พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 82

ตอนที่ 82

บทที่ 5 คุยท้ายบท

 

 

“อั่ก……”

 

 

ขณะที่เสียงคร่ำครวญดังก้องอยู่ในหัว ดวงตาของโนโซมุก็ค่อยๆเบิกกว้าง

 

 

“……ที่นี่ที่ไหน?”

 

 

สิ่งที่พุ่งเข้ามาในสายตาของโนโซมุผู้ซึ่งนอนราบอยู่ในโลกที่ล้อมไปด้วยสีเทาและเพดานที่ทำด้วยไม้ แต่มันไม่ใช่เพดานหอพักและไม่หรูหราเท่าบ้านของตระกูลฟรานซิส

 

 

“นี่มันอะไรกันฟะเนี่ย…!”

 

 

ผมจำได้ว่าตัวเองอยู่ในป่า..ขณะที่คิดเช่นนั้นก็พยายามลุกขึ้นจากเตียง

 

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถลุกขึ้นได้เพราะความเจ็บปวดของร่างกายและล้มลงบนเตียง

 

 

หากสังเกตดีๆจะพบร่องรอยการรักษาทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แขนทั้งสองข้างพันด้วยผ้าพันแผล และถูกยึดอย่างหนาแน่นไม่ให้ขยับไปไหนได้

 

 

แสงส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่ และเห็นได้ชัดว่าเวลาผ่านไปนานตั้งแต่การต่อสู้อยู่ในป่า

 

 

โนโซมุค่อยๆเคลื่อนไหวจากช้าๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายตึงเกินไปและพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง

 

 

ตามปกติแล้วร่างกายจะรู้สึกทื่อๆ แต่ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นและมองไปทางทิวทัศน์หลังหน้าต่าง

 

 

บางทีห้องที่โนโซมุอยู่ในตอนนี้เป็นชั้นสองของอาคารและตรงหน้าของผม มีมุมมองที่นกเกาะอยู่บนหลังคาของบ้านตรงข้ามโผล่เข้ามาในสายตา มองลงไปก็เห็นผู้คนเดินผ่านไปมา

 

 

ในขณะนั้นโนโซมุรู้สึกว่าไม่สบายกับร่างกายของตัวเอง

 

 

“อาเระ? ผมไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย และดวงตาของผมมัน……”

 

 

วิวหลังหน้าต่าง ไม่ใช่สิ วิวทั้งหมดของผมยังคงเป็นสีขาวดำและไม่ได้ยินเสียงนกร้องบนหลังคาบ้านตรงข้าม หรือความเร่งรีบของผู้คนที่ผ่านไปมา

 

 

ผมพยายามจะพูดคำว่า “อ๊ะ”แต่ไม่ได้ยินอะไรเข้าหูเลย

 

 

“ไม่จริงน่า หรือว่านั่นคือสาเหตุ?”

 

 

สิ่งที่คิดได้ก็คือเพราะปลดปล่อยพันธนาการและการใช้พลังของมังกรโดยตรง

 

 

เนื่องจากหูและตาของเขาเป็นปกติก่อนที่จะใช้พลังของเทียแมทสาเหตุน่าจะแน่นอนแล้ว

 

 

โนโซมุแหงนมองฟ้าขณะถอนหายใจออก

 

 

ยังไงก็ดีที่รอดมาได้ พูดตามตรง ผมอาจจะตายได้เลยนะตอนนั้น

 

 

เทียแมทที่พยายามควบคุมตัวผมและมังกรแห่งความตายที่กำลังลุกล้ำเข้ามา มังกรแห่งความตายที่ควรจะตายไปแล้วกลับปรากฏมาในร่างของมังกรเหล็กและการโจมตีก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

 

 

“ทุกคนปลอดภัยดีไหมนะ……”

 

 

โนโซมุกังวลเรื่องความปลอดภัยของทุกคน

 

 

จากสถานการณ์คิดว่าทุกคนน่าจะปลอดภัยเพราะโนโซมุมาอยู่จุดนี้ได้อย่างไรก็ตาม ความกังวลก็ยังมีอยู่เพราะไม่เห็นพวกเขาเลย

 

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุในปัจจุบันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

 

 

เขามีอาการผิดปกติทางสายตาและการได้ยินและบาดแผลทั่วทั้งตัว ยังไม่พร้อมกับการที่จะออกไป

 

 

ยังคงพยายามจะลุกขึน เขาวางแขนไว้ที่ขอบเตียงแล้วลุกขึ้นเพื่อตามหาเพื่อนของพวกเขา

 

 

ในขณะนั้นเองประตูห้องตรงปลายสายตาของเขาก็ถูกเปิดออกและมีใครบางคนกำลังเข้ามา

 

 

“อาาา……”

 

 

ในมุมมองสีเทา สายตาของโนโซมุสบเข้ากับคนที่เข้ามาในห้อง

 

 

สองสาวผมยาวสลวยและตาโต คนหนึ่งหูยาวเป็นพิเศษ เป็นไอริสและซีน่า

 

 

บางทีเพราะพวกเธอพยายามรักษษโนโซมุ มีผ้าพันแผลและผ้าก๊อซอยู่ในมือ

 

 

เมื่อพวกเธอเห็นโนโซมุลุกขึ้นมาก็พยายามตะโกนอะไรบางอย่างอย่างเร่งรีบและมาข้างๆโนโซมุและบังคับให้เขานอนลงบนเตียง

 

 

พวกเธอดูรีบร้อน ผมรู้สึกเจ็บที่บาดแผลจึงส่งเสียงออกไป

 

 

เมื่อพวกเธอเห็นใบหน้าของโนโซมุที่เจ็บปวด พวกเธอจึงรีบปล่อยมือที่จับเขาไว้ และซีน่าก็รีบออกไปจากห้อง บางทีคงจะไปเรียกคนอื่น

 

 

ไอริสยังคงกรีดร้องพร้อมกับมองใบหน้าของโนโซมุ

 

 

โนโซมุไม่ได้ยินอะไรเลย แต่รู้สึกว่าเธอเหมือนจะต่อว่าผม บางครั้งเธอก็สัมผัสร่างกายผมเพื่อตรวจดูบาดแผล

 

 

หลังจากตรวจบาดแผลแล้วไอริสก็มองแล้วเทศน์ใส่ผม

 

 

เนื่องจากโนโซมุไม่ได้ยินเสียงของเธอ เธอเลยไม่ค่อยได้จริงจังมากนัก เธอที่เห็นเช่นนั้นก็ทำหน้าสดชื่นขึ้น แต่ดวงตาเธอก็มีแววตาคมชัดอยู่เสมอ

 

 

ไอริสเข้าใกล้โนโซมุ

 

 

โนโซมุพยายามเอาใจไอริสบางทีเพราะไม่ดีแน่ๆที่ทำให้เธอโกรธ

 

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรออกมา

 

 

ไอริสยังคงโกรธมากและโนโซมุเองก็กระวนกระวาย ในขณะนั้นก็มีคนหลายคนเข้ามาในห้อง

 

 

โนโซมุและไอริสต่างจ้องไปยังคนที่เข้ามาในห้อง

 

 

มีทุกคนเข้าหาครบทุกคน แต่ก็บาดเจ็บสาหัสกันทั้งนั้น

 

 

โนโซมุรู้สึกโล่งใจอย่างน้อยพวกเขาก็รอดมาได้ ถ้าเพื่อนๆหลุดพ้นจากสถานการณ์ตรงนั้นได้ก็ดีแล้ว

 

 

นอร์นพูดอะไรบางอย่างกับไอริส จากนั้นเธอก็เขินอายและถอยห่างจากโนโซมุ

 

 

ไอริสจ้องมาที่โนโซมุ ขณะที่ยังคงมีอารมณ์รุนแรง เธอสังเกตแล้วว่าใบหน้าของเธอใกล้ผมจนแทบจะหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว และหน้าของโนโซมุก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

 

ในขณะนั้นเองนอร์นก็ยกมือขึ้นและทำท่าทางแปลกๆ

 

 

ผมไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร แต่ไอริสก็ทำแก้มป่อง

 

 

นอร์นเข้ามาใกล้และพยายามจะพูดอะไรบางอย่างขณะตรวจบาดแผล

 

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุที่หูดับ ก็ทำได้เพียงก้มศีรษะเท่านั้น

 

 

ในขณะนั้นสีหน้าของนอร์นที่เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เปลี่ยนเป็นท่าทีรุนแรงครู่หนึ่ง

 

 

โนโซมุส่ายหัวราวกับกำลังจะสลัดตัวเองให้ตื่น ไม่รู้ว่าได้ผลหรือไม่แต่สีสันค่อยๆกลับคืนมาและโนโซมุก็เริ่มได้ยินเสียงที่เข้ามา

 

 

「ไม่เป็นไรหรอกคะ ก็แค่รู้สึกว่าเหมือนจะง่วงนิดหน่อย……」

 

 

「เข้าใจแล้ว…จะตรวจดูแผลให้เป็นระยะๆเพราะฉะนั้นทุกคนออกไปก่อนนะ」

 

 

นอร์นบอกให้พวกไอริสและคนอื่นๆไปตรวจร่างกาย แต่ไอริสและซีน่ายังคงเป็นห่วงโนโซมุ

 

 

「เอ๋? ยังไงก็ตาม……」

 

 

「อาจารย์นอร์น ต่อให้ตรวจสุขภาพต่อไปก็……」

 

 

「แล้วเธออยากจะเห็นโนโซมุเปลือยเปล่ายังงั้นเหรอ ไอริส ซีน่า เธออยากเห็นร่างเปลือยเปล่าของโนโซมุยังงั้นเหรอ?」

 

 

โนโซมุเปลือยงั้นเหรอ……。

 

 

ใบหน้าของทั้งสองคนที่ได้ยินเช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

 

「อั่ก……」

 

 

「ชิ ขอโทษค่า」

 

 

ไอริสและซีน่ารีบออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

 

 

ทุกคนออกจากห้องตามที่นอร์นสั่งและประตูก็ปิดลง อันริยังคงอยู่ในห้อง บางทีเพราะเพื่อช่วยนอร์นนั่นเอง และพวกเธอก็หันหน้ามาเผชิญหน้ากับเขา

 

 

เมื่อสังเกตสภาพสับสนของโนโซมุ นอร์นเรื่มจากการตรวจร่างกายด้วยการถอดเสื้อคลุม

 

 

คลำไปทั่วร่างของโนโซมุ เพื่อตรวจสอบสภาพแผลและบาดแผลภายใน มีแสงพลังเวทย์จางๆส่องอยู่ในมือของเธอ มันใช้เพื่อตรวจร่างกาย

 

 

นอร์นถามขณะที่คลำร่างกายของเขา

 

 

「โนโซมุคุง ที่ผ่านมาเมื่อกี้คงจะไม่ได้ยินอะไรเลยสินะ?」

 

 

「ครับ……。ตอนนี้ได้ยินแล้ว」

 

 

โนโซมุพยักหน้าตอบคำถามของนอร์น

 

 

เมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น เธอก็ยังจ้องโนโซมุต่อไป โดยนึกถึงสาเหตุบางอย่างในหัวของเธอ

 

 

「ประมาณ 5 วันแล้วที่นายสลบไป นี่คือห้องของอันริ และถูกพามาที่นี่หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายรู้สึกผิดปกติหรือเปล่า?」

 

 

โนโซมุพยักหน้าต่อคำถามของนอร์นและบอกว่าไม่ใช่เพียงแค่การได้ยิน แต่การมองเห็นยังเป็นสีเทา

 

 

การได้ยินยังไม่กลับสู่สภาวะปกติ และมังยังก้องอยู่ในหูเหมือนกับเสียงนั้นห่างไกลออกไป แต่ก็ยังคงได้ยินอยู่

 

 

「อาจเป็นเพราะการปลดปล่อยพลังนั่นทำให้เกิดอัมพาตชั่วคราวของเส้นลมปราณและระบบประสาทภายในร่างกาย」

 

 

เส้นลมปราณคือการไหลเวียนของสิ่งมีชีวิตชีวาที่ไหลเวียนภายในร่าง

 

 

สิ่งมีชีวิตทั่วไปมักจะมีเส้นลมปราณอยู่ตามร่างกายโดยปกติแล้วจะเป็นทางด้านระบบหายใจและการกิน

 

 

แบ่งคร่าวๆ ออกเป็น พลังกาย พลังจิต พลังคิ และพลังเวทย์

 

 

ตราบใดที่เส้นลมปราณที่เป็นกระแสพลัง หากเกิดความผิกปกติกับมันขึ้นอย่างร้ายแรงที่สุดก็ทำให้ตายได้โดยตรงเหมือนกับชิโนะ

 

 

「พูดตามตรงอาการสาหัสมาก เลือดออกไม่หยุดและสติไม่กลับมา รอดมาได้เพราะใช้ยาที่เป็นเหมือนน้ำร้อนกระตุ้นร่างกายและใช้เวทย์รักษาไปพร้อมๆกัน แต่ถ้าปล่อยไปอย่างนั้น คงได้เสียเลือดจนตายแน่นอน」

 

 

นอร์นสำรวจเส้นลมปราณของโนโซมุอย่างระมัดระวังในขณะที่ใช้พลังเวทย์ตรวจดู

 

 

อย่างที่เธอพูดร่างกายของโนโซมุอ่อนแอลงจากการใช้ปลดพันธนาการแบบต่อเนื่อง และผลของเวทย์รักษาก็ได้ผลน้อยลง

 

 

เวทย์รักษาเป็นเวทย์ที่ช่วยรักษาผู้บาดเจ็บ ดังนั้นหากพลังของผู้บาดเจ็บลดลง ผลกระทบของการรักษาก็ลดลงตาม

 

 

「แผลจะดีขึ้นกว่าตอนที่ตรวจร่างกายนายตอนสลบไป และเส้นลมปราณไม่ได้เสียหาย ความรู้สึกอาจจะแค่ชั่วคราว และคิดว่ามันคงจะหายดีหลังจากร่างกายนายได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง แต่ตอนนี้พักผ่อนให้มากๆจะดีกว่านะ」

 

 

นอร์นบอกโนโซมุสั้นๆ เกี่ยวกับผลการตรวจ แต่คราวนี้เธอก็ดุเขาเล็กน้อย

 

 

「นายนี่บ้าเกินไปจริงๆนะ ครั้งนี้นายแค่โชคดี แต่นายอาจจะไม่รอดก็ได้หากฉันไม่ได้รู้เรื่องนี้ก่อน และคงไม่แปลกเลยที่จะกลายเป็นเจ้าชายนิทรารู้ไหม?」

 

 

โนโซมุพยักหน้ารับคำพูดของนอร์นและมองไปที่ประตู

 

 

ผมหลับไปเป็นเวลา 5 วัน พวกเขาคงจะเป็นกังวลอย่างมาก

 

 

「ทุกคนต่างกังวล ฉันต้องผลัดกับอันริและไอริสเพื่อคอยดูแลนาย ทุกคนอยู่ดึกมากๆเพื่อช่วยนายเลยนะ」

 

 

คำพูดของนอร์นนั้นยืนยันความคิดของเขา

 

 

สร้างปัญหาให้จริงๆ ไม่ได้อยากทำให้เป็นห่วงเลย……。

 

 

โนโซมุกลายเป็นเหมือนเด็กมีปัญหา นอร์นสวมเสื้อคลุมให้โนโซมุ อาจเป็นเพราะตรวจร่างกายเสร็จแล้ว

 

 

「แต่เอาเถอะ ปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของฉันกับอันริเอง ตอนนี้พักผ่อนให้เพียงพอ หากอาการดีขึ้น ความกังวลก็จะหายไปเอง」

 

 

「ครับ……」

 

 

เมื่อมองไปทางอันที่อยู่ด้านหลังเธอยิ้มและพยักหน้าตามปกติ

 

 

ก็อย่างที่ไอริสบอกทุกๆคนคงอยากจะรู้เรื่องของผมให้มากขึ้นกว่านี้ แต่อย่างที่นอร์นพูดไว้ควรพักผ่อนให้เพียงพอ

 

 

นอร์นลุกขึ้นออกจากเก้าอี้และพยายามจะออกจากห้องไป

 

 

อย่างไรก็ตามเธอหยุดและหันไปหาโนโซมุอีกครั้ง

 

 

「โนโซมุคุงเกี่ยวกับเรื่องมังกรตัวนั้นในตัวนาย……」

 

 

น้ำเสียงสับสนดังก้องอยู่ในหูของโนโซมุ โนโซมุจ้องมองไปที่นอร์น นอร์นก็จ้องมาด้วยความกังวล

 

 

「โนโซมุคุง ฉันคิดว่านายควรจะตระหนักให้ดีถึงการใช้พลังนั่น แต่ให้ฉันพูดในฐานะหมอและในฐานะครูเถอะนะ เกี่ยวกับการใช้พลังนั่น……」

 

 

「……รู้อยู่แล้วครับว่าถ้าใช้มันจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งใช้ยิ่งโดนความเกลียดชังของหมอนั่นเข้าครอบงำ」

 

 

คงจะดีถ้าหากผมตายไป อย่างไรก็ตามพลังนี่มันเข้าทำร้ายคนรอบข้าง

 

 

ไม่มีใครตายในครั้งนี้ แต่ตราบใดที่เขามีพลังของเทียแมทก็มีโอกาสได้เสมอ

 

 

โนโซมุเองก็เข้าใจดี ผมรู้ตัวดี ด้วยเหตุนี้เองผมจึงทะเลาะกับตัวเองบ่อยๆ และคราวนี้ยังทำให้ทุกคนต่างเดือดร้อน

 

 

「แต่ผมก็หนีมันไม่พ้น แม้ว่าจะพยายามสลัดมันไปเท่าไร สภาพแวดล้อมรอบข้างมันก็ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน และคนแรกที่ต้องเจ็บตัวก็คือไอริส…ผมอยากจะขอโทษเธอจริงๆ」

 

 

อย่างไรก็ตามไม่มีวิธีจะขจัดพลังนี่ออกจากตัวเขาได้

 

 

จากนั้นก็มีเพียงสองทางเลือก ยอมแพ้และเผชิญหน้าควบคุมพลังให้ได้แบบสมบูรณ์

 

 

และโนโซมุก็ไม่สามารถที่จะเลือกตัวเลือกเดิมได้อีกต่อไปแล้ว

 

 

ไอริสและคนอื่นๆพยายามจะหยุดตัวผมที่หนีจากความจริง ผมไม่สามารถหันหลังให้กับคนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อผมได้

 

 

「แน่นอนความแตกต่างระหว่างผมกับหมอนั่นมันชัดเจน แต่ผมจะไม่หลงกลหมอนั่นอีก ต่อให้ตายก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจนี้」

 

 

โนโซมุประกาศพร้อมกำหมัดแน่น คำพูดนั้นพุ่งตรงเข้าไปในใจตัวเองเพื่อย้ำเตือน

 

 

「คิดว่าทำได้สินะ? คู่ต่อสู้คือมังกรยักษ์ในตำนานเลยนะ?」

 

 

นอร์นจ้องมองและหรี่ตาลง

 

 

เมื่อเห็นการจ้องมองนั่นโนโซมุหายใจเข้าลึกๆและพูดด้วยน้ำเสียงอันชัดเจน

 

 

「ผมคงทำมันคนเดียวไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้ผมมีสถานที่ๆให้กลับมาแล้ว……」

 

 

ใช่ตอนนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียว

 

 

โนโซมุพูดเช่นนั้น ล่องลอยไปที่ไหนสักแห่งและทำให้คิดถึงต้นไม้ที่หยั่งรากลึกลงไปในถิ่นที่ทุรกันดาร เมฆหมอกภายในใจนั้นหายไปแล้ว

 

 

นั่นคือความผูกพันที่เขาได้รับมา

 

 

มันยังเล็กและอาจจะดูโชคร้าย แต่ก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่ใช้รับมือกับเทียแมทยามหลงทางหรือกังวล

 

 

มันเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้เล็กๆจะแตกหน่อในจิตใจของโนโซมุ

 

 

「งั้นเหรอ..ถ้างั้นก็ดูแลไอริสดิน่าเท่าชีวิตไว้ซะ จะได้ไม่ลืมความรู้สึกนั่นที่เธอส่งไปถึงนาย」

 

 

ไม่รู้หรอกว่าพอใจกับคำตอบไหม นอร์นเองก็ลืมตาขึ้นและกลับหันหลังไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก

 

 

ในคำพูดของนอร์น โนโซมุพยักหน้าช้าๆแล้วนอนลงบนเตียงหลับตาลงขณะนึกถึงใบหน้าของไอริสและเพื่อนๆในใจของเขา

 

 

บางทีร่างกายต้องการพักผ่อนโนโซมุหลับลงในทันที

 

 

อันริและนอร์นออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่เขาด้านหลังประตูนั่นเป็นห้องนั่งเล่นพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ เช่นเตาผิง โต๊ะและเก้าอี้

 

 

ภายในซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผ้าม่านสีส้มและสีสันสดใส เหมือนกับห้องที่อันริอาศัยอยู่ และมีกลิ่นเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ชวนให้อุ่นใจ

 

 

ในห้องนั่งเล่นไอริสและคนอื่นๆกำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อเพราะสนใจเรื่องของเขา

 

 

「ตอนนี้ โนโซมุกำลังอยู่ในสภาพที่จิตใจว้าวุ่นเนื่องจากพลังที่ปลดปล่อยออกมา หูของเขายังคงไม่ค่อยได้ยินอะไรที่ชัดเจนมากนัก」

 

 

「หา!!」

 

 

คำพูดเหล่านั้นทำให้ทุกคนต่างตึงเครียดกันในทันที

 

 

「ไม่เป็นไรอย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ มันเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น และตอนนี้ก็ผ่านพ้นไปแล้ว หากได้พักผ่อนมากๆก็คงกลับมาดีขึ้น」

 

 

「งั้นเหรอคะ……」

 

 

「…………」

 

 

นอร์นพยายามอธิบายอาการของโนโซมุด้วยน้ำเสียงสดใส

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะได้รับคำตอบเช่นนั้น แต่การแสดงออกของฉันกลับมืดมน

 

 

หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับโนโซมุ สายตายังคงจับจ้องไปที่ห้องที่เขานอนหลับอยู่

 

 

「……กังวลยังงั้นเหรอ?」

 

 

「ค่ะ……」

 

 

ไอริสตอบคำถามของนอร์น

 

 

นอร์นและอันริยิ้มออกมาเล็กน้อย อาจเป็นเพราะความรู้สึกของพวกเขาสองคน

 

 

「พวกเราจะออกไปซื้อของนิดหน่อย ยากำลังจะหมดแล้ว เขากำลังหลับอยู่หลังจากตรวจไปได้ไม่นาน แต่อาการก็คงที่แล้ว อีกสักพักน่าจะตื่น แล้วคนอื่นๆละจะเอายังไง?」

 

 

「ค่ะ เข้าใจแล้ว」

 

 

 

 

นอร์นออกจากห้องไปหลังจากได้ยินคำตอบเช่นนั้น

 

 

เธอหายไปพร้อมกับความเร่งรีบและความคึกคักภายในเมือง โดยมีฟีโอและมาร์เป็นคนขนของ

 

 

「เดี๋ยวฉันจะไปชงชามานะ~。ก่อนที่โนโซมุจะตื่นยังพอมีเวลาอยู่เนอะ~」

 

 

อันริเตรียมถ้วยเพื่อทำชาส่วนไอริสและคนอื่นๆก็พยายามจะช่วย

 

 

เขาผลัดกันเฝ้าโนโซมุจนกว่าเขาจะตื่นขึ้นมา แต่แน่นอนว่าเธอนอนไม่หลับเพราะเป็นกังวลกับอาการของเขา

 

 

อาการของโนซมุดีขึ้นในระดับหนึ่ง และสำหรับตอนนี้ก็ผ่อนคลายได้เล็กน้อย

 

 

อย่างไรก็ตามยังคงมีความตีงเครียดอยู่และฉันก็ยังไม่ค่อยโล่งใจมากนัก

 

 

นอร์นบอกให้ไอริสพักผ่อนเพราะไม่มีอะไรให้กังวล

 

 

ในขณะที่กำลังเตรียมชา จิตสำนึกของพวกเขาก็ยังกังวลกับชายที่อยู่ในอีกห้องหนึ่ง

 

 

◇◆◇

 

 

ฉันพักหายใจขณะที่กำลังกังวลเรื่องของโนโซมุ และเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกดินไอริสมองใบหน้าที่หลับไหลของเขาข้างเตียงโนโซมุ แม้ว่ามันจะดูไม่ดีก็เถอะ

 

 

ฉันควรจะพูดอะไรดีกับเขา จะถามอะไรดี……。

 

 

มีหลายสิ่งมากมายที่อยากได้ยินจากเขา มีเรื่องมากมายที่อยากจะคุยด้วยเต็มไปหมด

 

 

 

「……โนโซมุ」

 

ลูบแก้มเขาเบาๆพลางพึมพำชื่อของเขา

 

 

เป็นเพราะแผลยังไม่หายสินะ? ผิวที่สัมผัสยังคงร้อนอยู่ และการเต้นหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะนั่นถูกส่งผ่านมือของไอริส

 

「ถึงแม้จะยากลำบาก…แตก็ดีแล้วละ」

 

ใบหน้าของเขาที่นอนอยู่ข้างๆถูกห่อหุ้มไว้ด้วยความโล่งอก และลมที่พัดผ่านหน้าต่างก็ค่อยๆลูบไล้ใบหน้าของเขา

 

「……ไอริสดิน่า」

 

ซีน่าเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงเคาะประตู

 

 

เมื่อเธอเข้ามาหาไอริส เธอก็มองดูใบหน้าที่หลับไหลของโนโซมุและยิ้มออกมา

 

 

ใบหน้าของโนโซมุที่นอนอยู่นั้นแสดงความมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

 

เขายังคงอยู่ที่นี่และเขายังคงมีชีวิตอยู่

 

 

ในที่ความตึงเครียดในจิตใจก็คลายออกในที่สุด

 

「อืมมม……」

 

ในเวลานั้นเปลือกตาของเขาก็ค่อยๆเปิดออกดวงตาที่แสดงท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยสะท้อนให้เห็นในใบหน้าของทั้งสอง

 

「ตื่นแล้วเหรอคะ?」

 

「อาา」

 

โนโซมุตอบคำถามของไอริส

 

「อืม! ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงของพวกเราแล้วนะคะ!?」

 

「อืม ตาของผมเองก็ดูไม่มีปัญหาอะไร หูเองก็ได้ยินตามปกติแล้ว」

 

「ดีใจจังเลย……」

 

ไอริสและซีน่าโล่งอกที่ได้ยินว่าโนโซมุอาการกลับมาปกติ

 

 

ในขณะนั้นเองมาร์และเพื่อนๆก็รีบเข้ามาในห้อง

 

「โนโซมุสบายดีป่าว?」

 

「ยะโฮวววววว! โนโซมุคุง ยังมีชีวิตอยู่สิน้า?」

 

「มิมุรุ ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่เขากลับมา」

 

เพราะอาจจะได้ยินเรื่องราวก่อนหน้านี้

 

 

มาร์และเพื่อนๆเรียกโนโซมุ โล่งใจที่เห็นประสาทสัมผัสของเขากลับมา

 

「ทุกคน…ขอโทษนะครับที่ทำให้กังวล」

 

「อาการดีขึ้นก็ดีแล้วละน้า ข้าน้อยใช้เงินไปเยอะมากเลยล่ะ เน่ โนโซมุ ข้าน้อยมีคำปรึกษาอยู่นะ เอาดาบเล่มนั้นมาให้ไวเลยดีกว่า……แอ่ก!」

 

「พูดอะไรของแกเนี่ย พูดแต่เรื่องแบบนี้ไง ต้องโดนบ่อยๆสินะ」

 

หมัดของซีน่าเข้าไปชกหน้าของฟีโอ

 

 

ฟีโอที่โดนต่อยก็ร้องโอดครวญและจ้องไปทางซีน่าทั้งน้ำตา

 

 

 

「มาต่อยกันแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย! ก็แค่ล้อเล่นน่า! ก็แค่อยากให้บรรยากาศมันหายเครียดเท่านั้นเอง! ….อย่างน้อยก็ขอบคุณกันบ้างสิ」

 

「ปลอดภัยก็ดีแล้ว แต่ว่ามาพูดเล่นแบบนี้ได้ยังไงกัน……」

 

ฟีโอพยายามพูดกับโนโซมุขณะที่ซีน่าบ่นใส่เขา

 

 

แน่นอนเรื่องดาบนั้นล้อเล่น และก็ระมัดระวังอย่างมาก แต่ซีน่าก็ซัดหน้าเตือนสติให้

 

「ฟุฟุ…พูดตอบกลับไม่ได้เหรอไง ท่าทางดูเหมือนคนโง่ไปเลยนะ」

 

ซีน่ายิ้มให้กับโนโซมุ

 

 

มิมุรุที่เห็นก็แสดงท่าทีประหลาดใจกับรอยยิ้มพิมพ์ใจนั่น ไม่เหมือนกับตอนที่เจอกันครั้งแรกเลย

 

「อาโน~。อึดอัดไหมเอ่ย? เป็นเรื่องน่าเศร้าแต่ข้าน้อยก็แค่อยากจะเล่นมุขเท่านั้นเอง……」

 

「แต่ว่าก็ดีแล้วล่ะที่กลับมาได้ เพราะงั้นดีใจด้วยนะ」

 

ซีน่าเอื้อมมือและยื่นมือไปจับมือโนโซมุ

 

 

ฉากนั้นเคลื่อนไหว……。

 

「…………」

 

เด็กชายหางจิ้งจอกที่กำลังเล่มซุกซน

 

 

ฟีโอที่พยายามเรียกเสียงหัวเราะ แต่แม้การดำรงอยู่ของเขายังถูกเมินช่างน่าสงสาร

 

 

มาร์ที่แบกรับทุกอย่างไว้บนหลังมือของมาร์ที่แสดงให้เห็นถึงความเสียใจ

 

「อืม ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนนะ แล้วก็เรื่องดาบเล่มนั้น……」

 

「เจ้านี่ยังงั้นเหรอ」

 

ไอริมตอบคำถามของโนโซมุซึ่งเธอจับไว้ที่มือของเธอ ซีน่ายังคงงง

 

 

เธอยื่นดาบให้กับเขา

 

 

ไม่มีการตกแต่งใดๆบนด้ามดาบและมันเป็นเพียงด้ามเปล่าๆ แต่มีอย่างที่ชวนดึงดูด

 

 

 

「นี่คือ…ดาบของอาจารย์」

 

「ดาบเล่นนี้ดูเหมือนจะรอดพ้นจากเปลวเพลิงและถูกพบอยู่ใกล้ๆกับกระท่อมนั่น ฉันคิดว่ามันเป็นของสำคัญและมีความจำเป็นต่อนายในอนาคต」

 

ขณะพูดไอริสยื่นดาบให้กับเขา บางทีดาบเล่มนี้ที่พิงอยู่กับประตูกระท่อมของอาจารย์หลุดพ้นจากระยะลมหายใจมังกรเนื่องจากแรงกระแทกอันรุนแรง

 

 

ดาบที่อาจารย์มอบให้เต็มไปด้วยความรู้สึกเหล่านั้น จนถึงตอนนี้ ผมยังไม่กล้าใช้มันเลยทิ้งไว้ที่กระท่อมนั้น

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ดาบนั่นก็ตาม แต่มันก็คุ้นเคยกับมือของโนโซมุอย่างลึกลับ ราวกับว่าได้รับการยอมรับว่าเป็นเจ้าของๆมัน

 

 

 

「ขอบคุณจริงๆนะครับ……」

 

โอบรับทุกความรู้สึกเอาไว้โนโซมุขอบคุณทุกๆคน

 

 

ไอริสและคนอื่นๆก็ต่างยิ้มกว้างที่เห็นโนโซมุพูดเช่นนั้น

 

 

เธอนั่งบนเก้าอี้และจ้องหน้าโนโซมุ

 

 

 

「โนโซมุ จะช่วยเล่าเรื่องของตัวเองหน่อยได้ไหม? เรื่องของนายทุกๆอย่าง……」

 

ฉันอยากจะรู้เกี่ยวกับเขามากกว่านี้ ความอบอุ่นที่หน้าอกค่อยๆเพิ่มขึ้น

 

 

ไอริสที่พูดคุยกับโนโซมุได้ตามต้องการราวกับมันเป็นเรื่องโกหกเลย

 

 

 

「แล้วจะคุยเรื่องอะไรกันดีล่ะ….บ้านเกิดของผมห้อมล้อมด้วยหุบเขา……」

 

โนโซมุเริ่มพูดถึงบ้านเกิดของเขาอย่างช้าๆ รู้สึกถึงความตื่นเต้นและใบหน้าอันเรียบร้อยของเขา

 

 

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆและไฟตอนกลางคืนก็เริ่มดับลง

 

 

แต่ในเวลานั้นไฟในห้องเล็กๆไม่เคยหยุดนิ่งและเสียงหัวเราะของทุกคนก็ดังไปทั่ว

 

 

 

◇◆◇

 

 

ฝัน ฉากนรกที่มีไฟแผดเผาและเสียงผู้คนขอร้องความช่วยเหลือก้องกังวาน

 

 

ท่ามกลางเมืองอาร์คาซัมที่พังทลาย โนโซมุยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวอีกครั้ง

 

 

 

「หมอนั่นเหรอ……」

 

ความร้อนระอุของผิวหนังและกลิ่นที่น่ารังเกียจจากซากศพของมนุษย์กระจัดกระจายไปทั่ว ฉากนั้นดูเหมือนความเป็นจริงที่ขยายออกไปต่อหน้าโนโซมุ

 

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุมองมันด้วยมุมมองที่ต่างไปจากเดิม

 

 

ประสาทสัมผัสทั้งห้าถ่ายทอดการปรากฏตัวของนรกตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ แต่รู้สึกมันเป็นเหมือนม่านละครที่กำลังแสดงอยู่มากกว่า

 

 

 

「…………」

 

วันนี้โนโซมุรู้แล้วว่าภาพตรงหน้าเป็นเพียงภาพหลอน

 

 

โนโซมุปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเงียบๆ ปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเทียแมทและมุ่งเน้นไปที่แขนขวา จากนั้นก็ชกไปที่พื้นสุดกำลัง

 

 

พลังจากแสงทั้งห้าถูกปลดปล่อยได้ปกคลุมนรกแห่งนี้และบดขยี้โลกจอมปลอมและกลับคืนสู่เถ้าถ่าน

 

 

ช่วงเวลาที่เมืองอาร์คาซัมแหลกสลาย โนโซมุยืนอยู่กลางทะเลสาบอันมืดมิดนั้นมีร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏตัวต่อหน้าเขา

 

 

 

“กร๊าซซซซซซซซซซ……”

 

เทียแมทจ้องมองมาที่โนโซมุในสายตาเขาโกรธมนุษย์ตรงหน้ามาก

 

 

เทียแมทกางปีกห้าสีและสร้างโฟโตสเฟียร์จำนวนมากในอากาศ

 

 

โฟโตสเฟียร์ห้าสีที่เติมเต็มท้องฟ้าที่มืดมิด โนโซมุเพียงแค่จ้องมองมันที่อยู่ตรงหน้า ขณะที่โฟโตสเฟียร์นั้นส่องประกายยามค่ำคืน

 

 

เทียแมทไม่สามารถทำให้โนโซมุสิ้นหวังจากภาพหลอนได้คราวนี้พยายามทำลายจิตวิญญาณเขาด้วยกำลัง

 

 

เขาย่อตัวลงและให้ทั้งร่างกายรับรู้ แขนขวาที่มีอาการปวดอย่างรุนแรงจากพลังที่ปลดปล่อยออกไป

 

 

จิตสังหารมากมายถูกปลดปล่อยมาที่เขา

 

 

ความรู้สึกนั่นทำให้กระดูกสันหลังเย็นวาบและความกดดันจนแทบถูกบดขยี้ มือขวาของเขาสั่น

 

 

 

「อั่ก! อย่างที่คิด…แกนี่มันล้าสมัยจริงๆ」

 

เมื่อฟังเสียงหยาดเหงื่อเย็นๆไหลไปทั่วหลังของเขา หัวใจเต้นรัวด้วยแรงอันบอบบาง โนโซมุก็เติมพลังให้กับจิตวิญญาณที่เหี่ยวเฉา

 

 

ความแตกต่างในความสามารถของเขานั้นไร้ประโยชน์ที่จะคิดออกไป แต่ผมจะไม่ปล่อยมันผ่านไปอีกแล้ว ถึงแม้ลมหายใจจะดับวูบลง ผมก็จะไม่ยอมแพ้

 

 

คิดว่าจะกลับบ้านได้ มือก็เลิกสั่น

 

 

โนโซมุนึกถึงเพื่อนในใจ เขาวางมือหยิบดาบที่คาดเอวไว้

 

「ก๊าซซซซซซซซซซ!」

 

พร้อมกับเสียงคำราม โฟโตสเฟียร์ทั้งท้องฟ้าก็ตกลงมาทางโนโซมุ

 

 

ขณะที่บอลสังหารเข้าใกล้ ราวกับว่าท้องฟ้ากำลังถล่ม โนโซมุทำสมาธิและปลุกพลังของมังกรยักษ์ในตัวเขา

 

 

 

「ย๊ากกกกกกกกห์!」

 

ขอบเขตการมองเห็นกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์เนื่องจากความเจ็บปวดรุนแรงไหลไปทั่วทั้งร่าง

 

 

โนโซมุพยายามคงสติเอาไว้ขณะกัดฟันแน่น

 

 

แสงแห่งความโกลาหลล้อมรอบร่างกายของโนโซมุและทั้งร่างก็ส่งเสียง

 

 

ถึงกระนั้น ผมยังคงจับจ้องมองฝนดาวตกที่ส่องแสงเข้ามาใกล้ผม ด้วยหางของแสงประกายห้าสี โนโซมุจึงรีบพุ่งไปยังกลุ่มแสงที่พุ่งเข้ามา

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท