I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ – ตอนที่ 339 ข้อเสีย!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หานจี้จวินนึกถึงตอนเขายังเด็ก ทุกครั้งที่ได้ยินบิดาพูดถึงจักรวรรดิฮิงูเระ ใบหน้ามักจะมีความโกรธเกรี้ยวที่อดกลั้นเอาไว้ ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมสหพันธรัฐถึงสมัครใจทำสงครามยืดเยื้อและไม่ยอมจัดการจักรวรรดิเล็กๆ นั้นให้สิ้นซากรวดเดียวไปเลย…ตอนนี้พอคิดดูแล้ว เวลานั้นเขาไร้เดียงสาอยู่บ้าง สงครามยืดเยื้ออันดับหนึ่งแห่งยุคของสหพันธรัฐกับจักรวรรดิฮิงูเระนี้ไม่ได้มีแค่สหพันธรัฐกับฮิงูเระเท่านั้นที่ทำสงคราม ยังมีบรรดาประเทศมหาอำนาจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังฮิงูเระด้วย…

“แม่งโคตรชั่วจริงๆ!” ในที่สุดหานจี้จวินที่ขบคิดเรื่องราวจนเข้าใจแล้วก็อดทนไม่ไหวสบถคำหยาบออกมา ทำให้ฉีหลงที่เข้ามาด้วยกันปรายตามอง เขานึกไม่ถึงว่าหานจี้จวินที่สุขุมเฉลียวฉลาดมาตลอดก็มีช่วงเวลาที่อารมณ์ปั่นป่วนขนาดนี้ด้วย

เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ของเพื่อนซี้ตนในสายตาของลูกพี่หลาน ฉีหลงรีบเปลี่ยนหัวข้อเอ่ยขอคำแนะนำว่า “ลูกพี่ พวกเราได้คำตอบของภารกิจแล้ว จะถอนตัวกันเมื่อไหร่ล่ะ?”

ที่แท้พวกเขาล่วงรู้สาเหตุแล้วว่าทำไมตอนแรกฐานที่มั่นซวิ่นหลงถึงได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วจากในคำสารภาพของคนเหล่านั้นโดยไม่คาดฝัน

ตอนที่แฮคเกอร์ของจักรวรรดิซีซาร์ยึดครองฐานที่มั่นซวิ่นหลงได้สำเร็จนั้น พวกเขาไม่คาดคิดว่า NPC ทหารระดับสูงคนหนึ่งในฐานที่มั่นจะวิวัฒนาการไประดับหนึ่งจนเกิดการตระหนักรู้ขึ้นเอง ขณะที่พวกแฮคเกอร์เข้าแทนที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักได้สำเร็จและได้รับอำนาจควบคุมฐานที่มั่นซวิ่นหลง NPC ที่วิวัฒนาการตัวนี้ก็สังเกตเห็นความผิดปกติทันทีเพราะว่ามีสตินึกคิดของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นแค่การวิวัฒนาการในขั้นต้น ไม่ได้เรียนรู้การซ่อนอำพราง ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักโดยตรง มันเลยถูกแฮคเกอร์ที่ควบคุมฐานที่มั่นสังเกตเห็นในชั่วพริบตา ตัดสัญญาณขอความช่วยเหลือนี้ทิ้งไปและกำจัด NPC ตัวนั้นทันที

แต่ถึงอย่างไรออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักก็คือออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก ถึงแม้แฮคเกอร์แทรกซึมเข้าไปยังฐานที่มั่นซวิ่นหลงได้สำเร็จและอำพรางการตรวจสอบของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทว่ามันยังคงจับสังเกตความผิดปกติได้ นี่ถึงทำให้มันออกคำสั่งย้ำๆ ให้กองทัพรวมถึงผู้เล่นเข้ามาสำรวจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ล้มเหลวอยู่หลายครั้ง ไม่ได้รับอะไรกลับมาเลย ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักเลยกำหนดภารกิจตรวจสอบฐานที่มั่นซวิ่นหลงเป็นภารกิจระดับ SSS ในขณะเดียวกันก็ให้กองทัพส่งหน่วยหัวกะทิเข้ามาตรวจสอบ….

บังเอิญที่เวลานี้หลิงหลานต้องการรับภารกิจก่อตั้งหน่วยรบและได้ล่วงเกินเจ้าเมืองหงหยาง เจ้าเมืองหงหยางเห็นภารกิจระดับ SSS ที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักประกาศออกมาใหม่ก็ผุดความคิดแล่นวาบขึ้นมา ใช้วิธีหมุนวงล้อโยนภารกิจที่ไม่อาจทำสำเร็จนี้ให้กับหลิงหลาน เพื่ออบรมสั่งสอนเธอ ดังนั้น การที่หลิงหลานสามารถรับภารกิจนี้ได้ก็มีสาเหตุอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือพรหมลิขิตความบังเอิญ และไม่รู้ควรพูดว่าโชคของเธอดีมากเกินไปหรือว่าแย่มากเกินไป

หลิงหลานก็เปิดเจอคำสารภาพตรงท่อนที่เกี่ยวกับสัญญาณขอความช่วยเหลือนั้นแล้ว เธอค้นหาป้ายคำสั่งภารกิจในกระเป๋า เมื่อเห็นว่าภารกิจระดับ SSS ที่เดิมทีขึ้นเป็นสีแดงสด เวลานี้มันเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว เธอก็หยิบมันออกมาพลิกดูก่อนจะพบข้อความท่อนหนึ่งเข้ามาในสมองของเธอ

ภารกิจก่อตั้งหน่วยรบ ระดับภารกิจ: ระดับ SSS เนื้อหาภารกิจ: หนึ่งเดือนก่อนกองยานรบซวิ่นหลงที่รักษาการณ์อยู่ตรงชายแดนเนบิวลาเคยส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือที่ปกปิดไว้อย่างยิ่งยวดมาหนหนึ่ง เนื่องจากระยะเวลาสั้นมากเกินไป กองทัพสหพันธรัฐไม่สามารถยืนยันว่าเป็นการส่งผิดหรือว่าเป็นเรื่องจริงกันแน่…

สถานการณ์ความคืบหน้าของภารกิจ: ได้รับหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้ว ขอเพียงนำหลักฐานกลับไปที่เมืองหงหยางแล้วมอบให้เจ้าเมืองก็จะสำเร็จภารกิจทันที คำเตือน ผู้ที่ถือหลักฐานติดตัวจำเป็นต้องมีชีวิตรอดกลับไปมอบให้เจ้าเมืองหงหยางด้วยตนเอง หากเสียชีวิตระหว่างทางถือว่าภารกิจล้มเหลว!

หลิงหลานได้รับข้อมูลยืนยันจากป้ายคำสั่งภารกิจ ในใจพลันยินดีขึ้นมา พวกเขามาถึงฐานที่มั่นซวิ่นหลงอย่างยากลำบาก ไม่ใช่เพราะทำเพื่อเรื่องนี้หรอกหรือ? ในที่สุดก็หาคำตอบเจอ พวกเขาสามารถกลับไปได้แล้ว

หลิงหลานใช้นิ้วมือดีดกระดาษคำสารภาพที่อยู่ในมืออย่างพออกพอใจ เริ่มใคร่ครวญว่าจะกลับไปยังเขตศูนย์กลางของโลกหุ่นรบอย่างเงียบเชียบอย่างไร เธอครุ่นคิดสักพักแล้วอดมองไปยังทิศทางที่ทีมตรวจสอบของกองทัพสหพันธรัฐกลุ่มนั้นถูกซุ่มโจมตีไม่ได้….

เธอลุกขึ้นมาฉับพลัน สั่งการอย่างเฉียบขาดว่า “พวกเราไป!” ในเมื่อได้รับของที่พวกเขาต้องการแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีความหมาย

พวกฉีหลงส่งเสียงตอบรับร่วมกัน หลิงหลานเดินออกไปนอกประตูทันทีโดยไม่มองพวกแฮคเกอร์ที่ถูกมัดอยู่ด้านข้างเลยสักนิดเดียว เหมือนกับลืมพวกเขาไปแล้วก็ไม่ปาน

เมื่อเห็นลูกพี่หลานออกไปโดยที่ไม่พูดว่าจะจัดการคนเหล่านี้อย่างไร หานจี้จวินก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาที่เคารพนับถือหลิงหลานสุดขีดยังคงไม่เอ่ยปากเตือนก่อนจะเดินตามหลิงหลานไป ในใจหานจี้จวินคิดว่าทิ้งแฮคเกอร์พวกนี้ไว้ที่นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเอามากๆ แต่เขาก็คิดวิธีจัดการไม่ออกเหมือนกัน….

ฉีหลงและคนอื่นๆ กลับไม่ได้คิดอะไร เดินตามหลิงหลานออกไปนอกประตู ส่วนหลี่ซื่ออวี๋เป็นคนที่สองนับจากสุดท้ายที่เดินออกไป เขามองหลี่หลานเฟิงที่อยู่รั้งท้ายสุด ปากก็อดขยับไม่ได้ เขารู้จุดจบของคนเหล่านี้ได้รางๆ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี สุดท้ายทำได้เพียงถอนหายใจแผ่วเบาที่แทบไม่ได้ยินแล้วค่อยกระแทกเท้าหันตัวเดินออกไป

แฮคเกอร์เจ็ดคนที่เหลืออยู่ในห้องลับเห็นเด็กหนุ่มที่เย็นชาอำมหิตคนนั้นเดินนำหน้าออกไปจากห้องลับโดยที่ไม่บอกว่าจะจัดการพวกเขาอย่างไร ในใจพวกเขาก็อดยินดีไม่ได้ ทว่าหลังจากที่เห็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่คือผีซวีที่กำจัดคนของพวกเขานับไม่ถ้วน หัวใจของพวกเขาก็ตื่นตระหนกฉับพลัน

แฮคเกอร์หนึ่งในนั้นคล้ายกับคิดอะไรบางอย่างได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก แผดเสียงร้องโหยหวนไปที่หน้าประตู “แกบอกว่า ถ้าพวกเราพูดความจริงก็จะปล่อยพวกเราไป แกไม่รักษาคำพูด! บัดซบ ไอ้ปีศาจ…”

เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเขาทำให้แฮคเกอร์คนอื่นๆ ได้สติกลับมา พวกเขาเริ่มกระวนกระวายใจ ถ้าหากไม่ใช่เพราะมือและเท้าของพวกเขาถูกพวกฉีหลงใช้วิธีการพิเศษมัดไว้จนไม่สามารถคลายออกได้ละก็ เกรงว่าทุกคนคงจะกระโจนเข้าไปตายตกตามกันกับหลี่หลานเฟิงที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย เนื่องจากพวกเขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดจะจัดการพวกเขาอย่างไร ฝ่ายตรงข้ามไม่เคยมีความคิดปล่อยพวกเขารอดชีวิตต่อไปเลย….

ก็เหมือนกับที่แฮคเกอร์คนนั้นว่าไว้ เด็กหนุ่มสีหน้าเย็นชาคนนั้นคือปีศาจที่คลานออกมาจากในขุมนรก ไม่มีใครกล้าลงมือครั้งใหญ่สังหารแฮคเกอร์หัวกะทิของซีซาร์มากมายขนาดนี้ ต่อให้เป็นพวกจอมพลของสหพันธรัฐหัวเซี่ยก็เลือกที่จะอดทน ไม่กล้าออกคำสั่งที่โหดเหี้ยมเช่นนี้เพราะกลัวว่าจะเปิดสงครามโดยตรงกับทางซีซาร์เหมือนกัน

“ถ้าพวกนายอยากแค้นก็แค้นประเทศของพวกนายเถอะ ว่าทำไมต้องมีใจละโมบต่อหัวเซี่ยด้วย…” หลี่หลานเฟิงรู้แผนการของซีซาร์เช่นกัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะความสามารถด้านแฮคเกอร์ของหลิงหลานหยุดยั้งไวรัส T ได้สำเร็จละก็ สหพันธรัฐของพวกเขาคงจะตกอยู่ในความโกลาหล ไฟสงครามแผ่ไปทั่วทั้งอาณาเขตดวงดาวของหัวเซี่ย และพวกเขาอาจจะถึงขนาดกลายเป็นทาสของประเทศที่ล่มสลาย ด้วยเหตุนี้เอง หลี่หลานเฟิงไม่คิดว่าแฮคเกอร์พวกนี้ไม่มีความความผิด ไม่มีบาปกรรมจริงๆ นี่เลยทำให้หัวใจเขาเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างหาใดเปรียบขึ้นมา

ดังนั้น หลี่หลานเฟิงจึงปล่อยพลังผีซวีของเขาออกมาอย่างเต็มกำลังท่ามกลางเสียงร้องคำว่าปีศาจ กำจัดสตินึกคิดของแฮคเกอร์ที่เหลือเหล่านี้ทั้งหมด เมื่อเห็นร่างของคนเหล่านี้เปลี่ยนจุดสีขาวนับไม่ถ้วนแล้วค่อยๆ สลายหายไปในโลกเสมือนจริง ดวงหน้าของหลี่หลานเฟิงก็เผยสีหน้าหวาดหวั่นออกมา ถึงแม้ว่าเขาสร้างความคิดในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะต้องเลือดเย็นไร้ความปรานี จะต้องโหดเหี้ยมเด็ดขาด ทว่าหลังจากที่กำจัดคนเหล่านี้ทั้งหมดจริงๆ หัวใจของเขายังคงรู้สึกหนักอึ้งและหดหู่ เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่หลี่หลานเฟิงสังหารคน ครั้งแรกเขาก็ฆ่าคนเกือบยี่สิบคนแล้ ตัวเลขที่มหาศาลเช่นนี้ ต่อให้จิตใจของเขามั่นคงอีกสักแค่ไหน ก็รับไม่ไหวอยู่บ้างเหมือนกัน

พลังผีซวีสามารถฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอยจริงๆ…หลี่หลานเฟิงคล้ายกับเห็นสองมือของตัวเองถูกเลือดข้นย้อมจนเป็นสีแดง ต่อให้ล้างอีกเท่าไหร่ก็ไม่สะอาดแล้ว

เมื่อพวกคนที่เดินมาถึงหน้าประตูได้ยินคนด้านในร้องโหยหวนว่า ‘ปีศาจ’ ก็รู้แล้วว่าจุดจบของคนเหล่านี้คืออะไร หานจี้จวินหน้าถอดสี จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น สายตาทอดมองไปยังหลิงหลานที่อยู่ด้านหน้าสุดอีกครั้ง แฝงไปด้วยความเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น เขาพบว่าลูกพี่หลานของเขาทรงอำนาจยิ่งใหญ่มากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว นี่ไม่เพียงสะท้อนด้านความแข็งแกร่ง แต่ยังสะท้อนถึงจิตใจด้วยเหมือนกัน

หานจี้จวินรู้ดีว่าการตัดสินใจของหลิงหลานย่อมเป็นเรื่องถูกต้อง เขาหยุดยั้งเภทภัยในอนาคต รับรองความปลอดภัยของอนาคตทีม…ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามาที่นี่ จักรวรรดิซีซาร์ไม่มีทางสงสัยว่า คนที่ทำลายแผนการของพวกเขาจะเป็นนักเรียนทหารกลุ่มหนึ่ง ทว่าต่อให้ในใจเขารู้ว่าไม่อาจปล่อยคนเหล่านี้ไปได้ แต่เขาก็ไม่สามารถตัดสินใจกำจัดทิ้งทั้งหมดแบบนี้ได้

ฉีหลงกับลั่วล่างได้ยินเสียงตะโกนของแฮคเกอร์เหล่านี้ก็แค่เม้มปากอย่างไร้ความปรานีเท่านั้น คิดว่าสมน้ำหน้าพวกเขาแล้ว พวกเขาเชื่อใจลูกพี่ของตน และก็คิดว่าคนที่อยากรุกรานสหพันธรัฐของพวกเขาเหล่านี้ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย เอาเถอะ พวกเขาเกิดในครอบครัวทหาร มีความเกลียดชังต่อผู้รุกรานโดยสัญชาตญาณ

มีเพียงเซี่ยอี๋กับหลินจงชิงสองคนที่ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญเหล่านี้แล้วสายตาหดลงฉับพลัน ทั้งคู่สบตากันเองแวบหนึ่ง ขณะที่มองไปทางหลิงหลานอีกครั้งก็มีความหวาดหวั่นแฝงอยู่ท่ามกลางความเคารพนับถือ ดูเหมือนว่าการตัดสินใจนี้ของหลิงหลานก็ทำให้พวกเขาตกใจไม่น้อยเช่นกัน

หลี่ซื่ออวี๋ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนเหล่านี้ก็ตัวสั่นระริก เขามองไปทางหลิงหลานที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าหนักแน่นทรงพลัง ในที่สุดก็อดอยากเอ่ยปากขึ้นมาไม่ได้ ทว่าฉางซินหยวนที่อยู่ข้างกายคอยสังเกตเขามาตลอดกลับรั้งเขาไว้ทันที หลี่ซื่ออวี๋มองฉางซินหยวนอย่างงุนงง จากนั้นก็เห็นฉางซินหยวนส่ายหน้าให้เขาโดยไม่ลังเล

หลี่ซื่ออวี๋กำหมัดฝืนข่มกลั้นความสงสารที่เต็มหัวอกลงไป เขาย้ำเตือนตัวเองว่าไม่อาจใจอ่อนได้ ไม่อาจใจอ่อนได้อย่างเด็ดขาด……หลี่ซื่ออวี๋ที่เฉลียวฉลาดเข้าใจเหตุผลดีว่าหลิงหลานตัดสินใจไม่ผิด แต่หัวใจของเขายังคงสั่นไหวเพราะเสียงร้องโหยหวนเหล่านี้

เวลานี้เอง เขานึกถึงคำพูดของอาจารย์อีกครั้งที่บอกว่าเขาขาดหัวใจของทหาร ตอนแรกเขายังไม่อาจเข้าใจโดยสมบูรณ์ ทว่าตอนนี้เขากลับเข้าใจแล้ว เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ พวกนี้แล้ว เขาขาดหัวใจของทหารไปจริงๆ ไม่มีความเด็ดขาดและความโหดเหี้ยมอย่างที่ทหารควรมีเลย….

“ซื่ออวี๋ อนาคตของตระกูลหลี่ต้องการความมานะอุตสาหะของนายแล้ว พี่วางใจและก็เป็นห่วงนาย จิตใจของนายดีเกินไป นี่เป็นข้อดีของนายและก็เป็นข้อเสียด้วย….” เวลานี้คำพูดของหลี่มู่หลาน ญาติผู้พี่คนโตที่เอ่ยกับเขาขณะที่นอนป่วยอยู่บนเตียงดังขึ้นที่ข้างหูของเขาอีกครั้ง “ไว้อนาคตสักวันหนึ่งนายคิดว่านี่เป็นข้อเสียของนาย นายก็ต้องอยู่ข้างกายคนที่ทำให้คนนายรู้สึกได้ถึงข้อเสีย เรียนรู้เข้าไว้จนกระทั่งนายคิดว่าฝึกฝนสำเร็จแล้วถึงค่อยหยุด”

ที่แท้พี่ชายใหญ่ พี่รู้มานานแล้วว่าข้อเสียของฉันคืออะไร เพียงแต่ใจแข็งไม่พอที่จะเอ่ยปากพูดทำร้ายฉัน ใช่ไหม? ดังนั้นถึงได้พูดโน้มน้าวฉันอย่างคลุมเครือ ให้ฉันเรียนรู้ดีๆ แก้ไขข้อเสียนี้สินะ

หลี่ซื่ออวี๋ก้มหน้าลงฉับพลัน ในใจมีความหวานและก็ความขื่นขม ญาติผู้พี่คนโตที่ชาญฉลาดสุดขีดของเขาได้ยืนยัน ประโยคคำพูดที่ว่า ‘ผู้เฉลียวฉลาดย่อมต้องเจ็บปวด’ ใช่ไหม ดังนั้นพระเจ้าเลยไม่อนุญาตให้คนแบบนี้มีตัวตนอยู่บนโลก?

หลี่ซื่ออวี๋คิดถึงตรงนี้ แววตาพลันเอ่อล้นไปด้วยความดื้อดึงและมั่นใจในตัวเอง เขาจะต้องแก้ไขข้อเสียของเขาให้ได้ หลังจากนั้นก็ทำตามความปรารถนาของตัวเองให้สำเร็จ ช่วงชิงญาติผู้พี่คนโตของเขากลับมาจากในเงื้อมมือของพระเจ้า! เพื่อเป้าหมายนี้แล้ว ต่อให้ต้องตกนรกเข้าไปในทะเลปีศาจเขาก็ยอม

————————

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

Status: Ongoing
นิยายแฟนตาซี ไซไฟ โลกอนาคต หุ่นรบ สงครามอวกาศ แมรี่ซู แปลจีนหลังจากเสียชีวิตเพราะอาการป่วยโรคประหลาดหลิงหลานได้ทะลุมิติมายังโลกอนาคตอีกหนึ่งหมื่นปีข้างหน้าด้วยการช่วยเหลือของระบบการเรียนรู้เธออยากใช้ชีวิตร่างใหม่อย่างสงบสุขทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกให้จำเป็นต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อสืบทอดตระกูลคุณชายน้อยผู้สืบทอดพลังหุ่นรบขั้นเทวะจำต้องเดินหน้าต่อไปสู่เส้นทางที่ไม่มีวันย้อนกลับซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายไม่รู้จบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท