คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา – ตอนที่ 441 พบมู่หยางยามวิกาล ตอนที่ 442 ซีเยี่ยถอนทัพ

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 441 พบมู่หยางยามวิกาล

พวกเขาไม่ได้ใช้แรง แต่ใช้สมอง

จิ้นอ๋องเคยกล่าวไว้ว่า ขอเพียงแผนการรัดกุมมากพอ รู้จักฝ่ายตนเองและฝ่ายศัตรูอย่างดี ก็ไม่มีปาฏิหาริย์ใดที่เกิดขึ้นไม่ได้

พวกเขาติดตามจิ้นอ๋องเฝ้าระวังภัยที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือถึงเจ็ดปี เคยประจันหน้ากับแคว้นซีเยี่ยมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จึงรู้จักฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างดีแล้วเช่นกัน

นายทหารเล็กๆ ที่ติดตามอยู่ข้างกายมู่หยางไม่เคยพบจิ้นอ๋องในระยะใกล้ถึงเพียงนี้มาก่อน ยิ่งไม่เคยเสวนากันด้วยซ้ำ เมื่อได้พบหน้ากันในครั้งนี้ นอกจากพวกเขาจะรู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตาชายหนุ่มอยู่บ้าง ก็คิดไม่ถึงว่าเขาก็เป็นแม่ทัพใหญ่ที่นำพวกเขาควบม้าเข้าสมรภูมิในปีนั้น

มู่หยางมีท่าทีเคารพนบนอบต่อชายหนุ่มเบื้องหน้านี้เป็นอย่างยิ่ง ทำให้พวกเก็บความรู้สึกดูถูกก่อนหน้านี้กลับไป แล้วพากันเดินหน้าเข้าไปใกล้ เพื่อฟังการวิเคราะห์แผนการรบของหูเฟิงอย่างตั้งใจ

หูเฟิงมอบแผนภาพการจัดวางกองกำลังป้องกันสองแผ่นที่เตรียมไว้ให้มู่หยาง “ข้างบนนี้อธิบายยุทธวิธีตั้งรับอย่างละเอียดแล้ว พวกเจ้าเพียงทำตามนั้น ข้ารับรองว่าพวกเจ้าต้องรอดกลับมาแน่”

เขารู้จักวิธีการเดินทัพของแม่ทัพใหญ่เฟิงแห่งแคว้นซีเยี่ย คนผู้นั้นกระหายในอำนาจและความสำเร็จ โดยเฉพาะในสถานกาณ์ที่รู้ว่ากองทหารม้าหุ้มเกราะ และกองทหารเกราะดำเป็นเหมือนฝูงมังกรไร้ผู้นำ เขายิ่งไม่สนใจสิ่งใด ย่อมใช้วิธีการที่ได้ใช้กำลังมากที่สุดเป็นแน่ โดยการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองเข่นฆ่าทุกคนจนเกลี้ยง นี่เป็นกลยุทธ์รับมือกับทหารไร้สังกัดได้ดีที่สุด

หลังจากมู่หยางรับแผนภาพวางกองกำลังป้องกันไปแล้ว เขาก็ให้ทุกคนกลับไป ส่วนตนเองยังรั้งอยู่ที่นี่ต่อ

เมื่อคนอื่นๆ ไปแล้ว หยางมู่ก็คุกเข่าลงตรงหน้าหูเฟิงในทันที “ท่านอ๋อง ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว เหล่าทหารที่รอคอยท่านต่างก็ได้รับความทุกข์มรทานยิ่ง!”

เดิมทีกองทหารเกราะดำและกองทหารม้าหุ้มเกราะมีทหารทั้งหมดห้าหมื่นนาย สามปีมานี้พวกเขาไม่มีแม่ทัพบัญชาการ ไม่มีครูฝึกทหารสั่งการฝึกฝนและชี้แนะ แม้แต่นายกองที่คอยสอนวินัยทหารก็ไม่มีสักคน เมื่อให้พวกเขาไปรบในสภาพเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งแล้ว ในที่สุดนายทหารห้าหมื่นนายจึงเหลือเพียงสองหมื่นนายเช่นในตอนนี้

การสู้รบในครั้งนี้แตกต่างกับครั้งที่แล้ว เพราะสงครามปะทุขึ้นมาแล้ว หากจิ้นอ๋องไม่กลับมาตอนนี้ การที่พวกเขาเหยียบย่างสนามรบในครั้งนี้ เกรงว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ

หูเฟิงประคองเขาลุกขึ้น “จงจำไว้ว่าตอนนี้ข้าชื่อหูเฟิง ก่อนที่ข้าจะกลับไปกุมอำนาจทางทหาร ไม่อาจเปิดเผยฐานะของข้าโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเรื่องเมื่อสามปีก่อนจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งแน่ เจ้าเข้าใจหรือไม่”

มู่หยางเช็ดน้ำตา “ข้าน้อยเข้าใจ ท่านอ๋องโปรดวางใจ ข้าจะต้องพาเหล่าพี่น้องกลับมา พวกข้าจะเคียงบ่าเคียงไหล่ท่านอ๋องตลอดไป”

หูเฟิงย่อมเชื่อเขา หากพวกเขาคิดจะหักหลัง ก็คงไม่ตกต่ำเช่นในวันนี้

“กองทหารเสือขาวเป็นอย่างไรบ้าง” เขาถาม

มู่หยางถอนใจเสียงหนึ่ง “เดิมทีกองทหารเสือขาวก็เหมือนกันกับพวกข้า ปฏิญาณว่าถึงตายก็จะไม่เปลี่ยนธงประจำกอง ทว่าต่อมาแม้แต่แม่ทัพก็ถูกนำไปขังที่ค่ายบูรพาที่เจ็ด ไม่นานก็มีข่าวลือออกมาว่าตายแล้ว แม่ทัพจู้เปลี่ยนฝ่ายเร็วมาก เขายินยอมสวามิภักดิ์ เปลี่ยนธงกองทหารเสือขาวเป็นกองทหารนกกระจอกดำ ผู้นำกองทหารก็ยังคงเป็นนายพลจู้” เขาคิดไม่ตก ปฏิบัติการในปีนั้น เขาเห็นจิ้นอ๋องเสี่ยงอันตรายโดยไม่สนใจตนเอง ช่วยเหลือแม่ทัพจู้เอาไว้ได้ และเพราะเหตุนี้เอง เขาถึงได้เป็นอ๋องที่น่าเคารพนับถือมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่มู่หยางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าแม่ทัพจู้ที่เดิมคิดว่าน่าจะเปลี่ยนฝ่ายได้ยากที่สุด กลับเปลี่ยนฝ่ายเป็นคนแรกเสียได้

หูเฟิงพยักหน้า “เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว ข้าอยากรู้ว่ากองทหารเสือขาวเหลือคนอยู่เท่าไร”

“ก่อนหน้านี้กองทหารเสือขาวมีคนอยู่สามหมื่น ตอนนี้อย่างน้อยน่าจะมีมากกว่าสองหมื่น ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงถามหรือ” มู่หยางกล่าว

หูเฟิงยิ้มจาง ก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่ของมู่หยางเบาๆ “มองอะไรอย่ามองแค่ผิวเผิน ต้องมองทะลุไปให้ถึงเนื้อใน ข้าไม่เชื่อว่าแม่ทัพจู้จะหักหลังข้า ที่เขาทำเช่นนั้นเพราะมีเหตุผลอย่างแน่นอน ข้าเชื่อใจเขา”

……….

ตอนที่ 442 ซีเยี่ยถอนทัพ

มู่หยางไม่เข้าใจ แม่ทัพจู้หักหลังแท้ๆ จะยังมีเหตุผลอะไรอื่นอีก

แต่ในเมื่อจิ้นอ๋องกล่าวเช่นนี้ เขาเองก็ไม่มีเหตุผลใดจะไม่เชื่อ จิ้นอ๋องฉลาดปราดเปรื่อง สิ่งที่คิดคำนวณไว้ย่อมเหนือกว่านายทหารชั้นต่ำอย่างตนจะคิดได้แน่

“จำไว้ว่าต้องจับเชลยศึกกลับมาให้มากหน่อย” หูเฟิงกล่าว

มู่หยางยิ่งไม่เข้าใจขึ้นอีก “จับเชลยศึกมาทำอะไรหรือขอรับ ตวัดดาบฟันให้ตาย นั่นไม่เจ็บปวดและเด็ดขาดกว่าไม่ใช่หรือ”

หูเฟิงยิ้มจางๆ “เจ้าไม่อยากช่วยแม่ทัพโจวของพวกเจ้าออกมาหรือ”

“ท่านอ๋องหมายความว่า ขอเพียงนำเชลยศึกกลับมา ก็จะช่วยแม่ทัพโจวได้หรือขอรับ” มู่หยางตื่นเต้นขึ้นมาในทันที

หูเฟิงพยักหน้า ค่ำคืนที่มืดสลัวเช่นนี้ทำให้มองสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจน ทว่าประกายเย็นเยียบในดวงตาของเขา กลับคล้ายว่าเยือกแข็งมากผิดธรรมดา “แน่นอน ขอเพียงพวกเจ้านำเชลยศึกกลับมาได้มากพอ กึ่งเป็น กึ่งตายดีที่สุด ประเภทที่จะตายแหล่ไม่ตายแหล่ เช่นนั้นโอกาสสำเร็จก็ยิ่งมากขึ้น”

มู่หยางได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าระรัว “ข้าจะจำไว้ และข้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างดีแน่นอน ท่านอ๋องคอยชมได้เลยขอรับ!”

“เจอกันครั้งหน้า เรียกข้าว่าหูเฟิงนะ ทำตัวเป็นธรรมชาติหน่อย อย่าได้พูดหรือทำเรื่องอะไรชวนให้คนอื่นสงสัยเชียว”

สามวันหลังจากนั้น

กระโจมแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นซีเยี่ย

“รายงานท่านแม่ทัพ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ กองเสบียงเกิดไฟไหม้ ไฟโหมหนักมาก ตอนนี้เสบียงอาหารของพวกเรา…หมดเกลี้ยงแล้วขอรับ”

“รายงานท่านแม่ทัพ เกิดเรื่องใหญ่ขอรับ ทัพฉู่บุกประชิดแนวเขตแดนตะวันตกอย่างกะทันหัน คนของพวกเราบาดเจ็บล้มตายมากนัก”

“รายงานท่านแม่ทัพ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ แนวเขตแดนทางตะวันออกก็ถูกแคว้นฉู่บุกจู่โจม ทั้งกองทหารภูผาครามเสียหายจนหมดสิ้น”

เฟิงเยี่ยหนานตบโต๊ะพลางลุกขึ้น สีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง ดวงตาที่เดิมทีใหญ่โตอยู่แล้วยิ่งเบิกโพลง มองแล้วพาให้เกิดความรู้สึกกลัวนัก

“เกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้อย่างไร กองทหารที่ทัพฉู่ส่งมาในวันนี้ไม่ใช่กองทหารม้าหุ้มเกราะ และกองทหารเกราะดำหรอกหรือ”

“เรียนท่านนายพล เป็นกองทหารม้าหุ้มเกราะและกองทหารเกราะดำขอรับ ไม่เห็นทัพอื่นเข้ามาในสมรภูมิเลย”

เฟิงเนี่ยหนานถลึงตามองนายพลหนุ่ม ถามด้วยโอสะ “มีแม่ทัพนำทัพหรือไม่”

นายพลหนุ่มส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นขอรับ แต่ที่น่าแปลกก็คือ การสู้รบของพวกเขาในครั้งนี้แตกต่างจากในอดีตอย่างมาก”

“แตกต่างตรงไหนล่ะ” เฟิงเยี่ยหนานรีบถาม

“ในอดีต ขณะกองทหารม้าหุ้มเกราะและกองทหารเกราะดำประมือ แม้พวกเขาแต่ละคนจะมีวรยุทธ์ไม่เลว แต่ใช้ฝีมือขึ้นมาแล้วสับสนยากจะจับทาง ไม่มีกฎเกณฑ์ใดอธิบายได้ แต่วันนี้พวกเขาต่อสู้อย่างมีลำดับขั้น ขวัญกำลังใจก็เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก กลับกัน คนของพวกเราถูกพวกเขาบุกจนได้แต่ล่าถอย พ่ายแพ้อย่างราบคาบ ท่านแม่ทัพ ขณะนี้เป็นสถานการณ์วิกฤติ ขอท่านแม่ทัพโปรดเร่งตัดสินใจด้วยขอรับ”

เร่งตัดสินใจกับผีน่ะสิ เดิมทีเขาก็ไม่มีแผนการรบอะไรอยู่แล้ว คิดเพียงบุกโดยใช้จำนวนคนมากๆ ใช้นายทหารจำนวนหนึ่งแสนนายโอบล้อมเข่นฆ่านายทหารสองหมื่นนาย ฆ่าพวกเขาแล้วก็จะไม่ทิ้งเกราะไว้ แต่ใครจะรู้ว่าครั้งนี้พวกเขากลับใช้กลยุทธ์ และกลยุทธ์นี้ก็ดูจะคุ้นตาสำหรับเขาทีเดียว

หากไม่แน่ใจว่าเจ้าหนุ่มฉู่เยี่ยนตายตกไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน เขาก็คิดจริงๆ ว่าฉู่เยี่ยนนำทัพเข้าสู้ เพราะกลยุทธ์และวิธีการต่อสู้นี้เหมือนกับของฉู่เยี่ยนยิ่งนัก

“ถอยกลับมาก่อน!” แม้เฟิงเยี่ยหนานจะชอบการสู้รบ แต่เขาไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะไม่มีแม่ทัพนำทัพ แต่ในสถานการณ์นี้ต้องมีคนในระดับสูงคอยชี้นำแน่ ขืนฝืนสู้ต่อไป ต้องยิ่งเสียหายแสนสาหัสมากกว่านี้แน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เสบียงอาหารในวันนี้ถูกทำลายจนหมดสิ้น ไม่มีเสบียงอาหารเช่นนี้ แล้วจะผ่านสงครามครั้งนี้ไปได้อย่างไรกัน

“ถอนทัพ ถอนทัพทั้งหมดกลับมาสามสิบลี้” เฟิงเยี่ยหนานแทบจะต้องกัดฟันกล่าวประโยคนี้ออกมา

อีกด้านหนึ่ง ภายในค่ายใหญ่ของทัพฉู่ แม่ทัพหูแห่งค่ายบูรพาที่สาม แม่ทัพจู้แห่งกองทหารนกกระจอกดำ ไปจนถึงแม่ทัพสื่อแห่งค่ายบูรพาที่สี่ ทั้งสามคนกำลังร่ำสุราพลางสนทนาพาที มีปลาและเนื้อจัดวางอยู่เต็มโต๊ะ เทียบกับผักและข้าวที่เหล่าทหารด้านนอกกินแล้ว แตกต่างราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

Status: Ongoing
จู่ๆ แพทย์หญิงยอดฝีมือจากยุคปัจจุบัน ดันตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กสาวชาวบ้านยุคโบราณที่ถูกย่าและป้าสะใภ้ตีจนตายทั้งเป็นครั้นรอดชีวิตมาได้ ก็ถูกโขกสับไม่ต่างกับสาวใช้ในบ้าน ทั้งยังจะถูกจับขายแลกเงินให้แต่งกับบุรุษอายุคราวพ่อแต่ไป๋จื่อคนใหม่นี้จะไม่ปล่อยให้พวกนางใช้งานข่มเหงรังแกได้ตามใจชอบอีกต่อไปแล้วให้ตายอย่างไรก็ต้องออกจากบ้านที่เหมือนกับขุมนรกแห่งนี้ไปให้ได้ จึงตัดสินใจสร้างอุบายทำให้ตนเองเสียชื่อเพื่อแยกบ้านกับเหล่าคนสกุลไป๋ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพื่อให้มีข้าวกินอิ่มท้องสักมื้อหญิงสาวที่เคยมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งประเทศในยุคปัจจุบันต้องถกแขนเสื้อทำไร่ทำนา ใช้วิชาแพทย์แผนปัจจุบันรักษาคนไข้และจัดการกับเหล่าคนในหมู่บ้านที่เข้ามาเอารัดเอาเปรียบนางด้วยแต่ขณะเดียวกัน… ก็ต้องรักษาโรคความจำเสื่อมให้ชายหนุ่มกล้ามโตขี้น้อยใจอีก!เดิมทีคิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หาเช้ากินค่ำ เลี้ยงชีพให้ตนและท่านแม่มีชีวิตที่ดีแต่ความหวังพรรค์นั้นน่าจะไม่มีทางเป็นจริงได้ หนทางข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเอาเสียเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท