I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ – ตอนที่ 326 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

“วางใจได้เลย D1 ที่นั่นมี D2 D3 นั่งรักษาการณ์อยู่ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาพวกเขาก็จะแจ้งพวกเรา” คนในเสื้อคลุมสีดำที่อยู่ข้างกาย D1 ตอบอย่างเยือกเย็น “นอกจากนี้ ผีซวีระดับหัวกะทิสองคนของจักรวรรดิเราก็อยู่ตรงนั้นด้วย ต่อให้มีคนคลำไปถึงที่นั่นจริงๆ ผีซวีก็สามารถกำจัดพวกเขาได้ทันที”

“พวกเราตกปลาตัวใหญ่ที่สุดออกมาได้แล้ว ฉันเชื่อว่าคนอื่นๆ ไม่มีความสามารถเข้าไปใกล้ที่นั่นได้หรอก” คนในเสื้อคลุมสีดำอีกคนพูดเสริม

“ใช่แล้ว D1 อย่ากังวลมากเกินไปเลย มาคิดกันดีกว่าว่าเราควรจะจัดการปลาตัวใหญ่หลายตัวนี้ยังไง จะว่าไปพวกเราไม่ได้ฆ่าผีซวีของสหพันธรัฐหัวเซี่ยมานานมากแล้วนะ” คนในเสื้อคลุมสีดำอีกคนเอ่ยพลางหัวเราะอย่างชั่วร้าย

“D10 พูดถูก D1 ให้พวกเขาเห็นฝีมือของเราหน่อยละกัน พวกเราร่วมมือกันย่อมปั่นหัวแฮคเกอร์หลายคนนั้นได้อยู่แล้ว” คนในเสื้อคลุมสีดำที่อยู่ในมุมแค่นหัวเราะหึๆ ขึ้นมา เขาสนใจเรื่องการก่อกวนแฮคเกอร์หัวกะทิของสหพันธรัฐหัวเซี่ยเอามากๆ

……

อีกทางด้านหนึ่ง พวกฉีหลงที่นอนหลับไปแล้วพลันรู้สึกได้ว่าอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองเริ่มสั่น พวกเขาสะดุ้งขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบสวมชุดต่อสู้เคลื่อนไหวยามกลางคืนที่เตรียมไว้ในกระเป๋ามานานแล้ว ไม่นานพวกเขาก็เห็นประตูที่พักของพวกเขาเปิดออกเอง ด้านนอกประตู หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงที่สวมชุดติดอาวุธครบครันกำลังยืนอยู่ตรงนั้น

“ลูกพี่ พวกเราพร้อมแล้ว” ฉีหลงเอ่ยเสียงเบาด้วยความตื่นเต้น

“พวกเขาจะไม่ตื่นขึ้นมากะทันหันใช่ไหม” จีอู๋ปู้ซิวหรือฉางซินหยวนชี้ไปยังทหาร NPC สามคนด้านข้างที่กำลังนอนหลับสนิท เอ่ยถามด้วยความกังวล

“ไม่หรอก ฉันตั้งค่าไว้แล้ว จะไม่มีใครในห้องนี้ตื่นขึ้นมาก่อนฟ้าสาง ต่อให้ตื่นแล้ว พวกเขายังคงคิดว่าพวกนายนอนหลับอยู่ในห้อง” เมื่อเห็นฉางซินหยวนวิตกกังวล หลิงหลานเลยอธิบายด้วยความอดทน มีเสี่ยวซื่อที่เป็นพระเจ้าแห่งการแหกกฎฟ้าของโลกเสมือนจริงอยู่ หลิงหลานไม่กังวลเลยว่า NPC เหล่านี้จะสังเกตเห็นพิรุธของพวกเขาจริงๆ

หลิงหลานกวาดตามองบรรดาลูกทีมด้วยความจริงจังรอบหนึ่งแล้วค่อยเอ่ยเสียงเบาว่า “การปฏิบัติการครั้งนี้อันตรายมาก ถึงขนาดที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ถ้าจะถอยตอนนี้ก็ยังทันนะ” ถึงอย่างไรหลี่ซื่ออวี๋กับฉางซินหยวนก็เป็นคนที่เข้าร่วมกลุ่มกลางทาง หลิงหลานไม่อยากบังคับอีกฝ่ายมาเสี่ยงชีวิตร่วมกับทีมพวกเขา

เมื่อเอ่ยว่าอันตรายถึงชีวิต สีหน้าของทุกคนต่างหวั่นไหว พวกฉีหลงกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พวกเขาร่วมเป็นร่วมตายกับหลิงหลานมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่หวาดกลัวเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่แววตาของหลี่ซื่ออวี๋กับฉางซินหยวนกลับมีร่องรอยความสงสัยพาดผ่าน พวกเขาไม่รู้ว่าอันตรายถึงชีวิตนี้มาจากไหน เพราะว่าพวกเขาอยู่ในโลกเสมือนจริง ต่อให้ตายไปก็ไม่มีทางเสียชีวิตอย่างแท้จริง อย่างมากที่สุดคืออวตารของพวกเขาในตอนนี้ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เสียเวลาไปบ้างเท่านั้น

มีเพียงหลี่หลานเฟิงที่ได้ยินคำพูดแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขานึกอะไรบางอย่างได้ สายตาที่มองไปทางหลิงหลานเปลี่ยนเป็นดำทะมึนและแน่วแน่มากยิ่งขึ้น

ทุกคนต่างเงียบไปไม่พูดไม่จา ถึงแม้หลี่ซื่ออวี๋จะหมกมุ่นอยู่กับการวิจัยแพทย์ทหาร แต่เขาที่เฉลียวฉลาดสุดขีดรู้ดีว่า ความจริงแล้วคำพูดประโยคนี้ของหลิงหลานเอ่ยกับเขาและฉางซินหยวน ดังนั้นเขาจึงตอบกลับอย่างเด็ดขาดว่า “ในเมื่อฉันตัดสินใจเข้าร่วมหน่วยรบหลิงเทียนแล้ว นั่นก็หมายความว่าฉันยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับหน่วยรบหลิงเทียน ไม่ว่าตอนนี้หรือในอนาคตข้างหน้า”

คำพูดประโยคนี้ของหลี่ซื่ออวี๋สื่อได้สองความหมาย หลิงหลานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ แววตาฉายความตื่นเต้นยินดีออกมาแวบหนึ่ง เนื่องจากความหมายอีกอย่างหนึ่งที่แฝงอยู่ในคำพูดของหลี่ซื่ออวี๋ก็คือ เขาก็จะเลือกแบบนี้ในชีวิตจริงเหมือนกัน

ฉางซินหยวนได้ยินคำพูดของหลี่ซื่ออวี๋ก็พยักหน้าทันที บ่งบอกว่าเขาเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน คนที่ชอบวิจัยเครื่องจักรกลไม่มีความคิดอ้อมค้อม เขาเองก็ไม่รู้ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของหลี่ซื่ออวี๋ แต่เขาคิดว่า ในเมื่อมาทำภารกิจนี้แล้ว เขาย่อมต้องทำจนถึงที่สุด นอกจากนี้เขาไม่ใช่คนที่ขลาดเขลาอีกด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถต่อต้านราชันสายฟ้าได้นานถึงสามปีหรอก

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ออกปฏิบัติการกันเถอะ” หลิงหลานเห็นแบบนี้ก็หันตัวไปโดยไม่ลังเล ก้าวเข้าสู่ค่ำคืนอันมืดมิดหนักหน่วงเป็นคนแรก

บรรดาลูกทีมเห็นดังนั้นก็ก้าวเท้าของพวกเขาออกมาอย่างเงียบเชียบด้วยความแน่วแน่ เวลานี้พวกเขาไม่รู้เลยว่า การก้าวเท้านี้จะทำให้ชีวิตนี้จมสู่การเข่นฆ่านองเลือด ติดตามหัวหน้าของตนฟันฝ่าอันตรายจนกระทั่งถึงวันที่ชีวิตของพวกเขาจบสิ้นลง

เมื่อพวกเขาออกจากห้องพัก ประตูก็ปิดเข้าหากันอย่างเงียบงัน ส่วน NPC สามคนในห้องยังคงนอนหลับสนิท…

หลิงหลานมุ่งหน้าไปทางมุมฝั่งตะวันตกของฐานที่มั่น ตอนกลางวันที่นี่คือโรงอาหารที่ทหารรับประทานอาหารกัน เมื่อถึงเวลาทานอาหาร ที่นี่ก็จะเปลี่ยนเป็นเสียงดังจ้อกแจ้ก แต่พอตกกลางคืน นอกจากคลังเก็บของแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่เงียบสงบมากที่สุด ปกติแล้วไม่มีคนมาที่นี่ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าข้างใต้โรงอาหารมีฐานที่มั่นลับขนาดเล็กอยู่แห่งหนึ่ง

โรงอาหารเป็นสถานที่ที่ไม่มีคนเฝ้ารักษาการณ์ แต่หลิงหลานรู้จากคำเตือนของเสี่ยวซื่อว่า ที่นี่มีแฮคเกอร์หัวกะทิอย่างน้อยสามคนกำลังควบคุมอุปกรณ์กล้องวงจรปิดจากในที่ลับและในที่แจ้งมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ ทำการกวาดมองรอบด้านในรูปแบบปูพรม พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้มีมดสักตัวคลานเข้ามาจากที่นี่ พวกเขาก็มองเห็นได้ชัดเจน

วิธีการแบบนี้แทบจะไม่มีใครสามารถเข้าไปโดยที่หนีพ้นจากสายตาของพวกเขาได้เลย นอกเสียจากคนที่มาคือแฮคเกอร์ระดับชั้นยอด แย่งชิงอำนาจควบคุมอุปกรณ์วงจรปิดของที่นี่จากในมือพวกเขาไปถึงจะสามารถเข้าไปได้อย่างราบรื่น แต่เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาย่อมสังเกตเห็นได้ทันที นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่พวก D1 คิดว่าไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดแน่นอน

อย่างไรก็ตาม พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่ามีตัวตนที่น่าอัศจรรย์อย่างเสี่ยวซื่ออยู่ในโลก เขาวางกลอุบายสำเร็จภายใต้จมูกของแฮคเกอร์หัวกะทิสามคน ส่งภาพปลอมไปให้แฮคเกอร์เหล่านี้ ทำให้แฮคเกอร์คิดว่า ที่นี่ปกติทุกอย่าง

หลิงหลานมาถึงโรงอาหารแล้วก็อดทนรอคอยการตอบรับจากเสี่ยวซื่อ ผ่านไปหนึ่งนาที เมื่อเธอเห็นเสี่ยวซื่อชูมือสูงๆ เป็นรูปตัว V ส่ายก้นอย่างบ้าคลั่งก็รู้แล้วว่าเสี่ยวซื่อทำสำเร็จแล้ว

หลิงหลานดีดนิ้วให้เสี่ยวซื่อที่ลำพองใจกระเด็นลอยไปในห้วงจิตใจทันที หลิงหลานตัดสินใจแน่วแน่ที่จะทำลายพฤติกรรมแบบนี้อย่างเหี้ยมโหด ทำให้เสี่ยวซื่อไม่อาจเรียนรู้การพึงพอใจในตัวเองตลอดกาลเพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยวซื่อลำพองใจมากเกินไปจนเกิดข้อผิดพลาดที่ไม่จำเป็นออกมา

หลิงหลานส่งสัญญาณให้พวกลูกทีมที่อยู่ด้านหลังตามมา ส่วนเธอก็เดินเข้าไปที่หน้าประตูโรงอาหารโดยไม่ปกปิดตัวเองเลยสักนิดเดียว ทุกคนเห็นแบบนั้นก็อดลอบตื่นตกใจไม่ได้ เข้าไปอย่างเปิดเผยแบบนี้จะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ?

หลี่หลานเฟิงมองแผ่นหลังที่ผอมบางผิดปกติทว่าก้าวเท้าอย่างเด็ดเดี่ยวเบื้องหน้า ในใจก็เกิดความรู้สึกมากมาย เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ที่ไม่เข้าใจความสามารถของแฮคเกอร์แล้ว หลี่หลานเฟิงเป็นคนที่รู้ดีมากที่สุด สาเหตุที่หลิงหลานใจกล้าขนาดนี้เป็นเพราะว่าเธอควบคุมอุปกรณ์วงจรปิดที่นี่ได้แล้ว และการทำเรื่องนี้สำเร็จได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้ ความสามารถด้านแฮคเกอร์ของหลิงหลานย่อมไม่มีทางด้อยกว่าระดับราชันแน่นอน

เขานึกถึงแฮคเกอร์ระดับราชันในคำเล่าลือจากเหตุการณ์ระเบิดของศูนย์บัญชาการกลุ่มหุ่นรบเทียนจี…เกรงว่าคงจะเป็นหลิงหลานสินะ ยิ่งกระต่ายแข็งแกร่ง เขาก็ควรจะยิ่งดีใจและลำพองใจ ทว่าส่วนลึกภายในใจของเขากลับมีสัมผัสถึงวิกฤติอย่างหนึ่งที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าคนที่เขาไล่ตามอย่างยากลำบากกำลังออกห่างจากเขาไปไกลขึ้นเรื่อยๆ

จะให้กระต่ายสลัดเขาทิ้งไม่ได้เป็นอันขาด! หลี่หลานเฟิงลอบกัดฟัน เมื่อก่อนเขากังวลเรื่องร่างกายดังนั้นจึงจำกัดการฝึกฝนควบคุมหุ่นรบบางอย่างมาตลอด ต่อให้ราชันสายฟ้ามอบแรงกดดันให้เขามากขนาดนั้น มันยังไม่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนแปลงความคิดหลับหูหลับตาเพิ่มการฝึกฝนได้

หลี่หลานเฟิงรู้มาตลอดว่าตัวเองต้องทำอะไร เขาไม่มีทางเปลี่ยนแผนการของตัวเองง่ายๆ ทว่าตอนนี้เขากลับมีความปรารถนาอยากจะรีบแข็งแกร่งขึ้นเร็วๆ เขารู้สึกได้ว่าถ้าเกิดเขาปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์แบบนี้ต่อไป ต้องมีสักวันที่เขาจะตามฝีเท้าของกระต่ายไม่ทัน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะห่างจากเขาไกลออกไปทุกที ท้ายที่สุดก็เป็นได้แค่คนผ่านทางในชีวิตของกระต่ายอย่างน่าเศร้าเท่านั้น

เขา…หลี่หลานเฟิงไม่มีทางยอมเป็นคนผ่านทางแบบนี้แน่นอน ต่อให้เป็นคนผ่านทางที่สำคัญอีกสักแค่ไหน เขาก็ดูถูกอยู่ดี เนื่องจากเขาอยากเป็นเพื่อนกระต่ายต่อไปอีกนานเท่านาน จนกระทั่งพวกเขาสองคนต่างผมขาวก็ยังสามารถร่วมดื่มเหล้าด้วยกัน หวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต หัวเราะให้กับอุปสรรคที่ผ่านมาในชีวิต

นี่เป็นความปรารถนาที่เกิดขึ้นหลังจากความเจ็บปวดเสียใจที่เขาขาดการติดต่อกับกระต่ายตอนอายุสิบสาม และเจ็ดปีให้หลัง สวรรค์ได้มอบโอกาสให้เขาสานต่อมิตรภาพใหม่ เขาไม่อยากสูญเสียมันไปอีกครั้ง

ประตูเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว หลิงหลานพาบรรดาลูกทีมเข้าไปยังส่วนในของโรงอาหาร และทางเข้าของฐานที่มั่นลับก็อยู่ในห้องครัวเล็กของโรงอาหาร ห้องครัวเล็กให้บริการแค่ผู้บัญชาการสูงสุดของฐานที่มั่นเ พ่อครัวก็เป็นคนสนิทที่ดูแลเฉพาะผู้บัญชาการเท่านั้น ห้องครัวเล็กไม่อนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาได้ตามใจชอบเพื่อรับรองความปลอดภัยด้านอาหารเครื่องดื่มของผู้บัญชาการ นี่จึงปกป้องความปลอดภัยและความลับของฐานที่มั่นลับได้ดีเยี่ยมเช่นกัน

หลิงหลานมาถึงห้องครัวเล็กด้วยความชำนาญทางเป็นอย่างดี พวกฉีหลงเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้บ่อยจนไม่รู้สึกแปลกแล้ว พวกเขาคิดว่านี่เป็นความสามารถด้านแฮคเกอร์ของหลิงหลาน มีเพียงหลี่หลานเฟิงที่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยใคร่รู้ เพราะเขารู้ว่าแฮคเกอร์ไม่มีความสามารถค้นหาทางเข้าได้ในพริบตา และก็ไม่สามารถสัมผัสความลับได้ในระยะไกล เนื่องจากผีซวีก็มีข้อจำกัดเหล่านี้เหมือนกัน ต้องอยู่ในระยะใกล้เท่านั้นถึงจะสามารถแสดงผลออกมาได้

หลี่หลานเฟิงไม่รู้ตัวตนของเสี่ยวซื่อเลย ในฐานะที่เสี่ยวซื่อเป็นตัวตนทางปัญญา เขาไม่มีข้อจำกัดเหมือนแฮคเกอร์กับผีซวี นี่จึงทำให้เสี่ยวซื่อเป็นตัวตนเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสองในโลกเสมือนจริง ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเกิดแฮคเกอร์กับผีซวีทุกคนต่างมีความสามารถของเสี่ยวซื่อ เช่นนั้นโลกเสมือนจริงนี้ก็คงวุ่นวายมากจริงๆ

พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาในห้องครัวเล็ก ตำแหน่งประจำของหัวหน้าพ่อครัวก็แยกออกเป็นหลุม หลิงหลานกระโดดลงไปทันทีโดยไม่รีรอ เสี่ยวซื่อแสดงภาพสามมิติของสภาพด้านล่างขึ้นในสมองของหลิงหลานนานแล้ว

ระยะห่างระหว่างปากทางเข้ากับด้านล่างประมาณยี่สิบเมตร หลิงหลานไม่มีปัญหาเลยสักนิดเดียวในการกระโดดลงไปในระยะห่างเล็กน้อยนี้ เมื่อเห็นลูกพี่แสดงเป็นตัวอย่างแล้ว พวกฉีหลงก็กระโดดลงไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว หลี่ซื่ออวี๋ครุ่นคิดสักพักแล้วก็กระโดดลงไปอย่างเด็ดเดี่ยว ฉางซินหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยกระโดด ส่วนหลี่หลานเฟิงที่อยู่รั้งท้ายสุด ในฐานะที่เขาเป็นผีซวี เขาย่อมเฝ้าจับตามองสถานการณ์ด้านหลังอยู่ตลอดเพื่อรับรองความปลอดภัยทางด้านหลังว่าไม่มีใครตามสะกดรอยตามมา

ถึงแม้วิธีการเช่นนี้ของหลี่หลานเฟิงจะเกินความจำเป็นอยู่บ้าง เสี่ยวซื่อทำการเฝ้าระวังขอบเขตหลายกิโลเมตรรอบๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว หากมีการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย เสี่ยวซื่อก็จะรับรู้ได้ อย่างไรก็ตาม หลิงหลานไม่มีทางพูดความจริงออกมา ประการแรก เธอจำเป็นต้องให้โอกาสหลี่หลานเฟิงแสดงฝีมือ ให้เขาหลอมรวมเข้ากับทีมไวๆ และอีกอย่างหนึ่ง ของบางอย่างที่ควรปกปิดไว้ก็ยังต้องปกปิดต่อไป ถึงอย่างไรตัวตนของเสี่ยวซื่อก็น่าอัศจรรย์มากเกินไป พูดตามตรงเธอก็อธิบายตัวตนของเสี่ยวซื่ออย่างชัดเจนไม่ได้เหมือนกัน เธอก็เลยยอมรับการกระทำของหลี่หลานเฟิงไปโดยปริยาย และก็ทำให้พวกฉีหลงยินดีกับการเข้าร่วมกลุ่มของหลี่หลานเฟิงเช่นกัน อย่างที่คิดไว้เลย พอทีมมีแฮคเกอร์เพิ่มมาอีกคนก็รับประกันความปลอดภัยของพวกเขามากขึ้น

หลี่หลานเฟิงหลอมรวมเข้าไปในทีมหลิงหลานช้าๆ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว พวกฉีหลงรู้สึกได้ถึงความสำคัญของหลี่หลานเฟิงไม่มากก็น้อย พวกเขาไม่ได้เห็นหลี่หลานเฟิงเป็นแค่นักเลงรับจ้างของทีมอีกต่อไปแล้ว (ตำแหน่งนักเลงรับจ้างอยู่ต่ำสุดเพราะว่าสามารถแทนที่ได้ทุกเวลา) หากแต่เห็นเป็นสมาชิกทีมที่แท้จริง

——————————-

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

Status: Ongoing
นิยายแฟนตาซี ไซไฟ โลกอนาคต หุ่นรบ สงครามอวกาศ แมรี่ซู แปลจีนหลังจากเสียชีวิตเพราะอาการป่วยโรคประหลาดหลิงหลานได้ทะลุมิติมายังโลกอนาคตอีกหนึ่งหมื่นปีข้างหน้าด้วยการช่วยเหลือของระบบการเรียนรู้เธออยากใช้ชีวิตร่างใหม่อย่างสงบสุขทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกให้จำเป็นต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อสืบทอดตระกูลคุณชายน้อยผู้สืบทอดพลังหุ่นรบขั้นเทวะจำต้องเดินหน้าต่อไปสู่เส้นทางที่ไม่มีวันย้อนกลับซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายไม่รู้จบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท