ตอนที่ 675 คำเชิญของซือฟาง
วันที่ 12 สิงหาคม เวลา 19.00 น. ห้องอัดรายการหมายเลข 1 สถานีโทรทัศน์เจ้อตง เมืองหังโจว
ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนที่รายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ รอบสุดท้ายจะเริ่มต้นขึ้น แต่ในสตูดิโอกำลังยุ่งวุ่นวาย เจ้าหน้าที่ต่างรีบจัดเตรียมงานถ่ายทอดสด ที่นั่งผู้ชมทั้ง 1,250 ที่นั่งเต็มทั้งหมด
ตั้งแต่เริ่มออกอากาศในวันที่ 19 พฤษภาคม รายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ในฐานะรายการแข่งขันคัดเลือกนักร้องที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สร้างแบรนด์ของตัวเองในประเทศได้สำเร็จ มีแฟนคลับนับไม่ถ้วนคอยติดตาม
วันนี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้าย!
กับการอำลาซีซันหนึ่งที่กำลังจะจบลง เจ้าหน้าที่ฝ่ายรายการของสถานีโทรทัศน์เจ้อตงล้วนทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดลงไป ทุกขั้นตอนต้องมีการตรวจสอบซ้ำหลายรอบ กลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดขณะถ่ายทอดสด ซึ่งจะหลงเหลือเป็นความเสียดายที่ไม่ทำให้สมบูรณ์
การถ่ายทอดสดแตกต่างจากการอัดรายการ ที่รองรับความผิดพลาดได้น้อยมาก แม้จะคลาดเคลื่อนกันอยู่หลายนาที แต่ไม่เพียงพอให้กลบเกลื่อนความผิดพลาดไปได้ เป็นการพิสูจน์ความสามารถครั้งยิ่งใหญ่ของเจ้าหน้าที่สถานีโทรทัศน์อย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งหมดเพื่อผลลัพธ์ของรายการ การแข่งขันรอบตัดสินในวันนี้เป็นครั้งแรกที่ยอมรับคะแนนโหวตจากผู้ชมทางบ้าน ดังนั้นจึงต้องถ่ายทอดสด เพื่อเลือกผู้ชนะคนสุดท้าย!
บรรยากาศในสตูดิโอตอนนี้ตึงเครียดมาก
แต่บรรยากาศในเขตด้านหลังเวทีในสตูดิโอกลับผ่อนคลายกว่ามาก
เพราะผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ถูกคัดเลือกออกไปก่อนหน้านี้มากมาย เหลือเพียงผู้เข้าแข่งขันสี่คนที่เข้ารอบมา พร้อมกับโค้ชทั้งสี่คน ด้านหลังเวทีจึงโล่งว่าง ไม่ค่อยมีคนอยู่มากนัก
ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ ซือฟาง และเลี่ยวเจี่ยเพิ่งแต่งหน้าเสร็จ กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่
รายการได้อัดต่อเนื่องกันมานาน ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกัน ทุกคนจึงพูดคุยกันสบายๆ เหมือนเพื่อนที่แท้จริงกำลังเสวนาแลกเปลี่ยนกันอยู่
ซือฟางทักขึ้นมาว่า “พวกเธอสองคนเอาแต่พลอดรักลงบล็อกกันทั้งวัน เมื่อไหร่จะเลือกวันมงคลสักที”
บล็อกที่เธอพูดถึงย่อมไม่ใช่บล็อกของฮ่องกงแน่นอน แต่เป็นบล็อกล่างฉาว
แต่เดิมซือฟางไม่เล่นบล็อก ปกติเธอเข้าอินเทอร์เน็ตน้อยมาก แม้จะมีบัญชีส่วนตัวในบล็อกเกาะฮ่องกงก็ตาม แต่ปกติโยนให้ผู้จัดการส่วนตัวดูแล ไม่ค่อยมีปฏิกิริยาตอบโต้กับบรรดาแฟนคลับเท่าไร
แต่หลังจากมาร่วมถ่ายรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ในจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยคำยุยงของเฉินเฟยเอ๋อร์ เธอมีบล็อกเป็นของตัวเองในบล็อกล่างฉาว คนที่เข้าไปติดตามคนแรกคือเฉินเฟยเอ๋อร์ จากนั้นเป็นลู่เฉินและหลิวกั่งเซิง
เธอหวนคืนสู่สายตาของบรรดาแฟนคลับใหม่อีกครั้งจากการถ่ายทำรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ที่โด่งดัง ยอดผู้ติดตามในบล็อกสูงขึ้นเรื่อยๆ ภายในเวลาสองเดือนกว่ามีผู้ติดตามทะลุสามสิบล้านรายแล้ว
ด้วยการนำพาของเฉินเฟยเอ๋อร์ ซือฟางเริ่มเรียนรู้ที่จะเล่นบล็อกเอง มักจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเซลฟี่หรือถ่ายรูปร่วมกัน เขียนข้อความสั้นๆ ในชีวิตประจำวันหรืออารมณ์ความรู้สึกลงไป โต้ตอบกับแฟนคลับเล็กน้อย ทำให้แฟนคลับรู้สึกเซอร์ไพรส์อยู่บ่อยๆ
จากคำพูดของบรรดาแฟนคลับ เทียบกับราชินีแห่งวงการเพลงฮ่องกงเมื่อก่อน ตอนนี้ซือฟางดูน่าใกล้ชิดกว่ามาก
สำหรับคำยุยงของซือฟาง เฉินเฟยเอ๋อร์ตวัดสายตาใส่ลู่เฉิน “งั้นก็ต้องดูที่ใครบางคนแล้วละ…”
พูดเหมือนตัวเองเป็นหญิงสาวเจ้าคิดเจ้าแค้น
ลู่เฉินทำหน้าเหวอ “เหมือนว่าคุณเป็นคนบอกว่าในสองปีนี้ยังไม่คิดเรื่องแต่งงานไม่ใช่เหรอ”
สำหรับลู่เฉิน ความรักของเขากับเฉินเฟยเอ๋อร์มาถึงขั้นนี้แล้ว การหมั้นและการแต่งงานเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ด้วยฐานะของเขาในวงการบันเทิง ไม่ต้องกลัวว่าหลังจากแต่งงานแล้วความนิยมจะลดลง
แต่เฉินเฟยเอ๋อร์มุมานะในด้านการงาน ทั้งยังมีความกังวลที่บอกไม่ถูก ดังนั้นจึงพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
จะว่าไป หัวข้อนี้ถูกคนถามกันมาก แม้แต่แฟนคลับยังถกเถียงกันว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะได้ลงเอยกัน รับคำมั่นสัญญาตลอดชีวิต
เฉินเฟยเอ๋อร์บ่น “ฉันว่ายังไงนายก็ต้องว่าอย่างนั้นเหรอ!”
เลี่ยวเจี่ยหัวเราะเสียงดัง…นี่ไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไรเลย
คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะเป็นราชินีแบบนี้!
ลู่เฉินได้แต่ยิ้มแหย คุยกับผู้หญิงไม่ต้องพูดถึงเหตุผล โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่เขารักหมดใจ
ส่วนหัวโจกที่เป็นผู้จุดประกายการสนทนานี้กำลังแอบหัวเราะ แล้วช่วยประนีประนอม “เอาละ พวกเราไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกพวกเธอ ต้องให้พวกเธอตัดสินใจ”
ความสนใจของลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ และเลี่ยวเจี่ยหันไปจับจ้องที่ซือฟาง ทุกคนรู้ว่าในเมื่อซือฟางพูดถึงขนาดนี้แล้ว ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ซือฟางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ปีนี้จะเป็นปีที่ฮ่องกงได้กลับมาเป็นของจีนแผ่นดินใหญ่ครบห้าสิบปี รัฐบาลเขตปกครองพิเศษจะจัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ รวมถึงงานกาล่าที่จะมีผู้ร่วมงานเป็นแสนคน”
“ไม่รู้ว่าพวกเธอสามคนมีเวลาไปร่วมงานไหม”
พวกลู่เฉินทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา…นี่มันเรื่องใหญ่เชียว!
งานเฉลิมฉลองที่เกาะฮ่องกงหวนคืนสู่แผ่นดินแม่ครบ 50 ปี ทั้งขนาดและข้อกำหนดของงานต้องยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด ศิลปินที่ได้ยืนอยู่บนเวที ต้องเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับท็อปของวงการเท่านั้น
ถ้าสถานะด้อยลงมาคงไม่อาจได้รับเชิญไปงาน
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกสงสัยก็คือ ทำไมซือฟางจึงเป็นผู้มาเชิญ แต่ไม่ใช่เขตปกครองพิเศษ?
ซือฟางมองออกว่าพวกเขาสงสัยอะไร เธอยิ้มแล้วอธิบายต่อ “ฉันเป็นเพื่อนกับอธิบดีหวงแห่งกระทรวงวัฒนธรรมของเขตปกครองพิเศษ เธอให้ฉันออกหน้ามาเชิญพวกเธอทั้งสามคน ถ้าพวกเธอยินดีไปร่วมงานทั้งยังเว้นตารางงานเอาไว้ได้ ถึงตอนนั้นทางเขตปกครองพิเศษจะจัดส่งบัตรเชิญอย่างเป็นทางการมา”
“อีกอย่าง ถ้าพวกเธอเห็นด้วย ยังต้องขอให้พวกเธอเตรียมผลงานเอาไว้ด้วย จะให้ดีต้องเป็นเพลงที่เกี่ยวกับการเฉลิมฉลองครบรอบ”
“แล้วก็ นอกจากอาหารกับที่พักที่จัดการให้เสร็จสรรพ พวกเธอยังจะได้ค่าตอบแทนด้วย”
เป็นแบบนี้นี่เอง!
ลู่เฉินเข้าใจในทันที ในเมื่อเป็นงานกาล่าเฉลิมฉลอง รัฐบาลของเขตปกครองพิเศษต้องเชื้อเชิญศิลปินในวงการบันเทิงมาไม่น้อย ต้องสอบถามเจตนารมณ์ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างเป็นทางการเพื่อการไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง
เพราะการเชื้อเชิญของทางการไม่เหมือนกับงานแสดงเชิงพาณิชย์ ดารามากมายอาจจะไม่อยากไป ต่อให้งานกาล่าเฉลิมฉลองเกาะฮ่องกงหวนคืนสู่ดินแดนแม่จะเป็นงานระดับสูง แต่ถ้าเขาไม่ยอมมาล่ะ
ดังนั้นจึงต้องเจรจาเป็นการส่วนตัว
อีกแง่หนึ่งก็มองออกว่ารัฐบาลเขตปกครองพิเศษมีความจริงใจและให้เกียรติมาก ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะโทรศัพท์มาถามโดยตรงแล้ว
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์คุยกันทางสายตา ลู่เฉินพยักหน้า “นับผมเข้าไปด้วยคนหนึ่งครับ”
ความหมายของการร่วมงานกาล่าเฉลิมฉลองฮ่องกงหวนคืนสู่แผ่นดินแม่ครบรอบ 50 ปีนั้น ไม่ต่างจากงานกาล่าในวันตรุษจีนหรอก กระทั่งในบางแง่มุมยังยิ่งใหญ่กว่า จึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ส่วนค่าตอบแทนนั้น ตอนนี้เขาขาดเงินหรือ?
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มแล้วเสริมว่า “บวกฉันเข้าไปด้วยค่ะ”
เลี่ยวเจี่ยลูบจมูก พูดว่า “ในเมื่อพวกนายไป ฉันก็จะไปร่วมสนุกด้วยกัน!”
“ดีจังเลย…”
ซือฟางยิ้มตอบว่า “ฉันเชื่อว่า จะเป็นงานกาล่าที่มีความหมายมากงานหนึ่งเลยทีเดียว”
………………………………