ตอนที่ 490 โต้กลับ
“เขานั่นเอง!”
“เขาก็คือเถ้าแก่ซูเปอร์สตาร์ที่มาจากประเทศจีน!”
“ขวางเขาไว้ อย่าให้เขาหนีไปได้ เอามาแลกกับพี่น้องของพวกเรา!”
“รีบเข้าไปสิ!”
คนของหงหวาสองสามคนแวบแรกที่เห็นลู่เฉินก็จำได้ทันที พวกเขาราวกับได้สมบัติล้ำค่าอย่างฉับพลัน โห่ร้องตะโกนรีบโอบล้อมลู่เฉินอย่างรวดเร็ว แต่ละคนเผยแววตาที่ดุดันออกมา
หนึ่งในนั้นมีหนุ่มวัยรุ่นรูปร่างกำยำทรงผมหวีเสยคนหนึ่ง มีรอยสักสีเขียวปนสีน้ำเงินอยู่บนลำคอของเขา ในมือถือไม้เบสบอลอันหนึ่ง พุ่งมายังลู่เฉินด้วยความรวดเร็ว
ขณะที่พุ่งเข้ามา ปากของเขาก็ยังสบถด่าวาจาสกปรกออกมา “มึงซวยแน่ กล้ากักตัวพี่น้องของกู อยากตายหรือไงมึง!”
ขณะเดียวกันไม้เบสบอลที่ถืออยู่ในมือก็ยกสูงขึ้น ด้ามไม้สะท้อนแสงสว่างภายใต้แสงอาทิตย์ส่องแสงยามเช้า ดูทรงพลังยิ่งนัก
จางเสี่ยวฟางเห็นท่าไม่ดี จึงรีบชิงเดินเข้าไปข้างหน้าเพื่อปกป้องลู่เฉิน
ลู่เฉินยื่นมือขวางเขาเอาไว้ และเอ่ยเสียงขรึมว่า “คุณปกป้องลุงเฉียงให้ดี ผมจะรับมือเขาเอง!”
ขณะที่พูด ลู่เฉินก็ไม่หยุดฝีเท้า เข้าไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
ชายหนุ่มทรงผมหวีเสยรู้สึกแปลกใจมาก
ในความทรงจำของเขา ซูเปอร์สตาร์ที่มีรูปร่างดีเหมือนอย่างลู่เฉิน ยามเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ใช้กำลังรุนแรงจะต้องหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าแค่ตัวเองวางมาด ก็ทำให้ลู่เฉินตกใจกลัวจนฉี่ราดได้แน่นอน
อย่างนั้นเขาก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
ทว่าสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มทรงผมหวีเสยคนนี้คาดไม่ถึงก็คือ ยามที่เจอหน้าเขาพร้อมกับไม้เบสบอลที่อยู่ในมือ ลู่เฉินไม่เพียงแต่ไร้ความหวาดกลัวเท่านั้น ตรงกันข้ามกลับตั้งท่ารับการโจมตี
แบบนี้ไม่ถูกนะ!
ชายหนุ่มทรงผมหวีเสยไม่คิดที่จะต่อสู้กับลู่เฉินจริงๆ เพราะถ้าหากเอาจริงแล้วมีคนบาดเจ็บ แถมยังเป็นศิลปินดาราที่มาจากประเทศจีนอีกด้วย ผลที่ตามมาหลังจากนี้จะยิ่งรุนแรง พี่ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของเขาเกรงว่าคงช่วยไม่ได้
รัฐบาลฮ่องกงปราบปรามพฤติกรรมความรุนแรงอย่างเข้มงวดมาก นับประสาอะไรกับเหยื่อที่เป็นถึงคนมีชื่อเสียง
แต่ถ้าชายหนุ่มทรงผมหวีเสยเลือกที่จะถอยตอนนี้ หน้าของเขาจะเอาไปวางที่ไหนล่ะ พี่น้องคอยดูอยู่ข้างๆ ตั้งหลายคน ถ้าหากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปก็จะกลายเป็นเรื่องตลกในวงการ
อยู่ในแก๊ง เลือดตกยางออกได้ แต่จะเสียหน้าไม่ได้!
วินาทีนี้ มีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นในหัวของชายหนุ่มทรงผมหวีเสย สุดท้ายอารมณ์รุนแรงที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจก็มีชัยเหนือกว่า เขาคำรามเสียงต่ำ ยกไม้เบสบอลขึ้นทุบไปที่ไหล่ของลู่เฉิน
นี่ถือว่ายังออมมือมาก ไม่อย่างนั้นหากทุบไปที่ศีรษะโดยตรง แป๊บเดียวก็ทุบคนตายได้อย่างไม่มีปัญหา
และเขายังเก็บแรงเอาไว้มาก ขอเพียงทำให้ลู่เฉินตกใจกลัวได้สำเร็จ แล้วปล่อยให้ลู่เฉินได้ลิ้มรสความยากลำบากเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว…นี่คือคำสั่งที่คนเบื้องบนกำชับมาเป็นพิเศษ
ชายหนุ่มทรงผมหวีเสยก็นับว่าเป็นคนที่มีหัวคิดอยู่บ้าง แต่เสียดายที่เขาต้องเผชิญหน้ากับลู่เฉิน
เมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้อาวุธ ทันใดนั้นลู่เฉินก็เพิ่มความเร็ว ร่างกายพุ่งออกไปราวกับลูกศรที่พุ่งออกจากคันศร ดุจดั่งสัตว์ป่าอันดุร้ายตัวหนึ่งกระโจนเข้าหาเหยื่อ กระแทกชายหนุ่มทรงผมหวีเสยในชั่วพริบตา
วินาทีที่กระแทกกัน ลู่เฉินหันข้างลำตัว แล้วใช้ไหล่กระแทกไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย
พลั่ก!
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ ชายหนุ่มทรงผมหวีเสยเหมือนถูกกระแทกด้วยวัวตัวผู้ ตัวของเขากระเด็นลอยออกไป ชนกับพรรคพวกอีกสองสามคนที่อยู่ด้านหลัง ล้มกลิ้งเป็นน้ำเต้าในทันที
“โอ๊ย!”
เสียงตกใจ เสียงเจ็บปวด เสียงเนื้อตัวร่างกายกระแทกผสมรวมกัน ทำให้คนอื่นๆ ของหงหวาที่อยู่ที่นี่ต่างตะลึงงัน
เกิดอะไรขึ้น
ผลจากการกระแทกของทั้งสองฝ่ายเกินความคาดหมายจริงๆ พวกเขารู้สึกว่าความรู้ของตัวเองกลับตาลปัตรหมดแล้ว
พวกนักเลงที่เป็นกบในกะลาเหล่านี้ มีหลายคนที่เป็นติ่งดารา แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่านักแสดงที่สง่างามน่าเกรงขามสังหารไปทั่วทิศในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์จะเป็นศิลปะป้องกันตัวจริงๆ
คนอย่างพวกเขา ถ้าหากถือมีดพร้าอยู่ในมือ สามารถฆ่าราชาและราชินีในวงการแปดเก้าสิบคนได้อย่างไม่มีปัญหา
ชายหนุ่มทรงผมหวีเสยเป็นหัวหน้ากลุ่มเล็กๆ ในแก๊งหงหวา เป็นสมาชิกของแก๊งที่มีกำลังต่อสู้มากคนหนึ่ง ถึงแม้ในมือเขาจะไม่มีมีดพร้า แต่ไม้เบสบอลก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน
ทว่าเพียงแค่หนึ่งเพลงรบเท่านั้น ชายหนุ่มทรงผมหวีเสยก็ถูกลู่เฉินน็อกเอาท์ไปแล้ว แถมยังพาคนอื่นซวยไปด้วย
แบบนี้ไม่ถูกหลักนะเว้ย!
“ใครก็อย่าคิดหนีเด็ดขาด!”
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่ วั่นหย่งที่คอยเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าสถานที่ถ่ายทำก็พาทีมงานกองถ่ายกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา
จำนวนของพวกเขาไม่เยอะมาก บวกกับวั่นหย่งแล้วก็มีแค่แปดคนเท่านั้น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่มีคนมากกว่ากันถึงสามสี่เท่า พวกเขาราวกับเสือที่ดุร้ายฝูงหนึ่งลงมาจากภูเขา พุ่งเข้าใส่ฝูงหมาป่าอย่างเหี้ยมหาญ!
เมื่อคืน ลู่เฉินได้จัดกำลังคนส่วนใหญ่ของทีมตระกูลลู่มาเฝ้าสถานที่ถ่ายทำ ในที่สุดก็ถึงเวลาโชว์คมเขี้ยวที่แหลมคมเสียที
สมาชิกทีมตระกูลลู่ทุกคนล้วนเป็นทหารที่ปลดประจำการแล้ว พวกเขาถนัดการต่อสู้ระยะประชิดแบบที่เน้นการจับล็อก นอกจากนี้ยังผ่านการฝึกฝนที่เข้มงวด ไม่ใช่ระดับเดียวกันกับอันธพาลของหงหวาอย่างสิ้นเชิง
ความอดกลั้นในตอนแรก ก็เพื่อรอให้ลู่เฉินมาถึงเท่านั้น ตอนนี้ลู่เฉินลงมือด้วยตัวเองแล้ว วั่นหย่งย่อมไม่นิ่งดูดายแน่นอน รีบสั่งให้ทีมตระกูลลู่ออกโรง
การสู้รบ แค่เริ่มต้นก็มีแนวโน้มได้เปรียบ พวกอันธพาลของหงหวาถึงแม้จำนวนคนเยอะกว่า แต่ไม่ว่าการเคลื่อนไหวแบบกลุ่มหรือกำลังสู้รบ ไม่อาจเทียบกับฝ่ายแรกได้เลย
ดังนั้นพวกเขาจึงจัดการจนอีกฝ่ายแตกพ่ายทันที วั่นหย่งนำทีมตระกูลลู่ไล่จับอันธพาลแต่ละคน แล้วใช้สายรัดพลาสติกที่พกติดตัวมัดสองมือของพวกเขาเอาไว้
มีอันธพาลบางคนคิดจะตอบโต้ ทว่าผลของการตอบโต้กลับยิ่งแย่ ถูกต่อยที่ท้องอย่างแรง หรือไม่ก็กลิ้งลงพื้นไม่เป็นท่า ลำบากหนักเข้าไปอีก
นี่คือสมาชิกทีมตระกูลลู่ออมมือให้แล้ว ไม่อย่างนั้นหากสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภายในครึ่งนาทีก็สามารถทำให้พวกเขาล้มลงไปนอน อย่าคิดจะลุกขึ้นมาอีกตลอดไป
สองสามคนที่กล้าตอบโต้ถูกจัดการหมดแล้ว เมื่อเห็นพรรคพวกถูกจัดการไปทีละคน คนอื่นๆ ล้วนตกใจเสียขวัญ พวกเขาทิ้งไม้เบสบอลที่อยู่ในมือหนีกระเซิงหัวซุกหัวซุน สภาพดูไม่ได้เป็นอย่างมาก
และเวลานี้ พวกปาปารัสซี่ที่นั่งยองๆ อยู่ไม่ไกล พวกเขาต่างชูกล้องที่มาพร้อมกับเลนส์ยาวเลนส์สั้นของแต่ละคน ถ่ายภาพในที่เกิดเหตุกันยกใหญ่ กลัวว่าจะพลาดช็อตเด็ดไป
แน่นอนว่าลู่เฉินก็เห็นแล้ว แต่ไม่คิดจะเข้าไปแทรกแซง
การโต้กลับในวันนี้เขามีเหตุผลเต็มที่ ต่อให้ต้องขึ้นศาลก็ไม่กลัว และต้องการชัยชนะอย่างเต็มที่แบบนี้เพื่อสร้างชื่อเสียงและความน่าเกรงขาม ไม่อย่างนั้นก็ต้องเหนื่อยกับวิธีสกปรกที่มีมาไม่หยุดหย่อนของทางหงหวา ถูกเอาเปรียบอย่างสิ้นเชิง
เวลาที่ควรลงมือก็ต้องลงมือ ถ้าหากต้องระมัดระวังและวิตกกังวลทุกเรื่อง สู้ลู่เฉินกลับประเทศของตนเองจะดีกว่า
วี้หว่อๆๆ~
เสียงไซเรนตำรวจที่ทำให้คนหวาดกลัวดังเข้ามาใกล้จากที่ไกล เพื่อบอกทุกคนว่า ตำรวจมาแล้ว
และที่น่าสนุกก็คือ พวกอันธพาลที่ถูกปล่อยอยู่บนพื้นต่างโล่งอก
ตำรวจมาแล้ว อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่เป็นอันตรายอะไรแล้วน่ะสิ
อันที่จริงคนที่ปรากฏตัวไม่ได้มีแค่ตำรวจเท่านั้น แต่ยังมีคนของฝ่ายดูแลโรงถ่ายหนังอีกด้วย เนื่องจากวัดฮุนจิที่อยู่ในมุมที่รกร้างห่างไกลของภูเขาไลอ้อนร็อกไม่เคยมีเหตุการณ์ที่คึกคักแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ขณะที่เฉินเหวินเฉียง ตำรวจ และผู้ดูแลโรงถ่ายหนังกำลังเจรจาหารือกัน ลู่เฉินก็โทรศัพท์หาโจวอี้เป็นครั้งที่สอง
…………………………………………………………………………