พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 84

ตอนที่ 84

บทที่6ตอนที่1

ณ ริมทะเลสาบอันมืดมิดไร้สิ้นสุด

มีชายหนุ่มและมังกรยักษ์กำลังห่ำหั่นกันกลางทะเลสาบที่เต็มไปด้วยน้ำที่ส่องประกายระยิบระยับ

「บ้าเอ้ยย!!」

เท้าของมังกรยักษ์ที่ใหญ่เหมือนหุบเขากระแทกลงมาที่พื้นอย่างแรงทำให้คลื่นน้ำกระจายโจมตีใส่ชายหนุ่ม

ชายหนุ่มกระโดดถอยกลับเพื่อไม่ให้โดนแรงต้านมากนัก

คลื่นกระแทกที่ปล่อยออกมาจู่โจมเข้าใส่ชายหนุ่มคนนั้นเหมือนกิ่งไม้

ชายหนุ่ม นาม โนโซมุ・ เบลาตี้ กระแทกลงไปกับพื้นหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาอยู่นิ่งๆ จิตใจก็จะได้ความสงบกลับคืนมา

แม้ว่าจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะโดนโจมตีรุนแรงแค่ไหน โนโซมุก็ลุกกลับมาได้อย่างสง่าผ่าเผย อย่างไรก็ตาม ผมไม่สามารถปล่อยให้ระยะห่างระหว่างพวกเราเป็นแบบนี้ได้

โนโซมุถือดาบคาตานะเล่มเดียวอยู่ในมือ

สำหรับโนโซมุที่ไม่มีวิธีโจมตีจากระยะไกลที่มีประสิทธิภาพมากมายนัก การต่อสู้ในระยะไกลเป็นไปไม่ได้เลย

เหนือสิ่งอื่นใด มังกรยักษ์ตรงหน้าคือเทียแมท ต่อให้เข้าใกล้ได้แค่ไหนก็เหมือนกับการงมหามุขสีทองท่ามกลางหาดทราย

ตอนสู้กันครั้งแรกเทียแมทไม่เคยระวังตัวและไม่คิดว่าชายตรงหน้าจะจัดการเขาได้ แต่ตอนนี้หมอนี่ตื่นตัวแล้ว

อย่างไรก็ตามเทียแมทที่สู้กับโนโซมุตอนนี้ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตัวมากนัก

เกล็ดที่ซึ่งน่าจะได้บาดแผลจากแฟนท่อมของโนโซมุ มันเป็นเหมือนรอยขีดข่วนตามร่างกาย

ยังไงก็ตามมีโฟโตสเฟียร์จำนวนมากปรากฏขึ้น

「หมอนี่……!」

「กร๊าซซซซซซซซซ!!」

พร้อมกับเสียงคำรามเหล่านั้น กลุ่มแสงที่สร้างด้วยเวทย์วิญญาณก็กระหน่ำใส่โนโซมุ

กลุ่มของแสงพวกนั้นเข้ามาใกล้โดยไร้ซึ่งช่องว่างให้หลบเลี่ยง

หากเห็นภาพนี้ตรงหน้า ก็คงพูดได้ว่ามันคือความสิ้นหวังระหว่างความต่างของพลัง และเลิกที่จะคิดต่อต้านและยอมแพ้ไป

「ความตาย…ที่สั่งสมมา!!」

อย่างไรก็ตามโนโซมุไม่ยอมแพ้กับเหตุการณ์เช่นนี้

ณ ริมทะเลสาบแห่งนี้ เป็นการต่อสู้ในโลกวิญญาณระหว่างโนโซมุและเทียแมท

ถ้าผมยอมแพ้และยอมจำนนให้กับมังกรตรงหน้า เจตจำนงที่ชื่อโนโซมุจะหายไปและเทียแมทจะฟื้นคืนชีพ หากเป็นเช่นนั้นภาพแห่งฝันร้ายที่เคยเห็นจะกลายเป็นจริง

เหล่าผู้คนที่ยอมรับในตัวผม จะกลายเป็นเถ้าธุลี โนโซมุทนเห็นภาพนั้นไม่ได้หรอก

นั่นคือเหตุผลที่เขายังสู้ต่อไป

แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงพลังงานจำนวนมากที่ตกลงมา อย่างไรก็ตามการสู้แบบนี้จะใช้พลังกายและเวลามากเกินไปโดยไม่จำเป็น

โนโซมุเพ่งความสนใจไปที่เท้าของเขา

เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น ก็ได้เวลาที่จะปลดปล่อยพลัง

เปินใช้งานก้าวพริบตาและเหยียบย่ำไปทุกๆฝีเก้าที่เสริมไปด้วยพลังคิที่อัดแน่นจนเอ่อล้น ร่างกายของโนโซมุพุ่งเร็วราวกับลูกธนูที่ถูกปล่อยออกมา

「โอววววววววววววววววววว!」

โนโซมุจ้องมองประกายแสงตรงหน้าที่ใกล้เข้ามาขณะที่เขามองภาพรอบๆที่ทอดยาวออกไป โลกแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยสีเทาและภาพทั้งหมดก็ค่อยๆเผยออกมาอย่างช้าๆ

ภายใต้สมาธิที่ถูกเร่งความคิดจนถึงขีดสุด โนโซมุชักดาบออกมาและถือฝักราวกับถือดาบสองมือ

เขาฟันประกายแสงที่พุ่งเข้ามาและสะบัดมันออกไป

ไม่กี่นาทีหลังจากปลดปล่อยพลัง ก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว

ทุกครั้งที่ขยับขา ร่างกายก็เหมือนกับกำลังพังทลายลง และแขนที่กำลังฟาดฟันไปมาก็เหมือนกับฉีกขาด ร่างกายกำลังร่ำร้อง

ถึงกระนั้นประกายแสงเหล่านั้นก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมดมันพุ่งทะลุร่างของเขาทีละเล็กทีละน้อย

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย และการเคลื่อนไหวก็ช้าลงเล็กน้อย

ราวกับรอเวลานั้นเองเทียแมทอ้าปาก

แสงแห่งความโกลาหลมาบรรจบกันกระสุนเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่ทำให้กระสุนเปลวเพลิงของมังกรแห่งความตายเหมือนเทียนไข

「บ้าเอ้ย!!」

โนโซมุยังไม่สามารถฝ่าสายฝนที่หนักแน่นได้ ระหว่างนี้ เปลวเพลิงสีดำก็มารวมตัวกันในปากของเทียแมทขนาดค่อยๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและความร้อนที่ถูกปล่อยออกมาทำให้โนโซมุรู้สึกอุ่นๆเลย

「ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!」

เปลวเพลิงขนาดใหญ่มหึมาถูกปล่อยไปที่โนโซมุ

โนโซมุฝ่าสายฝนเหล่านั้นมาได้แล้ว แม้ว่าร่างกายจะมีรูพุนไปทั่วแต่เปลิวเพลิงนั่นก็กำลังใกล้เข้ามา

「หนอยแน่……!」

จะหลบก็ไม่ทันเวลา ไม่มีประโยชน์ที่จะป้องกันต่อไป แล้ว…ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าปะทะ

ขณะที่พยุงร่างกายที่จะล้มลงอย่างสิ้นหวัง โนโซมุพุ่งเข้าหาเปลวเพลิงนั่น

ในเวลาเดียวกันก็ปลดปล่อยพลังออกมาจนถึงขีดสุด

พลังเดียวกับเทียแมทที่ใช้อยู่ครอบคลุมร่างกายไหลมาบรรจบกันในดาบ

การเต้นของหัวใจที่ดังกึกก้อง เลือดไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย เส้นเลือดฝอยราวกับจะแตกออกย้อมทุกอย่างที่เห็นกลายเป็นสีแดงสด

เนื่องจากไม่มีพลังเหลือแล้ว เพราะครั้งนี้คือโอกาสสุดท้ายของเขา

แม้ว่าจะฟันลมหายใจที่ออกไปได้ แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้ แต่ก็ยังไม่อยากยอมแพ้

ยกดาบขึ้นและฟันมันออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี

「ย๊ากกกกกกกกกกห์!!」

เปลวเพลิงแห่งความโกลาหลปะทะเข้ากับการฟันที่เป็นประกายแสงห้าสี

อย่างไรก็ตามการฟันของโนโซมุไม่สามารถตัดผ่านเปลวเพลิงขนาดยักษ์ได้ และมวลเปลวเพลิงก็กลืนกินคมมีดของโนโซมุจนหมดสิ้น

ขณะที่รู้สึกถึงแสงจำนวนมากที่กำลังพุ่งเข้ามา ขอบเขตการมองเห็นก็ขาวสนิท

「บ้าเอ้ย!!」

ขณะที่กัดริมฝีปากของเขาต่อความแตกต่างของพลังที่วัดไม่ได้ โนโซมุจ้องมองไปที่เปลวเพลิงแห่งความโกลาหลที่ลุกโชนโดยไม่ละสายตา

ในขณะนั้นเองก็เกิดบางอย่างแปลกๆ

ระลอกคลื่นเหล่านั้นกระจายไปในขอบเขตการมองเห็นของโนโซมุราวกับโยนก้อนหินลงบนผิวน้ำ

「เอ๋……?」

ระลอกคลื่นนั่นกระจายออกไปและเติมเต็มวิสัยทัศน์โดยรอบของโนโซมุ แลพร้อมกันนั้นเองเปลวเพลิงแห่งความวุ่นวายและมังกรยักษ์ตรงหน้าก็หายไป

◇◆◇

「อืม……」

เขาค่อยๆเริ่มได้สติกลับคืนมา

โนโซมุมองไปรอบๆและสำรวจร่างกายของเขาอีกครั้ง แต่แน่นอนเขาอยู่ในห้องพักและร่างกายก็ยังเป็นของเขาเองที่พ่อแม่ได้ให้กำเนิดเขามาเมื่อ 17 ปีที่แล้ว

「……กลับมาแล้วยังงั้นเหรอเนี่ย」

โนโซมุตกตะลึงและพูดอยู่คนเดียว เขาโล่งใจที่สามารถกลับมาได้

แสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างนั้นเริ่มรุนแรงขึ้นทุกวัน และฤดูกาลจากใบไม้ผลิก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นฤดูร้อน

เมื่อโนโซมุลุกจากเตียงก็ล้างหน้าและเตรียมตัวให้พร้อม

แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบสีขาวและถือกระเป๋าพร้อมกับชุดเครื่องมือ

อุ่นซุปที่เหลือของเมื่อวาน ตักใส่จาน หยิบขนมปังดำใส่แล้วคนให้เข้ากัน

ขณะที่กำลังทานซุปอุ่นๆและกลิ่นหอมของขนมปังที่อบมานิดหน่อย โนโซมุก็นึกถึงฝันเมื่อวาน

「หลังจากนั้นก็ประมาณ 3 ถึง 5 วันสินะ……」

หลังจากการต่อสู้ที่ป่าชานเมืองเทียแมทที่พยายามปรากฏตัวในฝันของโนโซมุทุกๆสองสามวันเพื่อพยายามทำลายจิตใจของเขา

แน่นอน โนโซมุก็ต่อต้านมันมาตลอด แต่คู่ต่อสู้นั้นก็แข็งแกร่งเกินไป

「ก็ไม่ชัดเจนเลยนะทำไมผมถึงกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงได้ ทั้งๆที่ควรจะติดแหง็กอยู่ในโลกนั้น..!」

โนโซมุเหลือบมองเล็กน้อย กี่ครั้งแล้วที่ถูกฆ่าตายในฝัน

ทำไมถึงกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงได้และไม่ถูกช่วงชิงเจตจำนงไป

อย่างไรก็ตาม แม้พยายามต่อต้านก็หยุดมันไว้ไม่ได้

ไม่รู้ว่าทำไมถึงกลับมาจากโลกวิญญาณได้ แต่ตามปกติ มันมีลางสังหรณ์แปลกๆ ที่ว่าหากยอมแพ้จริงๆอาจจะหายไปจริงๆ ตอนนั้นแหละยามที่ผมยอมแพ้หมอนั่นจะมาแทนที่ผม

โนโซมุทานอาหารช้าๆ โดยตระหนักถึงความกังวลในใจ

หลังจากรับประทานอาหารเช้าและล้างจานจนเสร็จ โนโซมุก็มองไปที่ดาบสามเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะ

แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างและสะท้อนเงาดาบที่ซ่อนอยู่ในฝัก

โนโซมุค่อยๆชักด้ามดาบออกมาจากดาบทั้งสามเล่ม สองเล่มนั้นได้ใช้ชีวิตสมกับที่เป็นตัวมันเองแล้ว

ใบมีดที่แตกออกแล้วเหลือเพียงใบมีดอันน้อยนิดและด้ามจับเท่านั้น ดาบนั้นเป็นเครื่องช่วยชีวิตสำหรับเขา

ในตอนแรกตอนที่โนโซมุได้จับดาบของอาจารย์ที่ได้มาเป็นครั้งแรก

เขาเอาชนะอาจารย์มาด้วยตัวเอง ตอนนั้นตัวเขาที่แตกสลายยังไม่พร้อมที่จะใข้ดาบเล่มนั้น

สิ่งต่อไปคือโนโซมุก็พยายามลูบดาบที่อยู่ข้างสะโพกเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน

แม้ว่าจะได้รับการยอมรับ แต่ผมก็ยังเหยียบย่ำตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดาบที่กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่ปกป้องเขา ดาบที่ทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าได้และปกป้องสถานที่ๆควรจะกลับมา

และในที่สุดก็จับดาบแสนสำคัญที่อาจารย์ได้มอบทิ้งไว้ เป็นดาบที่อาจารย์ใช้มาหลายปีเรียกได้อีกอย่างนี่คืออีกครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอก็ว่าได้

จนถึงตอนนี้ผมไม่กล้าที่จะสวมมันไว้ที่เอวเลย

ปัญหาของโนโซมุยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งเทียแมท ลิซ่า และมังกรแห่งความตาย

ตัวเขารู้สึกได้ว่ามีสิ่งเลวร้ายอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

「แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย……」

ถึงแม้โนโซมุจะรู้สึกถึงความมืดมิดภายในอก แต่ดวงตาของเขากลับสงบและมีเพียงความวิตกเท่านั้น เขาจึงย้อนมองตัวเอง

เหมือนมองตัวเองจากฟากฟ้า

ในป่านั้นผมสามารถสื่อทุกสิ่งไปถึงไอริสได้

ในเวลานั้นผมยกภาระที่ต้องแบกรับไว้มากมายนั้นออกจากบ่า แต่ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือการสงบจิตใจได้ในที่สุดและความเต็มใจที่จะก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง

โนโซมุจับดาบเฉยๆ ยืนยันจิตใจที่ยังคงกังวลและตัวเขาเองก็จ้องมองมันอย่างสงบ

ในฝ่ามือของผมที่ถือดาบ ผมรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่อบอุ่น ไม่ใช่เพียงแค่แสงแดด

ผมยังมีความวิตกกังวลและในใจยังคงมืดมน

ถึงกระนั้นตัวผมในตอนนี้ก็เริ่มที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

「……เอาล่ะ ได้เวลาไปแล้ว!」

โนโซมุเปิดประตูห้องด้วยเสียงดังลั่นและออกเดินทางสู่วันใหม่

◇◆◇

หลังจากออกจากหอพักแล้ว โนโซมุก็มุ่งหน้าไปยังเขตชานเมือง

โนโซมุที่รักษาบาดแผลแล้ว และไอริสกับคนอื่นๆก็กลับมาฝึกที่นี่เป็นเวลาหลายวันแล้ว

「เซยะ!」

「โอ้ววว!」

ตอนนี้ไอริสและมาร์กำลังแลกดาบกัน ทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันท่ามกล่างทุ่งหญ้า

ดาบใหญ่ของมาร์เหวี่ยงเข้าไปใกล้สีข้างของไอริส แต่เธอก็ถอยกลับอย่างรวดเร็วและใช้ดาบของเธอเพื่อปัดดาบใหญ่ออกไป

อย่างไรก็ตามมาพุ่งเข้าใส่ทันที

เขาใส่พลังคิลงไปและใช้คมดาบวายุและพุ่งเข้าหาไอริส

ในทางกลับกันไอริสก็ใช้ปรับใช้ทันทีเพื่อสร้างกระสุนเวทย์ห้านัดและยิงไปที่มาร์

กระสุนเวทย์สีดำพุ่งเข้าใกล้มาร์ขณะตัดผ่านชั้นบรรยากาศ

ดาบขนาดใหญ่ของมาร์ไม่ใช่ของที่ฟันได้อย่างรวดเร็ว มันต้องใช้เวลาและแรงกาย

มาร์คิดว่าการที่เธอปล่อยกระสุนเวทย์มาคือการซื้อเวลา เขายังคงพุ่งเข้าหาไอริสด้วยดาบขนาดใหญ่ที่ถือไว้ราวกับเป็นโล่

ด้วยความสามารถปรับใช้ทันทีของไอริส ไม่ต้องร่ายเวทย์เพื่อใช้งานเวทย์ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้ถนัดด้านดาบอย่างเดียวยังถนัดเวทย์ด้วย

เป็นเรื่องชัดเจนยิ่งเธอซื้อเวลาได้นานเท่าไร มาร์ก็จะจนมุมมากขึ้นเท่านั้น

กระสุนเวทย์ของไอริสและตัวเธอที่ยกดาบขึ้น มาร์เองถึงกับต้องตกตะลึง

นอกจากนี้แรงกระแทกรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้งและมาร์ก็เริ่มที่จะพลาด

มาร์คว้าดาบเล่มใหญ่แล้วยกดาบขึ้นต่อหน้า แต่ก็จบแล้ว

「จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าต้องใช้มือหนึ่งคุมกระสุนเวทย์ไว้ยังงั้นรึ」

มาร์ถอนหายใจพร้อมกับรับกระสุนเวท์ญที่ชนเข้ากับดาบใหญ่

พลังเวทย์ที่เปิดใช้ด้วยปรับใช้ทันทีนั้นใช้ความแม่นยำของผู้ร่าย นอกจากนี้เธอยิงพลังเวทย์จากหลายจุดมาจุดๆเดียวที่ดาบของมาร์

ด้วยเหตุผลนั่นก็ทำให้พอรู้แล้วว่าทักษะควบคุมเวทย์ของเธอแข็งแกร่งแค่ไหน

「……ท้ายที่สุดแล้วไอริสเองก็น่าตกใจ แต่ถึงยังงั้นก็บอกว่าเป็นเรื่องยากที่จะใช้มันพร้อมกัน……」

เมื่อมาร์พูดถึงการใช้สกิลผสาน เธอก็บอกว่ามันลำบากมากๆ แม้เป็นเธอก็ตาม

แม้แต่โนโซมุที่ใช้แฟนท่อมก็ยังน่าทึ่งที่สามารถปล่อยมันออกมาได้ในสถานการณ์ตึงเครียด

มาร์เหลือบมองโนโซมุและเขากำลังพูดอะไรบางอย่างโดยถือดาบของฟีโออยู่ในมือ

มาร์ที่เห็นเช่นนั้นก็ช็อคไปอีกครั้ง และรีบกลับมาสนใจที่การต่อสู้ต่อ

มาร์เน้นไปที่การเคลื่อนไหวของไอริส ในขณะที่เปิดใช้คมดาบวายุ

「ตอนนี้ไม่สามารถใช้มันได้ก็จริง มันหนักหนาเกินไปสำหรับข้า……」

ความผิดพลาดนั่นผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง

การควบคุมเวทย์และคิ การควบคุมตนเองให้สงบเป็นสิ่งที่ยากลำบาก ตอนนี้ไม่มีทุกสิ่งที่เพียงพอสำหรับตัวเขา

「แต่ว่า ถึงยังงั้นมันก็มีแค่ข้าคนเดียวที่เข้าถึงแก่นแท้ของมัน……」

มาร์พูดกับตัวเองเงียบๆและทันใดนั้นก็ใส่คิลงไปในดาบ

ลมที่เกาะอยู่รอบดาบได้รับแรงผลักดันและลมก็เริ่มพัดรุนแรงขึ้น

「แต่ว่าสิ่งที่ทำได้ก็มีแค่ตอนนี้เพียงเท่านั้น……」

โนโซมุไม่สามารถก้าวเข้าถึงพื้นที่ๆเขาสร้างขึ้นมาได้ ตัวเขาใช้เวลาฝึกมานานหลายปีกว่าจะผลิดอกออกผล สำหรับข้าเองก็เช่นกัน

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่ถ้าไม่สามารถทำได้อย่างมั่นคงก็มีแต่ต้องก้าวไปทีละน้อย

เมื่อคำนึงถึงสิ่งนั้นมาร์จึงเปิดใช้สายลมซึ่งได้รับแรงผลักดันออกไปทางด้านหน้า

เทคนิค คิ “ค้อนสะบั้นปฐพี” พุ่งเข้าหาไอริส

「ในที่สุดก็มาแล้วสินะคะ」

อย่างไรก็ตามไอริสเองก็รวบรวมสิ่งนั้นไว้มันคือหอกสีดำ

「ฮ่าห์!」

ด้วยพลังที่อัดแน่นไอริสขว้างหอกไปที่ค้อนสะบั้นปฐพี

หอกแห่งขุมนรกที่พุ่งทะลุเข้าปะทะกับค้อนสะบั้นปฐพีและระเบิดออก จากนั้นเกิดฝุ่นและควันบริเวณรอบๆนั้น

ไอริสมองไม่เห็นมาร์เนื่องจากควันจำนวนมาก แต่สร้างกระสุนเวทย์ไว้ในอากาศหลายนัด

ในการต่อสู้ระยะไกล มาร์เสียเปรียบจนต้องเข้าใกล้ เธอที่มีพลังเวทย์สูงก็พยายามสร้างระยะห่าง

ขณะที่จ้องมองฝุ่นควันเพื่อไม่ให้ละเลยว่าพลาดอะไรไป ไอริสก็เสริมพลังกายตัวเองเพื่อพร้อมรับมือกับทุกสิ่ง

「…………」

ความเงียบเข้าครอบงำพื้นที่ชั่วครู่

มันเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่มันเป็นช่วงเวลาแสนยาวนานสำหรับทั้งสองที่ใช้สมาธิหนัก

และสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน

ตึงๆ! มีบางอย่างพุ่งเข้าหาเธอ มันฉีกออกมาเป็นชิ้นๆราวกับกำลังพ่นบางอย่างออกมา。

「ฮ่าห์!」

ไอริสยิงกระสุนเวทย์ไปที่สิ่งนั้นทันที

มาร์ไม่มีวิธีโจมตีระยะไกลตราบใดที่ยังใช้แค่มวลลมเหล่านั้น

กระสุนเวทย์พุ่งเข้าหามาร์และล้มเขาได้ มันควรจะเป็นแบบนั้น

「อึก!?」

กระสุนเวทย์ตกลงไปและระเบิดออก อย่างไรก็ตามมาร์ไม่ได้อยุ่ตรงนั้น

เป็นมวลลที่มีพลังเวทย์พุ่งเข้าหาไอริส ดวงตาของเธอเห็นภาพของมาร์ที่กำลังยื่นแขนซ้ายออกมาก่อนที่ควันจะจางลง

เมื่อควันเกิดขึ้น มาร์ก็ปล่อยเวทย์ท้งหมดออกไปทันที เขายิงเวทย์ใส่ไอริส

เวทย์“มวลลมพัดผ่าน”。

ไอริสระบุว่ามวลลมที่พุ่งเข้ามากับค้อนสะบั้นปฐพีผิดไปเลยปล่อยกระสุนเวทย์ไปจนหมด

มาร์พุ่งเข้ามาแล้วใช้ดาบใหญ่ที่อัดคมดาบวายุพุ่งเข้ามาและใช้ค้อนสะบั้นปฐพีอีกรอบ

「ย๊ากกกกกกกกกห์!!」

มาร์พุ่งเข้าหาไอริสและใช้คมดาบวายุให้รุนแรงขึ้นไปอีก

「บ้าเอ้ย!!」

อย่างไรก็ตามไอริสก็ไม่ยอมแพ้และใช้เวทย์เสริมพลังกายก่อนที่จะโดนดาบของมาร์

นอกจากนี้ดาบของเธอไม่สามารถรับดาบของมาร์ที่เต็มกำลังได้

เสียงแหลมสูงของดาบปะทะกันทำให้เกิดคิกระจายไปทั่ว

วินาทีถัดมาดาบของทั้งสองก็เข้าห่ำหั่นกัน

◇◆◇

ในทางกลับกันโนโซมุและเพื่อนๆของมาร์และไอริสกำลังดูการดวลดาบจากระยะไกล

「โฮ่ว~。หลังจากนั้นทั้งคู่ดูแกร่งขึ้นมากเลย มาร์เองก็เก่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย~!」

มิมุรุชื่นชมทั้งสองที่ต่อสู้กันอยู่

แน่นอนการเคลื่อนไหวของไอริสนั้นลื่นไหลแต่มาร์เองก็มองข้ามไม่ได้เช่นกัน

ทั้งสองกวัดแกว่งดาบเข้าห่ำหั่นกันแต่มาร์ที่อัดคมดาบวายุเข้าไปทำให้ดาบของไอริสเบี่ยงไปเล็กน้อย

ใบบางครั้งไอริสก็ใช้การย่อตัวเพื่อฟันมาร์ แต่มาร์ก็ย่อตัวและปัดป้องโดยการใช้ปลอกแขน

「แต่ว่ามาร์กำลังต่อสู้ด้วยท่าทีสุขุม หากเคลื่อนไหวทื่อๆมีหวังโดนเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬจัดการไปแล้ว……」

ฟีโอเห็นการเคลื่อนไหวของมาร์ก็พึมพำ

อย่างที่ฟีโอพูดหากมาร์ไม่มีสมาธิ ก็จะทำอะไรไอริสไม่ได้เลย

การโจมตีที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนั้นเผยให้เห็นถึงการพัฒนา

แน่นอนมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถล้มมาร์ลงได้

อย่างไรก็ตามสำหรับบางคนมันตรงกันข้าม นักเรียนไม่กี่คนนั่นก็คือไอริสและฟีโอ

อย่างไรก็ตามแม้ว่ามาร์จะเข้าใกล้ได้แล้ว แต่ก็ไม่มีบรรยากาศที่ว่าจะกุมชัยได้

สิ่งที่กระตุ้นตัวเขาอาจเป็นเพราะเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา

เหตุการณ์เหล่านั้นทำให้ตัวเขาเติบโตขึ้นทั้งจิตใจและร่างกาย

「ว่าแต่ว่า โนโซมุคุงไปทำอะไรมาตั้งนานแน่ะ?」

ทอมที่อยู่ข้างๆมิมุรุถาม โนโซมุถือดาบของฟีโอและจ้องมองไปที่เขา

「เปล่าหรอก ก็แค่สงสัยว่าจะใช้ดาบแบบนี้ได้ไหม เพราะมันแทบไม่มีวิธีใช้การโจมตีระยะไกลเลย」

ทอมโกรธกับคำพูดของโนโซมุ แต่พยักหน้าราวกับสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

「อ้อ อีกอย่างโนโซมุใช้เวทย์ไม่ได้นี่เนอะ?」

「แทบจะใช้ไม่ได้เลย ผมไม่สามารถใช้อะไรที่เป็นการต่อสู้ระยะไกลได้เลย เพราะไม่มีพลังเวทย์……」

พลังเวทย์ของโนโซมุแทบจะไม่มีเนื่องจากพันธนาการ และไม่มีพลังเวทย์พอจะใช้เวทย์เริ่มต้นด้วยซ้ำ เขาทำอะไรไม่ได้เลยในคาบเรียนเวทย์

จนถึงตอนนี้โนโซมุมักจะหาทาออกคนเดียว มักจะจบด้วยการเข้าประชิดและหลีกเลี่ยงระยะไกลให้มากที่สุด

ไม่สามารถใช้เวทย์ป้องกันได้ และมีพลังน้อยนิด ดังนั้นการโจมตีระยะไกลอย่างแฟนท่อมที่ใช้งานได้ก็มีจำกัด แน่นอนว่าห้ามใช้ใส่ฝั่งตรงข้ามที่เป็นมนุษย์เด็ดขาด

สำหรับโนโซมุที่ไม่มีตัวเลือกการโจมตีระยะไกลมากนัก เลยมีตัวเลือกไม่มาก

「เพราะแบบนั้นเองเลยมีกระเป๋านั่นที่พกอุปกรณ์ไว้สินะ และโดยพื้นฐานอุปกรณ์ใช้แล้วทิ้งเนี่ย คิดว่าเป็นตัวเลือกท้ายๆ เพราะฉะนั้นก็เลยพยายามหาอุปกรณ์ที่ช่วยให้อุ่นใจได้」

ด้วยเหตุนั้นเองโนโซมุเคาะด้ามดาบที่เอว

ไม่ว่าจะใช้เวทย์ที่ทรงพลังได้แค่ไหน ไม่ว่าอาวุธจะแกร่งขนาดไหน สิ่งที่ช่วยเขาไว้ก็คือดาบที่อยู่ข้างกายและวิชาดาบที่เรียนมาจากอาจารย์ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือฝึกใช้อาวุธอื่นเป็นอาวุธสำรองและใช้สกิลดาบเป็นตัวประสาน

「อย่างไรก็ตามมีบางครั้งที่วิธีการอื่นที่ไม่ใช่ทักษะดาบก็มีความจำเป็น」

อย่างไรก็ตามโนโซมุรู้ดีหากเขาละเลยไม่ทำเช่นนั้น ไม่เพียงแต่จะแพ้อย่างเดียว ชีวิตอาจตกอยู่ในอันตราย เป็นสิ่งที่ตระหนักได้ตอนโดนสัตว์อสูรไล่ตาม

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาวางกับดักไว้ในป่า

「แล้วข้าน้อยควรจะสอนวิชาดาบให้?」TN:โนโซมุใช้คาตานะนะครับ คนอื่นใช้เซเบอร์บ้าง ลองซอร์ดบ้าง เรเปียร์ก็มี และอาวุธจำพวก บรูทส์ (Brute)ก็อย่างฟีโอ

「ได้ไหมละ?」

「ไม่คิดเลยว่าจะมาขอร้องกันแบบนี้」

ฟีโอถูกโนโซมุขอร้องให้สอนใช้เทคนิคปามีด (คือโนโซมุไม่มีวิธีโจมตีระยะไกลเลยหาอาวุธจำพวกอื่นมาทดแทน เช่นพวก ดาบสั้น อะไรประมาณนี้)

ดูเหมือนว่าจะไม่มีข้อติเรื่องการสอน

「เนื้อหาคือกระเป๋าเงินจะโดนสูบหนักเลย……」

「เงียบน่า!」

ฟีโอตอบสนองต่อคำพูดของซีน่าข้างๆเธอ

อย่างใดก็ตามดวงตาของผมชุ่มชื้นเห็นได้ชัดว่าเรื่องขาดเงินยังแก้ไขไม่ได้เลย ขนหางสีทองก็ดูหมองคล้ำด้วย

ในเวลานั้นไอริสและมาร์ที่แลกดาบกันอยู่ก็มาหาโนโซมุและคนอื่นๆก็เห็นผลลัพธ์แล้ว

「อืมมมม ท้ายที่สุดต้องใช้การสลับเวทย์กับคิเหรอเนี่ย? ต้องเร็วและแม่นยำกว่านี้」

「สำหรับตอนนี้มาร์คุงดีขึ้นมากแล้วล่ะ คิดว่าปรับปรุงเรื่องความแม่นยำของพลังเวทย์นี่น่าจะดีขึ้นเลย ที่เหลือก็ฝึกสกิลผสานของนาย ให้คุ้นเคยก็พอแล้ว」

เห็นได้ชัดว่าไอริสชนะ

เมื่อพิจารณาจากเรื่องราวแล้ว มาร์ใช้เวลานานเกินไปในการสลับการใช้เวทย์กับคิ จนทำให้เกิดช่องว่าง

「แล้วกำลังคุยอะไรกันอยู่ล่ะ?」

「ก็แบบว่าอยากจะให้ฟีโอสอนเกี่ยวกับเทคนิคปามีดน่ะ ตอนนี้ได้แค่พื้นฐาน และกำลังจะไปกินข้าวเที่ยงกัน」

โนโซมุตอบคำถามของไอริส ฟีโอเองก็ตอบสนองต่อท่าทีของไอริส

อันที่จริงดูเหมือนว่าแม้แต่เรื่องอาหารก็ยังตึงเครียด

「โอเค ฝากฉันได้เลย!」

ขณะพูดเช่นนั้น ผมดึงมีดสั้นออกมาจากอกและหันไปทางต้นไม้ใกล้ๆ

「โดยพื้นฐานแล้วมันก็เหมือนกับถือดาบ ระวังเส้นศูนย์กลางที่จะขว้างมันออกไประหว่างฝ่ามือกับนิ้วหัวแม่มือ」

ฟีโอปามีดไปแล้วมันแทงทะลุต้นไม้

ฟีโอมองและบอกว่า”ลองดูสิ”และโนโซมุก็เข้ามาแทนที่

ถือมีดในลักษณะเดียวกับฟีโอแล้วเล็งเป้าไปที่ต้นไม้

「อา……」

อย่างไรก็ตามมีดที่ขว้างออกไปส่งเสียงก้องและโดนลำต้นของต้นไม้ผลักออกมา

เขาหยิบมีดสั้นขึ้นมาและขว้างมันหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ติดดีเลย

「โนโซมุพื้นฐานแล้วเหมือนดาบคาตานะนั่นละ นอกจากนี้ความเร็วในการขว้างไม่เกี่ยวกัน หากขว้างไปตามธรรมชาติมันจะเกาะติดศัตรูเอง」

ฟีโอดึงมีดสั้นออกและขว้างกลับเข้าไปใหม่

มีดแทงทะลุเข้าไปในต้นไม้อีกครั้งด้วยเสียงอันไพเราะดังตุบ

โนโซมุมองไปยังมีดสั้นที่หยิบขึ้นมาและเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง

「เหมือนกับคาตานะ……เหมือนกับคาตานะ……」

ในขณะที่ถือมีดสั้น โนโซมุก็ทวนคำพูดของฟีโอและเพ่งความสนใจไปที่มีดสั้นและขว้างออกไปพอดีกับฝ่ามือและร่างกายของเขา

ขั้นแรกเคลื่อนจุนศูนย์ถ่วงไปข้างหน้าด้วยเท้า

จากนั้นยกมีดสั้นขึ้นและเหวี่ยนงแขนไปในลักษณะเดียวกับที่เหวี่ยงดาบลง โดยคำนึงถึงเส้นกึ่งกลางและด้านข้าง

เมื่อแขนยื่นไปถึงจุดหนึ่งก็ปล่อยมีดออกไป มีดที่ปล่อยจะหมุนขณะบินไปและแทงเข้าไปที่เป้าหมาย

เสียงแหลมดังก้องในเวลาต่อมา มีดของโนโซมุแทงเข้าไปลึกในลำต้นของต้นไม้คล้ายกับมีดของฟีโอ

「……ทำได้แล้ว」

「ไม่คิดว่าจะทำได้เลยนะเนี่ย มีสมาธิมั่นน่าดู」

แม้จะมีคำแนะนำอยู่บ้างแต่ฟีโอก็ตกใจที่เขาทำได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยปกติจำเป็นต้องฝึกอย่างหนัก

「ที่กล่าวว่ามันยังมีอีกมาก และตอนนี้มันดูออกจะทะแม่งๆไปหน่อย ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาฝึกเพื่อใช้ในการต่อสู้จริง」

「ก็แบบนั้นแหละน้า อย่างที่โนโซมุบอกนั่นแหละ มันเป็นอาวุธที่ต้องพกไว้เยอะๆ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือความแม่นยำ」

「อืม เพราะแบบนั้นก็ละเลยการฝึกไม่ได้ค่อยๆทำทีละเล็กทีละน้อย……อะ!」

ท้ายที่สุดก็ต้องฝึกต่อไป ได้ข้อสรุปเช่นนั้น ก็ปวดหัวขึ้นมา

เมื่อมองไปทางอาการปวดกระทันหัน โนโซมุก็นึกถึงฝันเมื่อเช้านี้

ท้ายที่สุดการต่อสู้กับเทียแมทก็สร้างภาระทางจิตให้กับโนโซมุ แม้ว่าร่างกายกำลังหลับแต่จิตใจไม่ได้พักผ่อนตาม

「……โนโซมุ ฝันแบบนั้นอีกแล้วเหรอ?」

「อา……」

โนโซมุพยักหน้าให้กับคำถามของไอริส

ความฝันที่เขามีในวันนี้โนโซมุพูดถึงเกี่ยวกับการต่อสู้ของเขากับเทียแมทในโลกวิญญาณ

เสียงกังวลของไอริสดังมาถึงหูของโนโซมุ

ทันใดนั้นโนโซมุก็เงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่ไอริสด้วยท่าทางกังวล ไม่เพียงแต่ไอริสแต่ยังรวมถึงคนอื่นๆ

「พักผ่อนหน่อยก็ดีนะ?」

「ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่อาการปวดแบบว่าทนไม่ไหว โฮมรูมจะเริ่มแล้วรีบไปกันเถอะ」

ไอริสจ้องมองโนโซมุ แต่ก็ไม่มีเวลาแล้วเพราะเดี๋ยวไปสาย

โนโซมุปฏิเสธข้อเสนอของไอริสอย่างนุ่มนวล ยิ้มที่ปากราวกับบอกว่าไม่ต้องกังวล

「โอเคจริงๆงั้นเหรอ? อย่าฝืนเกินไปจะดีกว่านะ……」

「เข้าใจดีครับ จะไปห้องพยาบาลเองถ้าทนไม่ไหวจริงๆ มีอาจารย์นอร์นอยู่ด้วย」

ซีน่าซักถามแต่โนโซมุก็บอกไม่เป็นไร

หากกังวลมากเกินไปและเครียดเกินไป ก็อาจจะถูกตัดสิทธิ์ไปจริงๆก็ได้

อันที่จริงสัปดาห์ก่อนมันเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่

อาจารย์นอร์นที่รู้อาการของโนโซมุและบอกว่าให้ไปพักผ่อนได้เพราะผมรู้สึกไม่สบาย

「……อะ โอ้ว! ถ้างั้นก็แล้วไป!」

อากาศเริ่มหนักขึ้นเล็กน้อยแต่มาร์ก็พยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้น

คำพูดนั่นทำให้บรรยากาศตึงเครียดหายไป

มาร์คงเข้าใจว่าไม่อยากให้มีบรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้น

แม้แต่ในคำพูดที่ไร้คำสุภาพ โนโซมุก็ขอบคุณเขาที่เป็นกังวลเช่นกัน

โนโซมุและเพื่อนๆก็ไปที่สถาบันโซลมินาติตามเสียงตะโกนของมาร์

ป.ล.

ไม่นึกเลยแหะว่าจะมีคนตามเรื่องนี้เยอะขนาดนี้จนแบบเอ้อ ที่หายไป 2 เดือนเพราะผมเรียน ม. แล้วมีเรียนออนไลน์ครับ +มีหน้าที่ต้องหาเงินเลี้ยงชีพเพราะทุกวันนี้ไม่มีจะกินแล้วครับ รายได้ไม่มี/ วันอาทิตย์นี้สอบ และหยุด 1 สัปดาห์ ทำให้กลับมาแปลต่อได้ เพราะฉะนั้นจะกลับมาแปลหลังวันจันทร์ครับ และก็ผู้แปลไม่ได้มีเพจแปลอย่างเป็นทางการ(ไม่อยากสร้างและดูแลเพจมากนัก) และงานแปลก็ไม่ได้แสวงหาผลกำไร แปลเพียงเพื่อหวังให้ได้LCในไทย ไม่อนุญาตให้เอาไปลงที่อื่นด้วยครับ ถ้าพบเห็นไปลงที่อื่น นอกจากแมวดุ้นหรือนายท่านก็ลาก่อนครับ

มีคำถามอะไรเม้นไว้ในตอนนี้เลย เดี๋ยวจะตอบคำถามให้ครับ

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท