ตอนที่ 631 ตัดให้ขาด
ปักกิ่ง ห้องทำงานผู้จัดการใหญ่บริษัทเอเจนซี่จวี่ซิง
ในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราอบอวลไปด้วยควันเต็มไปหมด ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นที่ชวนให้สำลัก จินหงเหว่ยนั่งอยู่บนโต๊ะที่กว้างใหญ่มาก ตาแดงก่ำจ้องโทรศัพท์บนโต๊ะ ราวกับว่ามีบางอย่างโผล่ออกมาจากโทรศัพท์
ที่เขี่ยบุหรี่ข้างโทรศัพท์นั้นเต็มไปด้วยก้นบุหรี่ และกล่องบุหรี่ที่ถูกบีบจนบี้แบนสองกล่องก็ถูกโยนทิ้งไปทางหนึ่ง ดูแล้วน่าเวทนามาก
ในฐานะที่เป็นบอสใหญ่ของบริษัทเอเจนซี่รายใหญ่ที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงของปักกิ่ง จินหงเหว่ยแต่ไหนแต่ไรก็มีความมั่นใจและภูมิใจเสมอมา ศิลปินดาราที่ผ่านมือของเขามีมากมายนับไม่ถ้วน และหลายคนในนั้นก็อยู่ในระดับบิ๊ก
แม้ว่าระดับบิ๊กหลายคนจะบินหนีหายไปแล้ว แต่กลับให้สมญานาม ‘ก็อดฟาเธอร์’ แห่งวงการบันเทิงแก่เขา ในแวดวงบันเทิงในประเทศแม้ว่าจะไม่สามารถพูดได้ว่าเขามีอำนาจถึงขั้นเรียกลมเรียกฝนได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ยอมเขา
นักแสดงตัวเล็กๆ หน้าใหม่มากมาย พยายามแทบตายเพื่อที่จะเซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงนี้ เพราะว่าอาศัยเพียงเส้นสายและทรัพยากรของบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิง การมีชื่อเสียงขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
ดังนั้นในวงการบันเทิงนี้ หากจินหงเหว่ยต้องการสิ่งใด ก็มักจะได้มาอย่างง่ายดาย
แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ เขาเจอเรื่องยุ่งยาก เป็นเรื่องยุ่งยากมากๆ ด้วย
ก่อนอื่นเลยก็คือโปรเจกต์ใหญ่ที่กำลังเจรจาอยู่กับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานนั้นถูกพักเอาไว้ ละครเรื่องยาวที่มีการลงทุนมากกว่าหนึ่งร้อยล้าน ช่วงก่อนหน้านี้เขาทุ่มเงินไปมากมายเพื่อซื้อลิขสิทธิ์เอาไว้ ทั้งยังเซ็นสัญญากับนักแสดง เตรียมที่จะเล่นใหญ่กับสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน
เขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายลิขสิทธิ์ชื่อดังเรื่องนี้จะทำให้ดาราหน้าใหม่มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ จะได้ชะล้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งถึงสองปีนี้เสีย และเริ่มต้นสร้างฐานะในวงการของตนใหม่อีกครั้ง
แต่ที่ทำให้จินหงเหว่ยคิดไม่ถึงก็คือ สถานีโทรทัศน์เซียงหนานตอนแรกรับปากไว้เสียดิบดี การประชาสัมพันธ์ภายในองค์กรก็ทำได้ดีแล้ว ขาดก็เพียงขั้นตอนการเซ็นสัญญาเท่านั้น ผลลัพธ์กลับถูกต่อยเอาเข้าอย่างจัง
ทำให้จินหงเหว่ยมึนไปเลย
เขาเตรียมถ่ายละครเรื่องนี้มาอย่างน้อยหนึ่งปี เมื่อตอนที่กำลังหาเงินลงทุน ยังตบอกให้คำมั่นสัญญากับผู้ร่วมลงทุนทั้งหมดว่า คนที่ร่วมมือด้วยคือสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน จะฉายเพียงสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเท่านั้น
เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้อย่างดิบดีแล้ว รากฐานของจินหงเหว่ยแม้ว่าจะอยู่ที่ปักกิ่ง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและสถานีโทรทัศน์เซียงหนานนั้นมีมายาวนานแล้ว สายสัมพันธ์นั้นฝังรากลึก ผู้บริหารระดับสูงนั้นไม่มีคนไหนที่ไม่รู้จัก
และความร่วมมือในครั้งนี้สำหรับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานแล้ว ยังไงก็เป็นเรื่องดี
แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงกัน
แน่นอนว่าจินหงเหว่ยไม่ยินดีนัก เขารีบบินไปซาเฉิงเพื่อหาเส้นสายของเขาทันที แต่บรรดาเพื่อนและพี่ชายในสถานีโทรทัศน์เหล่านั้นต่างก็หลบหน้าไม่ยอมพบเจอ โทรศัพท์ไม่รับหน้าไม่ยอมพบ กระทั่งประตูของสถานียังเดินเข้าไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
ราวกับเขาได้กลายเป็นสิ่งน่าเกลียดที่ทุกคนต่างเกลียดในคืนเดียว
เมื่อเจอกับการปิดกระตูใส่หน้าไม่รับแขกติดๆ กัน แน่นอนว่าจินหงเหว่ยไม่ยอมแพ้ ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องตายตาหลับสิ
แต่ไม่ต้องรอให้เขาเข้าใจ ทางปักกิ่งก็ส่งข่าวร้ายมา ดาราในสังกัดหลายคนที่อยู่ภายใต้สังกัดจวี่ซิงต่างยื่นคำฟ้องต่อศาล ต้องการยุติสัญญากับบริษัทเอเจนซี่
เหตุผลของการยื่นฟ้อง หลักๆ ก็คือ สัญญาของจวี่ซิงทารุณโหดร้ายเกินไป ละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคลของศิลปินอย่างจริงจังและแม้กระทั่งบังคับให้ศิลปินไปร่วมดื่มกับบุคคลต่างๆ
นี่ทำให้เป็นข่าวใหญ่ทันที รังเก่าติดไฟขึ้นมาแล้วจริงๆ จินหงเหว่ยไหนเลยจะมีเวลามาใส่ใจเรื่องสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน รีบบินกลับจากซาเฉิงไปปักกิ่งเพื่อดับไฟเสีย เดือดร้อนเสียจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไปหมด
เมื่อต้องรับมือกับเรื่องฟ้องร้อง จินหงเหว่ยให้คนสืบข่าวทั่วทุกทาง อยากทราบว่าใครกันแน่ที่กำลังโจมตีตน
สถานีโทรทัศน์เซียงหนานผิดสัญญา ดาราในสังกัดก่อกบฏ เรื่องใหญ่ทั้งสองมาพร้อมกันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ จินหงเหว่ยอยู่ในวงการนี้มาหลายสิบปี วิธีจัดการเรื่องต่างๆ ล้วนรุนแรงและใช้อำนาจบาตรใหญ่ คนที่เขาผิดใจด้วยก็มีอยู่ทั่วไปหมด
สองวันมานี้ จินหงเหว่ทานข้าวไม่อร่อย นอนหลับไม่สนิท แม้กระทั่งฝันยังฝันร้ายเลย
กริ๊งๆ
โทรศัพท์ในห้องทำงานจู่ๆ ก็ดังขึ้น เสียงนั้นฟังดูแล้วบาดหูมากๆ
แต่จินหงเหว่ยคว้าโทรศัพท์เอาไว้ด้วยความเร็วสูง เหมือนคว้าเอาฟางเส้นสุดท้ายอย่างนั้น
“ฮัลโหล?”
พูดคุยกับคนปลายสายอยู่สองสามนาที สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง จากแดงก็กลายเป็นซีดเผือด สุดท้ายกลายเป็นสีดำเหมือนเถ้าถ่าน
จากบรรดาเพื่อนแย่ๆ ของเขา ในที่สุดจินหงเหว่ยก็ทราบสาเหตุที่สถานีโทรทัศน์เซียงหนานผิดคำสัญญาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นหลี่ว์เจิ้นไห่รองผู้อำนวยการสถานีคนใหม่ควบตำแหน่งผู้อำนวยการรายการของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานตั้งแง่กับเขา จึงตัดสินใจไม่ร่วมมือใดๆ กับบริษัทจวี่ซิงอีกต่อไป
ตอนที่เพิ่งจะได้ยินข่าวนี้ จินหงเหว่ยยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ เพราะว่าเมื่อคราวที่หลี่ว์เจิ้นไห่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งนั้น เขาก็เดินทางไปเมืองซาเฉิงเพื่อแสดงความเคารพด้วยตัวเองทันที ท่าทีของหลี่ว์เจิ้นไห่ที่มีต่อเขายังเป็นมิตรอยู่เลย ทำไมบทจะโกรธก็โกรธขึ้นมา
หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เอ่ยชื่อคนคนหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือลู่เฉิน
หากถามว่าจินหงเหว่ยมีความทรงจำกับดาราคนใดในวงการบันเทิงที่ลึกล้ำไม่เคยลืม อย่างนั้นลู่เฉินต้องไปหนึ่งในนั้นแน่ๆ เด็กหนุ่มที่โด่งดังอย่างรวดเร็วคนนี้ ช่างเป็นความเจ็บปวดของจินหงเหว่ยอย่างแท้จริง มองว่าเป็นศัตรูอย่างแท้จริง
บุณคุณความแค้นระหว่างคนทั้งสองนั้น เริ่มต้นตั้งแต่ลู่เฉินปฏิเสธเขานั่นเอง จินหงเหว่ยเคยแกล้งกดดันลู่เฉิน สุดท้ายกลับถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง
ต่อมาลู่เฉินดังจนฉุดไม่อยู่ ไม่เพียงแต่สร้างเส้นสายในวงการบันเทิงมากมาย ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลี่ด้วย จินหงเหว่ยอยากเล่นนอกเกมก็ยังจนใจ ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงมองอีกฝ่ายกลายเป็นดาราที่โด่งดังที่สุดในบรรดาดาราหน้าใหม่เท่านั้น
แต่สถานีโทรทัศน์เซียงหนานกลับเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์กับเขาเพราะลู่เฉิน
จินหงเหว่ยรู้สึกเหมือนอยากกระอักเลือดออกมา แต่กลับไม่รู้จะทำอย่างไร
เขารู้ดีว่าสถานีโทรทัศน์เซียงหนานอาจไม่รู้สึกยินดีนักกับยอดเรตติ้งที่ตกลงไปมาก จึงอยากฟื้นความสัมพันธ์กับลู่เฉินผู้ที่กำลังฮอตอยู่ในตอนนี้ หลังจากนั้นก็มอบเขาเป็นของขวัญวันพบหน้าเสีย
ในวงการนี้ ใครจะไม่รู้บ้างว่าจินหงเหว่ยกับลู่เฉินมีความแค้นต่อกัน
การเปลี่ยนฝั่งของสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน คงเป็นการผลักโดนิโมตัวแรก ศิลปินดาราหลายคนที่อยู่ใต้ร่มเงาของบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงก่อกบฏคงเกรงว่าตนจะต้องข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปด้วย เพียงแต่เขาดันได้รับข้อมูลช้าไปเท่านั้นเอง
แต่เมื่อสูญเสียแผ่นป้ายทองอย่างสถานีโทรทัศน์เซียงหนานนี้ไปแล้ว เขาจะยังเหลืออะไรอีกล่ะ
จินหงเหว่ยจู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
และในตอนนี้เอง ประตูห้องจู่ๆ ก็ถูกผลักเข้ามา เลขาสาวเดินเข้ามาในห้องอย่างหวาดๆ
“ผู้จัดการจินคะ มีคนมาหาค่ะ…”
จินหงเหว่ยโกรธเกรี้ยวทันที “อะไรกัน! ไม่ได้บอกเธอแล้วหรือว่าห้ามรบกวน ฉันไม่พบใครทั้งนั้น!”
เลขาสาวใกล้จะร้องไห้ออกมาเต็มที เธอเดินตัวลีบหลบไปด้านข้าง หลังจากนั้นชายสองคนในชุดเครื่องแบบที่เดินตามเธอเข้ามาก็เดินก้าวมาข้างหน้า ชายคนหนึ่งเอ่ยเสียงต่ำว่า “คุณก็คือกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทเอเจนซี่จวี่ซิง คุณจินหงเหว่ยใช่ไหมครับ”
“ผมเป็นรองหัวหน้าหน่วยสืบสวนเศรษฐกิจปักกิ่ง”
“คุณถูกสงสัยว่าฉ้อโกงสัญญา…”
แย่แล้ว!
เมื่อมองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนที่เพิ่งแสดงข้อมูลประจำตัวต่อหน้าเขา หัวสมองของจินหงเหว่ยก็ว่างเปล่าทันที
เขารู้เลยว่าครั้งนี้ล้มแน่ แย่สุดๆ ไปเลย
………………………………