ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 160 เพื่อนสนิท

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 160 เพื่อนสนิท

หลังจากได้ยินคำจูงใจของหลินฟานเข้าไปแล้ว นี่ทำให้ชุนเต๋าสงบใจลงได้ในทันที

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกขยะแขยงสิ่งที่เธอเป็นอยู่ในตอนนี้อย่างมาก แต่เมื่อนึกถึงว่าเว่ยฉิงเชินที่มีสถานะสูงล้ำกว่าเธอแล้วต้องมีชะตาไม่ต่างจากเธออีกไม่นานแล้วทำให้เธอนั้นมีท่าทีอ่อนตามในทันที

“ดี หลินฟาน หากเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็ ข้าจะช่วยเจ้าหาเว่ยฉิงเชินและพาเธอมาหาเจ้าให้ได้”

“แต่ก่อนหน้านั้น เจ้า ต้องทำอย่างหนึ่งให้ข้าซะก่อน”

“ว่ามา ตราบใดที่ข้าทำได้ข้าจะทำให้ดีที่สุด”

“จำคำพูดของเจ้าให้ดีแล้วกัน”

“หากเจ้ากล้าโกหกข้าล่ะก็ ข้าขอสาบานเลย”

“ต่อให้ข้าต้องเสี่ยงชีวิต ข้าจะเปิดโปงเจ้าให้ได้”

“ข้ามีเพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่อว่าฟางยี่ เธอเป็นเพื่อนสนิทของข้า พวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งแต่เด็ก”

“สิ่งที่ข้าต้องการก็คือ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก่อนออกจากที่นี่ เจ้าต้องฝังแผ่นแก่นพลังงานนั่นกับเธอด้วย”

“ฮะ ฟางยี่ ใครกัน ข้าไม่เห็นเคยได้ยินชื่อและไม่เคยเห็นข้อมูลมาก่อน เธอเป็นใครกัน ช่วยบอกอะไรข้าหน่อยสิ”

“เธอเป็นศิษย์คนหนึ่งของสำนักมังกรอาชูร่าเพียงเท่านั้น แต่เธอเป็นเพื่อนสนิทของข้า”

“ในเมื่อข้าตกอยู่ในสภาพนี้เลย แน่นอนว่าข้าย่อมลากเธอมาด้วยเหมือนกัน”

ท่าทางของชุนเต๋าในตอนนี้กลับมากลายเป็นนิสัยป่วยจิตก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว

เมื่อเฉินเฉียงได้ยินแต่ไกลก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้ยินอย่างชัดเจนว่าคนที่กำลังกล่าวถึงนี้คือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ

แต่ชุนเต๋ากลับทำในสิ่งที่เฉินเฉียงนั้นยากจะเข้าใจ

เป็นไปได้ว่าคำว่าเพื่อนสนิทของหญิงสาวนั้นเป็นสิ่งที่เหล่าบุรุษคาดไม่ถึง

ในเมื่อตัวเองไม่รอดจึงได้ลากเพื่อนสนิทตามลงไปด้วย ตรรกะบ้าอะไรกัน

หลินฟานเองก็คิดไม่ต่างจากเฉินเฉียง

“ชุนเต๋า หากว่าเพื่อนสนิทที่ว่าของเจ้านี้ไม่มีอะไรพิเศษ ข้าเองก็ไม่อาจจะสัญญาเรื่องนี้กับเจ้าได้”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือแผ่นแก่นพลังงานนี้มีค่าสูงล้ำ ที่ข้ามาที่นี่ในครั้งนี้เองก็นำมาได้เพียงห้าแผ่นเท่านั้น หนึ่งในนั้นข้าใช้กับเจ้าไปแล้ว ตอนนี้มันจึงเหลือเพียงแค่สี่แผ่นเท่านั้น”

“อีกอย่าง ในเมื่อฟางยี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเจ้า แล้วทำไมเจ้าต้องทำร้ายนาง”

เมื่อชุนเต๋าได้ยินก็พูดออกมา “หลินฟาน ไอ้ตัวระยำ เจ้าก็รู้เองนี่ว่าการเปลี่ยนเป็นมนุษย์กลายพันธุ์มันเป็นการทำร้ายผู้คน”

“แล้วเจ้าก็ยังคิดที่จะทำร้ายข้าที่เป็นคนบริสุทธิ์อีกเนี่ยนะ”

“หึ ฟางยี่และข้าโตขึ้นมาพร้อมกันแต่เด็ก ตอนนี้เองก็ยังอยู่ในสำนักเดียวกัน พวกข้าอยู่ด้วยกันเกือบจะทั้งวันที่นั่น”

“แล้วตอนนี้เจ้าทำให้ข้ากลายเป็นไอ้พวกครึ่งผีครึ่งคนแบบนี้ แต่เพื่อนสนิทของข้ายังคงเป็นนกยูงที่สวยงาม จะให้ข้ายอมรับมันได้ยังไง”

“ในเมื่อข้าเป็นแบบนี้แล้ว เพื่อนสนิทของข้าก็ต้องเป็นไม่ต่างไปจากข้า”

“พวกเราจะดีจะร้าย จะเป็นจะตาย ข้ากับนางก็ผจญกันมาร่วมสิบปี แล้วเมื่อข้าเป็นแบบนี้ข้าไม่มีทางปล่อยให้นางรอดจากชะตากรรมนี้หรอก”

“และนี่ ข้าถึงจะเรียกได้ว่ามีเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างแท้จริง”

หลังจากพูดจบ ท่าทางของชุนเต๋านั้นไม่ได้ต่างไปจากไอ้พวกโรคจิตวิปริตผิดมนุษย์มนา

“บอกไว้ก่อนเลย หลินฟาน หากเจ้าไม่ทำตามข้าในข้อนี้ล่ะก็ ข้าจะออกจากที่นี่และเผยตัวเอง และข้าจะเผยความลับของเจ้าให้ตกตายไปพร้อมข้า”

“นี่เจ้า….เจ้ากล้า” หลินฟานแสดงท่าทางที่ดุร้ายออกมาผ่านใบหน้าในทันที

แต่เขาเองก็ประมาทตรรกะวิปลาสของชุนเต๋ามากเกินไป

ตอนนี้มือของเธอนั้นวางไว้บนปุ่มหนีฉุกเฉินบนบัตรประจำตัวเรียบร้อยแล้ว

“เจ้าเห็นรึเปล่า หลินฟาน ข้านั้นสามารถออกจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ หากเจ้ายังคิดจะไม่ทำตาม ข้าก็คงช่วยไม่ได้”

“แต่ข้าบอกไว้ก่อนว่าหากเจ้าสัญญาในเรื่องนี้ ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร ข้าก็จะทำตาม”

เมื่อพูดจบ ชุนเต๋าได้ปล่อยมือจากบัตรประจำตัว ก่อนที่จะหยิบใบดาบของหลินฟานมาจ่อไว้ที่คอด้วยท่าทางราวกับคนโรคจิต

“หลินฟาน เจ้าจะฆ่าข้าก็ได้นะ แต่เจ้าต้องจดจำไว้ว่ายามที่ข้าตาย ข้าจะหลุดรอดออกจากที่นี่”

“และเมื่อถึงเวลานั้น ข้ารับรองได้เลยว่ายามใดที่เจ้าออกจากมิติประลองแห่งนี้ จะมีนักรบระดับราชาอย่างน้อยก็สิบคนที่พร้อมจะฆ่าเจ้าได้ในทันที”

“เมื่อเป็นอย่างนี้ หลินฟาน เจ้าควรจะยอมรับข้อเสนอของข้าดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หึ เจ้าเตรียมเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ได้เลย”

“เจ้า…..”

ท้ายที่สุด เมื่อหลินฟานลองชั่งน้ำหนักดูระหว่างส่วนได้ส่วนเสียแล้ว จึงไม่มีทางเลือกทำได้เพียงแค่รับคำขอของชุนเต๋า

ด้วยท่าทางชุนเต๋าก่อนหน้านี้นั้น เขาบอกได้เลยว่าด้วยนิสัยเศษเดนของหญิงสาวคนนี้ หากเธอบ้าขึ้นมาล่ะก็ แผนที่เขาวางไว้ทั้งหมดจะต้องพังเพราะเธออย่างแน่นอน

ตอนนี้เมื่อเฉินเฉียงได้ยินการสนทนาระหว่างคนบ้าสองคนนี้ที่หมายจะมุ่งร้ายคนอื่น นี่ทำให้เขาขนลุกขนพองในทันที

เขาไม่แปลกใจอีกต่อไปแล้วว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าหลินฟานนั้นมองเขาด้วยท่าทางแปลกๆ แต่เขาก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่านั่นเป็นเพราะหลินฟานคือนายพลทักษะพิเศษ

ยิ่งไปกว่านั้นคือหลินฟานไม่เพียงจะหมายตาเขาไว้ แม้แต่เจิ้งยี่และเว่ยฉิงเชินก็โดนไปด้วย

สำหรับเจิ้งยี่ เขานั้นไม่ใส่ใจอย่างแน่นอน

แต่ประเด็นคือฟลินฟานหมายหัวเขา

ตราบใดที่เขายังใช้ทักษะเปลี่ยนรูปลักษณ์ หลินฟานไม่มีวันทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน

แต่กับฉิงเชินล่ะ เขาจะทำยังไง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาเองก็อดที่จะเป็นทุกข์ร้อนไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพของหญิงสาวที่รักต้องร้องไห้และระเห็จระเหินด้วยตัวคนเดียวในโลกภายนอก

เขาต้องหยุดพวกมัน

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงจึงดำดินลงไป และติดตามหลินฟานและชุนเต๋าไปห่างๆ

ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าการประลองสี่สำนักมาถึงช่วงสุดท้ายและใกล้จะสรุปผล เฉินเฉียงไม่มีกระจิตกระใจจะแยแสเรื่องนี้อีกต่อไป

เป็นตอนนี้ที่เขาได้นำกำไลสื่อสารที่ผอ.เฉียนขายให้เขาออกมา

ถึงแม้ว่ามิติแห่งนี้จะปิดกั้นไม่ให้ส่งข้อมูลเข้าออกได้ แต่นั่นไม่ได้ส่งผลต่อระบบบันทึกภาพของกำไรแต่อย่างใด

หลังจากติดตามไปอีกครึ่งเดือน เฉินเฉียงในที่สุดก็ได้เห็นภาพการลงมือของหลินฟานและชุนเต๋าในที่สุด

“ฟางยี่”

ชุนเต๋าได้ว่ามาด้วยท่าทางตื่นเต้นยินดีพร้อมกับมีหญิงสาวที่งดงามนางหนึ่งถูกลากติดมือมาด้วย

“ชุนเต๋า นี่คือศิษย์พี่หลินฟานแห่งสำนักเสือขาวไม่ใช่เหรอ ทำไมท่านถึงร่วมมือกันได้ล่ะ”

ฟางยี่ที่ในตอนนี้ได้เดินมาข้างๆหลินฟานด้วยท่าทีกระมิดกระเมี้ยนเหนียมอายนั้นได้ลอบมองใบหน้าที่หล่อเหลาของหลินฟานอยู่หลายคราพร้อมหัวใจที่เต้นไม่เป็นซ่ำ

“ชุนเต๋า ไม่คิดเลยจริงๆว่าเจ้านั้นจะได้สนิทชิดเชื้อกับหนุ่มหล่อเช่นนี้ได้ ข้าอิจฉาเจ้านัก”

“พี่ฟางยี่ ข้านั้นไม่ได้มีโชคชะตาที่ดีอะไรขนาดนั้นหรอกน่า” เธอพูดออกมาแต่ท่าทางของเธอนั้นมองเพื่อนสาวคนสนิทด้วยหัวใจที่เย็นชาและพูดออกมา “พี่ฟางยี่ เจ้าเองก็รู้ว่าตงเจี๋ยนของข้านั้นตกตายไปแล้ว แต่กระนั้นข้าก็ยังมีเขาอยู่ในใจ”

“แต่กับศิษย์พี่หลินฟานนี่ข้าคิดว่าเขานั้นเหมาะกับท่านมากกว่าน้า”

“เป็นไงล่ะ พี่ฟางยี่ เพื่อนชายที่ข้าคิดจะแนะนำท่านให้รู้จัก ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ….”

ฟางยี่ที่เหนียมอายได้เงยหน้ามามองสุดยอดอัจฉริยะผู้หาญกล้าแห่งสำนักเสือขาวที่อยู่ตรงหน้า ก็หน้าแดงเสียยิ่งกว่าเดิม

เมื่อชุนเต๋าได้เห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะลอบสาปแช่งในใจ พร้อมกับดวงตาที่ฉายแววอำมหิต

“ศิษย์พี่หลินฟาน ท่านคิดว่ายังไง”

หลังจากพูดจบ ชุนเต๋าก็มองไปที่หลินฟานพลางประเมินท่าทีพร้อมดวงตาที่ฉายแววเย็นเฉียบ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท