ฉีหลงรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายบนร่างหลิงหลานเปลี่ยนไป ในใจก็อดเป็นห่วงลั่วล่างไม่ได้ หรือว่าลูกพี่โมโหเพราะลั่วล่างไม่เชื่อฟังคำสั่ง?
เวลานี้เองหลิงหลานเอ่ยถามฉีหลงเสียงเบาว่า “รู้หรือเปล่าว่าเขาเปิดใช้งานบุคลิกอะไร?”
หลิงหลานหวังว่าบุคลิกที่ลั่วล่างเปิดใช้งานจะไม่ใช่บุคลิกโหดเหี้ยมกระหายเลือดที่ควบคุมไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจำเป็นต้องยอมแพ้เพื่อปกป้องลั่วล่างไว้ โรงเรียนทหารไม่อนุญาตให้นักเรียนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองแบ่งแยกมิตรศัตรูไม่ได้เล่าเรียนอยู่ในโรงเรียนหรือแม้กระทั่งเข้าสู่กองทัพ
ฉีหลงตั้งใจมองลั่วล่างแวบหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าเอ่ยด้วยความงุนงงว่า “แปลกจัง บุคลิกนี้ไม่เคยโผล่มาก่อนเลย ฉันสัมผัสเจตนาร้ายที่รุนแรงไม่ได้ แต่พรสวรรค์กลับเตือนฉันว่า ต้องระวังตัวเอาไว้”
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ขมวดคิ้ว เธอพิจารณาสีหน้าของลั่วล่างในตอนนี้อย่างจริงจัง มองไม่เห็นความกระหายเลือด และก็มองไม่เห็นความอำมหิตอย่างยิ่งยวดนั้นด้วย ลั่วล่างในตอนนี้มีเพียงความเย็นชาอย่างไร้ที่สิ้นสุด แต่ความเย็นชาเช่นนี้ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อทุกคน หากแต่ใส่คู่ต่อสู้ของเขาเท่านั้น
หลิงหลานชั่งน้ำหนักในใจสักพักแล้วเอ่ยว่า “เราดูกันต่อ”
หลิงหลานเองก็อยากรู้ว่าบุคลิกที่ลั่วล่างเปิดใช้งานนี้คืออะไรกันแน่ ขอเพียงลั่วล่างไม่ได้สูญเสียการควบคุม หลิงหลานก็ไม่อยากหยุดการแข่งขัน เพราะเธอรู้ว่า ในเมื่อลั่วล่างเปิดใช้งานพรสวรรค์โดยที่ไม่คำนึงถึงอะไรแล้ว เขาย่อมไม่อยากพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่ดูถูกเขาแน่นอน ในฐานะที่หลิงหลานเป็นลูกพี่พวกเขา เธอก็อยากช่วยลั่วล่างสมปรารถนาเช่นกัน
อู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่รู้เรื่องความสับสนในใจฉีหลงกับหลิงหลานเลย ตอนนี้พวกเขาถูกการประลองดึงดูดความสนใจไปแล้ว ถึงขนาดที่ลุกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากเวลานี้ลั่วล่างควบคุมสถานการณ์ไว้หมดแล้ว
มือข้างหนึ่งของลั่วล่างบีบข้อเท้าของฉีย่าไว้ ผู้ชมรู้ดีว่าพละกำลังของลูกเตะนั้นน่ากลัวอย่างยิ่งยวด การรับด้วยมือข้างเดียวย่อมเสียเปรียบแน่นอน แต่ลั่วล่างกลับบีบไว้ได้ง่ายๆ ไม่ได้ถอยหลังสักก้าวเพราะพละกำลังของอีกฝ่ายเลย ดูช่ำชองฝีมือเยี่ยมมาก
จากนั้นก็เห็นลั่วล่างเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงหน้าที่เดิมทีโมโหจนแดงกลับคืนเป็นสีขาวดังเดิม กลายเป็นเย็นชาอย่างหาใดเปรียบ เวลานี้ลูกตาดำทั้งสองข้างของเขามืดมิด ราวกับทะเลแห่งความตายก็ไม่ปาน ลึกล้ำจนทำให้หัวใจของฉีย่าที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมหนาวเหน็บ
“ฉันบอกแล้วไงว่าให้นายหุบปาก” ลั่วล่างเอ่ยเรียบๆ “น่าเสียดายที่นายไม่ฟัง…” ลั่วล่างชูมือขวาขึ้นมาท่ามกลางเสียงพูด แล้วฟันลงไปยังน่องขาที่เขาจับไว้ฉับพลัน ดูแค่พลังอำนาจและพละกำลังนั้น ขอเพียงถูกฟันลงไป กระดูกขาจะต้องหักแน่นอน
ฉีย่าเห็นดังนั้นแววตาก็หดลงทันใด ระฆังเตือนภัยในใจเขาส่งเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง ขาขวาดิ้นรนอย่างสุดกำลัง อยากให้ขาขวาของตัวเองกลับมามีอิสระอีกครั้ง แต่มือซ้ายของลั่วล่างเหมือนกับคีมเหล็ก ทำให้ไม่สามารถสลัดหลุดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ฉีย่าย่อมไม่อาจงอมืองอเท้ารอความตายได้อยู่แล้ว เขาดีดตัวขึ้นจากพื้นทันทีก่อนพลิกตัวกลางอากาศ ขาซ้ายที่เดิมทีพยุงตัวไว้รับแรงตีลังกาก่อนจะเตะไปที่ด้านข้างคอของลั่วล่างอย่างโหดเหี้ยม
เวลานี้ฉีย่าแสดงด้านอำมหิตออกมาเพื่อปกป้องขาขวาของตัวเอง ไม่ได้ต่อสู้แบบป้องกันอีกต่อไป เขาเริ่มโจมตีใส่จุดตายของลั่วล่าง
ทุกคนเห็นดังนั้นก็อุทานขึ้นมา สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเฮือกหนึ่ง นักเรียนใหม่จำนวนไม่น้อยถึงขนาดลุกขึ้นยืนด้วยความหวาดหวั่น เป็นห่วงลั่วล่างบนเวที ถ้าหากโดนลูกเตะของฝ่ายตรงข้าม คอที่เปราะบางของลั่วล่างจะต้องถูกเตะจนหักเสียชีวิตทันที ไม่มีโอกาสช่วยเหลือแน่นอน จุดตายเหล่านี้เป็นจุดที่ถูกห้ามโจมตีในการประลองบนสังเวียนของโรงเรียนทหาร ฉีย่าฝ่าฝืนกฎอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดเดียว
ถังอวี้เห็นฉากนี้ แววตาก็มีรัศมีเย็นเยียบพาดผ่าน ขณะที่เขาคิดจะลงมือกลับเห็นลั่วล่างเปลี่ยนทิศทางการโจมตีของมือขวาอย่างเยือกเย็น รับลูกเตะของอีกฝ่ายไว้ทันที ร่างของเขาหยุดชะงัก แต่ยังคงเตรียมการลงมือไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ในใจพันเอกถังอวี้วาดกากบาทให้ฉีย่าอย่างดุดัน คนที่ลงมือใส่เพื่อนร่วมรบตัวเองอย่างอำมหิตแบบนี้ เขาไม่มีทางให้ฉีย่ามีโอกาสไปที่กองทัพไพ่ราชาชั้นยอดเหล่านั้นได้แน่นอน…
‘ปัง’ ฝ่ามือซัดใส่ข้อเท้า ฉีย่ารู้สึกว่าข้อเท้าตัวเองส่งเสียงดังกรอบ จากนั้นความปวดร้าวอย่างรุนแรงก็จู่โจมใส่หัวใจ เขาอดร้องด้วยความเจ็บขึ้นมาไม่ได้ “อ๊าก!”
การปะทะของทั้งสองพลังย่อมสร้างแรงสะท้อนอันมหาศาล ฉีย่าถูกโยนออกไปอย่างรุนแรง เขาไม่อาจทำให้ตัวเองลงสู่พื้นอย่างมั่นคงได้เนื่องจากเจ็บปวดมาก ร่างของเขาเสียการทรงตัวล้มกระแทกบนเวทีประลองอย่างหนักหน่วงก่อนจะไถลออกไป ทิ้งรอยครูดจางๆ สายหนึ่งบนเวทีประลอง
ส่วนลั่วล่างก็ถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว ร่างกายของเขาถึงค่อยยืนได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม มือซ้ายของเขาห้อยลงที่ข้างตัว ท่าทางแกว่งไปมานั้นก็รู้ได้ว่า มือซ้ายของลั่วล่างน่าจะถูกพลังมหาศาลสะท้อนกลับจนกระดูกแขนหักตอนที่รับลูกเตะของฝ่ายตรงข้ามเมื่อสักครู่นี้
เมื่อเห็นฉีย่ากอดข้อเท้าอยู่บนพื้น ทำท่าเจ็บปวดจนแยกเขี้ยว เทียบกับลั่วล่างที่ยืนอยู่อีกทางด้านหนึ่งซึ่งกระดูกหักเหมือนกันแล้ว เขาทำหน้าเยือกเย็นสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เห็นความต่างชั้นอย่างชัดเจน บรรดานักเรียนใหม่ย่อมสนับสนุนลั่วล่างอย่างไม่มีเงื่อนไข ต่อให้เป็นนักเรียนเก่าบางคน ตอนนี้พวกเขาก็อดลอบนิ่วหน้าไม่ได้เช่นกัน ดูถูกฉีย่าที่ทำให้นักเรียนเก่าขายหน้า ในใจแอบชื่นชมลั่วล่างขึ้นมา คิดว่าเด็กหนุ่มที่ดูอ่อนแอบอบบางคนนี้กลับเป็นคนใจเด็ดโหดเหี้ยม
พันเอกถังอวี้เดินไปที่ข้างกายฉีย่าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เอ่ยถามว่า “นักเรียนฉีย่า เธอยังสู้ได้หรือเปล่า? ถ้าไม่ได้ ฉันจะประกาศผู้ชนะของการประลองรอบนี้”
ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน แต่พันเอกถังอวี้ไม่คิดจะไปถามลั่วล่าง เนื่องจากเขาเชื่อว่า ขอเพียงเจ้าหนูลั่วล่างคนนั้นมีลมหายใจอยู่ เขาย่อมประลองต่อไป นี่ถึงจะเป็นการปฏิบัติที่ทหารตามมาตรฐานควรมี เทียบกับลั่วล่างแล้ว ฉีย่าปีห้าคนนี้ตื่นตระหนกตกใจมากเกินไปแล้ว
ฉีย่ารู้สึกแค่เพียงเหมือนกับมีสว่านเจาะเข้าไปในข้อเท้าขวาของตัวเอง ความเจ็บปวดนี้ยากจะทานทนจริงๆ ฉีย่าไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ว่าจะต้องโดนกระบวนท่าลับของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน ในใจยิ่งเจ็บแค้นลั่วล่างอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เวลานี้ได้ยินกรรมการถังอวี้เอ่ยถามแบบนี้ เขาจะยอมแพ้เองได้ที่ไหน ดังนั้นจึงฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดแสนสาหัสตอบกลับไปว่า “ผมสู้ได้ครับ!”
ฉีย่ากล่าวจบก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น ฉากนี้ได้รับเสียงปรบมือจากนักเรียนที่ชมการประลอง ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฉีย่าจะทำผลงานได้ย่ำแย่มาก ทว่าตอนนี้เขาคือนักเรียนทหารตามมาตรฐานอย่างไม่ต้องสงสัย ได้รับการยอมรับจากนักเรียนส่วนหนึ่ง
ฉีหลงเห็นฉากนี้ก็อดยิ้มบางๆ ขึ้นมาไม่ได้ เขาเอ่ยกับหลิงหลานเสียงเบาว่า “ลูกพี่ ดูเหมือนลั่วล่างจะแอบลงมือโหดเหี้ยมเอาเองนะ” เขาลูบคางเอ่ยอย่างคาดเดาว่า “ท่าที่ใช้คือกระบวนท่าไหนกัน? รูปแบบที่สามของหมัดหนึ่งนิ้ว?”
หลิงหลานตอบกลับทันทีว่า “ไม่ใช่ เป็นรูปแบบที่สี่ของหมัดหนึ่งนิ้ว”
“ฮะ มีกระบวนท่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ฉีหลงตะลึงงัน เขาไม่รู้ได้ยังไง?
“หมัดหนึ่งนิ้วเป็นเคล็ดวิชาของตระกูลลั่ว ย่อมต้องมีท่าไม้ตายอยู่แล้วสิ” หลิงหลานตอบ
หมัดหนึ่งนิ้วถูกบรรดาอาจารย์ของมิติการเรียนรู้พัฒนาออกมาจนถึงเก้ารูปแบบแล้ว กลุ่มหลิงหลานเรียนรู้รูปแบบที่สามของหมัดหนึ่งนิ้วรวมถึงกระบวนท่าก่อนหน้านี้แล้ว แต่หลิงหลานคิดว่ากระบวนท่าชุดหมัดหนึ่งนิ้วกำเนิดจากวิถีหมัดหนึ่งนิ้วซึ่งเป็นวิชาที่สืบทอดกันมาของตระกูลลั่ว ดังนั้นเธอจึงสอนรูปแบบที่สี่ของหมัดหนึ่งนิ้วให้ลั่วล่างเป็นพิเศษ ยืนยันว่าหมัดหนึ่งนิ้วยังคงเป็นวิชาของตระกูลลั่ว มีท่าไม้ตายมากกว่าคนอื่นหนึ่งท่าตลอดไป
ฉีหลงฟังแล้วก็เห็นด้วย ไม่ได้กวนใจเรื่องนี้อีก นี่ก็เป็นข้อดีของฉีหลง รู้จักบันยะบันยัง ไม่ได้ดึงดันขอสิ่งที่ไม่ใช่ของตน
ฉีย่าที่อยู่บนเวทีประลองลุกขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองลั่วล่างอย่างคั่งแค้น เขารู้ว่าเขาทำตัวน่าอับอายต่อหน้าทุกคน แต่ว่าคนที่ทำให้เกิดทุกอย่างนี้คือไอ้เด็กน่ารังเกียจตรงหน้านี่ ในใจเขาร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง อยากสังหารลั่วล่างเพื่อระบายความแค้นในใจเขา
สายตาของลั่วล่างสบกับสายตาของฉีย่า แววตาเฉยชานั้นทำให้ฉีย่าหนาวเหน็บไปทั่วทั้งร่าง สมองที่เดิมทีถูกไฟโทสะครอบงำพลันแจ่มใสขึ้นมา เนื่องจากเขารู้สึกถึงอันตรายอย่างหนึ่ง ถึงขนาดที่เขาสัมผัสจิตสังหารที่จางสุดขีดได้จากร่างของฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย หรือว่าอีกฝ่ายก็อยากสังหารเขาเหมือนกัน?
นี่มันเป็นไปได้ยังไง? ฉีย่าส่ายศีรษะโดยพลัน โยนความคิดนี้ทิ้งไป เขาไม่ได้ทำอะไรอีก แล้วจะทำให้อีกฝ่ายมีความคิดสังหารได้ยังไง ตอนนี้ฉีย่าลืมพวกคำพูดที่เขากล่าวไปเมื่อสักครู่นี้แล้ว เขาไม่รู้ว่ามีคนบางคนและเรื่องบางอย่างที่ไม่อาจทำให้ด่างพร้อยได้
เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกันอีกครั้ง ถังอวี้ก็เอ่ยปากพูดอีกรอบว่า “ประลองต่อได้!”
คำพูดเพิ่งจะกล่าวออกไปก็เห็นร่างของลั่วล่างเคลื่อนไหว ร่างของเขาออกโจมตีราวกับพยัคฆ์ดุร้าย พุ่งปราดไปที่ข้างกายฉีย่า ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่อาจเคลื่อนไหวโดยสะดวก ถ้าไม่บุกโจมตีตอนนี้แล้วจะให้รอจนถึงเมื่อไหร่?
ก็เป็นเหมือนกับที่ลั่วล่างคาดการณ์ไว้ ฉีย่าที่ขาดเท้าไปหนึ่งข้างหลบไม่ได้เลย เขาได้แต่ฝืนรับการจู่โจมของลั่วล่าง แน่นอนว่าในใจฉีย่าไม่ได้หวาดหวั่นอยู่แล้ว เขาถึงขนาดลอบยินดีในใจด้วยซ้ำ เดิมทีเขาก็อยากปะทะกับลั่วล่างอยู่แล้ว ด้านกำลังภายในของเขาลึกล้ำมากกว่าของลั่วล่างอย่างไม่ต้องสงสัย เขามั่นใจว่าเขาทำร้ายลั่วล่างและคว้าชัยชนะมาได้
เพียงแต่มันจะเหมือนกับที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ เหรอ?
เมื่อกระบวนท่าแรกของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ฉีย่าก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างยิ่งยวด เนื่องจากเขาพบว่าพละกำลังการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย ความคิดที่รอคอยทดลองใช้กำลังภายในทำร้ายอีกฝ่ายในตอนแรกไม่อาจเป็นจริงได้แล้ว
กระบวนท่าที่สอง กระบวนท่าที่สาม กระบวนท่าที่สี่…ฉีย่าค่อยๆ พบว่าทุกครั้งที่แขนสองข้างของตัวเองฝืนรับการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม บริเวณนั้นก็จะเกิดความรู้สึกเจ็บขึ้นมา มันคล้ายกับความรู้สึกเจ็บตรงเท้าที่กระดูกหักอย่างยิ่งยวด เพียงแต่มันไม่ได้รุนแรงขนาดบนเท้า ความรู้สึกเจ็บของกระบวนท่าแรกและกระบวนท่าที่สองไม่ได้รุนแรง แต่หลังจากกระบวนท่าที่สามและกระบวนท่าที่สี่ ความเจ็บปวดเริ่มรุนแรงขึ้น จนกระทั่งหลังจากกระบวนท่าที่เจ็ดและแปด สองแขนของเขาไม่อาจยกขึ้นมาได้แล้ว…
‘ปัง’ ลั่วล่างเห็นโอกาสนี้ มือขวาก็อัดใส่แก้มของฉีย่าอย่างดุดัน ร่างของฉีย่ากระเด็นลอยออกไป ลั่วล่างไม่ได้ยั้งมือในการโจมตีนี้เลย และไม่ได้ใช้กระบวนท่าหมัดหนึ่งนิ้วด้วย แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ฉีย่าโดนพละกำลังดั้งเดิมของลั่วล่างซัดใส่จนสลบไปทันที เขาล้มลงไปบนพื้น ไม่ได้ลุกขึ้นมาอีก
พันเอกถังอวี้รีบรุดเข้ามาตรวจสอบสภาพของฉีย่า เมื่อพบว่าไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิตและไม่สามารถประลองต่อได้อีกจริงๆ ก็ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ในหอต่อสู้พาฉีย่าไปส่งที่ศูนย์รักษา ขอเพียงไม่ได้บาดเจ็บจนถึงชีวิต ยังมีลมหายใจอยู่ โดยพื้นฐานแล้วสามารถช่วยชีวิตได้ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน
เมื่อเห็นฉีย่าโดนคนหามลงจากเวทีประลองไป ถังอวี้ก็เผยรอยยิ้มออกมา ประกาศเสียงดังว่า “การประลองยกที่หนึ่ง ลั่วล่างปีหนึ่งของกลุ่มนักเรียนใหม่ชนะ!”
เวลานี้สีหน้าคนของเหลยถิงดำทะมึน ไม่คาดคิดว่าฉีย่าที่พวกเขาตั้งความหวังไว้สูงจะถูกเด็กปีหนึ่งที่ดูอ่อนแอโค่นล้มได้ โดนฝ่ายตรงข้ามคว้าชัยชนะไปทันที สิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือ คนที่เขาเอาชนะได้คือ คนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสามของพวกเขา มีคนของเหลยถิงจำนวนไม่น้อยเริ่มสงสัยว่า พวกเขาสามารถคว้าชัยชนะในการประลองครั้งนี้ได้จริงๆ เหรอ? นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเกิดความสงสัยเช่นนี้
หลินจื้อตงกัดฟันกล่าวว่า “ไม่เป็นไร คาดว่าฝ่ายตรงข้ามก็ส่งยอดฝีมือระดับสุดยอดออกมาเหมือนกัน ขอเพียงพวกเราคว้าชัยชนะรอบถัดไปทุกรอบได้ พ่ายแพ้รอบเดียวไม่กระทบต่อผลสุดท้าย”
ชายที่อยู่ข้างกายเขาเอ่ยเรียบๆ ว่า “กุญแจสำคัญคือการจัดการลำดับผู้เข้าประลอง ถ้าเกิดโชคร้ายถูกฝ่ายตรงข้ามใช้พวกคนที่แข็งแกร่งที่สุดมาต่อกรกับพวกคนที่อ่อนแอที่สุดของเรา…”
นี่ไม่ได้เป็นการประลองที่เปิดเผยเหมือนการต่อสู้ส่วนตัวที่ต่อสู้ตามลำดับความสามารถ การประลองที่ปกปิดไม่เพียงทดสอบความสามารถของนักสู้ มันทดสอบกลยุทธ์ทางจิตใจรวมถึงแผนการของทั้งสองฝ่ายเช่นเดียวกัน หรือพูดก็คือโชคนั่นเอง นี่เป็นรูปแบบที่การประลองอย่างเป็นทางการใช้ ก็เพื่อหวังว่าได้เห็นความเป็นไปได้ในด้านต่างๆ มากมาย เมื่อเทียบกับการประลองเปิดเผยแล้ว การประลองปกปิดมีความยุติธรรมมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากกลยุทธ์เหมาะสม โชคดีสุดขีด ผู้ที่อ่อนแอใช่ว่าจะไม่มีความหวังที่จะชนะ
คำพูดของฝ่ายตรงข้ามทำให้หลินจื้อตงเงียบไป แววตาของเขามีประกายแสงพาดผ่าน แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่เชื่อว่าโชคของเขาจะแย่ขนาดนั้น ทำให้อีกฝ่ายคว้าโอกาสสองครั้งนั้นได้
ลั่วล่างเดินลงจากเวทีประลองอย่างช้าๆ สิ่งที่ต้อนรับเขาคือความเคารพนับถือในแววตาของสมาชิกกลุ่มนักเรียนใหม่ เนื่องจากมีนักเรียนใหม่จำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้มาจากสถาบันศูนย์กลางรู้สึกคลางแคลงใจอยู่บ้างจริงๆ ที่ลั่วล่างกลายเป็นตัวแทนเข้าประลองที่แข็งแกร่งที่สุดห้าคน อย่างไรก็ตาม ลั่วล่างใช้ความสามารถในการต่อสู้ครั้งนี้พิสูจน์ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดห้าคนของกลุ่มนักเรียนใหม่ได้อย่างสมภาคภูมิ ไม่มีคนในกลุ่มนักเรียนใหม่สงสัยว่าเขามีคุณสมบัติไม่พออีกต่อไป
ชายที่อยู่ในบ็อกซ์ซึ่งเดิมทีสนใจลั่วล่างอย่างยิ่งยวดเห็นลั่วล่างแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขาก็เลียริมฝีปากตัวเองด้วยความตื่นเต้น เอ่ยพลางหัวเราะเสียงต่ำว่า “เป็นเด็กที่ซึนเดเระจริงๆ ถ้าเกิดค่อยๆ ทำลายความหยิ่งทระนงของเขาไปทีละนิด สีหน้าของเขาจะน่าสนใจมากหรือเปล่าน้า? หึๆๆๆ…” เสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจดังขึ้นไปทั่วทั้งบ็อกซ์ ทำให้คนอดขนลุกชันไม่ได้
……
ลั่วล่างค่อยๆ เดินมาที่ตรงหน้าหลิงหลาน แล้วจ้องมองหลิงหลานอย่างเย็นชา เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ อู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยที่เดิมทีอยากเข้ามาแสดงความยินดีกับลั่วล่างพลันชะงักเท้า มองคนทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความตะลึงงัน
หลิงหลานนั่งตัวตรงไม่ขยับเขยื้อน จ้องมองลั่วล่างอย่างเย็นชาเช่นเดียวกัน ไอเย็นบนร่างเธอหนามากขึ้น
ลั่วล่างอ้าปาก ทว่าไม่ได้ส่งเสียงออกมา หลิงหลานตำหนิอย่างเย็นชาว่า “ยังไม่กลับไปอีก” จากนั้นก็เห็นเพียงดวงตาสองข้างของหลิงหลานส่องรัศมีเย็นเยียบออกมาแวบหนึ่ง ทอดมองไปที่ลั่วล่างอย่างขู่เข็ญ ลั่วล่างคล้ายกับถูกอะไรบางอย่างโจมตีอย่างหนักหน่วง ร่างกายโซเซฉับพลันแล้วเขาก็หลับตาล้มลงไปกับพื้น
ฉีหลงตอบสนองรวดเร็วมาก รับลั่วล่างแล้วกอดไว้ในอ้อมอก เขาตรวจสอบแขนของลั่วล่างทันทีก่อนตะโกนด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปว่า “ลูกพี่ กระดูกแขนสองข้างของลั่วล่างหักหลายจุดเลย”
“ฉันรู้ ให้เจ้าหน้าที่จัดการพาลั่วล่างไปศูนย์รักษา หลินจงชิงตามไปเป็นเพื่อน” หลิงหลานเอ่ยจัดแจงอย่างฉับไว
หมอนี่ใช้รูปแบบที่สี่ของหมัดหนึ่งนิ้วที่ไม่ชำนาญหลายครั้ง ฝืนเพิ่มระดับกำลังภายใน เขาไม่สามารถควบคุมได้หมด ย่อมต้องถูกพวกแรงสะท้อนกลับจากหมัดหนึ่งนิ้วที่ไม่ใช่ของเขาหักแขนตัวเองอยู่แล้ว แต่ความอดทนของหมอนั่นแข็งแกร่งมากจริงๆ โหดเหี้ยมต่อตัวเอง ถึงได้ฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดของแขนที่หักนี้จนกระทั่งเอาชนะฉีย่าในตอนสุดท้าย…
ถังอวี้ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ว่าลั่วล่างฝืนสะกดกลั้นความเจ็บปวดของแขนที่หัก สุดท้ายพอชนะและกลับมาที่ข้างกายเพื่อนแล้วถึงค่อยปล่อยให้ตัวเองหมดสติ เขายิ่งชอบเด็กหนุ่มที่เข้มแข็งคนนี้ เขาตัดสินใจแล้วว่า ต่อให้สุดท้ายร่างกายของลั่วล่างไม่ผ่านเกณฑ์ เขาก็จะใช้อภิสิทธิ์ของตัวเอง รับอีกฝ่ายเป็นลูกศิษย์ของเขา
เมื่อลั่วล่างถูกส่งไปที่ศูนย์รักษา หลิงหลานเห็นความตะลึงงันในแววตาอู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยก็เอ่ยปากอธิบายว่า “เมื่อตะกี้นี้ ฝ่ายตรงข้ามดูถูกลั่วล่าง บอกว่าที่เขาถูกเลือกได้เพราะว่าเขาเป็นคนของฉัน”
ทั้งสองคนอึ้งไป ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดไปชั่วขณะ ฉีหลงกลับเป็นคนที่เข้าใจ เนื่องจากเมื่อสักครู่นี้หลิงหลานเคยบอกสาเหตุที่ลั่วล่างโกรธเกรี้ยวขนาดนั้นจนเปิดใช้งานพรสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงลากสองคนมาแล้วพูดอธิบายให้พวกเขาฟังเบาๆ