มือขวาหลิงหลานชาจนไม่อาจใช้กำปั้นโจมตีต่อได้ เธอเตะกลับไปอย่างเฉียบขาด ใช้ท่ากระต่ายทะยานฟ้าที่ฝึกฝนมาห้าปีด้วยความยากลำบากจนสุดท้ายก็ฝึกสำเร็จออกมา ในที่สุดเธอก็ทดสอบอานุภาพของทักษะลับที่ใช้คะแนนเกียรติยศสิบแต้มของเธอได้แล้ว
“ปัง!” เสียงหนึ่งดังสนั่น จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงร้องโหยหวนขณะกระเด็นลอยออกไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง ไม่เพียงเท่านั้น จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงยังกลิ้งออกไปอีกห้าหกเมตรเนื่องจากพลังยังไม่หมด ก่อนจะค่อยหยุดลง
หลิงหลานวางเท้าขวาของตัวเองลง ภายในแววตาเผยความรู้สึกพึงพอใจออกมา กระต่ายทะยานฟ้ามีอานุภาพมากจริงๆ พละกำลังของหมัดเธอไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับจ่าฝูงหมาป่าขีดแดงได้ แต่ว่ากระต่ายทะยานฟ้ากลับทำได้ นอกจากนี้ค่าความเสียหายก็ไม่ต่ำด้วย
หลิงหลานประเมินออกมาได้ว่า ทักษะลับกระต่ายทะยานฟ้านี้สามารถเพิ่มพละกำลังส่วนขาของเธอได้มากกว่าห้าเท่าในชั่วพริบตา นี่ยังเป็นแค่การเพิ่งฝึกฝนเท่านั้น ถ้าหากฝึกฝนนานขึ้นอีกหน่อย คุ้นเคยกับทักษะขึ้นเล็กน้อย มันย่อมกลายเป็นทักษะสังหารอันรุนแรงของเธอแน่นอน
เวลานี้เอง จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงตัวนั้นก็ลุกขึ้นมาอย่างโงนเงน มันคล้ายกับยังอยู่ในสภาวะมึนงงเนื่องจากส่วนหัวของมันถูกโจมตีโดยตรง จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงสะบัดหัวตัวเอง ทว่าการกระทำนี้กลับทำให้ร่างกายของมันที่เดิมทีลุกขึ้นมาต้องล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง
สภาพของจ่าฝูงหมาป่าขีดแดงทำให้ฝูงหมาป่าขีดแดงสับสนอลหม่าน พวกมันร่วมกับหอนยาวๆ ขึ้นฟ้าคล้ายกับสอบถามสถานการณ์ของผู้นำตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเจ้าแห่งทุ่งหญ้า จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงลุกขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันเหมือนกับได้สติ เมื่อเผชิญหน้ากับหลิงหลานที่เตะมันปลิว ดวงตาสองข้างของมันก็แดงฉาน อยากจะฉีกหลิงหลานเป็นชิ้นๆ
แต่สัตว์ร้ายของมิติการเรียนรู้ก็มีสติปัญญาในระดับหนึ่ง ลูกเตะของหลิงหลานทำให้มันสัมผัสได้ว่าเหยื่อที่ดูเหมือนตัวเล็กอ่อนแอตรงหน้านี้ไม่ได้อ่อนแอเลย มันรู้ว่าอาศัยแค่มันตัวเดียวเกรงว่าจะรับมืออีกฝ่ายไม่ไหว ดังนั้นจ่าฝูงหมาป่าขีดแดงจึงละทิ้งเกียรติยศของมัน และกู่ร้องยาวๆ ขึ้นฟ้า
ไม่นาน รอบด้านก็มีเสียงหอนของหมาป่าตอบกลับ จากนั้นก็เห็นฝูงหมาป่าบนทุ่งหญ้าร่วมกันโค้งคำนับ จ่าฝูงขนาดมหึมาปรากฎตัวขึ้นจากในฝูงหมาป่าและทิศทางที่แตกต่างกัน พวกมันเดินออกมาอย่างองอาจ ค่อยๆ เข้าไปใกล้หลิงหลานราวกับราชาก็ไม่ปาน
ที่แท้จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงได้ร้องเรียกจ่าฝูงตัวอื่นๆ เข้ามาช่วยสนับสนุน
สีหน้าของหลิงหลานเคร่งเครียดขึ้นมาโดยพลัน ถึงแม้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องเข่นฆ่าหมาป่าทุ่งหญ้าจำนวนมหาศาลอีกต่อไปก็ได้ แต่ว่าจ่าฝูงห้าตัวร่วมมือกันก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย น่ากลัวว่าวินาทีถัดมาเธออาจจะตายอยู่ท่ามกลางกรงเล็บและปากของจ่าฝูงพวกนี้
“น่าสนใจ ไม่นึกเลยว่าเธอจะมีทักษะลับนี้ด้วย” หมายเลขห้าหรี่ตาลง มองดูหลิงหลานที่อยู่ด้านล่างกำลังเตรียมพร้อมต่อสู้กับจ่าฝูงห้าตัวขั้นเด็ดขาดด้วยสีหน้าซับซ้อน เธอเลือกเอง? หรือว่าเป็นแค่ความโชคดีเท่านั้น?
เวลานี้จ่าฝูงห้าตัวเริ่มโจมตีหลิงหลานอย่างเป็นทางการ จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงเป็นผู้โจมตีหลัก ส่วนจ่าฝูงตัวอื่นๆ ก็ลอบโจมตีเป็นครั้งคราว พวกมันร่วมมืออย่างรู้ใจกันมาก ดังนั้นจึงไม่มีความสับสนวุ่นวายเหมือนอย่างตอนที่ฝูงหมาป่าธรรมดาโจมตีเมื่อสักครู่นี้แน่นอน
การโจมตีของพวกจ่าฝูงดูงดงามมาก ไม่ได้ดูดุดันป่าเถื่อนเหมือนกับหมาป่าทั่วไป ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของพวกดูสง่างามอย่างชัดเจน และก็ดูแปลกประหลาดลึกลับเช่นกัน ทว่าการร่วมมือกันโจมตีในแต่ละครั้งต่างก็พอเหมาะพอดี ทำให้หลิงหลานหลบด้วยความยากลำบากสุดขีด มีหลายครั้งที่เธอเกือบจะได้รับบาดเจ็บ
หลิงหลานไม่ได้ยั้งมืออีก เธอชักนำลมปราณบำรุงร่างกายมาไว้ที่แขนทั้งสองข้าง พริบตาเดียวพละกำลังที่มือสองข้างของเธอก็เพิ่มขึ้นสองเท่า ถึงแม้ว่าอานุภาพจะเทียบกับกระต่ายทะยานฟ้าไม่ได้ แต่ก็เพียงพอให้จ่าฝูงพวกนี้รู้สึกเจ็บปวด
ตอนนี้อาศัยพลังกายของหลิงหลานไม่เพียงพอที่จะรับมือกับจ่าฝูงพวกนี้ หลิงหลานประมือกับจ่าฝูงหมาป่าขีดแดงครั้งแรกก็รู้จุดนี้ดี
จ่าฝูงห้าตัวโจมตีร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบทำให้พวกมันเป็นฝ่ายได้เปรียบได้อย่างมั่นคง ทว่าหลิงหลานเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางจัดการได้ง่ายๆ กระต่ายทะยานฟ้าแข็งแกร่งมาก ทำให้จ่าฝูงห้าตัวจำเป็นต้องตั้งรับ เนื่องจากพวกมันไม่รู้ว่าขาที่เตะเข้ามาครั้งไหนจะมีทักษะลับกระต่ายทะยานฟ้าอยู่
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างสูสีภายใต้สถานการณ์แบบนี้
อย่างไรก็ตาม การจู่โจมอันน่ากลัวของจ่าฝูงห้าตัวทำให้หลิงหลานได้รับประสบการณ์เต้นรำกับความตายที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ เธอปลดปล่อยท่วงท่าการเคลื่อนไหวช้าๆ จิตใจแน่วแน่จมอยู่ในโลกแห่งการต่อสู้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลิงหลานสู้ไปได้พักหนึ่งก็รู้สึกมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ ในที่สุดพันธนาการที่เดิมทีกักขังเธอมาตลอดก็ถูกเปิดออกแล้ว
หลิงหลานรู้สึกได้เพียงเธอเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง พลังงานข้างกายกำลังทักทายเธออย่างมีความสุข ราวกับบอกอีกว่า พวกมันกลับมาแล้ว
หลิงหลานรู้ว่านี่คืออะไร นี่เป็นพันธนาการที่เธอตั้งไว้เองเพื่อที่จะควบคุมพละกำลังของเธอ ต้องทราบว่า หนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลิงหลานฝึกฝนการต่อสู้กับผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงอย่างสุดกำลังมาตลอดก็เพื่อที่จะเก็บงำไอชั่วร้ายบนตัว
แต่หลิงหลานกลัวมากๆ ว่าไอชั่วร้ายของเธอจะระเบิดออกมาทำให้เธอสูญเสียความเยือกเย็นจนพลาดพลั้งทำร้ายคนในครอบครัว ดังนั้นเธอจึงลอบบอกตัวเองด้วยความรอบคอบ นั่นก็คือไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์แบบไหนก็ไม่อนุญาตให้ปล่อยพละกำลังของตัวเองออกมาทั้งหมด….
การลอบบอกแบบนี้ค่อยๆ กลายเป็นพันธนาการ จนต่อมาหลิงหลานพบว่าต่อให้ตัวเองไตร่ตรองเอาไว้แล้วก็ไม่สามารถปล่อยพละกำลังทั้งหมดของตัวเองออกมาได้เช่นกัน ผลลัพธ์นี้ทำให้หลิงหลานหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
ต่อมา เมื่อเธอได้ต่อสู้กับฉีหลงอีกยกหนึ่งก็เห็นได้ชัดว่าเธอสามารถใช้พละกำลังที่สูงมากขึ้นโจมตีใส่ฉีหลง แต่ไม่สามารถทำลายขีดจำกัดที่ตัวเองตั้งไว้ สุดท้ายก็ได้แต่อาศัยการยื้อเวลาให้ฉีหลงอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงถึงสิ้นสุดการต่อสู้
แน่นอนว่าหลิงหลานรู้สึกไม่ดีเอามากๆ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่อึดอัดแบบนี้ ทว่าน่าเสียดายที่เธอไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ทำให้เธอเมินมันไปด้วยความจนใจ รอคิดหาวิธีแก้ไขอีกทีในภายหลัง หลิงหลานไม่นึกเลยว่าเธอจะทำลายพันธนาการนี้ได้ในช่วงเวลาความเป็นความตาย ทำให้หลิงหลานฟื้นฟูพละกำลังกลับมาได้หมด
จ่าฝูงหลายตัวต่างก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหลิงหลาน พวกมันค่อยๆ สัมผัสได้ว่าพละกำลังของศัตรูตัวเองเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีที่แต่เดิมรู้สึกแค่เพียงเจ็บปวดอยู่บ้าง ตอนนี้กลับทำให้พวกมันปวดไปถึงส่วนลึกในจิตใจ
หลิงหลานไม่รู้ว่าต่อสู้กับจ่าฝูงห้าตัวมานานเท่าไหร่แล้ว เธอรู้สึกได้ว่าวิชาลมปราณบำรุงร่างกายไล่ตามการใช้พลังงานของเธอไม่ทัน พลังกายของเธอเหมือนกับชะล้างหายไปอย่างช้าๆ ราวกับว่าจะใช้จนหมดในเวลาต่อมา เธอควรจะรู้สึกเครียดร้อนรน แต่เธอกลับเยือกเย็นไม่เหมือนกับตัวเอง คล้ายกับว่าเธอไม่ใช่หลิงหลานที่ต่อสู้คนนั้น หากแต่เป็นผู้ชมที่มองดูการต่อสู้นี้อย่างเงียบๆ
ใช่แล้ว เธอเข้าสู่ขอบเขตประหลาด เธอเห็นการจู่โจมของจ่าฝูงห้าตัวนั้นเชื่องช้าลง เธอเห็นช่องโหว่จากการร่วมมือของจ่าฝูงทั้งห้า ขอเพียงเธอโจมตีจุดนั้น จะต้องโจมตีทีเดียวได้ผลแน่นอน
ถึงแม้หลิงหลานไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้ แต่สัญชาตญาณของเธอเชื่อว่านี่คือโอกาส ดังนั้นเธอจึงสูบพลังงานในวิชาลมปราณบำรุงร่างกายอีกครั้ง ก่อนจะส่งมันไปที่หมัดขวาของตัวเอง หลังจากนั้นก็โจมตีไปยังช่องโหว่ที่เธอเห็นอย่างรุนแรง
ทางด้านหมายเลขห้าก็เห็นหมัดขวาของหลิงหลานหายไปฉับพลันอย่างน่าอัศจรรย์ หลังจากนั้นก็มีเสียงดังลั่น จ่าฝูงตัวหนึ่งถูกซัดปลิวออกไปก่อนจะล้มลงกับพื้น ทว่าจ่าฝูงไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก มันยังคงกระเสือกกระสนลุกขึ้นมา จ่าฝูงตัวนั้นเห่าหอนขึ้นมาด้วยความเดือดดาลและกระโจนเข้าไปในวงต่อสู้
ตอนนี้หมายเลขห้าทำหน้าเซ่อซ่า เขาเอ่ยติดต่อกันด้วยความเหลือเชื่อว่า “เป็นไปได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง? หรือว่าเป็นขอบเขต?”
ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาก็ถูกเขาปัดตกไป เขาส่ายหน้าแรงๆ ให้ตัวเองใจเย็นลง บอกกับตัวเองว่านี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เด็กคนไหนจะเป็นปีศาจอัจฉริยะขนาดนี้ เพิ่งอายุหกขวบก็สามารถแตะชายขอบเขตได้ บางทีนี่อาจจะเป็นเพียงความโชคดีของหลิงหลานเท่านั้น
เมื่อเห็นเพื่อนของตัวเองถูกซัดกระเด็นออกไป ถึงแม้ว่ามันจะกลับเข้ากลุ่มอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังทำให้พวกมันเดือดดาล นี่เป็นการยั่วยุโดยสิ้นเชิง พวกมันไม่มีความคิดหยอกล้อเหมือนในตอนแรกอีกต่อไป และตัดสินใจพุ่งเข้าไปอย่างสุดแรง
หลิงหลานยังคงใจเย็น เนื่องจากเธอมองเห็นช่องโหว่จากการร่วมมือของจ่าฝูงห้าตัวนี้อีกครั้ง ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรกำปั้นของเธอถึงสามารถโจมตีใส่ส่วนหัวของจ่าฝูงได้สักตัว ควรทราบว่าจุดนั้นเป็นช่องว่างอย่างชัดเจน แน่นอนว่าการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ของเธอย่อมแฝงไปด้วยความรู้สึกอ่อนแอ ทว่าคราวนี้เธอไม่ลังเลแล้ว
“กระต่ายทะยานฟ้า!”
หลิงหลานใช้ทักษะลับที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองอย่างเฉียบขาด แล้วก็ได้ยินเสียงร้องเสียงโอดครวญ หลังจากนั้นจ่าฝูงตัวหนึ่งก็ล้มลงไปบนทุ่งหญ้าอย่างหนักหน่วง เวลานี้ท้องด้านล่างของมันทะลุเป็นรูใหญ่ๆ เลือดไหลรินเป็นแม่น้ำ ไม่มีทางเอาชีวิตรอดอีกต่อไป
ทักษะลับกระต่ายทะยานฟ้านี้สามารถโจมตีทีเดียวจอดได้จริงๆ แน่นอนว่าหลิงหลางรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง บางทีอาจจะมีทักษะลับที่แข็งแกร่งกว่ากระต่ายทะยานฟ้าอยู่ แต่หลิงหลานคิดว่ากระต่ายทะยานฟ้ามีประโยชน์กว่า เนื่องจากมันสามารถซ่อนอยู่ท่ามกลางลูกเตะที่โจมตีธรรมดาได้ การเคลื่อนไหวแทบจะถอดแบบมาเหมือนกัน ไม่มีใครสามารถหากระต่ายทะยานฟ้าที่แท้จริงเจอจากในการเคลื่อนไหว มันถูกปกปิดได้เต็มร้อย
จ่าฝูงที่ตายไปคือจ่าฝูงหมาป่าขีดแดง พูดได้แค่ว่าจ่าฝูงหมาป่าขีดแดงโชคร้ายมากเกินไปแล้ว ส่งตัวเองมาถึงหน้าประตู สุดท้ายก็ทิ้งชีวิตหมาป่าไป
จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงตายแล้ว ฝูงหมาป่าขีดแดงก็ส่งเสียงหอออกมาฉับพลัน จากนั้นฝูงหมาป่าขีดแดงก็ถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่ถึงสองสามนาทีพวกมันก็ถอยไปหมดแล้ว
จ่าฝูงสี่ตัวมองกันไปมา จากนั้นก็เลือกกระทำเหมือนกับฝูงหมาป่าขีดแดง ถอยร่นไปอย่างฉับไว ในขณะเดียวกันก็มีเสียงหอนของหมาป่าดังตามมาอีกหลายเสียง
หลิงหลานมองฝูงหมาป่ากำลังถอยร่นไปอย่างช้าๆ จนออกไปจากขอบเขตสายตาของเธอ แต่เธอยังไม่ผ่อนคลายความระมัดระวัง แต่ดันทุรังยืนอยู่ต่ออีกสามนาที จนกระทั่งทนต่อไปไม่ไหวแล้วถึงค่อยล้มลงไปนอน การโจมตีสองครั้งสุดท้ายเมื่อสักครู่นี้ทำให้พลังงานบนตัวหลิงหลานถูกใช้ไปจนหมดสิ้น เพียงแต่เธอไม่กล้าเปิดเผยความจริงว่าเธอไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปก็เลยเลือกฝืนดึงดัน เมื่อเธออดทนไม่ไหวอีกต่อไปก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังลั่น
ถ้าหากตอนนี้ฝูงหมาป่าหันกลับมาโจมตีละก็ พวกมันย่อมกินหลิงหลานเรียบได้อย่างง่ายดายแน่นอน แต่โชคดีที่ฝูงหมาป่าจากไปแล้วจริงๆ หลิงหลานถึงได้รอดพ้นเภทภัยไปได้
ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลิงหลานยังคงรู้สึกเสียใจไม่หาย เธอรู้สึกได้ถึงความสำคัญของเสี่ยวซื่ออีกครั้ง เมื่อไม่มีการตรวจตราทั่วทั้งระยะทางของเขา อันตรายและความปลอดภัยทั้งหมดก็ต้องให้สวรรค์ตัดสินใจ ความไม่แน่นอนแบบนี้ทำให้หลิงหลานรู้สึกเกลียดอย่างยิ่ง แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ เธอเหงามากจริงๆ เมื่อไม่มีเสี่ยวซื่ออยู่ข้างกาย
อย่างไรก็ตาม ความคิดของหลิงหลานก็เปลี่ยนไปยังความรู้สึกในการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้อย่างรวดเร็ว ช่องโหว่ของคู่ต่อสู้ที่เธอสามารถมองออกไปได้แวบเดียวนั้น ความรู้สึกที่ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมแบบนี้ช่างวิเศษเหลือเกิน
หลิงหลานนอนอยู่บนพื้น กำหมัดขึ้นฟ้าอย่างรุนแรง ถึงแม้จะไม่รู้ว่านั่นคืออะไร แต่เธอรู้ดีว่ามันเป็นสัญญาณที่มาจากร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณการต่อสู้หรือว่าพละกำลังของร่างกายของเธอต่างก็ทะลวงขีดจำกัดเดิม ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น
นี่ก็คือการทะลวงขีดจำกัดของฉันเหรอ? หลิงหลานยังไม่ทันได้ตื่นเต้นดีใจ ชายที่ทำให้เธอหลั่งเหงื่อเย็นๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของเธอ
หมายเลขห้าโผล่ขึ้นมาบนอากาศเหนือหลิงหลานอย่างไร้ที่มาที่ไป เขามองลงมาที่หลิงหลานเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างว่า “ยินดีด้วย เธอผ่านด่านแล้ว”
ในเวลาเดียวกัน เสียงของระบบก็ดังขึ้นที่ข้างหูหลิงหลาน “ทำภารกิจสำเร็จ รางวัล: ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้นของหมายเลขห้า!”
เมื่อหลิงหลานได้ยินเนื้อหาของรางวัล ความรู้สึกแรกก็คือเธอถูกหลอกแล้ว ถ้ารู้ว่าผ่านภารกิจแล้วจะได้รับรางวัลแบบนี้ เธอจะฆ่าตัวตายตั้งแต่วินาทีแรกเพื่อให้ภารกิจล้มเหลวโดยสิ้นเชิงแน่นอน หลิงหลานไม่ลืมการเตือนด้วยความหวังดีของหมายเลขเก้า…ฮือๆๆ! มาอีกทีได้หรือเปล่า! หลิงหลานน้ำตาไหลนองหน้านึกเสียใจภายหลัง
อย่างไรก็ตาม หมายเลขห้าไม่ให้โอกาสหลิงหลานเลือกเสียใจภายหลัง เขาคว้าหลิงหลานมาอีกครั้งก่อนจะโยนเธอเข้าไปในมิติฝึกฝนของเขา
…………………………………….