ตอนที่ 797 หนิงซานมาเยือน
‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ทำให้กระแสกำลังภายในร้อนแรงขึ้น ไม่เพียงแต่ทำให้หลายฝ่ายในวงการนี้สนใจและตามเทรนด์ ยังทำให้ลู่เฉินมีแขกพิเศษมาเยือนมากขึ้นหลายคน
ในบรรดาคนเหล่านั้นมีหลัวหรงที่เป็นนายอำเภอของอำเภอหนิงซาน อีกคนคือฟางซิ่นโฮ่วที่เป็นลุงของลู่เฉิน ฟางซิ่นโฮ่วยังเป็นรองหัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ของอำเภอหนิงซานด้วย
ลู่เฉินรับรองพวกเขาที่สำนักงานใหญ่ของเฉินเฟยมีเดีย
เขาได้รับโทรศัพท์จากฟางอวิ๋นแม่ของเขาเมื่อวานซืน หลังจากนั้นวันนี้พวกเขาก็มาถึงแล้ว ถือได้ว่าเร็วมาก
อำเภอหนิงซานตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเจ้อเจียงตะวันออก เป็นเขตที่เศรษฐกิจค่อนข้างล้าหลัง เป็นเขตเกษตรกรรมที่มีภูเขามาก น้ำมาก และที่ดินน้อย แต่สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและทิวทัศน์ทางวัฒนธรรมไม่เลวเลย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
ฟางอวิ๋นเป็นคนหนิงซาน คุณตาของลู่เฉินและบรรพบุรุษต่างก็อาศัยอยู่ที่หนิงซาน เมื่อตอนลู่เฉินยังเล็กเคยพักอยู่ที่หนิงซานสองสามปี ก็นับได้ว่าเป็นคนหนิงซานครึ่งหนึ่ง
เพราะว่ามีความสัมพันธ์แบบนี้ ดังนั้นจึงมีแขกไม่ได้รับเชิญเหล่านี้มาเยือน
ลู่เฉินบ่นว่า “ลุงครับ ลุงมาทำไมไม่โทรมาก่อน ผมจะได้ไปรับพวกลุงที่สนามบิน…”
ฟางซิ่นโฮ่วโทรหาเขาหลังจากที่มาถึงปักกิ่งแล้ว หลังจากนั้นก็พาคนเข้ามา
ฟางซิ่นโฮ่วแก่กว่าฟางอวิ๋นหลายปี เขาเป็นคนสุภาพและอ่อนโยน ไม่มีความทะเยอทะยานใดๆ ในอาชีพการงานของเขาเลย ดังนั้นเขาจึงเป็นเพียงรองหัวหน้าฝ่ายตัวเล็กๆ ในระบบมาหลายปีแล้ว
ลุงของเขาคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับฟางอวิ๋นมาก เมื่อคราวนั้นที่บ้านตระกูลลู่เกิดเรื่อง เขาก็เคยมาที่เมืองปินไห่ แม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่น้ำใจนี้ลู่เฉินยังคงจำได้แม่น
ฟางซิ่นโฮ่วหัวเราะก่อนจะพูดว่า “นายอำเภอหลัวไม่ให้ลุงโทรน่ะสิ ไม่อยากรบกวนหลาน”
ลู่เฉินส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “รบกวนอะไรกัน พวกลุงเป็นผู้ใหญ่นะครับ ผมไปรับเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว…”
เขายื่นมือไปทางชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างฟางซิ่นโฮ่ว “สวัสดีครับ นายอำเภอหลัว”
ฟางอวิ๋นได้บอกก่อนแล้วในสาย
“สวัสดีครับลู่เฉิน ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว!”
หลัวหรงหัวเราะพลางจับมือกับลู่เฉิน หลังจากทักทายสองสามคำ ลู่เฉินก็เริ่มแนะนำให้รู้จักกับลู่ซี
ทุกคนนั่งอยู่ด้านในห้องพักรับรองวีไอพี
คณะจากอำเภอหนิงซานมีทั้งสิ้นเจ็ดคน ท่านนายอำเภอนำทีมมายังปักกิ่งด้วยตัวเอง หากว่ากันตามปกติแล้วจากฐานะและตำแหน่งของฟางซิ่นโฮ่ว เขาแทบไม่มีคุณสมบัติที่จะมารวมอยู่ในกลุ่มนี้เลย แต่ความสำคัญของเขาในตอนนี้ ไม่ด้อยไปกว่าหลัวหรงเลย
เพราะชาวหนิงซานหวังว่าลู่เฉินจะใช้หนิงซานเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ หรืออย่างน้อยก็เลือกบางโลเคชั่นที่หนิงซาน อาศัยจังหวะนี้กระตุ้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของหนิงซานด้วย
ในอดีต อุตสาหกรรมหลักของหนิงซานคือเกษตรกรรม การเพาะเลี้ยงสัตว์ การป่าไม้ และอื่นๆ ไม่มีอุตสาหกรรมที่เป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้นเศรษฐกิจของหนิงซานจึงล้าหลังเสมอ หลายปีมานี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศรุ่งเรืองมาก หนิงซานเองก็พลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีสัดส่วนการพัฒนาที่มากขึ้นทุกปี
หลังจากที่หลัวหรงถูกย้ายมาเป็นนายอำเภอที่หนิงซาน เขาตัดสินใจที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเต็มกำลัง เพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพื่อส่งเสริมทรัพยากรการท่องเที่ยวในหนิงซานอย่างเต็มที่ ภายใต้การผลักดันของเขา อำเภอหนิงซานได้ก่อตั้งโรงถ่ายละครหนิงซานขึ้นในบริเวณจุดชมวิวของภูเขาชิงหนิง ด้วยเงินลงทุนมากกว่าห้าร้อยล้าน
ความคิดของท่านนายอำเภอคนนี้ยอดเยี่ยมมาก ทรัพยากรการท่องเที่ยวบริเวณจุดชมวิวของภูเขาชิงหนิงอุดมสมบูรณ์มาก นอกจากมีภูเขาชิงหนิงที่ทอดยาวหลายร้อยลี้ซึ่งปกคลุมไปด้วยป่าไม้ดั้งเดิม ยังมีแม่น้ำชิงหนิงที่ใสสะอาดสวยงาม ไหนจะวัดอวิ๋นฉานและอารามซานชิงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และหมู่บ้านโบราณที่ยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ ดังนั้นการผลักดันเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เขาคงก้าวเร็วไปหน่อย ลงทุนหลายร้อยล้านเพื่อสร้างโรงถ่ายละคร แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรงถ่ายละครได้ผุดขึ้นทุกหนทุกแห่ง และหนิงซานก็อยู่ห่างไกล การคมนาคมขนส่งและสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ได้สมบูรณ์อย่างที่ควร จึงต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วน มีนักท่องเที่ยวมาน้อยมาก
ปลูกต้นอู๋ถงไว้ รอคอยให้หงส์กาโผบินมา ต้นอู๋ถงในหนิงซานตอนนี้ปลูกเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายนกกลับบินมาแค่ไม่กี่ตัว ความกดดันที่หลัวหรงในฐานะผู้ปกครองและผู้นำต้องเผชิญมากมายแค่ไหนแค่คิดดูก็ทราบแล้ว
เรื่องที่โชคดีก็คือ ท่านนายอำเภอผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้ทราบอย่างบังเอิญว่า ลู่เฉินดาราดังที่เพิ่งจะไปร่วมงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีเป็นคนหนิงซานครึ่งหนึ่ง และกำลังจะทุ่มเงินกว่าร้อยล้านเพื่อถ่ายหนังฟอร์มยักษ์ ด้วยเหตุนี้จึงรีบดึงเส้นสายนี้ขี้นมาอย่างไวว่อง
ในฐานะที่เป็นข้าราชการ เดิมที่เขาไม่ได้มีความเข้าใจอะไรในวงการบันเทิงเลย แทบจะไม่ได้สนใจอะไรในตัวนักร้องนักแสดงเลย แต่เมื่อเริ่มต้นสร้างโรงถ่ายละครขึ้นทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ตอนนี้เขาแน่ใจเป็นอย่างมากว่า ดาราชื่อดังอย่างลู่เฉินมีอิทธิพลมากมายเพียงใด ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มีระดับการติดตามสูงมากเพียงใด ดังนั้นสำหรับหนิงซานแล้ว นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
การที่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งมีชื่อเสียงขึ้นมาไม่ใช่นิทานแต่อย่างใด ในปี 2010 ภาพยนตร์ดังเรื่อง ‘รักลึกล้ำ’ ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ส่งผลให้เมืองโบราณฉางเฉียวในภาพยนตร์ได้รับความนิยมไปด้วย นักท่องเที่ยวเยอะมากจนถนนแน่นขนัดเลยทีเดียว
ภาพยนตร์เรื่องนั้นเป็นตัวอย่างที่แข็งแกร่งมาก ถ้าหาก ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้ถ่ายทำในโรงถ่ายละครของหนิงซานละก็ ทางหนิงซานแค่ประชาสัมพันธ์เพิ่มนิดหน่อย โครงการทั้งหมดก็จะรอดแล้ว
หลัวหรงจึงนำตัวฟางซิ่นโฮ่วมาพบลู่เฉินที่ปักกิ่งด้วย หวังจะอาศัยความเป็นญาติ
สำหรับสิ่งนี้ลู่เฉินไม่ได้รู้สึกต่อต้านอะไร คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไม่อาจเห็นแก่ตัวเพียงอย่างเดียวได้ ขอเพียงทางหนิงซานมีเงื่อนไขที่เหมาะสมกับการถ่ายทำ จะให้ไปถ่ายที่นั่นสองสามฉากก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร อย่างน้อยเขาก็เป็นคนหนิงซานอยู่ครึ่งหนึ่ง
“เอาอย่างนี้ครับท่านนายอำเภอหลัว…”
เขาคิดอยู่นานก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผมจะส่งคนไปสำรวจสถานการณ์ที่หนิงซานก่อน ขอเพียงทุกอย่างเหมาะสมผมก็ยินดีที่จะถ่ายทำภาพยนตร์ที่หนิงซาน”
“อย่างนั้นก็ดีมากเลย!”
หลัวหรงอดไม่ได้ที่จะดีใจ เขายื่นมือไปหาลู่เฉิน “ในนามของผู้คนนับล้านในหนิงซาน ผมขอบคุณมากครับ นอกจากนี้อำเภอหนิงซานของเราจะให้ความร่วมมือกับการถ่ายทำเรื่อง ’กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อย่างเต็มที่แน่นอน”
ลู่เฉินตกตะลึง เขายังไม่ได้ตกลงอะไรเลย แต่อีกฝ่ายขอบคุณเขาในนามของชาวบ้านคนอื่นๆ เสียแล้ว
หลังจากจับมือกับหลัวหรงด้วยความรู้สึกร้องไห้ก็ไม่ได้ยิ้มก็ไม่ออก ลู่เฉินกล่าวว่า “ท่านนายอำเภอหลัวพูดเกินไปแล้ว ขอบคุณมากครับ”
หลัวหรงหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่พวกเราต้องให้ความร่วมมือ ผมยังเตรียมที่จะย้ายหัวหน้าฝ่ายฟางมาเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยว เพื่อรับผิดชอบดูแลสถานที่ท่องเที่ยวและโรงถ่ายละคร”
ฟางซิ่นโฮ่วร้อง “อ๋า” ออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
ลู่เฉินและลู่ซีลอบมองสบตากัน ต่างก็มองเห็นสายตาแสดงความนับถือจากดวงตาของอีกฝ่าย ท่านนายอำเภอคนนี้ไม่ธรรมดาเลย จัดการเรื่องราวอย่างเด็ดขาดและยังยินดีที่จะแบ่งผลประโยชน์ออกมาด้วย
เมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตการทำงานของคุณลุง ไหนจะเกี่ยวพันกับน้ำใจไมตรีที่มีต่อชาวบ้าน อีกทั้งลู่เฉินก็ไม่ต้องทุ่มเทอะไร เรื่องที่ภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะไปถ่ายทำที่หนิงซาน ก็ถือว่าตกลงกันเรียบร้อย
แต่แน่นอนว่าการสำรวจสถานที่ถ่ายทำนั้นยังคงต้องดำเนินต่อไป การถ่ายทำภาพยนตร์ที่มีการลงทุนหลายร้อยล้านจะสะเพร่าไม่ได้ ดังนั้นลู่ซีจึงเป็นคนนำทีม เดินทางกลับไปที่หนิงซานพร้อมกับหลัวหรงและฟางซิ่นโฮ่ว
สุดท้ายในวันเดียวกันนั้นหลังจากเฉินเฟยเอ๋อร์ทราบเรื่องนี้เข้า ก็ตัดสินใจที่จะติดตามไปดูด้วยเช่นกัน
…………………………………………………………………………