ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 219 กินให้อร่อย

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 219 กินให้อร่อย

จี้เจี้ยนอวิ๋นจะกล้าปล่อยให้เขาทำเองได้ที่ไหน ตัวแค่นี้ยกของพวกนั้นไม่ไหวแน่

สุดท้ายก็ทนไม่ได้จึงพูดออกไป “ตอนกลางวันครอบครัวอาจะทำหมูตุ๋นกับหมั่นโถว เมื่อถึงช่วงนั้นอาก็อยากให้ใครสักคนเอาไปส่งบนภูเขาให้หน่อย ไม่มีค่าแรงให้นะ แต่จะให้เป็นหมั่นโถวขาวห้าลูกใหญ่ ๆ กับหมูตุ๋นหนึ่งชามไปเลย”

“ครับ!” จี้เฟิงพยักหน้ารับอย่างไว

ซูตานหงออกมาพบกับเขาแล้วระบายยิ้มออกมา “จี้เฟิงนี่เอง”

“คุณอาสะใภ้!” พอจี้เฟิงเห็นเธอก็ส่งเสียงทักทาย

“รอแป๊บหนึ่งนะ อาทำขนมไข่เอาไว้ เอาไปชิมดูสิ” ซูตานหงว่า

“ไม่เป็นไรครับ อาเก็บไว้ให้พวกเหรินเหรินกินดีกว่าครับ” จี้เฟิงได้ยินอย่างนั้นจึงรีบตอบกลับไป

แต่ซูตานหงก็เดินเข้าไปเสียแล้ว จี้เฟิงดูจากสถานการณ์แล้วจึงจะกลับ แต่ก็โดนจี้เจี้ยนอวิ๋นเรียกตัวไว้เสียก่อน “อาสะใภ้เขาบอกให้เอาไปก็เอาไปเถอะ พรุ่งนี้มาทำงานอย่าอู้ก็พอ”

“ไม่อู้แน่นอนครับ!” จี้เฟิงรีบตอบทันที

ซูตานหงหยิบขนมไข่ห้าชิ้นใส่กระดาษไขให้เขานำกลับไป

จี้เฟิงแสดงสีหน้าค่อนข้างเกรงใจออกมา “คุณอาสะใภ้ครับ ทำไมถึงให้ผมเยอะขนาดนี้”

“ขนมไข่แค่ไม่กี่ชิ้นเอง อาเขากินสองคำก็หมดแล้ว” ซูตานหงว่า “เอากลับไปเถอะจ๊ะ”

“ครับ” จี้เฟิงถือห่อกระดาษไขกลับไป

“ย่าดูนี่สิครับ ขนมไข่น่ะ” จี้เฟิงนำขนมไข่กลับไปให้ผู้เป็นย่าดู

“เอามาจากไหนกันล่ะนี่?” ย่าของเขามองดูแล้วรีบเอ่ยถาม

“อาสะใภ้ซูตานหงให้ผมมาครับ” จี้เฟิงตอบ

“อาสะใภ้ของหลานนิสัยดี แต่หลานอย่าไปเล่นต่อหน้าหล่อนบ่อย ๆ รู้ไหม” ย่าของเขาขมวดคิ้วเมื่อพูดออกมา

ในหมู่บ้านไม่เพียงแต่นางกับหลานชาย คนแก่หรือเด็กน้อยเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายครอบครัว ไม่ว่าใครก็ได้รับการดูแลจากจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่มากก็น้อย

ในช่วงเทศกาล จี้เจี้ยนอวิ๋นก็มักจะส่งกระเช้าของขวัญมาให้ ตัวอย่างเช่นในช่วงปีใหม่คราวที่แล้ว เขาได้มอบเส้นก๋วยเตี๋ยว 25 ชั่งให้กับทุกครัวเรือน หลังจากนั้นก็เป็นเนื้อกับไข่

คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านก็รับกันหมด นางเลยต้องรับไปด้วย

ตัวอย่างเช่นเทศกาลในปีนี้อย่างปีใหม่ ไหว้บ๊ะจ่าง ไหว้พระจันทร์ พวกเขาก็จะส่งของมาให้ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่หรือไม่ก็เส้นก๋วยเตี๋ยว ไม่ใช่จำนวนที่เยอะมากนัก แต่มันก็ทำให้ชีวิตของคนที่ได้รับของพวกนั้นดีขึ้นมาบ้าง

ถ้าจี้เจี้ยนอวิ๋นสามารถทำถึงขนาดนี้ได้ แสดงว่าต้องได้รับการอนุญาตจากครอบครัวแล้วอย่างแน่นอน ซูตานหงเองก็มีชื่อเสียงในหมู่บ้านอยู่พอสมควร ชอบให้ของกับหลานนางอยู่บ่อยครั้ง ก่อนหน้านี้ก็มี

ครั้งก่อนก็ให้เชอร์รี่ครึ่งตระกร้าแก่หลานชายนาง บางครั้งก็มีสตรอเบอร์รี่มาให้ได้กิน

แน่นอนว่าเป็นเพราะจี้เฟิงขึ้นไปช่วยพวกเขาบนภูเขาตอนหน้าผลไม้

จี้เฟิงอธิบายให้ฟัง ย่าของจี้เฟิงเพียงพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกลับมา

“ถ้าทำหมั่นโถวกัน พรุ่งนี้ย่าขึ้นไปช่วยงานบนภูเขาดีไหม หลานไปบอกลุงเจี้ยนอวิ๋นเขาด้วย ว่าย่าไม่เอาเงิน” ย่าของจี้เฟิงเอ่ยออกมา

“ได้ครับ!” จี้เฟิงพยักหน้า รีบวิ่งออกไป

“กลับไปบอกคุณย่าว่าลุงต้องการคนที่ทำงานแล้วไม่เอาเงินพอดี งั้นให้คุณย่าขึ้นไปช่วยบนเขาได้เลย มีอาหารเช้าให้พร้อมด้วยนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยยิ้ม ๆ

จี้เฟิงจึงเดินกลับบ้านไปด้วยรอยยิ้ม

“อีกสองสามปี จี้เฟิงก็จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ” ซูตานหงกล่าวออกมา

เธอมองดูจี้เฟิงมาโดยตลอด เขาเรียนหนังสือแค่ 3 ปีก็ไม่ได้เรียนต่อ มันช่วยไม่ได้ที่ครอบครัวเขาค่อนข้างจน สองย่าหลานยังแก้ไขเรื่องอาหารการกินไม่ได้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเรียน?

แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะมีงานที่จี้เฟิงสามารถทำได้

ช่วงหน้าสตรอเบอรี่ จี้เฟิงก็จะขึ้นไปบนเขาเพื่อช่วยเก็บ เพราะว่าอายุยังน้อย ถึงแม้จะจนแต่ก็ถูกสอนมาอย่างดี ไม่เคยลักกินขโมยกิน คุณแม่จี้จึงค่อนข้างชอบใจ

ดังนั้นจึงจ้างเขาเป็นพนักงานเก็บสตรอว์เบอรีชั่วคราวและให้เงินเขาเดือนละ 9 หยวน

เงิน 9 หยวนถึงมันจะดูไม่มากเท่าใด แต่กับเด็กน้อยแล้วมันไม่น้อยเลย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเพียงเด็กน้อยและคนแก่ มีเงินแค่ 5 หยวนต่อเดือนก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

เมื่อหมดหน้าสตรอเบอรีและเข้าหน้าแตงโมก็มีงานในสวนผลไม้ขึ้นอีกครั้ง เพราะว่าจี้เฟิงฉลาดและทำงานได้ดี เขาจึงเป็นพนักงานหนึ่งเดียวได้รับการว่าจ้าง เมื่อตอนนั้นอายุเพียง 11 ปี ยังดูเป็นเด็กน้อยขาดสารอาหาร เหมือนถั่วฝักเล็ก พอมองกลับมาตอนนี้ก็อายุ 14 ปีแล้ว เขาโตขึ้นมาไม่น้อยเลย

ปีนี้คนที่ทำการดูแลจ่ายเงินสำหรับพนักงานชั่วคราวก็คือซูตานหง สำหรับหน้าผลไม้นี้จี้เฟิงได้เงินเป็นสองรอบ รอบแรก 20 หยวน รอบหลังเองก็ได้มากหน่อยตั้ง 20 หยวน

เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งสรุปยอดเงินไป วันนี้พอได้ยินว่าต้องการคนไปซ่อมอ่างเก็บน้ำ ก็เลยอยากมาของานทำ เขาช่างเป็นคนขยันและรู้จักการใช้ชีวิตจริง ๆ

“ถ้าได้อยู่ดีกินดี ปีหน้าคงจะไม่ต่างกัน ถึงปีหน้านี้เขาก็อายุ 15 แล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นคาดการณ์

อายุ 15 ปีถือว่าโตเป็นหนุ่มแล้ว ถ้าเป็นในสมัยก่อนยังไม่ถือว่าแก่เกินไปสำหรับการแต่งงาน

“อ่างเก็บน้ำต้องซ่อมนานแค่ไหนคะ” ซูตานหงเอ่ยถาม

“ประมาณหนึ่งเดือนครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

เพราะเขาเรียกคนมาเป็นผู้ช่วยจำนวนมาก ไม่งั้นจะเสร็จเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?

“ให้สองย่าหลานกินข้าวเช้าข้าวเที่ยงบนภูเขาเลยแล้วกันค่ะ ตอนเย็นค่อยให้พวกเขาทำกินกันเอง” ซูตานหงว่า

“เดี๋ยวตอนที่แม่ลงมาคุณก็บอกแม่แล้วกันครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว

คุณแม่จี้เพียงต้องการหาคนมาช่วยเท่านั้น แต่เจ้าลูกชายตัวดีดันหาแรงงานมาให้ 20 กว่าคน ความต้องการอาหารไม่ใช่เรื่องตลก แล้วนางจะทำคนเดียวยังไงไหว

“ย่าของจี้เฟิงจะมาช่วย แล้วท่านก็ไม่คิดเงินด้วย คุณแม่ให้สองย่าหลานกินข้าวเช้ากับข้าวกลางวันด้วยนะคะ” ซูตานหงเอ่ย

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะไปบอกพวกเขาเอง เมื่อปีก่อนก็ทำงานได้ดี” คุณแม่จี้ว่า

ส่วนคนอื่น ๆ คงต้องให้คุณแม่จี้เป็นคนหาแล้ว ซึ่งคุณแม่จี้ก็ได้สองสาวหลี่ซุ่ยฮวากับหวังหงฮวา ญาติพี่น้องตัวเองอีกหนึ่งคน แล้วก็มีย่าของจี้เฟิง แถมยังมีเจ้าหนุ่มน้อยจี้เฟิงคอยช่วยอีก จำนวนคนเท่านั้นไม่นับว่าพอ แต่มันก็ไม่ได้น้อยเกินไป อีกอย่างนอกจากจี้เฟิงกับย่าของเขาแล้ว คนอื่น ๆ ก็ต้องจ่ายเงิน

คนที่รับเงินนั้น ค่าแรงจะไม่รวมกับอาหาร แต่เมื่อทำหมูตุ๋นเสร็จแล้วนางก็ให้พวกเธอนำชามมาตักไปกิน คุณแม่จี้เองก็พูดชัดเจนแล้วว่าจี้เฟิงกับย่าของเขามาเพียงเพื่อช่วยเหลือ ไม่ได้รับเงิน แล้วอีกอย่างนางเป็นคนดูแลเรื่องอาหาร ทุกคนเลยไม่ได้ขัดข้องอะไร

“หลานกินแค่นี้ก็พอแล้ว” หลังจากที่จี้เฟิงกินหมั่นโถวไปสองอัน และกำลังจะหยิบอันที่สามมากิน ย่าของจี้เฟิงก็เอ่ยทักขึ้นมา

คุณแม่จี้เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา แล้วหยิบหมั่นโถวให้กับจี้เฟิง “เสี่ยวเฟิงจะกินก็ให้เขากินไปเถอะ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ต้องจำกัดการกินของเขาหรอก เขากำลังโต ถ้าเธอไม่ให้เขากินเยอะ ๆ เด็กจะโตได้ยังไง?” พูดจบก็ตักชิ้นเนื้อหมูสามชั้นให้กับจี้เฟิง “เสี่ยวเฟิง กินเยอะ ๆ นะ”

“ขอบคุณครับคุณย่า!” จี้เฟิงเองก็ไม่เกรงใจแล้ว กินเนื้อคำหมั่นโถวคำอย่างเอร็ดอร่อย

“เจ้าเด็กเหม็นเอ๊ย” ย่าของจี้เฟิงส่งสายตาตำหนิ “ทำงานแค่นี้ทำไมถึงกินเยอะขนาดนั้น?”

“ฉันจ่ายเงินให้เดือนละ 8 หยวน 8 หยวนกับไม่พอกับอาหารเช้าที่พวกเธอกินเหรอ?” คุณแม่จี้กล่าว ย่าของจี้เฟิงช่วยนึ่งหมั่นโถว จี้เฟิงรับผิดชอบจุดไฟย้ายฟืน ทำงานกันไม่น้อยเลย

คุณแม่จี้หยิบหมั่นโถวให้จี้เฟิงอีกครั้ง ตักซุปกระดูกหมูให้อีกชาม แล้วพูดขึ้นว่า “กินเสร็จแล้วก็ไปเรียกอาเจี้ยนอวิ๋นลงมานะ วันนี้ทำงานวันแรก ให้พวกเขาได้กินหมูตุ๋นอร่อย ๆ สักหน่อย หลังจากนี้คงไม่ได้กินดีแบบนี้แล้ว ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อนาคตจี้เฟิงนี่ท่าจะเป็นเด็กดีคนหนึ่งเลยนะคะ ขยันทำงานขนาดนี้ได้ดีแน่นอน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท