ปัง! เสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ระเบิดควันลูกหนึ่งลอยออกมาจากในพุ่มหญ้าทำให้ชายแปดคนยิงไปที่ระเบิดควันด้วยความเคร่งเครียด ฝีมือการยิงของชายทั้งแปดร้ายกาจมาก แทบจะยิงโดนระเบิดควันทุกนัด แต่ระเบิดควันไม่เหมือนกับระเบิดประเภทอื่นๆ ที่ถูกยิงแล้วก็จะระเบิดหรือหมดประสิทธิภาพ มันยังคงปล่อยควันทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ ยิ่งยิงโดนมันมากเท่าไร ความเร็วในการปล่อยควันก็ยิ่งเร็วมากขึ้น ไม่นานบริเวณรอบๆ พุ่มหญ้าก็กลายเป็นหมอกควันหนาทึบ ถึงแม้ว่าหมวกป้องกันจะมีความสามารถแยกหมอกควันได้ในระดับหนึ่ง แต่ทัศนวิสัยยังคงได้รับผลกระทบอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนชายทั้งแปดคนจะเป็นนักฆ่ามืออาชีพ พวกเขาไม่ได้ตื่นตระหนก หากแต่ยิงปืนเลเซอร์อนุภาคในมือออกไป อนุภาคเลเซอร์นับไม่ถ้วนถูกกราดยิงออกไปทำให้พุ่มหญ้าเตี้ยๆ กลายเป็นเถ้าถ่าน
หลิงหลานไม่รู้สึกกังวล เพราะเธอเห็นพ่อบ้านหลิงฉินย้ายจากพุ่มหญ้าเตี้ยๆ ไปยังพุ่มไม้ด้านขวาในขณะที่โยนระเบิดควันออกไป
ทว่าการกระทำของหลิงฉินหลังจากนั้นทำให้หลิงหลานตกตะลึงไป เธอเห็นหลิงฉินคลายเชือกที่พันข้อมือมาตลอดออกจากข้อมือ เดิมทีในสายตาของหลิงหลานเชือกดูหนาอย่างยิ่ง หลิงฉินบีบปลายด้านหนึ่งก่อนจะดึงออก เชือกเส้นนั้นก็พลันแยกออกเป็นด้ายที่มีขนาดหนาเพียงเส้นผมมากมายนับไม่ถ้วน
หลิงฉินกำปลายเชือกและพันที่ไกปืนของปืนกลเลเซอร์อนุภาครุ่น II อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ตั้งปืนไว้ในพุ่มไม้ก่อนจะย่อตัวย้ายไปอีกทางหนึ่งอย่างเงียบเชียบท่ามกลางเลเซอร์ที่ยิงออกไป หลิงหลานมองเห็นชัดเจนว่าในมือเขายังกำด้ายบางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
เมื่อฝ่ายตรงข้ามยิงจบไปรอบหนึ่ง คนทั้งแปดก็เห็นว่าพุ่มหญ้ากลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว หลายคนสบตากันแวบหนึ่ง ส่งสัญญาณมือสื่อสารกันไม่กี่ที จากนั้นก็เห็นชายสองคนจากในนั้นเดินขึ้นหน้าไป ดูท่าพวกเขาอยากตรวจดูว่ามีคนในภารกิจของพวกเขาอยู่ในเถ้าถ่านของพุ่มหญ้าหรือเปล่า แน่นอนว่ามีศพก็ได้เหมือนกัน
ชายสองคนเข้าไปใกล้ช้าๆ ปลายกระบอกปืนเลเซอร์อนุภาคในมือเขี่ยเถ้าถ่านพวกนั้น ในขณะนั้นเอง เสียงปืนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านขวา อนุภาคเลเซอร์กราดยิงออกมาอย่างไร้ความปราณี หลิงฉินที่เดิมทีซ่อนตัวอยู่ก็ดึงด้ายในมือ ปืนกลเลเซอร์อนุภาครุ่น II ที่ตั้งอยู่ในพุ่มไม้ก็ถูกลั่นไกในชั่วพริบตา
ปืนกลรุ่น II กระหน่ำอนุภาคเลเซอร์อย่างโหดเหี้ยม พลังทำลายล้างนั้นแข็งแกร่งกว่าปืนเลเซอร์อนุภาคในมือของฝ่ายตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด สมภาคภูมิกับที่เป็นปืนกลเลเซอร์อนุภาครุ่นใหม่ล่าสุดจริงๆ
การโจมตีพวกนี้พุ่งเป้าไปยังชายหกคนที่อยู่คุ้มกันอยู่รั้งท้าย หนึ่งในนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ทันถูกเลเซอร์ยิงใส่จนล้มคว่ำ ส่วนคนอื่นๆ ตอบสนองรวดเร็วมาก ปืนเลเซอร์ทั้งหมดต่างเล็งเป้าไปที่พุ่มไม้ รวมไปถึงชายสองคนที่รับหน้าที่ตรวจสอบ พวกเขายิงปืนออกไปด้วยความบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่าใครยิงโดนปืนกลรุ่น II ที่ตั้งอยู่ในพุ่มไม้ทำให้ปืนกระบอกนั้นระเบิดแตกออกมา ทำเอาพุ่มไม้กลายเป็นทะเลเพลิง
ชายเจ็ดคนเห็นฉากนี้ก็หยุดการโจมตีลง ในใจที่เดิมทีรู้สึกตึงเครียดก็ผ่อนคลายลงมาเช่นกัน พวกเขาเชื่อว่าในเมื่อปืนกลรุ่น II ระเบิดแล้ว เช่นนั้นคู่ต่อสู้ที่ถือมันไว้ก็ย่อมไม่อาจโชคดีรอดพ้นไปได้แน่นอน บวกกับไฟไหม้ขนาดใหญ่นี้อีก ฝ่ายตรงข้ามไม่ถูกระเบิดตายก็ต้องถูกเผาตาย สุดท้ายก็กลายเป็นขี้เถ้า
ทว่าตอนนี้เองก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หลิงฉินกระโจนออกมาจากทางด้านข้างพวกเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมปล่อยพลุสัญญาณของตระกูลหลิงออกไป
เขาตายก็ไม่เป็นไร แต่หลิงหลานต้องรอดต่อไปให้ได้ หลิงฉินออกมาโจมตีคนเหล่านี้ ความจริงแล้วเป้าหมายสำคัญก็คือเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน รวมไปถึงโฮเวอร์คาร์คันนั้นด้วย เขาหวังว่าหลิงหลานจะฉวยโอกาสนี้หนีรอดไปได้ นอกจากนี้เขาเชื่อว่า ผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงกำลังรีบมา ขอเพียงไปรวมกลุ่มกับพวกเขา ดูจากความสามารถของตระกูลหลิง การจัดการนักฆ่าพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย
พลุสัญญาณเปล่งแสงพราวพร่างอยู่บนท้องฟ้าสูง ทำให้กองกำลังหลายกลุ่มที่กำลังค้นหาหลิงหลานอยู่ที่ไกลๆ ต่างดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง พวกเขาทยอยกันเปลี่ยนเส้นทางรีบมายังด้านนี้อย่างสุดชีวิต
การจู่โจมของหลิงฉินเกิดขึ้นกะทันหันทำให้คนคาดไม่ถึง นอกจากหัวหน้าทีมที่นำหน้ามีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทันเวลาพยายามยิงอนุภาคเลเซอร์สกัดกั้นการโจมตีของหลิงฉินแล้ว อีกหกคนที่เหลือต่างไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น จู่ๆ ร่างของหลิงฉินที่วิ่งตรงมาอย่างรวดเร็วก็บิดตัวและหลบอนุภาคเลเซอร์ที่หัวหน้าทีมคนนั้นโจมตีมา
หัวหน้าทีมอุทานด้วยความตกใจว่า “หลบไร้กฎเกณฑ์!” นี่ก็เป็นเทคนิคการหลบที่เรียนรู้ยากมากในการต่อสู้ โดยปกติแล้วคนที่มีเทคนิคนี้ต่างก็เป็นราชันแห่งการต่อสู้
มุมปากของหลิงฉินเผยรอยยิ้มหยันออกมา ตอนนี้เขาเข้าใกล้นักฆ่าที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุดแล้ว
“รีบยิงปืนใหญ่เลเซอร์!” แววตาของหัวหน้าทีมที่นำกลุ่มเปล่งประกายความโหดเหี้ยม และยังแฝงไปด้วยความเด็ดขาดและอำมหิต เขาตะโกนเสียงดังใส่อุปกรณ์สื่อสาร ในขณะเดียวกันก็รีบถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้ว สาเหตุหลักที่พวกเขาลงมาก็เพื่อเป็นเหยื่อล่อให้อีกฝ่ายออกมาโจมตี การโจมตีสังหารที่แท้จริงคือโฮเวอร์คาร์ที่คุ้มกันรั้งท้ายคันนั้น แน่นอนว่าสำหรับคนที่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่ในด้านมืดอย่างพวกเขา การสละชีวิตลูกน้องบางส่วนเป็นเรื่องที่ปกติมาก ดังนั้นหัวหน้าทีมคนนั้นเลยปล่อยให้ลูกน้องของเขาถูกหลิงฉินโจมตีโดยไม่ลังเลสักนิด
หัวหน้าทีมทำการหลบแล้ว แต่ทางด้านโฮเวอร์คาร์กลับไม่มีการยิงปืนใหญ่อย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ มันยังคงเงียบกริบอยู่ท่าเดิม
เขายังไม่ทันหันตัวกลับก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวน ลูกน้องที่ถูกเขาทอดทิ้งอย่างไร้ความปราณีคนนั้นถูกหลิงฉินใช้กริชเสียบเข้าไปที่ลำคอ และส่งเสียงร้องน่าอนาถสุดท้ายออกมา ข้างในเสียงนั้นคล้ายกับแฝงความไม่ยินยอมและโกรธเกรี้ยวอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเขาก็เห็นสภาพความเป็นจริงกับตาก่อนที่จะตายว่าเขาถูกหัวหน้าทีมทอดทิ้ง
ดวงหน้าเย็นชาของหลิงฉินถูกเลือดที่สาดออกมาย้อมเป็นสีแดง กลิ่นเลือดเข้มข้นสามารถทำให้คนปกติอาเจียนด้วยความขลาดเขลา แต่หลิงฉินคล้ายกับคุ้นชินกลิ่นเลือดมาก เขาใช้ลิ้นเลียเลือดที่มุมปากเบาๆ คุณปู่ฉินซาดิสต์ไปแล้ว! หลิงหลานเห็นตรงนี้ก็อดตะโกนอย่างบ้าคลั่งในใจไม่ได้ ให้ตายสิ พวกคนข้างตัวเธอต่างเป็นใครกันเนี่ย…
สีหน้าของหลิงฉินเหมือนกับลุ่มหลงมากและดูเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย นานแล้วที่ไม่ได้ชิมรสชาติเลือดแบบนี้!
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปล่งประกายไฟโชติช่วงขึ้นมา สมัยหนุ่มๆ เขาคลานออกมาจากกองซากศพกับบิดาของหลิงเซียว เขาคุ้นชินกับการเข่นฆ่าแบบนี้มากเกินไปแล้วจริงๆ น่าเสียดายตั้งแต่หลิงเซียวเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมขั้นเทวะแล้ว เขาก็บอกลากับยุคสมัยแห่งการนองเลือดเมื่อก่อนไปโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่าหลิงฉินอยากล้างมือในอ่างทอง[1] หรอกนะ แต่ผู้ควบคุมขั้นเทวะเป็นอาวุธสูงสุดของสหพันธรัฐ ไม่มีใครกล้าแบกรับผลจากการยั่วโทสะของผู้ควบคุมขั้นเทวะหรอก
หลิงฉินนึกว่าการอบรมปลูกฝังคุณธรรมให้ตัวเองมาหลายปีจะทำให้เขาลืมความโหดเหี้ยมในตอนนั้นไปแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าการกลับมาทำอาชีพเดิมในวันนี้ยังคงทำให้เลือดของเขาพลุ่งพล่าน การสังหารผู้คนช่างเป็นเรื่องที่เขาเชี่ยวชาญสามารถลงมือโดยที่ไม่ต้องคิดจริงๆ นี่ทำให้เขามีความสุขมาก สัตว์ร้ายที่เดิมทีถูกขังอยู่ในใจถูกปลดปล่อยในชั่วพริบตา
หลิงฉินยิ้ม แท้จริงแล้วเขายังคงชื่นชอบการสังหารอยู่
เวลานี้หลิงหลานลอบปาดเหงื่อ ไม่นึกเลยว่าคุณปู่พ่อบ้านเคร่งขรึมจริงจังที่อ่อนโยนเมตตาต่อเธอมากๆ จะเป็นคนอำมหิตสุดขีดเหมือนกัน จังหวะการฆ่านั้นเป็นแบบเรียนได้เลย รอยยิ้มนั้นยิ่งทำให้คนตัวสั่นเป็นลูกนก
หลิงหลานรู้สึกว่าหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอกำลังเต้นระส่ำ…เชี่ยเอ้ย ต่อไปเธอจะยั่วโมโหคุณปู่พ่อบ้านไม่ได้เด็ดขาด! หลิงหลานติดป้ายพ่อบ้านหลิงฉินว่าเป็นคนที่ไม่สามารถกวนโมโหได้โดยไม่ลังเล
หลิงฉินทำการโจมตี เดิมทีเขาก็กอดความคิดที่ว่าจะต้องตายขณะไปจู่โจม ดังนั้นเมื่อฆ่าศัตรูคนแรกแล้ว ก็ไม่ได้หยุดมือ หากแต่พุ่งเข้าไปหาคนที่สองอย่างรวดเร็ว
พลังรบของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างยิ่งจริงๆ หลิงฉินที่อายุมากแต่ก็ยังแข็งแรง ความสามารถในการต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนสมัยหนุ่มๆ เลย เมื่อเขาจัดการศัตรูคนที่สามอย่างราบรื่นแล้วก็ได้ยินหัวหน้าทีมที่นำกลุ่มคนนั้นตะคอกใส่อุปกรณ์สื่อสารด้วยความเดือดดาลว่า “ระยำ ฉันให้นายยิงนะ! ยิงสิวะ…”
แท้จริงแล้วหัวหน้าทีมไม่ยอมแพ้ ในตอนที่หลิงฉินเตรียมสังหารลูกน้องอีกสองคน เขาก็ยังคงพยายามติดต่อกับโฮเวอร์คาร์ สั่งให้พวกเขายิงปืนใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ชัดเจนมาก คำตอบที่เขาได้รับยังคงเป็นความเงียบ และความเงียบนี้ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังในเวลานี้
เขารู้แล้วว่า โฮเวอร์คาร์ที่ทำหน้าที่คุ้มกันด้านหลังเกิดปัญหาแล้วแน่นอน ตอนนี้จะคาดหวังไม่ได้แล้ว เขาทิ้งอุปกรณ์สื่อสารในมือด้วยความเดือดดาลก่อนจะยกอาวุธในมือขึ้นมาและตะโกนเสียงดังว่า “ ไปฆ่ามันด้วยกัน!”
……………………………………….
[1] ล้างมือในอ่างทอง เลิกยุ่งกับการทำเรื่องที่ไม่ดี