หลิงหลานตกตะลึงไป “หรือว่าพ่อของเราไปถึงระดับราชันแล้ว?” พระเจ้าช่วย พ่อเป็นปีศาจอัจฉริยะเกินไปแล้ว!
เสี่ยวซื่อทำหน้ากลัดกลุ้ม ลูกพี่กล้าๆ เดาให้สูงขึ้นอีกหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?
เสี่ยวซื่อที่กลุ้มใจไม่ได้เตือนหลิงหลาน หากแต่บอกข้อมูลที่เขาค้นเจอในรายงานของกองทัพให้หลิงหลานฟัง “เดิมทีสหพันธรัฐมีผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะอยู่สิบสองคน แต่ว่าเมื่อแปดปีก่อนได้สูญเสียผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะไปหนึ่งคนโดยไม่คาดฝัน นอกจากนี้ยังเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่อายุน้อยที่สุดของสหพันธรัฐด้วย ในตอนที่ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะคนนี้ออกรบกับฮิงูเระประเทศศัตรู เขาก็ได้สละชีพตัวเองที่เส้นทางแห่งความตาย…”
แปดปีก่อน? เส้นทางแห่งความตาย? บังเอิญจริงๆ ปีเดียวกับที่พ่อเธอเสียชีวิตเลย สถานที่ก็เหมือนกัน…หลิงหลานขมวดคิ้ว เสี่ยวซื่อไม่มีทางพูดเรื่องที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรอก หรือว่ามันเกี่ยวข้องกับพ่อของเธอ?
ยังไม่ทันที่หลิงหลานจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง คำพูดประโยคต่อมาของเสี่ยวซื่อก็ทำให้หลิงหลานนิ่งอึ้งไป “หุ่นรบของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะคนนี้มีชื่อว่า Belief!”
ผ่านไปเนิ่นนาน หลิงหลานถึงค่อยเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาว่า “นายกำลังบอกว่าผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะคนนั้นคือหลิงเซียวเหรอ?”
เสี่ยวซื่อพยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้ว ในสิบปีที่ผ่านมาของสหพันธรัฐ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะได้ และก็เป็นคนที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย คนๆ นี้ก็คือหลิงเซียว”
“โกหกน่า!” หลิงหลานเอ่ยคัดค้านเสียงดังฉับพลัน
เสี่ยวซื่ออึ้งไป เขาไม่นึกว่าปฏิกิริยาตอบกลับของหลิงหลานจะรุนแรงขนาดนี้ ถึงขนาดที่ปฏิเสธข่าวนี้อย่างแข็งขัน
“ถ้าเกิดเขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ เขาจะออกรบได้ยังไงล่ะ? นายบอกว่าผู้ควบคุมระดับราชันขึ้นไปห้ามออกรบตามใจชอบไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้หุ่นรบขั้นเทวะไม่ใช่อาวุธสุดยอดของสหพันธรัฐเหรอ? อาวุธที่แข็งแกร่งขนาดนั้น คนควบคุมมันจะตายง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?”
หลิงหลานที่นั่งอยู่ในหุ่นรบกระต่ายกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ถ้าหากหลิงเซียวอ่อนแอหน่อย เขาจะพลีชีพแบบนี้ไป หลิงหลานก็ยังรับได้ แต่หลิงเซียวในคำพูดของเสี่ยวซื่อแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว ชายที่แข็งแกร่งขนาดนี้กลับตายง่ายๆ แบบนี้ นี่ทำให้เธอรู้สึกขบขันนิดหน่อย
“ดูจากไฟล์ลับที่ฉันหาเจอในกองทัพ พ่อของเราใช้เวลาแค่หกปีเลื่อนขั้นจากผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชามาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ ปีปฏิทินดาราที่ 4725 เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมระดับราชันได้สำเร็จ ปีปฏิทินดาราที่ 4728 เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ แต่ว่าตั้งแต่ที่พ่อเลื่อนขั้นสู่ระดับราชัน ข้อมูลพวกนี้ก็ถูกทางกองทัพปกปิดไว้ คาดว่าตอนนั้นทางกองทัพมีแผนการจะให้พ่อออกรบกับประเทศศัตรูโดยที่ปกปิดระดับไว้
ดังนั้นตอนที่พ่อออกรบในปีนั้น เขาได้ใช้สถานะผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาออกรบ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อถึงมียศแค่พลตรี ถ้าเกิดเป็นตำแหน่งผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องได้รับยศนายพลแล้ว” เสี่ยวซื่อเสียใจอย่างยิ่ง ถ้าหากพลีชีพด้วยยศนายพลละก็ ทรัพยากรที่หลิงหลานได้สืบทอดก็จะมากยิ่งขึ้น
เสี่ยวซื่อที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ได้คาดคิดเลยว่า ถ้าหากเป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ คนที่จ้องทรัพยากรตาเป็นมันก็จะไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลหลิงแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า พอถึงเวลานั้นเกรงว่าหลิงหลานจะไม่มีโอกาสได้สืบทอดจริงๆ
ความโศกเศร้าของเสี่ยวซื่อผ่านเข้ามาแวบเดียวเท่านั้น เขากล่าวต่อว่า “สหพันธรัฐส่งหลิงเซียวไปรบ เดิมทีคิดจะตบตาผู้คน ยกทัพที่มีความสามารถกำจัดจักรวรรดิฮิงูเระศัตรูคู่อาฆาตไม่ให้เหลือรอดไปได้แม้แต่คนเดียว อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเพราะอะไรระดับสูงของกองทัพถึงออกคำสั่งให้หลิงเซียวนำพากองยานรบไปดักซุ่มโจมตีที่ด้านหลังประเทศศัตรูจากเส้นทางแห่งความตาย เตรียมตัวโจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง…แต่ไม่คาดคิดว่าตอนที่อยู่ในเส้นทางแห่งความตาย พวกเขาจะเจอพลังงานปั่นป่วนที่มาจากส่วนลึกด้านในจนพลีชีพไป”
“บังเอิญจริงๆ เลยนะ!” ตอนนี้มุมปากของหลิงหลานแฝงไปด้วยรอยยิ้มหยัน ทำให้เสี่ยวซื่อรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บขึ้นในใจเล็กน้อย ที่แท้หลิงหลานก็ปล่อยจิตสังหารที่ติดจากในมิติการเรียนรู้ออกมาโดยไม่รู้ตัว
“อื้อ บังเอิญจนทำให้คนสงสัยว่า ความจริงแล้วคำสั่งของทางกองทัพมีปัญหาจริงๆ แล้วพลังงานปั่นป่วนของเส้นทางแห่งความตายก็ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติด้วย” เสี่ยวซื่อสงบจิตใจไว้ และบอกข้อมูลที่เขาค้นเจอให้หลิงหลานต่อ
ความสามารถในการสืบค้นของเสี่ยวซื่อเก่งกาจอย่างไม่ต้องสงสัย มันพิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นเทพแห่งโลกเสมือนจริงอย่างที่เจ้าตัวพูดไว้จริงๆ แน่นอนว่าสาเหตุที่เสี่ยวซื่อทุ่มเทเต็มกำลังขนาดนี้เป็นเพราะว่าตอนนี้หลิงเซียวก็คือพ่อของเสี่ยวซื่อแล้ว เขาต้องรู้เรื่องทั้งหมดของพ่อเขาให้ได้ เพื่อไม่ให้อนาคตถูกคนถามคำถามขึ้นมาแล้วเขาตอบไม่ได้ แต่เขาไม่นึกเลยว่าพอตรวจสอบอย่างจริงจังขนาดนี้แล้ว เขาจะตรวจเจอปัญหาบางอย่างเข้าจริงๆ
“ดูท่า นี่คือแผนร้ายที่มุ่งเป้าไปที่พ่อฉันสินะ” หลิงหลานเชื่อในความสามารถของเสี่ยวซื่อ ในเมื่อเสี่ยวซื่อบอกว่ามีปัญหา เช่นนั้นก็ต้องมีปัญหาแน่นอน นอกจากนี้เดิมทีหลิงหลานก็รู้สึกว่าเรื่องบังเอิญอยู่ด้วยกันมากมายขนาดนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว
“ถูกต้อง ฉันยืนยันได้ว่าพ่อของพวกเราตายอยู่ภายใต้แผนการร้ายจริงๆ” เสี่ยวซื่อเอ่ยอย่างเฉียบขาด “เดิมทีกองยานรบของหลิงเซียววินาศสันตะโรไปแล้ว โจมตีขวัญกำลังใจทหารของสหพันธรัฐอย่างมาก แต่ทางกองทัพมีปฏิกิริยารวดเร็ว ประกาศเรื่องหลิงเซียวเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะออกมาทันที และประกาศสาเหตุการตายของหลิงเซียวว่าเป็นเพราะแผนการของจักรวรรดิฮิงูเระ นี่ทำให้สงครามระหว่างสหพันธรัฐกับจักรวรรดิฮิงูเระเพิ่มระดับขึ้นทันที จนไปถึงขั้นไม่หยุดจนกว่าจะกำจัดให้สิ้นซากอย่างแท้จริง ตอนนี้ต่อสู้ติดต่อกันมาแปดปีแล้ว ยังไม่เห็นความเป็นไปได้ที่สงครามจะหยุดลงเลย ทหารของทั้งสองประเทศบาดเจ็บล้มตายกันนับไม่ถ้วนแล้ว”
หลิงหลานแปลกใจอยู่บ้าง “ทำไมการตายของพ่อถึงสร้างผลสรุปแบบนี้ละ?”
เสี่ยวซื่อถอนหายใจกล่าวว่า “ลูกพี่ เธอไม่เข้าใจฐานะของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะในใจทหารสหพันธรัฐ ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะในสายตาของทหารก็คือเทพ และหลิงเซียวก็เป็นคนที่อายุน้อยที่สุด ความสำเร็จของเขาได้ปลุกใจทหารทุกคนให้ฮึกเหิมขึ้นมา พูดได้ว่า หลิงเซียวคือไอดอลของทหารทุกคน และเนื่องจากหลิงเซียวเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่อายุน้อยที่สุด ศักยภาพในการเติบโตของเขาก็เลยดีกว่าผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะคนอื่นๆ เช่นกัน แทบจะแน่ใจได้เลยว่าเขาจะเป็นเทพผู้พิทักษ์ของสหพันธรัฐในอนาคตสี่สิบห้าสิบปีข้างหน้า”
“เธอลองคิดดูสิ เทพผู้พิทักษ์พลีชีพจากแผนการของประเทศศัตรู ทหารของสหพันธรัฐจะยอมปล่อยไปเฉยๆ ได้ยังไง? ดังนั้นก็เลยได้แต่ทำสงครามต่อไปไม่ยอมหยุด นอกเสียจากจะมีสักประเทศที่ไร้ความสามารถในการรบต่อไปแล้ว”
หลิงหลานได้ยินถึงตรงนี้ก็จมสู่ห้วงความคิด เธอนึกถึงความจริงที่ว่าตอนที่บำเหน็จความชอบที่ได้รับสืบทอดถูกคนแย่งชิงไป ทางกองทัพกลับเลือกมองดูอยู่ข้างๆ และนึกถึงการลอบสังหารในตอนที่เข้าเรียนครั้งนั้น แล้วก็ภารกิจมรดกของพ่ออีก เขาออกแบบด่านมากมายนับไม่ถ้วนก็เพื่อจะตามหาตัวเธอโดยที่ไม่มีใครรู้…เธอตระหนักขึ้นมาได้บ้างแล้ว คนระดับสูงในกองทัพที่ทำร้ายหลิงเซียวไม่ได้ลดการจับตาเฝ้าระวังตระกูลหลิงเลย ดูท่าเขาไม่อยากเห็นคนของตระกูลหลิงปรากฏตัวขึ้นในโลกทหารเลยสักนิด
“เสี่ยวซื่อ ดูเหมือนว่าพวกเราจำเป็นต้องตามหาคนในระดับสูงของกองทัพที่ทำร้ายพ่อของฉันให้ได้แล้ว” หลิงหลานเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน
“เอ๋? ทำไมล่ะ?” เสี่ยวซื่อไม่เข้าใจ
“ข้อแรก ตัวฉันมีเลือดของหลิงเซียวไหลเวียนอยู่ และสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ก็คือมรดกของหลิงเซียว ไม่ว่าจะเป็นบุญคุณที่ให้กำเนิด หรือว่าบุญคุณที่สอนสั่ง ฉันจำเป็นต้องแก้แค้นให้หลิงเซียว จะให้เขาตายอย่างเสียเปล่าแบบนี้ไม่ได้”
“ข้อสอง แปดปีมานี้ ฉันเชื่อว่าอีกฝ่ายคอยจับตาดูพวกเรามาตลอด ขอเพียงพวกเราโผล่หัวเข้าไปในโลกทหารเล็กน้อย อีกฝ่ายจะต้องลอบสังหารพวกเราอย่างไร้ความปราณีแน่นอน ฉันไม่อยากให้มีดเล่มนี้ลอยอยู่เหนือหัวไปตลอดกาลหรอกนะ”
คำพูดของหลิงหลานดึงความรู้สึกเคียดแค้นเกลียดชังศัตรูร่วมกันของเสี่ยวซื่อออกมา เขารีบเอ่ยว่า “ลูกพี่วางใจได้เลย มอบโลกเสมือนจริงนี้ให้ฉันจัดการเถอะ” เสี่ยวซื่อนึกถึงการจับตามองในภารกิจมรดก เตือนตัวเองซ้ำๆ ว่าจะต้องระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก จะเผยช่องโหว่เล็กน้อยที่นำหายนะสู่ความตายมาให้ลูกพี่ของเขาไม่ได้เป็นอันขาด
เสี่ยวซื่อพูดต่อด้วยความกังวลว่า “แต่ว่าคนๆ นั้นยังไม่เปิดเผยตัวตนจนถึงตอนนี้เลยนะ เขาสามารถวางแผนฆ่าคุณพ่อโดยที่ไม่มีใครรู้ได้ จะต้องเป็นจอมวางแผนคนหนึ่งแน่นอน พวกเราจะกำจัดเขาได้เหรอ?” เสี่ยวซื่อไม่คิดว่าลูกพี่ของเขาจะเป็นนักวางแผน
“คนเดียวไม่ได้ งั้นก็หาผู้ช่วยหลายๆ คนสิ” มุมปากของหลิงหลานเผยรอยยิ้มหยันออกมา เดิมทีเธอไม่อยากเป็นลูกพี่เลย แต่ว่าความจริงกลับทำให้เธอไม่อยากทำก็จำเป็นต้องทำ จะต่อสู้กับผู้มีอิทธิพลของกองทัพและรัฐบาลจะไม่มีผู้ช่วยเลยได้ยังไง
ไม่ผิด หลิงหลานเล็งเป้าหมายไปที่หานจี้จวินแล้ว หลิงหลานเชื่อมั่นในพลังรบของตัวเองมาก คิดว่าถ้าหากพยายามต่อไป ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าพูดถึงขั้นเทวะ แต่ถ้าเป็นระดับไพ่ราชาหรือระดับราชันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ แต่ว่าหลิงหลานไม่มั่นใจเรื่องแผนการร้ายแบบนี้เลย นอกจากนี้ศัตรูยังเป็นยอดฝีมือทางด้านนี้ด้วย ดังนั้นเธอเลยได้แต่หาความช่วยเหลือภายนอกเท่านั้น และลูกน้องหลายคนที่อยู่ข้างกายหลิงหลาน มีเพียงหานจี้จวินเท่านั้นที่ไอคิวเหนือกว่าคนอื่น และตอนนี้เขาก็ค่อยๆ พัฒนาไปทางด้านความเจ้าเล่ห์เพทุบายด้วย
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องผลักดันอีก ทำให้หานจี้จวินกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์มากยิ่งขึ้น…หลิงหลานคิดแบบนี้
หลิงหลานทำการตัดสินใจเรื่องพวกนี้แล้วก็วางเรื่องนี้ไว้ด้านข้างก่อน ถึงยังไงก็เร็วเกินไปที่จะตามหาตัวอีกฝ่าย หลิงหลานไม่มีทางบุ่มบ่ามไปตามหาร่องรอยคนผู้นั้นในตอนที่ปีกยังไม่โตเต็มที่[1]หรอกนะ
หลิงหลานที่ปล่อยวางเรื่องไว้ชั่วคราวก็เริ่มดูวิธีการควบคุมหุ่นรบกระต่ายด้วยความจริงจัง และลองควบคุมหุ่นรบให้เดินช้าๆ ถึงยังไงนี่คือก้าวแรกของการควบคุมหุ่นรบ คุณเคยเห็นหุ่นรบที่เดินไม่ได้แต่หยิบมีดฟันคนได้หรือไง?
เอาเถอะ การเดินของหุ่นรบประเภทสัตว์ป่าเป็นการเดินที่อาศัยการกระโดด โดยเฉพาะเมื่อเป็นกระต่าย ขาหลังออกแบบได้ใหญ่ล่ำกว่าขาหน้ามาก หลิงหลานจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ก่อนว่าจะให้ขาหลังกระโดดขึ้นมายังไง ยังดีที่หลิงหลานใช้แค่นิ้วมือควบคุมเท่านั้น ก็เลยไม่มีความรู้สึกว่าปรับตัวได้แย่
หลังจากที่ล้มคว่ำมากมายนับไม่ถ้วน ในที่สุดหลิงหลานก็ควบคุมฟังก์ชั่นการเดินของหุ่นรบกระต่ายได้แล้ว แน่นอนว่า ตอนนี้ยังกระโดดเป็นเส้นตรงไม่ได้ หลิงหลานมองเห็นชัดเจนว่าตัวเองกระโดดไปทางซ้ายทีขวาที แต่ไม่เคยกระโดดเป็นเส้นตรงเลย ทำให้เธออับอายจนเหงื่อตกอยู่บ้าง
ด้วยเหตุนี้เอง หลิงหลานจึงหมกมุ่นกับการฝึกฝนหุ่นรบ แล้วค่อยได้สติกลับมาหลังจากที่เสี่ยวซื่อเตือนว่าถึงเวลาที่จะต้องออฟไลน์แล้ว
เนื่องจากหลิงหลานมีเสี่ยวซื่อคุ้มกันก็เลยออฟไลน์จากหอฝึกหุ่นรบโดยตรง เธอเดินออกมาจากแคปซูลล็อกอินแล้วก็ไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
หลานลั่วเฟิ่งที่อยู่ในห้องอาหารกำลังฮัมเพลงขณะจัดจานข้าวอยู่ แน่นอนว่าคนรับใช้เป็นคนทำอาหารพวกนี้ขึ้นมา หลานลั่วเฟิ่งเป็นลูกสาวจากตระกูลผู้ดีที่อยู่บ้านไม่ต้องซักผ้าถูบ้าน อย่างมากเธอก็ทอดไข่ได้ แต่ว่าไม่อาจรับประกันคุณภาพได้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่สุกหรือว่าสุกมากเกินไป
เมื่อหลานลั่วเฟิ่งเห็นหลิงหลานลงมาก็ยิ้มขึ้น “ลูกรักของแม่ ถ้าลูกยังไม่ลงมาอีก แม่ก็จะขึ้นไปเรียกลูกแล้วนะ”
หลิงหลานได้ยินคำพูดนี้ก็จนใจ เพราะว่าก่อนหน้านี้มีอยู่หลายครั้งที่เธอกำลังออนไลน์อยู่แล้วก็ถูกหลานลั่วเฟิ่งเรียกให้ลงมาไม่หยุด แม่ของเธอเป็นคนที่จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย เมื่อแข่งความอดทนกับเธอแล้ว หลิงหลานเชื่อว่าตัวเองมีโอกาสชนะไม่มากเลย
หลิงหลานกับหลานลั่วเฟิ่งทานอาหารตามปกติ หลิงหลานเขี่ยข้าวไม่กี่ทีก็อดเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ “แม่ เรื่องที่พ่อเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ แม่รู้หรือเปล่า?”
หลานลั่วเฟิ่งพยักหน้าพูดว่า “แม่รู้ ทำไมเหรอ?”
“ทำไมแม่ถึงไม่บอกผมเลยล่ะ” หลิงหลานกลุ้มใจแล้ว
…………………………………………………..
[1] อุปมาว่า ยังเป็นเด็กน้อยด้อยประสบการณ์ มีความสามารถไม่เพียงพอ