ตอนที่ 803 ความหวังและอนาคต
ปักกิ่ง เขตตะวันออกของศูนย์ศิลปะยุคใหม่ พิพิธภัณฑ์ป๋อรุ่ย
พิพิธภัณฑ์ป๋อรุ่ยเดิมทีเป็นอาคารโรงงานผลิตสูง 5 ชั้น สร้างขึ้นในยุค 70 มีขนาดใหญ่ แข็งแกร่ง และทนทาน ตามแบบฉบับของสถาปัตยกรรมซูโจว ซึ่งในปัจจุบันแทบไม่มีให้เห็นในเมืองหลวงที่มีความทันสมัยสูงอย่างปักกิ่งแล้ว
สาเหตุที่สามารถอนุรักษ์ไว้ก็เนื่องมาจากการสร้างศูนย์ศิลปะ สมัยนั้นนักออกแบบได้แปรสภาพให้เป็นศูนย์นิทรรศการศิลปะขนาดใหญ่ และแบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็นหลายส่วน ทำให้อาคารเก่าอายุสี่สิบปีหลังนี้ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และกลายเป็นภูมิทัศน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในศูนย์ศิลปะ
เวลาเก้านาฬิกา คนหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่ที่ตื่นเต้นและกระตือรือร้นได้มาถึงพิพิธภัณฑ์ป๋อรุ่ยแห่งนี้ พวกเขาไม่ได้มาเยี่ยมชมนิทรรศการศิลปะที่จัดขึ้นที่นี่ แต่มาเยี่ยมชมและศึกษา ‘ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่’ ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานนั่นเอง
คนหนุ่มสาวที่อายุราวสิบกว่าปีจนถึงยี่สิบกว่าปีเหล่านี้ก็คือผู้ชนะในการออดิชันเพื่อเป็นนักแสดงในเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าคน
ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ลงทุนก่อตั้งโดยเฉินเฟยมีเดีย โดยเช่าพื้นที่แปดร้อยห้าสิบตารางเมตรบนชั้นห้าของพิพิธภัณฑ์ป๋อรุ่ย และสร้างเป็นศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้ชั้นหนึ่งในประเทศจีน เชี่ยวชาญในการฝึกสตันต์แมนและนักแสดงแอกชันสำหรับการถ่ายภาพยนตร์และละครที่ใช้เทคนิคพิเศษโดยเฉพาะ
แม้ว่าพื้นที่ของศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่จะไม่ใหญ่มาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมต่างๆ นั้นยอดเยี่ยม อุปกรณ์จำนวนมากนำเข้ามาทั้งนั้น เป็นอุปกรณ์ระดับมืออาชีพซึ่งมีมูลค่ามากกว่าสิบล้านหยวน นอกจากนี้ยังมีการสั่งทำอุปกรณ์พิเศษมากมาย เช่น สลิง หุ่นไม้ แท่นห้อยแขนเอนกประสงค์ ฯลฯ
กำลังหลักของศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ คือทีมตระกูลลู่ที่สร้างขึ้นโดยลู่เฉิน การลงทุนสร้างศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่นั้นก็เพื่อขยายจำนวนสมาชิกของทีมตระกูลลู่ เพื่อให้มีคนมีความสามารถเพียงพอต่อการพัฒนาผลงานกำลังภายใน
ก่อนหน้าที่จะมีทีมตระกูลลู่ วงการภาพยนตร์ในประเทศแทบไม่มีการสร้างบุคลากรทางด้านนี้เลย แม้ว่านักแสดงแทนและนักแสดงแอกชันนั้นจะพอมี แต่โดยมากก็ไม่เอาถ่านเท่าไร
แต่ตอนนี้หลังจากการปรากฏขึ้นของกระแสกำลังภายใน คนมีความสามารถด้านนี้ถึงได้ขาดแคลนขึ้นมา
อันที่จริงนอกจากลู่เฉินแล้ว ในสายตาของคนในวงการ ตำแหน่งของภาพยนตร์และละครกำลังภายในไปจนกระทั่งการถ่ายทำยังคงติดภาพจำอยู่ที่หนังฮ่องกงในยุค 70-80 หรือภาพยนตร์แอกชันของต่างประเทศ โดยที่พวกเขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น
แต่ลู่เฉินรู้ตัวดีว่าตัวเองต้องการอะไร และรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร เขาเริ่มโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในตั้งแต่สองปีที่แล้ว เตรียมความพร้อมมาทีละขั้น เรียกได้ว่านำหน้าคนอื่นไปไปไกล
เด็กวัยรุ่นที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามากลุ่มนี้ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขามีพื้นฐานที่ค่อนข้างไม่เลว มีความเชี่ยวชาญในทักษะการต่อสู้อย่างน้อยหนึ่งประเภท พวกเขาเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และมีความสามารถในการปรับตัวสูง
แน่นอน นักเรียนชุดแรกในศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ไม่ต้องการคนมากนัก ดังนั้นจึงต้องเลือกคนที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้ลู่เฉินจึงได้จัดให้มีการเยี่ยมชมในวันนี้เป็นพิเศษ เพื่อทำความเข้าใจในตัวพวกเขาให้มากขึ้น
คนที่เข้าตาเขา ต่อให้ถูกคัดออกในตอนหลัง ก็สามารถเรียกมาเซ็นสัญญาได้เหมือนกัน
สำหรับเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ การมาที่ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ก็เหมือนกับคุณยายหลิว[1]ไปเยี่ยมสวนแกรนด์วิว อุปกรณ์ด้านในนั้นช่างหรูหราเป็นอย่างมาก หลายสิ่งเป็นสิ่งที่แทบจะไม่เคยเห็นเลย มันช่างแปลกใหม่อย่างน่าอัศจรรย์
ไม่เพียงเท่านั้น การฝึกซ้อมของทีมตระกูลลู่ที่บริเวณหน้าหุ่นไม้เสมือนคนและบนเวทีประลองช่างเปิดหูเปิดตาของพวกเขามาก
สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับคนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็คือ พวกเขาได้พบกับลู่เฉินที่นี่อีกด้วย!
“สวัสดีทุกคน…”
ลู่เฉินนำวั่นหย่งและคนอื่นๆ มาปรากฏตรงหน้าทุกคน เขายกยิ้มก่อนจะพูดว่า “ดีใจที่พวกคุณฝ่าด่านการทดสอบเบื้องต้นมาได้ ในอนาคตที่นี่อาจจะเป็นบ้านใหม่ของพวกคุณ!”
เขาเพิ่งจะพูดจบ เสียงปรบมือกึกก้องก็ดังขึ้นทันที คนไม่น้อยเลยที่พยายามปรบมืออย่างสุดชีวิตเพื่อแสดงออกถึงจิตใจที่ตื่นเต้นของตัวเอง
นี่คือลู่เฉินเชียวนะ ไอดอลในใจของทุกคน!
มีวัยรุ่นไม่น้อยเลยที่เดินทางไกลมายังปักกิ่ง นอกจากอยากจะมาทำความฝันในการเป็นนักแสดงให้เป็นจริงแล้ว ก็อยากจะมาพบกับลู่เฉินนั่นเอง ต่อให้สุดท้ายจะถูกคัดออก แต่หากได้สนทนากับลู่เฉินสักสองสามประโยคก็คุ้มค่าแล้ว
ตอนนี้พวกเขาถือว่าสมปรารถนาแล้ว
ช่างภาพจากช่องวาไรตี้ของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีที่ยืนอยู่ด้านข้าง ถือกล้องความละเอียดสูงบันทึกฉากนั้นไว้อย่างตรงไปตรงมา ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
วิดีโอที่ถูกบันทึกไว้นั้นจะถูกส่งไปที่สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีเพื่อตัดต่อ มันเป็นเนื้อหาสำคัญของรายการคัดเลือกคนมีความสามารถตอนนี้
ลู่เฉินอมยิ้มรอให้เสียงปรบมือสงบลง เขาได้แนะนำให้ทุกคนรู้จักกับวั่นหย่ง “ท่านนี้คืออาจารย์วั่นหย่ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนของศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ของพวกเรา เขาจะทำหน้าที่รับผิดชอบการฝึกซ้อมของพวกคุณตลอดระยะเวลาสามวันนี้ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ!”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง และหลายคนก็ตะโกนขึ้นพร้อมกันว่า “อาจารย์วั่น สวัสดีครับ!”
สีหน้าของวั่นหย่งเคร่งขรึม ไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงปรบมือเหล่านั้นเลย เขาพูดเสียงขรึมว่า “ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ทุกคนก็คือนักเรียนของศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่!”
“แม้ว่าระยะเวลาในการเรียนของพวกคุณจะมีเพียงสามวัน แต่ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ได้จัดแผนการฝึกซ้อมที่เข้มงวดไว้หลายอย่าง แน่นอนว่ามันจะต้องยากลำบากมากๆ ถ้าหากกลัวความลำบากและความเหนื่อยยาก อย่างนั้นก็สามารถยอมแพ้ได้ตั้งแต่ตอนนี้…”
สายตาคมกริบของเขากวาดตามองไปยังใบหน้าของนักเรียนทุกคน เหมือนกับว่ากำลังดูว่าจะมีคนจากไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม คนหนุ่มสาวที่ผ่านการออดิชันออนไลน์และฝ่าด่านท้าทายต่างๆ มาได้ คงไม่มีใครยอมแพ้ในตอนนี้ พวกเขาทุกคนเคยเรียนศิลปะป้องกันตัว และหลายคนก็เป็นนักเรียนของโรงเรียนศิลปะป้องกันตัว พวกเขาจะกลัวความลำบากได้อย่างไร
แล้วอีกอย่างด้านข้างก็มีกล้องวิดีโอจับภาพอยู่ หากใครยอมแพ้นั่นก็เท่ากับว่าทำตัวขายหน้าต่อคนทั้งประเทศนั่นเอง
เด็กหนุ่มสาวแต่ละคนต่างก็ยืดอกขึ้นมา สายตาของพวกเขาที่มองไปยังวั่นหย่งเหมือนกับเหล่านักรบที่กำลังเข้ารับการประเมินอย่างนั้น
ลู่เฉินถอยไปด้านข้าง วันนี้เขาไม่ใช่ตัวละครหลัก พวกเขาต่างหากที่ใช่
เด็กหนุ่มสาวเหล่านี้เป็นความหวังและก็เป็นอนาคต
ผ่านไปชั่วครู่ วั่นหย่งจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดีมาก ในเมื่อไม่มีใครจากไป อย่างนั้นตอนนี้ผมจะให้พวกคุณแบ่งกลุ่ม ทุกกลุ่มจะมีอาจารย์ผู้ฝึกสอนรับผิดชอบอยู่หนึ่งท่าน”
เด็กนักเรียนทั้งหมด 170 คน ถูกแบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 17 คน และคนที่รับหน้าที่ฝึกซ้อมให้กับพวกเขาก็คือสมาชิกตัวจริงของทีมตระกูลลู่
ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ได้เตรียมชุดฝึกซ้อมไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่นักเรียนทุกคนเปลี่ยนชุดในห้องเปลี่ยนชุดออกมาแล้วจึงทำการแบ่งกลุ่ม และเริ่มต้นการฝึกซ้อมของวันแรกทันที
ในอดีต การต่อสู้ในภาพยนตร์กำลังภายในนั้นอิงจากศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิม คุณต่อย ฉันเตะ แลกหมัดแลกเท้าไปมา หนึ่งท่าหนึ่งแบบล้วนกำหนดรูปแบบไว้ชัดเจน ดูแล้วคึกคักแต่กลับดูไม่สมจริง
ดังนั้นหนังต่อสู้ของฮ่องกงจึงเหมือนกับคลื่นกระทบฝั่ง แทบจะไม่มีอิทธิพลอะไรเลย ภายหลังจึงถูกแทนที่ด้วยภาพยนตร์แอกชัน ที่เลียนแบบลักษณะเด่นของภาพยนตร์ฮอลลีวูด
นักเรียนที่อายุยังน้อยเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วดูภาพยนตร์แอกชันประเภทนี้ และยังเคยดูภาพยนตร์กำลังภายในสมัยก่อนเมื่อนานมาแล้วด้วย พวกเขาเข้าใจเอาเองว่าเนื้อหาการฝึกของศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงคงไม่ต่างจากสองประเภทนี้มาก สุดท้ายกลับพบว่าพวกเขาคิดผิดไปถนัด
ทิศทางที่ทีมตระกูลลู่ดำเนินไปนั้น เป็นหนทางใหม่ทั้งหมด มันสะท้อนให้เห็นการฝึกขั้นพื้นฐานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ นั่นส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อความคิดของผู้เรียนอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังทำให้พวกเขาค้นพบโลกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
…………………………………………………………………………
[1] คุณยายหลิว ตัวละครในเรื่องความฝันในหอแดง