ตอนที่ 419 ตื่นเต้น
สนามกีฬาโอลิมปิกแห่งกรุงปักกิ่งเริ่มสร้างขึ้นในปี 1994 แล้วเสร็จในปี 1999 ใช้เป็นสถานที่จัดงานกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นในปี 2000 เป็นสนามกีฬาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ ตอนนั้น
สิบปีผ่านไป สนามกีฬาอันใหญ่โตแห่งนี้ยังเป็นอันดับหนึ่งของโลกดังเดิม จนกระทั่งปี 2013 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ ทุกวันนี้อุปกรณ์ต่างๆ ภายในยังเป็นของใหม่ไม่ล้าหลัง
โดยทั่วไปนักร้องที่สามารถจัดการแสดงคอนเสิร์ตส่วนตัวที่สนามกีฬาโอลิมปิกได้ หากไม่ใช่นักร้องระดับโลกก็เป็นซูเปอร์สตาร์ในประเทศ ในวงการเพลงป็อปมีคำที่มักพูดกันบ่อยๆ ว่า…ถ้าแน่จริงก็ไปจัดคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาโอลิมปิกสิ!
วันที่ 22 กันยายน คอนเสิร์ต ‘เฟยไม่ธรรมดา’ ของเฉินเฟยเอ๋อร์ จัดขึ้นที่สนามกีฬาโอลิมปิก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอจัดคอนเสิร์ตขึ้นที่นี่ แต่จากราชินีเพลงหวานซึ้งเปลี่ยนเป็นราชินีเพลงรัก งานคอนเสิร์ตที่ล่าช้าจากเดิมไปเกือบหนึ่งปีครั้งนี้จึงมีความสำคัญกับเธอมากเป็นพิเศษ
การเตรียมงานได้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน มีการจ้างบริษัทจัดการแสดงระดับชั้นนำในปักกิ่ง แล้วใช้ช่องทางพิเศษติดต่อเพื่อยื่นเรื่องถึงได้รับอนุญาตให้ทำการแสดงในสนามกีฬาโอลิมปิก
สนามกีฬาโอลิมปิกที่เคยเป็นที่จับตามองของคนทั้งโลก ปกติแล้วรับภารกิจงานแสดงไม่มากนัก เพราะเงื่อนไขแต่ละด้านค่อนข้างเคร่งครัด ซูเปอร์สตาร์ที่มีสิทธิ์จะได้ยืนบนเวทีในนั้น อันดับแรกต้องไม่มีข้อบกพร่องที่ชัดเจน เช่น คบชู้ เมาแล้วขับ เสพยา ค้าประเวณี ถ้ามีประวัติเหล่านี้อย่าได้คิดเข้าใกล้เลย
ดังนั้นอย่ามองว่าวงการบันเทิงเหลวแหลกและซับซ้อน ซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริงนั้นจะให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่จะรักษาตัวให้พ้นจากปัญญายุ่งยากได้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นคงมีหลายที่ปิดประตูไม่ต้อนรับ
สนามกีฬาโอลิมปิกบรรจุผู้ชมได้หนึ่งแสนสองหมื่นคน แต่กับคอนเสิร์ตต้องคำนึงถึงการออกแบบผังพื้นที่ทั้งหมดด้วย จึงขายบัตรเพียงไม่เกินหนึ่งแสนใบ
แต่ก็เป็นตัวเลขที่มากจนน่าตกใจแล้ว ตามเรตราคาค่าบัตรที่ถูกที่สุดคือร้อยยี่สิบแปดหยวน ถ้าอย่างนั้นหนึ่งแสนใบก็สิบสองล้านแปดแสนหยวน แต่บัตรทั้งหนึ่งแสนใบนั้นไม่ได้ขายหมดง่ายๆ แค่ขายได้ 70% ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
มีเพียงซูเปอร์สตาร์ไม่กี่คน ที่มีโอกาสขายบัตรได้หมดทุกใบ
ลองคิดดู หากคุณยืนอยู่บนเวทีท่ามกลางแสงไฟสปอตไลต์สาดส่อง ทั้งสี่ด้านมีเสียงผู้ชมทั้งหนึ่งแสนคนกำลังร้องเรียก การแสดงแสงสีเสียงตระการตา จะเป็นฉากที่น่าหลงใหลสักแค่ไหน
สำหรับนักร้องคนหนึ่ง นี่คงเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต!
บัตรคอนเสิร์ต ‘เฟยไม่ธรรมดา’ ของเฉินเฟยเอ๋อร์ เริ่มเปิดขายเมื่อเดือนก่อน บวกกับบัตรอภินันทนาการอีกจำนวนหนึ่ง ที่นั่งประมาณแปดในสิบส่วนคงจะเต็ม นั่นหมายความว่ามีผู้ชมประมาณแปดหมื่นคนจะมาที่งาน
แม้ยังแตกต่างจากคอนเสิร์ตที่มีคนเข้าชมแสนกว่าคนซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดในประเทศอยู่อีกไกล แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้นักร้องคนอื่นอีก 99.99% ที่ไม่มีทางทำได้พากันอิจฉาตาร้อนแล้ว!
คอนเสิร์ตจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการตอนหนึ่งทุ่ม ตอนบ่ายสี่โมงเย็นเริ่มมีการจัดคนให้เข้าสู่สนามกีฬา จนถึงหกโมงกว่า ที่นั่งส่วนใหญ่เกือบเต็มแล้ว
จัดงานคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาโอลิมปิกสักครั้งไม่ง่ายเลย แค่ปัญหาด้านความปลอดภัยอย่างเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้ด้วยเงินทั้งหมด ต้องอาศัยเส้นสายและเงินทุนร่วมกันขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้
หากพูดอย่างไม่เกรงใจ เฉินเฟยเอ๋อร์มีความสามารถและมีคุณสมบัติมากพอที่จะจัดคอนเสิร์ตในสนามกีฬาโอลิมปิก ถ้าเปลี่ยนเป็นลู่เฉิน เขาก็มีความสามารถเช่นกัน แต่คุณสมบัติยังขาดไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าในคืนนี้ลู่เฉินจะมาปรากฏตัวท่ามกลางสายตาของผู้คนเป็นหมื่นที่นี่ด้วย
ในฐานะแขกรับเชิญพิเศษ
ดาราเปิดคอนเสิร์ต เชิญเพื่อนสนิทในวงการมาร่วมด้วยเป็นเรื่องปกติ สถานะของแขกรับเชิญพิเศษเป็นความลับมาก ก่อนที่จะเปิดเผยตัวตนต้องเก็บเป็นความลับเพื่อประกาศออกไปทีเดียว ให้ผู้ชมรู้สึกเซอร์ไพรส์
แต่คอนเสิร์ต ‘เฟยไม่ธรรมดา’ ของเฉินเฟยเอ๋อร์ที่จัดขึ้นในเมืองหลวง แขกรับเชิญพิเศษมีเพียงลู่เฉินคนเดียว ส่วนการจัดที่เมืองฮู่ไห่ เซินไห่ และซานเฉิงนั้นยังเก็บเป็นความลับ
เหล่าแฟนคลับได้รู้ล่วงหน้าแล้ว นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่บัตรผ่านประตูคราวนี้ขายดิบขายดี
แฟนคลับของลู่เฉินไม่ได้น้อยไปกว่าของเฉินเฟยเอ๋อร์สักเท่าไร แม้แฟนคลับจำนวนมากจะทับซ้อนกัน แต่แฟนคลับของลู่เฉินก็ถูกดึงดูดเข้ามาเช่นกัน
เวลานี้ในสนามกีฬามีเสียงผู้คนจอแจ บนที่นั่งผู้ชมมีแสงไฟจากแท่งไฟเรืองแสงจำนวนนับไม่ถ้วนดูราวกับดวงดาวท่ามกลางท้องฟ้า ป้ายไฟที่มีชื่อเฉินเฟยเอ๋อร์ถูกยกขึ้นสูง เหมือนกับว่ากำลังร้องเรียกเฉินเฟยเอ๋อร์ให้ออกมาก่อนเวลา
ในห้องแต่งตัวด้านหลังเวที เฉินเฟยเอ๋อร์ที่แต่งหน้าเสร็จแล้วกำลังนั่งเอนพิงซบลู่เฉินอยู่บนโซฟา
ชุดที่ราชินีแห่งวงการเพลงคนนี้สวมขึ้นเวทีชุดแรกเป็นชุดราตรียาวหรูหรา เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เธอแต่งหน้าแต่งตัวเต็มที่ ทั้งสวยและเซ็กซี่ แต่มือน้อยๆ ของเธอเย็นนิดๆ
“เป็นอะไรไป”
ลู่เฉินกุมมือเธอเอาไว้ ถามอย่างเป็นห่วง “ตื่นเต้นเหรอ”
เฉินเฟยเอ๋อร์สั่นหัว แล้วผงกหัวตอบว่า “นิดหน่อยน่ะ กลัวจะเกิดความผิดพลาด”
ราชินีแห่งวงการเพลงที่เข้าวงการมาสิบกว่าปี แสดงคอนเสิร์ตมาแล้วหลายครั้ง เธอไม่ควรมีอารมณ์แบบนี้ แต่วันนี้มีความหมายกับเธอมาก จึงรู้สึกไม่เหมือนทุกที
เมื่อก่อนเฉินเฟยเอ๋อร์ขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีเพลงหวานซึ้ง วันนี้เปลี่ยนแนวมาเป็นราชินีเพลงรัก แม้อัลบั้ม ‘บุปผานารี’ จะมียอดขายทะลุสี่ล้านแผ่น คอนเสิร์ตครั้งนี้ก็ยังเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งของเธอบนเส้นทางอาชีพนี้อยู่ดี
ถ้าร้องพลาด สำหรับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วจะเป็นความผิดที่ไม่ควรให้อภัย
คอนเสิร์ตของเธอครั้งนี้ เตรียมตัวมาหนึ่งปีเต็ม!
เฉินเฟยเอ๋อร์จึงตื่นเต้น
ลู่เฉินเข้าใจ
เขาคิดแล้วหยิบกีตาร์ขึ้นมา
“ยังพอมีเวลา ผมร้องเพลงให้คุณสักเพลงดีกว่า”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “ความจริง…ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ ฉันควบคุมตัวเองอยู่ เอาเถอะ นายร้องเถอะ”
เธอรู้สึกถึงความอ่อนหวานเต็มปริ่มในหัวใจ
เพราะความอบอุ่นและความเอาใจใส่ของลู่เฉิน
ลู่เฉินกอดกีตาร์ไว้ นั่งลงข้างๆ เฉินเฟยเอ๋อร์อีกครั้ง หลังจากลองทดสอบเสียงก็พรมนิ้วลงไปบนสายกีตาร์
เขาร้องเพลง ‘เมื่อเธอแก่เฒ่า’
“เมื่อเธอแก่เฒ่า ผมหงอกขาว เอาแต่ง่วงงุน”
“เมื่อเธอแก่เฒ่า ก้าวเดินไม่ไหว สัปหงกอยู่ข้างกองไฟ รำลึกถึงวัยเยาว์”
“มีสักกี่คนที่เคยรักเธอเมื่อครั้งเปี่ยมด้วยพลังแห่งหนุ่มสาว หลงใหลในความงดงามของเธอทั้งที่หลอกลวงและจริงใจ แต่มีเพียงคนเดียวที่ศรัทธาไปถึงจิตวิญญาณแห่งเธอ …”
เฉินเฟยเอ๋อร์ฟังอยู่เงียบๆ รู้สึกถึงอารมณ์ทั้งหมดที่อยู่ในเนื้อเพลง ความกระวนกระวายในใจหายไปหมดสิ้นโดยไม่รู้ตัว เปลี่ยนเป็นความอบอุ่นเติมเต็มหัวใจแทน
เธออดไม่ได้เอียงหัวลงไปซบที่บ่าของลู่เฉินเบาๆ แล้วสูดกลิ่นอายอันคุ้นเคย อยากให้เวลาหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้ตลอดไปไม่ต้องเดินต่อ
จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตู
ผู้ช่วยดันประตูเปิดออกแล้วยื่นหัวเข้ามา “พี่เฟยคะ ใกล้ถึงเวลาขึ้นเวทีแล้วค่ะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน ตัวเธอเหมือนได้ลอกคราบเปลี่ยนโฉมใหม่ สายตาเปล่งประกายไม่มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ กลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ
นี่สิเฉินเฟยเอ๋อร์ตัวจริง!
…………………………………………
