัญหาของเธอ แต่ผมก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลย ว่าเธอกังวลกับอะไร ผมไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงกับเธอและจะคอยแบ่งเบาภาระให้เธอได้บ้าง

 

「ขอบคุณมากๆเลยนะคะ! เอ่อคือว่า นี่คะค่าดูดวง……」

 

โวเมียพยายามขอบคุณซอนเน่และยื่นเงินให้ แต่ซอนเน่ก็หยุดเอาไว้

 

「ไม่ต้องคิดมากหรอกแม่หนู ครั้งนี้เป็นการบริการให้เพราะการพบกันครั้งแรกนั่นละนะ อ้อ แต่ว่าถ้าหากสิบปีข้างหน้ายังกังวลใจเรื่องหนี้ละก็ มาคบกับตาแก่คนนี้ก็ได้นะ!? สาวน้อยที่มีความสดใสเช่นเธอ ถ้ามาคบกับตาแก่คนนี้ละก็ ตาแก่จะทำให้ทุกอย่างเลยล่ะ!!」

 

「เอ่อ คือ……「ว่าไงคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีไหมละ!!」อาาา!」

 

โนโซมุที่กำลังทบทวนเรื่องของโซเมียและเรื่องที่ตาแก่ซอนเน่เล่าให้ฟัง แม้ว่าจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาโดยตรง อย่างไรก็ตาม ทันทีหลังจากเกิดเรื่องราวดีๆเช่นนี้ โนโซมุก็เริ่มเข้าไปกันโซเมียให้ออกห่างจากตาแก่ซอนเน่

โนโซมุพยายามหยุดยั้งความชั่วร้ายของชายชราคนนี้ แน่นอนเขาถือดาบในมือไว้แน่น

 

「เกเฮะ!! ทำอะไรของแกเนี่ย!ตีหัวข้าทุกครั้งที่เจอเลยนะ!」

 

「ก็เพราะแกล้ำเส้นไงเล่า!!ไม่เคยรู้สึกผิดบ้างเลยรึไงที่ทำกับผู้หญิงแบบนี้ไปทั่วน่ะตาแก่!!」

 

「พูดอะไรของแกกันน่ะ แม้จะแก่เหมือนนกอินทรีแต่ก็มีเหตุผลนะโว้ย! อย่างน้อยก็เป็นราชันย์แห่งท้องนภาก็เลือกคุยนะ!!」

 

「สมเหตุสมผลเหลือเกินเชียวนะตาแก่!」

 

ซอนเน่ประท้วงทั้งน้ำตาขณะจับหัวตัวเอง โนโซมุยกมือทั้งสองข้าง และพยายามจะฟาดใส่เขา แต่คนรอบข้างก็หันมามอง

 

「แน่นอน ถ้าเป็นสาวสวยอย่างผู้หญิงผมดำคนนั้นข้าพร้อมอ้าแขนรับเลยนะขอบอก! ข้าไม่รู้เลยจริงๆทำไมเธอถึงเลือกแกกันแน่ อันที่จริงผู้หญิงบิ๊กเบิ้มแบบนั้นควรจะอยู่กับราชันย์แห่งท้องนภาเช่นข้าเซ่……」

 

「นะหนอยแน่ไอ้ตาแก่บ้ากามนี่……」

 

「โถ่ว โถ่ว โถ่ว คุณโนโซมุหยุดเลยนะคะ」

 

โซเมียพยายามหยุดโนโซมุที่เอามือจับดาบอีกครั้ง

 

 

โนโซมุเองก็รู้อยู่หรอกว่าเขาไม่เหมาะกับไอริสเลยแม้แต่น้อย

 

 

ไอริสเป็นผู้หญิงที่สวยงามและมีเสน่ห์ชวนหลงใหล รูปลักษณ์เองก็งดงาม มีความคิดอันแน่วแน่และมั่นคงยึดมั่นในความเชื่อของตัวเองเปรียบเหมือนดอกไม้บนเทือกเขาทาคามิเนะ

 

 

ผมเข้าใจดีว่าการเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่นมันอาจจะดูแย่ แต่ถึงอย่างนั้นโดนตาแก่นี่พูดเช่นนี้ก็ชวนโมโหมากๆ

 

 

 

「ถัดมาก็แม่หนูน้อยคนนี้หน้าตาเหมือนผู้หญิงคนนั้นเลยนะ อย่าเข้าใจผิดนะ ตาแก่ไม่ได้เป็นโลลิค่อน! อย่างน้อยก็ต้องชุบเลี้ยงให้เติบโตเติบใหญ่เหมือนดั่งดอกไม้ที่เบิกบาน แล้วตาแก่คนนี้จะรอยลโชมงามของแม่หนูเอง….สำหรับตาแก่คนนี้แล้วการรอถือว่าไม่สายเกินไป!」

 

「……ไอ้หมอนี่มันต้องตายสักรอบละมั้ง ทำตัวเหมือนอาจารย์ผมไม่มีผิด ฆ่ายังไงก็ไม่ตายไอ้บ้าเอ้ย」

 

「คุณโนโซมุ! ใจเย็นค่า! ใจเย็นๆ!!」

 

โนโซมุพยายามฟันดาบไปที่ตาแก่ โซเมียพยายามอย่างยิ่งที่จะหยุดเขา

 

「และสุดท้ายดอกไม้ที่กระจัดกระจายไปแล้วแต่ยังคงความงามไม่เปลี่ยนแปลง แน่นอนแม้จะไม่งามเหมือนในอดีต แต่หลายปีที่ผ่านไปพวกมันเหล่านั้นก็เติบใหญ่ขึ้น นั่นคือสิ่งที่พวกเราควรรอไม่ใช่ควรพรากมันมาจากมือนี้ไม่ใช่รึไงกันเล่าสหายเอ๋ย……」

 

ซอนเน่ยกมือสูงขึ้นราวกับกำลังกล่าวสุนทรพจน์ที่แสนยิ่งใหญ่ แววตาของคนรอบข้างจ้องมองด้วยความแปลกประหลาดตา แต่หมอนี่หาได้สนใจไม่เหมือนกับกำลังจมดิ่มลงไปในโลกของตัวเอง

 

「อย่างไรก็ตามเหล่าดอกไม้เหล่านั้นก็เป็นที่จับจ้องของคนทั้งหลายแม้ว่าจะเสียความงามในอดีตไปแต่ก็มีความงามในแบบใหม่เข้ามาแทนที่ตัวตนในอดีตนั่น ดอกไม้เหล่านั้นนะไม่เสียแสงสว่างและความหวังในตัวเองหรอกนะ! จากนั้นมันก็จะเชิดฉายเจิดจรัสไปทั่วทั้งใต้หล้าและควรจะมอบให้กับเหล่าคนที่คู่ควรเท่านั้น!」

 

เนื้อหาเองอาจจะดูวิเศษก็จริง แต่ตาแก่นี่มันดันไปพูดในเชิงทางเพศน่ะสิ

 

 

อย่างไรก็ตามการดูดวงและความจริงจังก่อนหน้านี้มันไปไหนฟะ

 

「……พึ่งจะพูดเรื่องดีๆไปมาดๆแต่ดันทำพังซะได้ไอ้ตาแก่เฮงซวยนี่……」

 

「อะหวาหวาหวา……」

 

「ข้าว่าข้าก็บอกเล่าเรื่องราวดีๆให้เจ้าฟังอยู่ไม่ใช่รึไงกัน……หายากมากที่ดอกไม้แรกแย้มจะงดงามถึงเพียงนี้หากมันได้เติบโตจักต้องเป็นดอกไม้ที่สวยงามไม่แพ้ผู้ใดแน่นอน」

 

「ยังไงแกก็ไม่เลือกหน้าเลยสินะ! แกแล้วก็ควรจะหัดลงโลงไปได้แล้วโว้ย!!」

 

「อย่างน้อยข้าก็พูดในสิ่งที่ข้าคิด ทำในสิ่งที่ข้าชอบ ไม่ได้ซ่อนอะไรไว้ในใจ ไม่เหมือนกับเจ้าที่ปิดบังตัวตน ปิดบังอดีต ปิดบังทุกสิ่งทุกอย่าง เบือนหน้าหนีความจริง เจ้าเลือกที่จะหันหลังให้กับความจริงเหล่านั้นซึ่งมันเป็นความหวังที่เจ้าควรจะไขว้คว้าเอาไว้ เจ้าพยายามปิดบังไม่ให้ใครรู้เรื่องราวของเจ้า เพราะแบบนั้นชีวิตเจ้าเลยเจอะเจอแต่ความเลวร้ายและทุกข์ทรมาน ข้าเองก็พบตัวเองในภาพวาดของชุนกะ(Shunga ภาพวาดศิลปะอีโรติกสมัยก่อน) ที่ข้าซ่อนไว้จากยายข้า ข้าประทับใจกับมันเป็นอย่างมาก…และอย่างน้องข้าก็ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ว่าข้าชอบชุนกะเป็นอย่างมาก แล้วเจ้าล่ะกำหนดเส้นทางหัวใจของตัวเองแล้วรึยัง?」

 

「…………」

 

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ซอนเน่ก็พึมพำอะไรบางอย่างออกมา ผมที่ได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนกับจะร้องไห้ออกมา

 

 

อย่างไรก็ตาม ซอนเน่เห็นอดีตที่โนโซมุมองข้ามไป

 

 

โนโซมุรู้สึกว่าเหมือนตาแก่นั่นรู้ความลับของเขาที่เก็บซ่อนมาไว้เป็นเวลานานเลย

 

 

คำพูดของซอนเน่อาจจะดูไร้เหตุผลสำหรับบางคน แต่สำหรับผมแล้วมีเหตุผลอย่างมาก โนโซมุไม่ได้โง่จนไม่ได้เข้าใจความหมายแฝงพวกนั้น และตอนนี้เขาก็เห็นตัวเองแล้ว

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เพราะที่ตาแก่พูดเป็นความจริงทั้งนั้น เขารู้ว่าตัวผมกำลังหนีความจริง และเหนือสิ่งอื่นใดเขารู้ถึงความทุกข์ทรมานของผมที่ต้องแบกมันไว้คนเดียว

 

「อืม ก็นะถึงเวลาแล้วที่ต้อนรับเหล่าหญิงสาวแสนน่ารักๆแล้ว」

 

「อะ ค่า ขอบคุณมากๆเลยนะคะ!」

 

โนโซมุจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ ขณะที่โซเมียขอบคุณตาแก่ซอนเน่

มันเหมือนกับการผลักดันตัวเองออกมาจากสิ่งที่ทำผิดพลาดลงไป

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท