บางทีเสี่ยวซื่ออาจจะมีความสุขมากกับสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้ในวันนี้ หรือว่าบางทีเสี่ยวซื่ออยากรีบกลับไปช่วยลูกพี่เร็วๆ สรุปแล้วเขาไม่ได้ตรวจสอบที่นี่อย่างจริงจังก็รีบออกไปจากที่นี่ และไม่ได้สังเกตเลยว่าคำสั่งลับที่ซ่อนไว้ถูกส่งไปสำเร็จแล้ว
เวลานี้หลิงหลานไปถึงหน้าประตูคลังเก็บของแล้ว เธอเดินทางตามเส้นทางที่ร่างแยกของเสี่ยวซื่อจัดเตรียมไว้ มาถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
“เดิมทีต่อไปยังมีกับดักอีกหลายอัน แต่ว่าทีมตรวจสอบของสหพันธรัฐที่เข้าไปสำรวจก่อนหน้านี้ทำลายทิ้งหมดแล้ว พวกเรามุ่งหน้าไปด้วยความเร็วเต็มพิกัดก็พอ อีกเรื่องหนึ่ง ผีซวีของฝั่งศัตรูเข้าใกล้ทีมตรวจสอบของสหพันธรัฐแล้ว” ทันใดนั้นเองร่างแยกของเสี่ยวซื่อที่เดิมทีแจ้งเพียงพิกัดรวมถึงสถานการณ์จริงก็พูดมากขึ้นมา
หลิงหลานเลิกคิ้วอย่างเรียบนิ่ง “เสี่ยวซื่อ กลับมาแล้วสินะ?”
ภายในห้วงจิตใจ สีหน้าเดิมทีเหมือนเครื่องจักรของเสี่ยวซื่อพังทลายไปทันที เขาเอ่ยอย่างกลัดกลุ้มว่า “ลูกพี่ เธอรู้ได้ยังไง?”
เสี่ยวซื่อจงใจกลับมาเงียบๆ ไม่บอกลูกพี่ตัวเอง อยากดูว่าเมื่อไหร่ลูกพี่จะรู้ว่าเขากลับมาแล้ว ไม่นึกเลยว่าเขาเอ่ยปากครั้งเดียวก็ถูกมองออกแล้ว นี่ทำให้เสี่ยวซื่อเจ็บปวดมาก
“ร่างแยกของนายไม่พูดจาไร้สาระ” หลิงหลานตอบกลับอย่างเฉยชา ถึงแม้ว่าเสี่ยวซื่อจะมีร่างแยกมากมาย แต่ร่างแยกของเขาต่างแข็งทื่อ ทำภารกิจของเขาให้สำเร็จอย่างเอาจริงเอาจังราวกับโปรแกรมที่ถูกตั้งค่าไว้ก็ไม่ปาน มีเพียงร่างจริงของเสี่ยวซื่อเท่านั้นถึงจะมีความรู้สึกอย่างรุนแรง ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนในน้ำเสียงพูดของมัน
คำพูดของหลิงหลานทำให้เสี่ยวซื่อได้รับการโจมตีเป็นสองเท่า ที่แท้ร่างแยกของมันไม่ได้เรื่องขนาดนี้นี่เอง พรุ่งนี้เขาจะต้องปรับปรุงความฉลาดของร่างแยกเสียแล้ว…
“จัดการคนพวกนั้นหมดแล้วสินะ?” หลิงหลานเร่งความเร็วในการมุ่งหน้าไปพลาง สอบถามเสี่ยวซื่อถึงสถานการณ์ทางฝั่งนั้นไปพลาง
เสี่ยวซื่อได้ยินก็กลับมาเลือดเต็มมีชีวิตชีวาทันที เขาชูมือเป็นรูปตัว V สูงๆ เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “แน่นอน มีฉันออกโรง ย่อมต้องสำเร็จราบรื่นทันทีอยู่แล้ว”
“ไม่เจออะไรผิดปกติใช่ไหม?” เสี่ยวซื่อสะเพร่าง่ายมาก หลิงหลานจึงจำเป็นต้องกล่าวเตือน
เสี่ยวซื่อนึกถึงร่างจิตที่ถูกเขาวางไว้ในห้องลับเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการศึกษาวิจัย ถือว่าเป็นสถานการณ์ผิดปกติหรือเปล่า แต่ในเมื่อลูกพี่ให้เขากำจัดทิ้งทั้งหมด พลังจิตที่ถูกเขาสูบมาก็ถือว่าเป็นสินสงครามของเขา ไม่บอกลูกพี่ก็น่าจะไม่เป็นไร เสี่ยวซื่อลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจว่ารอให้เขาศึกษาวิจัยจนได้ผลลัพธ์ออกมาแล้วค่อยรายงานลูกพี่ ถึงอย่างไรเขาก็ทำอะไรลับหลังอยู่หลายครั้ง จะทำอีกครั้งก็ไม่มีปัญหา
ดังนั้นเสี่ยวซื่อเลยส่ายหน้ากล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่เจอสิ่งผิดปกติเลย”
หลิงหลานเชื่อใจเสี่ยวซื่ออย่างยิ่ง เมื่อได้ยินเสี่ยวซื่อพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ถามอีก หลิงหลานรู้ว่าเวลาคับขันมาก นอกจากนี้เสี่ยวซื่อก็กลับมาแล้ว เธอเลยใช้ความเร็วสูงสุดของเธอมุ่งไปยังด้านในสุดของคลังเก็บของทันที หรือก็คือรุดหน้าไปยังสถานที่ที่ทีมตรวจสอบกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อับจน
ตลอดทางไม่เห็นทหาร NPC ขวางไว้สักคน ด่านแต่อันต่างมีศพนอนอยู่ด้านข้างนับไม่ถ้วน ดูเหมือนว่าทีมตรวจสอบจะจัดการได้อย่างหมดจดมาก ไม่ทิ้งภัยอันตรายอะไรในอนาคตเลย และก็ลดปัญหาให้หลิงหลานไปไม่น้อยเช่นกัน
ในตอนที่ยังเหลืออีกสองด่านสุดท้าย เสี่ยวซื่อพลันเตือนขึ้นว่า “ลูกพี่ ผีซวีรวมกลุ่มกับอีกฝ่ายแล้ว ดูเหมือนว่าจะลงมือใส่คนของสหพันธรัฐแล้ว จะให้ฉันเข้าไปกำจัดศัตรูให้หมดทันทีเลยไหม?”
ฝีเท้าของหลิงหลานชะงักลงทันใด แต่พริบตาเดียวก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง รักษาความเร็วเดิมมุ่งหน้าเข้าไปใกล้วงล้อม เธอเงียบไปประมาณสองวินาทีถึงค่อยตอบว่า “ไม่ต้อง รอฉันไปถึงจุดหมายก่อนค่อยว่ากันอีกที”
อันที่จริงถ้าเสี่ยวซื่อลงมือสามารถช่วยเหลือคนเหล่านี้ออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากที่ช่วยเหลือออกมาแล้วจะอธิบายยังไงล่ะ? การลงมือของเสี่ยวซื่อบอกทีมตรวจสอบอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฐานที่มั่นซวิ่นหลงยังมีขุมกำลังที่ไม่แน่ชัดกลุ่มที่สามอยู่ พวกเขากลับไปแล้วย่อมต้องรายงานให้กับทางกองทัพ ต่อให้รู้แน่ชัดว่าพวกเขาเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู กองทัพสหพันธรัฐก็จะทำการตรวจสอบเป็นการใหญ่อยู่ดี
หลิงหลานไม่มีความมั่นใจว่า ต่อให้กองทัพทุ่มกำลังตรวจสอบแล้ว ก็ไม่สามารถขุดเบาะแสร่องรอยออกมาได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่ไว้ใจออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบด้วย ถ้าเกิดกองทัพสหพันธรัฐอยากรู้อะไรบางอย่างจากมันละก็ มีความเป็นไปได้สูงว่าออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักจะเปิดเผยภารกิจของพวกเขาให้กับทางกองทัพสหพันธรัฐ….
ความจริงแล้ว ต่อให้ถูกกองทัพสหพันธรัฐล่วงรู้ก็ไม่เป็นไร หลิงหลานเชื่อว่าหลิงเซียวบิดาของเธอสามารถควบคุมเรื่องนี้ไว้ได้ ไม่มีทางให้กองทัพมารบกวนชีวิตในโรงเรียนทหารที่ปกติสุขของพวกเขาแน่นอน แต่หลิงหลานกลัวว่าคนทรยศที่แฝงตัวอยู่ในระดับสูงของกองทัพจะเปิดเผยข่าวของพวกเขาให้กับจักรวรรดิซีซาร์ เรื่องที่หลิงเซียวถูกวางแผนร้ายในปีนั้นทำให้หลิงเซียวแน่ใจว่าระดับสูงของกองทัพจะต้องมีคนทรยศอยู่ หลิงหลานก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างมาก
ถ้าหากซีซาร์รู้ข่าวนี้เข้าละก็ เธอกับบรรดาเพื่อนๆ ตัวน้อยจะต้องตกอยู่ในวิกฤติไล่ล่าสังหารอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน ซีซาร์ไม่มีทางปล่อยคนที่ทำลายแผนการอันสมบูรณ์แบบที่พวกเขาใช้เวลาสิบหกปีเต็มทุ่มความคิดหาทุกวิถีทางถึงค่อยทำออกมาได้ ลองคิดดูสิ ถ้าเกิดไม่ใช่พวกหลิงหลานละก็ เวลานี้พวกเขาคงได้รับผลความสำเร็จไปแล้ว
เจตนาเดิมที่หลิงหลานรีบมาก็คืออยากช่วยเหลือทหารสหพันธรัฐเหล่านี้จริงๆ เพราะว่าหลิงหลานจะใช้ประโยชน์พวกเขามาตั้งแต่แรกแล้ว
ควรรู้เอาไว้ว่า เมื่อหลิงหลานมาถึงฐานที่มั่นซวิ่นหลง เธอก็ให้เสี่ยวซื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ทั่วทั้งฐานที่มั่นซวิ่นหลงและพบว่ามีกลุ่มอำนาจยิ่งใหญ่ที่ไม่แน่ชัดกลุ่มหนึ่งแทรกซึมอยู่ในฐานที่มั่นได้สำเร็จ พวกเขาเข้าแทนที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักที่กุมอำนาจบัญชาการสูงสุดของฐานที่มั่นซวิ่นหลง หรือพูดอีกอย่างก็คือ ฐานที่มั่นซวิ่นหลงเป็นเพียงฐานที่มั่น NPC ที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักควบคุมในนามเท่านั้น ความจริงแล้ว NPC เหล่านี้กลายเป็นลูกน้องของฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว ทำให้ขอบเขตอำนาจของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักถูกยกไว้ลอยๆ สำเร็จแล้ว
นอกจากนี้เสี่ยวซื่อยังค้นพบผีซวีห้าคนแฝงตัวอยู่ในฐานที่มั่นด้วยเหมือนกัน หนึ่งในนั้นคือสมาชิกในทีมตรวจสอบที่ทางกองทัพส่งมา ส่วนผีซวีที่มาจากกลุ่มอำนาจที่ไม่แน่ชัดกลับสูงถึงสี่คน สถานการณ์ที่เสี่ยวซื่อรายงานนี้ทำให้แรงกดดันในใจหลิงหลานหนักอึ้งมาก เพราะว่าตัวตนของผีซวีบ่งบอกว่าภารกิจของพวกเขาเปลี่ยนเป็นอันตรายสุดขีด หากผิดพลาดจุดเดียวก็อาจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิต ต่อให้เธอมีอุปกรณ์ป้องกันระดับเทพที่แหกกฎฟ้าอย่างเสี่ยวซื่อ ก็ไม่กล้าพูดว่าสามารถปกป้องพวกลูกทีมของเธอโดยไม่มีข้อผิดพลาด
ผีซวีถูกเรียกว่ายมทูตในโลกเสมือนจริง ความสามารถแหกกฎฟ้าและน่าสะพรึงกลัวมากจริงๆ ขอเพียงเลินเล่อจุดเดียวก็อาจจะถูกอีกฝ่ายจับช่องโหว่ได้ และทำลายสมองของผู้เล่นทันที ถ้ากลายเป็นคนปัญญาอ่อนแต่ว่ายังเก็บชีวิตไว้ได้ก็ยังนับว่าโชคดี ส่วนมากจะกลายเป็นมนุษย์ผักสมองตาย ไม่มีความหวังที่จะตื่นขึ้นมาตลอดชีวิต
ดังนั้นถึงแม้ว่าวันแรกเสี่ยวซื่อจะหาฐานที่มั่นลับของพวกเขาเจอแล้ว แต่หลิงหลานกลับไม่กล้าหุนหันลงมือ ผีซวีสี่คนบวกกับแฮคเกอร์ระดับสุดยอดเกือบสามสิบคน ต่อให้เสี่ยวซื่อรับประกันว่าไม่มีปัญหา แต่หลิงหลานก็ไม่กล้าเอาชีวิตของพวกลูกทีมไปเสี่ยงอยู่ดี
บางทีหลิงหลานอาจจะไม่มีข้อดีอื่นๆ ทว่าความอดทนเท่านั้นที่เป็นจุดโดดเด่นที่สุดของหลิงหลาน หากไม่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมรับประกันความปลอดภัยแล้วละก็ หลิงหลานก็ฝืนข่มกลั้นความใจร้อน ทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น แล้วรออยู่ในฐานที่มั่นซวิ่นหลงอย่างสงบเงียบหลายวัน
จนกระทั่งคืนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ในที่สุดทีมตรวจสอบที่กองทัพสหพันธรัฐส่งมาก็อดทนไม่ไหว เตรียมตัวสอดแนมช่วงเวลากลางคืน ตอนแรกหลิงหลานคิดว่าจุดที่อีกฝ่ายเลือกคือฐานที่มั่นลับที่พวกเขาหาเจอ แต่ไม่นึกเลยว่าพวกเขากลับถูกฝ่ายตรงข้ามหลอกให้ไปยังสถานที่อีกแห่งได้สำเร็จ หรือก็คือคลังเก็บของที่ถูกเสี่ยวซื่อพบว่าเป็นกับดักมานานแล้ว
หลิงหลานรู้ดีแก่ใจว่า ถ้าหากคนเหล่านี้ติดกับเข้าไป จุดจบก็พูดได้ยากแล้ว ข้างในนั้นมีแฮคเกอร์ระดับสุดยอดสิบกว่าคนเฝ้าระวังทุกกระเบียดนิ้ว มีทหารหุ่นรบที่แข็งแกร่งทรงพลังอีกสามคน รวมถึงผีซวีสองคนกำลังเฝ้าคอยอย่างเคร่งครัด เมื่อพวกเขาที่ไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัดถูกซุ่มโจมตี มีความเป็นไปได้สูงว่าถูกกำจัดจนสิ้นซาก ตอนนั้นหลิงหลานเคยหุนหันว่าจะแจ้งอีกฝ่ายดีหรือไม่ แต่สุดท้ายหลิงหลานยังคงใจเย็น เธอเลือกเฝ้ามองอยู่ด้านข้างอย่างเลือดเย็น เพราะเธอต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของพวกเพื่อนๆ
ถึงแม้หลิงหลานตัดสินใจเฝ้ามองอย่างเลือดเย็น แต่ในใจยังคงรู้สึกผิดต่อทหารเหล่านี้ ดังนั้นหลังจากที่เธอทำภารกิจของตัวเองเสร็จแล้ว หลิงหลานจึงตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาออกไป แน่นอนว่ายังมีเหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ หลิงหลานต้องการพวกเขามาเป็นโล่กำบังของทีมพวกเธอ
อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือคนจำเป็นต้องรับรองอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าจะเปิดเผยทีมของพวกเธอไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าหากช่วยเหลืออีกฝ่ายแล้วจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับทีม หลิงหลานย่อมเลือกนิ่งดูดายอยู่ข้างๆ นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมตอนที่เสี่ยวซื่อเสนอให้เขาไปกำจัดศัตรูช่วยเหลือผู้คน หลิงหลานถึงปฏิเสธอย่างเย็นชา
ความเร็วของหลิงหลานเพิ่มขึ้นจนถึงขีดจำกัดแล้ว ต้องบอกว่าโลกเสมือนจริงของโลกใบนี้สมจริงมากสุดๆ สะท้อนสภาพร่างกายในโลกความจริงเข้ามาในโลกเสมือนได้อย่างสมจริง ความสามารถเขตแดนครึ่งก้าวของหลิงหลานทำให้ความเร็วในโลกเสมือนจริงของเธอราวกับสายลมก็ไม่ปาน รู้สึกเพียงเบื้องหน้ามีเงาดำวาบผ่านแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ผ่านไปประมาณสี่สิบวินาที หลิงหลานก็มาถึงจุดที่ดักซุ่มอย่างเงียบเชียบ ถึงแม้อีกฝ่ายมีแฮคเกอร์มากมายเฝ้าตรวจตราทุกมุมรอบๆ บริเวณ แต่หลิงหลานมีการกำบังของเสี่ยวซื่อย่อมไม่ถูกพบอยู่แล้ว
หลิงหลานประหลาดใจมาก นอกจากคนที่คุ้มกันหน้าประตูสามคนเสียชีวิตแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลืออยู่กลับไม่ได้ล้มหายตายจาก แต่สถานการณ์ของพวกเขาก็ย่ำแย่เอามากๆ ทุกคนถูกแยกกัน แต่ละคนต่างตกอยู่ในวงล้อมศัตรู หลิงหลานขบคิดก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าทำไมพวกเขาถึงไม่สังหารอีกฝ่าย พวกเขาอยากรอให้ผีซวีของฝ่ายตนเข้ามาจัดการฝ่ายตรงข้ามโดยตรง คนของจักรวรรดิซีซาร์หวาดกลัวเหมือนกันว่าหลังจากที่คนเหล่านี้ตายกลับไปจากในโลกเสมือนจริงแล้วจะรายงานสหพันธรัฐหัวเซี่ยทันที ทำให้พวกเขามีเวลาทำการเตรียมตัว
เมื่อทีมตรวจสอบที่สหพันธรัฐส่งมาเห็นผีซวีปรากฏตัวก็เข้าใจแผนการของอีกฝ่าย มีทหารหลายคนเตรียมฆ่าตัวตาย แต่กลับถูกศัตรูที่ล้อมเขาไว้ขัดขวางทันที เวลานี้พวกเขาอยากฆ่าตัวตายก็ไม่มีโอกาสแล้ว
ผู้บัญชาการเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา “พวกเราติดกับแล้ว แต่ฉันไม่เข้าใจ ไม่ว่าพวกเราจะตายหรือไม่ตายกลับไป มันก็เปิดเผยแล้วว่าฐานที่มั่นซวิ่นหลงเกิดเรื่องแล้ว มากสุดพวกนายก็ยืดเวลาออกไปได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น” พวกเขาตายแล้วก็พิสูจน์ได้ว่าฐานที่มั่นซวิ่นหลงถูกขุมกำลังที่ไม่แน่ชัดบุกรุกเข้ามาจริงๆ และหนึ่งในนั้นยังมีผีซวีอีกด้วย เนื่องจากมีเพียงผีซวีเท่านั้นที่สามารถกำจัดสมองของผู้เล่น กองทัพย่อมส่งผีซวีนับไม่ถ้วนเข้ามากำจัดผู้รุกรานเหล่านี้ทันทีแน่นอน นอกเสียจากฝ่ายตรงข้ามถอนตัวออกจากฐานที่มั่นได้สำเร็จในเวลาไม่กี่วัน
“ถ่วงเวลาออกไปไม่กี่วันก็เพียงพอแล้ว อีกอย่างที่ขัดขวางไม่ให้พวกนายฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เพราะกลัวว่าพวกนายจะกลับไปรายงาน แต่เป็นเพราะตอนนี้จุดคืนชีพของพวกนายคือฐานที่มั่นซวิ่นหลง พวกเราแค่ขี้เกียจเสียเวลาและพลังงานไปกำจัดพวกนายที่จุดคืนชีพเท่านั้น” ไรเตอร์ได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะขึ้นมาและอธิบายเหตุผลที่พวกเขาหยุดยั้งการฆ่าตัวตายของอีกฝ่ายเมื่อสักครู่นี้
ผู้บัญชาการได้ยินก็หน้าถอดสี เขาตรวจดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันที จริงๆ ด้วย ตอนที่พวกเขาร่อนลงมายังฐานที่มั่นซวิ่นหลงเมื่อหลายวันก่อน ระบบก็แจ้งว่า จุดคืนชีพของพวกเขาเปลี่ยนเป็นฐานที่มั่นซวิ่นหลงโดยอัตโนมัติแล้ว หรือพูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้พวกเขาใช้วิธีการฆ่าตัวเองก็กลับไปยังเขตศูนย์กลางโลกหุ่นรบไม่ได้ สถานที่ฟื้นคืนชีพของพวกเขายังคงอยู่ในฐานที่มั่นซวิ่นหลง
————————–