Perfect Superstar – ตอนที่ 574 สู้กันสักตั้ง

Perfect Superstar

ตอนที่ 574 สู้กันสักตั้ง

“วันที่ 20 มีนาคม ‘สงครามเทพอัคคี’ เข้าโรงฉาย วันที่ 9 เมษายน ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’…”

ในห้องประชุมบริษัทเฉินเฟยมีเดีย งานประชุมผู้บริหารระดับสูงกำลังจัดขึ้น วั่นเสี่ยวเฉวียนกำลังพูดใส่ไมโครโฟนด้วยท่าทางเคร่งขรึม “หนังสองเรื่องนี้เป็นหนังฮอลลีวูดที่ใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์และเป็นคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของเรา นอกเสียจากเราจะเลื่อนการฉาย ‘โปเยโปโลเย’ ออกไปถึงเดือนพฤษภาคม ไม่อย่างนั้นคงหลีกเลี่ยงไม่ได้!”

วั่นเสี่ยวเฉวียนกลับจากฮ่องกงมาถึงปักกิ่งเมื่อสามวันก่อน ก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางกลับหนึ่งวัน ‘โปเยโปโลเย’ ได้ใช้ศักยภาพของบ็อกซ์ออฟฟิศจนหมดสิ้นก่อนจะปิดม่านลาจากโรงภาพยนตร์ใหญ่ๆ ทั่วทั้งฮ่องกงไปอย่างสวยงาม ยอดบ็อกออฟฟิศสะสมรวม 105 ล้าน ติดยี่สิบอันดับหนังทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกง

ถ้าไม่นับหนังฮอลลีวูด ในหมู่ภาพยนตร์ฮ่องกงและภาพยนตร์ร่วมทุนระหว่างจีนกับฮ่องกง ‘โปเยโปโลเย’ อยู่ในอันดับที่เจ็ด นี่ยังไม่รวมยอดขายของที่ระลึกอีกสี่สิบสองล้านกว่า

ผู้กำกับภาพยนตร์ตัวจริงอย่างวั่นเสี่ยวเฉวียนมีคุณงามความชอบไม่น้อย นอกจากรางวัลอันใหญ่หลวงแล้ว เขายังได้รับวันหยุดอีกครึ่งเดือน

แต่วั่นเสี่ยวเฉวียนเลือกที่จะไม่เดินทางไปเที่ยว แต่กลับเข้ามาในจีนแผ่นดินใหญ่ ช่วยลู่เฉินวางแผนโปรโมต ‘โปเยโปโลเย’ ที่กำลังจะออกฉายในประเทศจีน

เขามีประสบการณ์โชกโชนในด้านนี้

คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจ ในภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ ไม่มีชื่อของวั่นเสี่ยวเฉวียน เขาไม่เพียงแต่ไม่โกรธแค้นน้อยใจ กลับทุ่มเทช่วยเหลือบริษัทเฉินเฟยมีเดียอย่างสุดความสามารถ เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงจริงๆ

วั่นเสี่ยวเฉวียนเก็บความซาบซึ้งที่มีต่อลู่เฉินเอาไว้ในใจตลอดมา เขาแสดงความรู้สึกไม่เก่ง ดังนั้นจึงใช้การกระทำมาตอบแทนบุญคุณของลู่เฉินแทน

ลู่เฉินช่วยฉุดรั้งวั่นเสี่ยวเฉวียนขึ้นมาจากความตกอับ มอบความไว้วางใจอันมีค่าให้ ทำให้เขาได้กลับมาตั้งตัวใหม่ที่ฮ่องกง ทั้งยังมอบผลงานที่จะกลายเป็นงานคลาสสิคให้เขาหนึ่งเรื่อง

มีหรือไม่มีชื่อไม่สำคัญ

ถ้าในภาพยนตร์มีชื่อของเขา จะต้องไม่ผ่านการตรวจสอบจากกรมวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติแน่นอน

วั่นเสี่ยวเฉวียนยกย่องลู่เฉินด้วยใจจริง บทภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ ลู่เฉินเป็นคนเขียน สตอรีบอร์ดหลายฉากวาดโดยลู่เฉิน ยังมีดนตรีประกอบที่โดดเด่น เขาเป็นผู้กำกับเองได้เลยไม่มีปัญหา

ทุกอย่างที่กล่าวมา ทำให้วั่นเสี่ยวเฉวียนยิ่งต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง แล้วจะมีใจไปเที่ยวพักผ่อนได้หรือ!

สถานการณ์ของการออกฉายในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ ‘โปเยโปโลเย’ เผชิญอยู่นั้นไม่ค่อยดีนัก ‘สงครามเทพอัคคี’ เป็นภาพยนตร์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์จากอเมริกาที่ลงทุนสูงถึงร้อยเจ็ดสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศมากกว่าสองร้อยเจ็ดสิบล้านในอเมริกา ก่อนจะย้ายมาสู้รบต่อในประเทศจีนด้วยท่าทีฮึกเหิม เรื่องการโปรโมตจึงยิ่งใหญ่อลังการ

ดักลาส ประธานของซูเปอร์สตาร์พิคเจอร์สโอ้อวดว่าจะทำยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้พันล้าน เรียกได้ว่ามั่นใจถึงขีดสุด

เทียบกันแล้ว ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีเรื่อง ‘ตำนานดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ ของไลออนพิคเจอร์สมีแนวโน้มด้อยกว่า แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เงินลงทุนไม่ต่างจาก ‘สงครามเทพอัคคี’ นัก คือสูงถึงร้อยห้าสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังจะฉายที่อเมริกา

ถ้า ‘โปเยโปโลเย’ เข้าฉายตอนนี้ ก็ต้องเผชิญหน้ากับการโดนหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ประกบหน้าหลัง เป้าหมายของลู่เฉินที่ตั้งไว้ห้าร้อยล้านนั้น ค่อนข้างลำบากทีเดียว

แต่จะยืดเวลาออกไปถึงเดือนพฤษภาคมก็ไม่ได้

ตอนนี้ หนังเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ ได้มีภาคเถื่อนในอินเทอร์เน็ตแล้ว แต่เป็นเวอร์ชัน CAM และ TS หรือที่เรียกว่าหนังแอบถ่ายและหนังเถื่อน คุณภาพต่ำจนไม่ส่งผลต่อบ็อกซ์ออฟฟิศ

ตอนนี้ประเทศกำลังให้ความสำคัญกับการปกป้องลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์จีนรวมทั้งภาพยนตร์ฮ่องกงมาก ถ้าระหว่างที่ภาพยนตร์ยังฉายในโรงอยู่แล้วเกิดมีเวอร์ชัน HD หลุดออกมา จะต้องถูกโจมตีอย่างรุนแรง หลังจากลาโรงแล้วกระแสจะอ่อนแอลงมาก

เวอร์ชัน CAM กับ TS ส่งผลกระทบน้อยมาก เจ้าของผลงานได้แต่ปิดตาข้างหนึ่ง ช่วงนี้ถ้า ‘โปเยโปโลเย’ ได้เข้าฉายก็ดี ถ้าเวลายืดยาวออกไปอีก เวอร์ชัน HD หลุดออกมาจะควบคุมได้ยากมาก

ผลกระทบที่มีต่อบ็อกซ์ออฟฟิศก็จะยิ่งมีมากขึ้น!

“ ‘โปเยโปโลเย’ จะไม่เลื่อนเวลาออกไป…”

ลู่เฉินกล่าวอย่างเด็ดขาด “ถึงรอจนเดือนพฤษภาคม ก็ต้องสู้กับหนังฮอลลีวูดอยู่ดี พวกเราหนีไม่พ้นหรอก สู้เปิดศึกกับพวกเขาสักตั้ง แพ้ก็ไม่เป็นไร!”

“อีกอย่าง พวกเราไม่แน่ว่าจะแพ้นี่!”

เงินทุนของ ‘โปเยโปโลเย’ ได้คืนครบตั้งนานแล้ว ผลกำไรที่เกินนำมาใช้เป็นค่าโปรโมตในจีนแผ่นดินใหญ่ได้อย่างสบาย หารายได้บ็อกซ์ออฟฟิศได้เท่าไรล้วนเป็นกำไรทั้งนั้น แบบนี้ถ้ายังกลัวการต่อสู้ก็คงไม่ต้องถ่ายหนังอีกแล้ว

คนวงการภาพยนตร์ในประเทศหลายคนล้วนมีอาการ ‘หวาดกลัวอเมริกา’ บ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์พ่ายแพ้ยับเยิน ก็มักจะโยนความผิดไปให้หนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ที่เข้าโรงในช่วงเวลาเดียวกัน คร่ำครวญว่าเทคนิคและความสามารถสู้เขาไม่ได้ ตัดพ้อประเทศชาติที่เปิดกว้างให้กับตลาดภาพยนตร์

ดังนั้นเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่เป็นช่วงเวลา ‘คุ้มครองภาพยนตร์ในประเทศ’ จึงกลายเป็นชิ้นขนมที่หอมหวาน บริษัทภาพยนตร์แต่ละแห่งแข่งกันเหลาหัวให้แหลมแล้วทิ่มแทงเข้าไป แก่งแย่งกันจนเลือดตกยางออก

มีแค่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ที่ภาพยนตร์ในประเทศอาศัยภาพยนตร์วัยรุ่น ภาพยนตร์ไอดอล รวมถึงภาพยนตร์ทางช่องทางออนไลน์เรียกความนิยมกลับมาได้บ้าง สถานการณ์จึงดีขึ้นไม่น้อย

‘โปเยโปโลเย’ ไม่สอดคล้องกับภาพยนตร์สามประเภทดังกล่าว แต่ลู่เฉินไม่ได้มีความเกรงกลัวต่อภาพยนตร์ฮอลลีวูดเลย เพราะเขาไม่เคยคิดแค่จะกวาดเงินจากตลาดในประเทศเท่านั้น เป้าหมายของเขายังอีกยาวไกล การสร้างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์และสร้างทีมงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ขึ้น ก็เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้

ความมั่นใจและความกล้าในการเผชิญหน้ากับศึกครั้งนี้ของลู่เฉินได้แผ่ขยายไปถึงทุกคนในที่นั้น วั่นเสี่ยวเฉวียนยิ้มเล็กน้อย “ถ้างั้นพวกเราทำโฆษณาให้หนักขึ้น วางแผนการโปรโมตที่เจาะจง เถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ยต้องลงรูปหวานในบล็อกเยอะๆ ผลลัพธ์ที่ได้ต้องดีแน่นอน แถมยังประหยัดเงินด้วย”

ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าวั่นเสี่ยวเฉวียนที่เคร่งขรึมมาตลอดพูดล้อเล่นเป็น

ลู่เฉินได้แต่ยิ้มแห้ง “ผม…จะพยายาม”

แม้วั่นเสี่ยวเฉวียนจะพูดล้อเล่น แต่เขาพูดได้มีเหตุผลมาก สำหรับภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ แฟนคลับเป็นสิบล้านคนของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นคลังที่ใหญ่ที่สุด

ทั้งสองคนเพิ่มความเคลื่อนไหวในบล็อก เผยข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ออกมาบ้าง นับว่าเป็นการโปรโมต ‘โปเยโปโลเย’ทางอ้อม

การประชุมครั้งนี้ดำเนินไปสองชั่วโมงก็สิ้นสุด เรื่องที่ควรเอ่ยถึงก็คือ ภาพยนตร์ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ไม่ได้อยู่ในหัวข้อการประชุมด้วย กล่าวถึงผ่านๆ เพียงประโยคเดียวเท่านั้น

เพราะไม่มีใครเห็นว่า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ผู้แพ้ราบคาบเป็นคู่แข่งอีกต่อไป จึงไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึง

ชุยซิ่งเสียนผู้บริหารของหวาก้วนพิคเจอร์สน่าจะกระอักเลือดไปสามรอบแล้ว

หลังจากเลิกประชุม ลู่เฉินเพิ่งกลับเข้ามาถึงห้องทำงานของตัวเอง เฉินซินผู้ช่วยสาวของลู่ซีก็เดินเข้ามา

พี่สาวมีเรื่องสำคัญจะหาเขา

ลู่เฉินรู้สึกแปลกใจ จึงรีบเข้าไปหาลู่ซีที่ห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่ทันที

“ทำไมเหรอ”

ลู่ซีไม่ได้ตอบตามตรง กลับเลื่อนหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะให้หันร้อยแปดสิบองศามาทางเขา

บนหน้าจอกำลังเปิดหน้าต่างเว็บไซต์ของสื่อบันเทิงในประเทศเว็บไซต์หนึ่ง บนนั้นมีตัวอักษรหนาสีดำตัวใหญ่สะดุดตาปรากฏอยู่ ทำให้ลู่เฉินเห็นเข้าแล้วถึงกับตากระตุก!

‘รางวัลสุวรรณหงส์เผยรายชื่อผู้เข้าชิง ไร้ชื่อละครดัง ‘ฟูลเฮ้าส์’!’

………………………………

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Status: Ongoing
ชีวิตของลู่เฉินดั่งมรสุมรุมเร้า ทว่าสวรรค์ยังคงเมตตาคนสู้ชีวิต ความทรงจำและความสามารถจากในความฝัน จะช่วยปูทางให้เขากลายเป็น Perfect Superstar เอง!ลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปีจำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาลวันหนึ่งเขาฝัน…เป็นความฝันที่ยาวนานมากโลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกันนักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระเขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝันเมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมาเป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท