หลิงหลานไม่จำเป็นต้องถามหมายเลขสามอีกว่าจะป้อนคำสั่งการควบคุมล่วงหน้าพวกนี้เมื่อไหร่ เพราะหลิงหลานรู้ดีว่า นอกจากโหมดควบคุมกำหนดไว้ล่วงหน้า ยังมีโหมดควบคุมล่วงหน้าฉุกเฉินซึ่งก็คือการป้อนคำสั่งในช่วงเวลาที่สั้นมากๆ หลังจากที่ใช้แล้วหนึ่งครั้งก็จะสูญเสียประสิทธิภาพไป
นี่เป็นวิธีการควบคุมที่เหมาะสมกับการต่อสู้ฉุกเฉินอย่างยิ่งยวด อย่างไรก็ตาม มีคนมากมายลืมไปแล้วว่าหุ่นรบมีฟังก์ชั่นนี้อยู่ เนื่องจากโหมดควบคุมล่วงหน้าฉุกเฉินมีข้อเรียกร้องต่อผู้ควบคุมสูงมาก มีคนมากมายไม่สามารถเรียนรู้เข้าใจความสามารถในการควบคุมนี้ได้ ดังนั้นผู้ควบคุมหุ่นรบส่วนใหญ่ยังคงเลือกปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ควบคุมหุ่นรบโดยตรงซึ่งง่ายกว่าเล็กน้อย
โหมดควบคุมล่วงหน้าฉุกเฉินมีเงื่อนไขว่าผู้ควบคุมที่ใช้มันจะต้องมีความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้าในระดับหนึ่ง ซึ่งในโลกนี้เรียกมันว่าสัมผัสที่หก ส่วนในมิติการเรียนรู้ถูกเรียกว่าสัญชาตญาณสัตว์ป่า เป็นความสามารถหยั่งรู้โดยพรสวรรค์ระดับกลางค่อนไปทางต่ำอย่างหนึ่ง
ความจริงแล้ว พรสรรค์ในการรู้แจ้งเห็นจริงของหลิงหลานยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่พรสรรค์ในการหยั่งรู้ โหมดควบคุมล่วงหน้าฉุกเฉินเหมาะกับการควบคุมของหลิงหลานอย่างยิ่งยวด นี่ก็เป็นเรื่องที่อาจารย์หมายเลขสามอยากเตือนเธอเป็นพิเศษ
ช่วงเวลานี้เสี่ยวซื่อค่อยๆ รวบรวมข้อมูลในชีวิตจริงกลับมาที่มิติการเรียนรู้ ทำให้อาจารย์หลายๆ คนเข้าใจสภาพแวดล้อมทางด้านเทคโนโลยีที่หลิงหลานอาศัยอยู่ได้คร่าวๆ รู้ว่าเวลานี้โลกใบนี้ยังล้าหลังเกี่ยวกับเรื่องการหยั่งรู้อยู่ แม้กระทั่งด้านการควบคุมหุ่นรบก็ยังด้อยกว่าโลกของพวกเขาหลายระดับเช่นกัน
ดังนั้น ในมิติการเรียนรู้ต่างเคยชินกับการใช้โหมดควบคุมล่วงหน้าฉุกเฉิน แต่ที่นี่นอกจากคนที่มีสัมผัสที่หกถึงจะใช้มันแล้ว ผู้ควบคุมหุ่นรบทั่วไปต่างไม่เข้าใจฟังก์ชั่นนี้ของหุ่นรบเลย แม้กระทั่งอาจารย์ที่สอนการควบคุมหุ่นรบมากมายต่างก็จำมันไม่ได้แล้ว นี่ก็เป็นเหตุผลใหญ่ที่สุดที่อาจารย์หมายเลขสามลงมือบังคับหุ่นรบ
หลิงหลานเข้าใจเจตนาที่อาจารย์หมายเลขสามสั่งสอนแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับการควบคุมของอาจารย์ เธอก็รู้แล้วว่าไม่ว่าจะเป็นด้านการรับรู้ การควบคุม การคาดการณ์ล่วงหน้าต่างก็ยังไม่สมบูรณ์อย่างมาก หลิงหลานรู้ดีว่าทั้งหมดนี่คือสาเหตุที่พื้นฐานของเธอยังไม่ผ่าน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เลือกเรียนรู้วิธีการควบคุมใหม่ หากแต่ฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอได้เริ่มทดลองใช้โหมดควบคุมล่วงหน้าฉุกเฉิน แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ยากมาก มีหลายครั้งที่หลิงหลานล้มเหลวไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่หลิงหลานยังคงพยายามมุมานะเรียนรู้มัน
หลายเดือนผ่านไปเช่นนี้เอง หลิงหลานเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองให้มีระเบียบอย่างยิ่ง เธอจะฝึกฝนทักษะพื้นฐานการต่อสู้มือเปล่าของเธอในช่วงเวลาเช้าตรู่กับพลบค่ำ ไม่ว่าจะเป็นทักษะของสถาบันลูกเสือหรือว่าทักษะที่มิติการเรียนรู้สอนต่างก็ไม่ให้ตกลง ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมฝึกฝนความเร็วมือ ตอนนี้เธอทะลวงขีดจำกัดลูกแก้วสามลูกแล้ว สามารถฝึกลูกแก้วสี่ลูกได้พร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม มันก็เหมือนกับตอนที่ฝึกด้วยลูกแก้วสามลูกที่ประคับประคองไว้ได้ไม่นานนัก หลิงหลานเองก็ไม่ได้ร้อนใจ ทุกวันอดทนไปทีละนิด ขอเพียงประคับประคองเวลาให้นานกว่าวันก่อนได้นิดหน่อยก็คือการประสบความสำเร็จแล้ว
ส่วนช่วงตอนกลางวัน เธอก็เข้าเรียนตอนที่สถาบันมีคาบเรียน ตอนที่ไม่มีคาบเรียนก็ไปฝึกควบคุมหุ่นรบในโลกเสมือนจริง แน่นอนว่าหลิงหลานไปหาหุ่นรบเสือชีตาห์ว่าอยู่ในหอฝึกหุ่นรบหรือเปล่าด้วยความความเคยชินมากๆ ไม่ว่าใครต่างก็มีความประทับใจลึกๆ ต่อคนแปลกหน้าคนแรกที่ได้พบปะพูดคุยกันและให้ความช่วยเหลือในโลกเสมือนจริงด้านนอก
แน่นอนว่าหลิงหลานยังมีเหตุผลอีกอย่างที่ไปหาอีกฝ่าย นั่นก็คือทุกครั้งที่เธอเห็นท่วงท่าการฝึกฝนของอีกฝ่าย เธอจะตระหนักรู้แจ้งอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เสมอซึ่งบางทีก็มากบางทีก็น้อย ในขณะเดียวกัน อีกฝ่ายก็เหมือนกับมีความคิดแบบนี้ ดังนั้นทั้งสองคนก็เลยฝึกฝนด้วยกันอย่างรู้ใจกันมาก ถึงแม้ว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่พูดจา แต่ว่าพวกเขาต่างก็รู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนเก่าที่รู้ใจกันก็ไม่ปาน จนสุดท้ายถึงขนาดที่สายตาเดียว ท่วงท่าเดียวก็สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
เสี่ยวซื่อเองก็ยุ่งมากเช่นกัน เขาไม่เพียงต้องเจียดเวลาใช้รูปลักษณ์ของหลิงหลานช่วยลูกพี่ตัวเองไปทำพวกภารกิจประจำวันของสถาบันลูกเสือ เนื่องจากหลิงหลานไม่สามารถออฟไลน์บ่อยๆ ได้ เขายังต้องช่วยลูกพี่ปฏิสัมพันธ์กับพวกฉีหลงดีๆ ด้วย ถึงขนาดที่เสี่ยวซื่อปลอมตัวเป็นหลิงหลานไปทำภารกิจกลุ่มบางอย่างด้วย โชคดีที่เสี่ยวซื่อคลุกคลีกับหลิงหลานมาตลอด จึงคุ้นชินกับน้ำเสียงพูดจาของหลิงหลานอย่างยิ่งยวด เลยไม่ทำให้พวกฉีหลงสงสัย
ไม่เพียงเท่านั้น เสี่ยวซื่อยังต้องเตรียมป้องกันการเข้าใกล้ของผู้ควบคุมหุ่นรบเสือชีตาห์ด้วย เสี่ยวซื่อเชื่อมั่นว่า คนที่ทำดีอย่างไม่มีเหตุผลคือคนที่ซ่อนเจตนาชั่วร้ายไว้ ผู้ควบคุมเสือชีตาห์ปฏิบัติต่อลูกพี่เขาดีขนาดนี้จะต้องวางแผนชั่วร้ายแน่นอน ดังนั้นเขาต้องปกป้องลูกพี่ของเขาไว้ให้ดี….
แน่นอนว่าหลิงหลานไม่เห็นด้วยกับความคิดของเสี่ยวซื่อ ในความรู้สึกของเธอ ผู้ควบคุมเสือชีตาห์เป็นผู้ใหญ่มาก และก็เป็นผู้ควบคุมที่หมกมุ่นกับการฝึกฝนควบคุมหุ่นรบ นอกจากนี้อีกฝ่ายไม่รู้เลยว่าเธอเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ดังนั้นเขายังมีเจตนาชั่วร้ายอะไรได้อีกล่ะ?
แน่นอนว่าคำพูดของหลิงหลานเหล่านี้กระตุ้นให้เสี่ยวซื่อเยาะเย้ยขึ้นมา เขาบอกหลิงหลานว่าเธอกำลังโกหกตัวเองและโกหกคนอื่นอย่างชัดเจน คิดดูสิ โดยพื้นฐานแล้วพวกมือใหม่ในหอฝึกหุ่นรบต่างก็เป็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณสิบหกปี จะไปมีผู้ใหญ่ที่ไหนกัน? นอกจากนี้เด็กวัยรุ่นคือคนที่เข้าใจได้ยากมากที่สุด ใครจะไปรู้ว่าวินาทีถัดมาพวกเขาจะเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาหรือเปล่า
พวกเขาสองคนไม่ว่าใครก็พูดเกลี้ยกล่อมใครไม่ได้ หลิงหลานไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เธอบังเอิญเจอหุ่นรบเสือชีตาห์อย่างรู้ใจกัน (เสี่ยวซื่อมีคุณงามความดีมากที่สุด เขาคิดว่าเอาคนที่อันตรายมาไว้ใกล้ตัวจะค่อนข้างปลอดภัยกว่า) ฝึกฝนด้วยกันกับเขาอย่างรู้ใจกัน บางครั้งหลิงหลานสัมผัสได้ว่าหลังจากที่เธอรู้แจ้งทะลวงขีดจำกัดบางอย่างและไปทำการประเมินผลพื้นฐานในหอฝึกหุ่นรบ ช่วงเวลานี้จะมีหุ่นรบเสือชีตาห์ตัวหนึ่งมาศึกษาดูอยู่ข้างๆ เสมอ ในขณะเดียวกัน ทุกครั้งที่เสือชีตาห์ประเมินผล ขอเพียงหลิงหลานออนไลน์อยู่ เธอก็จะไปศึกษาดูอยู่ด้านข้างเช่นกัน
ไปๆ มาๆ หลิงหลานคิดว่าหุ่นรบเสือชีตาห์น่าจะถือว่าเป็นเพื่อนของเธอแล้ว ดังนั้นเธอถึงได้รู้สึกมีความสุขมากหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวซื่อ ในความคิดของเธอ การที่ต่างฝ่ายต่างรู้ใจกันถึงนับว่าเป็นเพื่อนแท้ได้
ดังนั้นหลิงหลานจึงตัดสินใจบอกความลับการฝึกความเร็วมือให้อีกฝ่ายว่า “อันที่จริงก็ไม่มีความลับอะไรหรอก แค่หาลูกแก้วมาวางไว้ในฝ่ามือแล้วฝึกฝนในโลกความเป็นจริง อย่าให้พวกมันออกมาก็พอ”
คำพูดของหลิงหลานทำให้หุ่นรบเสือชีตาห์ตื่นตะลึงมาก เขาไม่นึกเลยว่าหลิงหลานจะบอกความลับที่ได้รับการสืบทอดแบบนี้ออกมาก็เลยพูดด้วยความกังวลใจขึ้นมาไม่ได้ว่า “นายไม่กลัวว่าสำนักอาจารย์จะไม่พอใจบ้างเหรอ? ต่อไปอย่าบอกความลับแบบนี้ออกมาตามใจชอบนะ”
“ไม่พอใจ? น่าจะไม่นะ” หลิงหลานเงยหน้าใคร่ครวญ คิดว่าพ่อเธอน่าจะไม่ใจแคบขนาดนั้น ดังนั้นก็เลยกล่าวว่า “วางใจเถอะ ฉันบอกเรื่องนี้กับนายเท่านั้น เพราะว่านายคือเพื่อนฉัน”
คำพูดของหลิงหลานทำให้ผู้ควบคุมเสือชีตาห์ตื้นตันใจ ในใจเกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะบอกสถานะตัวตนที่แท้จริงของตัวเองให้อีกฝ่าย แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก คำพูดของคุณปู่กลับดังขึ้นที่ข้างหูอีกครั้ง “เสี่ยวหลาน เธอต้องจำไว้ว่าตอนที่เรียนหนังสืออยู่ในสถาบันลูกเสือของดาวเว่ยหลาน ต่อให้เป็นเพื่อนที่เธอยอมรับมากก็จะให้พวกเขารู้สถานะกับใบหน้าที่แท้จริงของเธอไม่ได้ นอกเสียจากเธอจะอายุครบยี่สิบ เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการก่อน….”
ผู้ควบคุมเสือชีตาห์กำหมัดสองข้างแรงๆ กัดฟันแน่น ถึงค่อยสะกดความละอายใจที่เปี่ยมล้นลงไปยังส่วนลึกของหัวใจ เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วค่อยเค้นคำพูดสองคำออกมาอย่างยากลำบากว่า “ขอบใจนะ!”
หลิงหลานไม่รับรู้ถึงความสับสนที่อยู่ในใจผู้ควบคุมเสือชีตาห์ตอนนี้เลย เธออารมณ์ดีมากเนื่องจากเธอเชื่อว่า เมื่อมีวิธีการฝึกฝนเพิ่มความเร็วมือแล้ว หุ่นรบเสือชีตาห์ยังต้องอยู่ที่นี่ฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานแน่นอน มีเพื่อนร่วมฝึกด้วยกันจะไม่มีทางน่าเบื่อขนาดนั้นแล้ว
……………
ในเวลาต่อมา หุ่นรบกระต่ายและหุ่นรบเสือชีตาห์ก็ฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานด้วยกัน ทำการประเมินผลด้วยกัน ศึกษาทักษะการควบคุมด้วยกันในหอฝึกหุ่นรบเป็นประจำ กลายเป็นกลุ่มกระต่ายเสือชีตาห์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหอฝึกหุ่นรบ
ท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่ฝึกฝนจนเชี่ยวชาญและสมบูรณ์จนเกือบจะไม่มีจุดบกพร่องของกลุ่มกระต่ายเสือชีตาห์เรียกความเคารพเลื่อมใสของมือใหม่ด้านหุ่นรบทุกคนที่เพิ่งเข้ามาข้างในประตูหอฝึกฝน พวกเขาค่อยๆ มีชื่อเสียงในหมู่บรรดามือใหม่ การประเมินผลทุกรอบของพวกเขาต่างดึงดูดผู้ชมเข้ามาชมมากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาก็เป็นพยานว่าพวกหลิงหลานสองคนติดอันดับสูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขามองส่งมือใหม่รุ่นเก๋าออกไปชุดแล้วชุดเล่าและต้อนรับมือใหม่ถอดด้ามตัวน้อยๆ เข้ามาทีละกลุ่ม
เนื่องจากมือใหม่เอี่ยมอ่องและมือใหม่รุ่นเก๋าเหล่านี้ได้แพร่สะพัดตำนานความสำเร็จของกลุ่มกระต่ายเสือชีตาห์มากขึ้น จนสุดท้ายข่าวลือที่ว่าในหอฝึกหุ่นรบของดาวเว่ยหลานมียอดฝีมือควบคุมหุ่นรบสองคนไม่ยอมจบการศึกษา อยากจะทำลายสถิติผ่านด่านล่าสุดก็ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์เสมือนจริง
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ต่างส่งเสียงขึ้นจมูกดูถูกข่าวลือนี้อย่างมาก ทุกคนแทบจะคิดว่ากลุ่มกระต่ายเสือชีตาห์คิดเพ้อฝันไปชัดๆ พวกเขาไม่มีทางทำลายสถิติได้ตลอดกาล เพราะว่าคนที่รักษาสถิติการประเมินผลควบคุมพื้นฐานไว้คือ หลิงเซียวผู้ควบคุมชั้นเทวะเมื่อสิบกว่าปีก่อน แน่นอนว่าตอนนั้นหลิงเซียวยังไม่ได้เป็นผู้ควบคุมชั้นเทวะนะ
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นเช่นนี้ ผลคะแนนนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำลายได้ หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญศึกษาวิจัยซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยืนยันว่าผลคะแนนของหลิงเซียวไปถึงขีดจำกัดสูงสุดของการควบคุมหุ่นรบพื้นฐานแล้ว นอกเสียจากมีคนใช้หุ่นรบระดับพิเศษขึ้นไป บวกกับระดับฝีมือมากกว่าผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาขึ้นไป ถึงจะมีโอกาสทำลายสถิติได้บ้าง (เนื่องจากหุ่นรบสำหรับการควบคุมพื้นฐานคือหุ่นรบสามประเภทหลักที่ดั้งเดิมที่สุด ความหยาบคุณภาพต่ำของหุ่นรบก็จำกัดการปลดปล่อยความสามารถของหลิงเซียวเช่นกัน)
แต่ว่านี่มันเป็นไปได้เหรอ? ทุกคนต่างรู้ว่าหุ่นรบในหอฝึกหุ่นรบคือหุ่นรบที่ดั้งเดิมมากที่สุด ไม่มีใครสามารถได้หุ่นรบที่ดีมากขึ้นได้ ดังนั้นจึงไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะสถิติของหลิงเซียวภายใต้สถานการณ์ที่ผู้คนใช้หุ่นรบแบบเดียวกัน….
หลิงหลานไม่รู้ว่าทั่วทั้งโลกเสมือนจริงจะเอะอะวุ่นวายกันเพราะพวกเธอ หลังจากที่เธอกับผู้ควบคุมเสือชีตาห์เล่นหุ่นรบสัตว์ป่ากันอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วก็เปลี่ยนเป็นหุ่นรบนก สุดท้ายก็ค่อยเลือกหุ่นรบฮิวแมนนอยด์
เมื่อฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานของหุ่นรบสามประเภทหลักจนถึงขีดสุดแล้ว หลิงหลานใช้หุ่นรบฮิวแมนนอยด์ผ่านด่านภารกิจในมิติการเรียนรู้ได้สำเร็จ จากนั้นอาจารย์หมายเลขสามที่ไม่ได้เจอกันนานมากก็ปรากฏตัวขึ้นมา และคราวนี้อาจารย์หมายเลขสามเอ่ยปากทันทีว่าให้หลิงหลานเตรียมตัวเอาไว้ พรุ่งนี้เริ่มตามเขาไปเรียนการเคลื่อนไหวและทักษะความยากระดับต้นของหุ่นรบอย่างเป็นทางการ
หลิงหลานได้ยินก็แทบจะชูมือตะโกนเสียงสูง หัวเราะดังๆ สามครั้งที่หลุดพ้นแล้วในที่สุด ควรรู้ไว้ว่าการที่เธอฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานมาตลอดทำให้เธอฝึกจนรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ถ้าหากมีแค่เธอตัวคนเดียวคงจะเลือกประเมินผลจบการศึกษาแล้วไปเสาะหาความสนุกสนานใหม่ๆ ในโลกหุ่นรบที่แท้จริงนานแล้ว แต่เมื่อเธอเห็นผู้ควบคุมหุ่นรบเสือชีตาห์ฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานด้วยท่าทีจริงจังขนาดนั้น หลิงหลานจำเป็นต้องฝืนยืนหยัดต่อไป ให้ตายเถอะ สาวรุ่นใหญ่อย่างเธอจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มวัยละอ่อนตรงหน้าได้ยังไง…
(เด็กหนุ่มงดงามคนหนึ่งที่เพิ่งจะออฟไลน์ก็แอบให้กำลังใจตัวเองอย่างลับๆ เช่นกัน ‘ถ้าอยากเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็จะพ่ายแพ้ให้ใครไม่ได้ ในเมื่อหุ่นรบกระต่ายสามารถขยันฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานโดยไม่เบื่อหน่ายเลยสักนิดเดียว เช่นนั้นเขาก็ต้องทำได้เหมือนกัน จะต้องยืนหยัดต่อไปให้ได้!’)
ต้องพูดว่า บางครั้งความเข้าใจผิดบางอย่างก็คือความงดงามสุดขีด ทั้งสองคนต่างคิดว่าท่าทีของอีกฝ่ายจริงจังทรหดมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากแพ้ให้กับอีกฝ่าย ดึงดันฝึกฝนการควบคุมพื้นฐานที่น่าเบื่อสุดขีดพวกนี้ต่อไป!
…………………….
Related